บทที่ 6 การแปลงลาปลาซ
-
Upload
bobomouse-weerawattana -
Category
Documents
-
view
1.624 -
download
16
Transcript of บทที่ 6 การแปลงลาปลาซ
บทที่ 6 การแปลงลาปลาซ
การแปลงลาปลาซ (Laplace Transform) เปนการแปลงในรูปอินทิกรัลแบบหนึ่ง ซ่ึงเหมาะที่นํามาใชในการหาผลเฉลยเฉพาะของสมการเชิงอนุพันธเชิงเสนที่มีสัมประสิทธิ์เปนตัวคงคาและเปนวิธีการที่ใชกันมาก เนื่องจากโดยทั่วไปในการผลเฉลยเฉพาะของสมการเชิงอนุพันธนั้น เราจําเปนจะตองหาผลเฉลยทั่วไปเสียกอน แตในบางครั้งการหาผลเฉลยทั่วไปนั้นไดไมคอยงายนัก
มีนักคณิตศาสตรช่ือ โอลิเวอร เฮฟวิไซด (Oliver Heaviside) ไดใชหลักการของแคลคูลัสรวมกับการแปลงลาปลาซสามารถในการแกปญหาคาเริ่มตนได โดยหาผลเฉลยเฉพาะของสมการ เชิงอนุพันธไดโดยไมจําเปนตองหาผลเฉลยทั่วไปเสียกอน ซ่ึงเปนวิธีที่เหมาะสมที่สุด และสามารถใชกับการแกปญหาคาขอบเขตไดเชนเดียวกัน การแปลงลาปลาซเปนวิธีที่มีประโยชนมากสําหรับปญหาในทางเครื่องกล และในวงจรไฟฟาที่มีแรงขับเคลื่อนเปนแบบไมตอเนื่องหรือเปนแบบมีคาบ ที่ไมใชฟงกชันไซนหรือฟงกชันโคไซน ซ่ึงจะเริ่มตนดวยนิยามของการแปลงลาปลาซและคุณสมบัติและทฤษฎีตางๆ ตลอดจนกลาวถึงการแปลงลาปลาซไปแกสมการเชิงอนุพันธ
6.1 การแปลงลาปลาซ
นิยาม 6.1.1 กําหนดฟงกชัน ( )tF ที่นิยามสําหรับ 0≥t และ s แทนตัวแปรจริงเฉพาะการณ
(Arbitary real variable) การแปลงลาปลาซของ ( )tF เขียนแทนดวยสัญลักษณ ( ){ }tFL หรือ ( )sf ซ่ึงนิยามดังนี้
( ){ } ( ) dttFesftFL st )(0∫==∞ −
สําหรับ s ทุกตัว ที่ทําใหอินทิกรัลไมตรงแบบหาคาได (Improper integral exists)
ซ่ึงอินทิกรัลไมตรงแบบคือ ∫ −∞→
RdttFe st
R 0)(lim โดยเรียก ( )sf วา ผลการแปลงลาปลาซของ
ฟงกชัน f (Laplace Transform of f ) การแปลงลาปลาซจะหาคาไดหรือไมนั้นขึ้นอยูกับคาลิมิต ถาหาคาไดเรากลาววาการ
แปลงลาปลาซคอนเวอรจ (Converges) หรือลูเขา แตถาหาคาไมไดเรากลาววาการแปลงลาปลาซ
ไดเวอรจ (Diverges) หรือลูออก
สมการเชิงอนุพันธ 2
การแปลงลาปลาซของฟงกชันเบื้องตน (Elementary functions) โดยใชนิยาม ดังตัวอยางตอไปนี้
ตัวอยาง 6.1.1 จงหาคาของการแปลงลาปลาซ
ก. { }1L
วิธีทํา { }1L = ( )dte st 10∫∞ −
= dte stR ∫
∞
→
−∞ 0
lim
= R
R se st
0lim
−
−
→∞
= ⎥⎥⎦
⎤
⎢⎢⎣
⎡⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛
−−⎟⎟
⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛
−
−−
→∞ se
se sR
R
0lim
= ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛−−
s10
= 1
0ss, >
ข. { }ateL เมื่อ a เปนคาคงตัว
วิธีทํา { }ateL = ( )∫∞ −0
dtee atst
= dte tasR ∫
∞
→
−−∞ 0
)(lim
= ( )
( )Rtas
ase
R 0lim
−−
−−
→∞
= ( )
( )( )
( ) ⎥⎥⎦
⎤
⎢⎢⎣
⎡⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛
−−−⎟⎟
⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛
−−
−−−−
→∞ ase
ase asRas
R
0lim
= asas
>−
,1
สมการเชิงอนุพันธ 3
ค. { }tL
วิธีทํา { }tL = ( )dtte st∫∞ −0
= dtteR st
R ∫ −∞→ 0
lim
= ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+−−
−∞→
R
sete
s
stst
R 0)(1lim
= ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧ −
+−−
+− −−∞→
)0
)0(()(1lim 0s
ees
sReeRs
SRR
= ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛−−
ss11
= 2
1s
ง. { }2tL
วิธีทํา { }2tL = ( )dtte st 20∫∞ −
= dtetR st
R ∫ −∞→ 0
2lim
= ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
++−−
→
−−
∞
Rst
se
steet
s
stst
R 022 )22(1lim
= ( )⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧ −
+−
+−−
+−
+− −−∞→
)2
02002)0(()2
2Re22(1lim 0
s
esee
s
stes
sReR
sSR
R
= ⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛−−
221
ss
= 32s
สมการเชิงอนุพันธ 4
จ. { }ntL
วิธีทํา { }ntL = ( )dtte nst∫∞ −
0
= dtentR st
R ∫ −∞→ 0
lim
= ⎥⎥⎦
⎤
⎢⎢⎣
⎡∫+ −−
→
−−∞
dtetsne st
Rst R nnt
sR 0011lim
= ( )∫ −
→
−∞
R n dttesn st
R 01lim
= { }1−ntLsn 0, >s
และจะไดตอไปเรื่อย ๆ ดังนี้
{ }1−ntL = { }21 −− ntLs
n
{ }2−ntL = { }32 −− ntLs
n
แทนใน { }ntL { }1−= ntLsn ดวย { }1−ntL และ { }2−ntL จะได
{ }ntL = { }33
))(( 21 −−− ntLs
nnn
เมื่อทําไปเรื่อย ๆ ก็จะได
{ }ntL = ( )( ) }{12...21 0tLsnnn
n⋅−−
จาก { }0tL = { }1L = 0,1>s
s
เราจะไดวา { }ntL = ( )( )ss
nnnn
112...21⋅
⋅−−
และ { }ntL = 0,!1 >+
ssnn
หรือ จากนิยามฟงกชันแกมมา ,...3,2,1,!)1( ==+Γ nnn ไดวา
{ }ntL = 01 ,)(
1>
++
Γ sn
sn
สมการเชิงอนุพันธ 5
จ. { }ktL sin เมื่อ k เปนคาคงตัว
วิธีทํา { }ktL sin = ktdte st sin0∫∞ −
= ∫ −∞→
Rktdte st
R 0sinlim
= ( ) Rst
ksktsktke
R0
22sincoslim ⎟⎟
⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛
+−−−
→∞
= 0,22 >+
sks
k
ในบางครั้งฟงกชัน ( )tF ไมมีความตอเนื่องสําหรับ t บางคา แตการแปลงลาปลาซของฟงกชัน ( )tF ก็ยังสามารถหาคาได ดังทฤษฎีตอไปนี้ ทฤษฎี 6.1.1 กําหนดฟงกชัน ( )tF ซ่ึงมีความตอเนื่องเปนชวง (Piecewise Continuous) ในทุก ๆ ชวงจํากัด สําหรับ 0≥t และสอดคลองกับเงื่อนไข
( ) atMetF ≤ สําหรับทุก ๆ 0≥t
และสําหรับคาคงตัวบางคา M และ a แลวจะไดวาการแปลงลาปลาซของ ฟงกชัน ( )tF คือ
( ){ } ( ) dttFesftFLst
)(0
−∞∫== as >,
พิสูจน ในการพิสูจนทฤษฎีนี้จะตองแสดงวา ( ){ } ( ) dttFesftFLst
)(0
−∞∫== คอนเวอรจหรือ
ลูเขาหา เมื่อ ( )tF สอดคลองกับเงื่อนไขที่กําหนด
จากนิยามของการแปลงลาปลาซและสมบัติของอินทิกรัลของฟงกชันที่มีความตอเนื่องเปนชวง
( ){ } ( ) ( )∫≤∫=∞ −∞ −00
dttFedttFetFL stst
∫ >−
=≤∞ −0
, asas
MdtMee atst
นั่นคือ สามารถหา ( ){ }tFL ได เมื่อ as >
สมการเชิงอนุพันธ 6
ตัวอยาง 6.1.2 จงหา ( ){ }tHL
ก. ( )tH = ⎩⎨⎧
><<
3,030,5
tt
วิธีทํา ฟงกชัน ( )tH ไมมีความตอเนื่องที่ 0=t และ 3=t
( ){ }tHL = dttHe st )(0∫∞ −
= ( ) dtedte stst ∫∫∞ −− +3
3
005
= 0)(5 3
0+∫− −− stde
sst
= ( )3
0
5 stes
−−
= ( )15 3 −− − ses
= ( )0,
15 3
>− −
sse s
ข. ( )tH = ⎩⎨⎧
><<
4,540,
ttt
วิธีทํา ฟงกชัน ( )tH ไมมีความตอเนื่องที่ 0=t และ 4=t
( ){ }tHL = dttHe st )(0∫∞ −
= dtedtte stst ∫∫∞ −− +4
4
05
= R
R
st
se
see
st st
st4
4
02
)(lim)( 5 −−−−∞→
−
+−
= +−−
−−− −−
− )0()( 2
0
2
444
se
se s
s
se⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛ −−
− −−
∞→ se
se ssR
R
455lim
= s
ess
ese sss 4
22
44 514 −−−
++−−
= 0,122
44>+−
−−
sss
es
e ss
สมการเชิงอนุพันธ 7
ตัวอยาง 6. 1.3 จงหา ( ){ }tFL เมื่อ
( )tF = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
≥<<−<<
4,042,120,3
ttt
วิธีทํา ( ){ }tFL = dttFe st )(0∫∞ −
= ∫ ∫∫∞ −−− ++ −
4
2 4
2
0)0()()3( 1 dtedtedte ststst
= ∫ +∫ −− −4
2
2
003 dtedte stst
= 3 02
24e
sd st
esd st
st st−
−−
−
−−∫ − ∫( ) ( )
= 30
2
2
4( ) ( )es
es
st st−
−
⎧⎨⎪
⎩⎪
⎫⎬⎪
⎭⎪
−
−−
= 32 0 4 2−
−
−
−
−
−
−
−− − −⎧
⎨⎩
⎫⎬⎭
⎧⎨⎩
⎫⎬⎭
s s ses s
es
es
e
= 32 4 21−
−
−
−
−+ − +⎧
⎨⎩
⎫⎬⎭
⎧⎨⎩
⎫⎬⎭
s s ses s
es
es
= s
ses
sess
se 24323 −−
−++
−−
= −
− − −+ + −3 32 4 2e e es
s s s
= −
−−+ +2 44 3s se e
s 0, >s
สมการเชิงอนุพันธ 8
แบบฝกหัด 6.1
จงหาคาของการแปลงลาปลาซที่กําหนดใหดังนี้ 1. { }ktL
2. ( ){ }tHL เมื่อ ( )tH = 4 0 1
3 1
,
,
< <
>
⎧⎨⎩
t
t
3. ( ){ }tGL เมื่อ ( )tG = 1 0 2
2
,
,
< <
>
⎧⎨⎩
t
t t
4. { }ktL cos
5. L t t{ }2 3 5− +
6. L e et t{ }− −+4 23
7. L e et t{ }2 3 3− −
8. ( ){ }tFL เมื่อ ( )tF = ⎩⎨⎧
><<
2,420,0
tt
9. ( ){ }tML เมื่อ ( )tM = ⎩⎨⎧
>≤≤
5,150,2
ttt
10. ( ){ }tNL เมื่อ ( )tN = ⎩⎨⎧
><<
ππ
ttt
,00,2sin
11. ( ){ }tPL เมื่อ ( )tP = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
><<−<<
2,021,210,
ttttt
12. ( ){ }tQL เมื่อ ( )tQ = ⎩⎨⎧
><
2,72,9
tt
สมการเชิงอนุพันธ 9
คําตอบแบบฝกหัด 6.1
1. k
ss
20, >
2. 14 0
se ss( ) ,− − >
3. 1
02 2
2s s
es
es
s s
+ +
− −
>,
4. s
ss k2 2
0+
>,
5. 2 3 5
03 2s s s
s− + >,
6. 2 2 7
2 42
( )( )( )
,s
s ss
+
+ +> −
7. s
ss
+
−>
9
93
2,
8. 0,4 2
>−
ss
e s
9. ( ) 0,912 55
2 >−−−
− ss
ees
ss
10. ( ) 0,4
122 >+
− −
ss
e sπ
11. 0,212
2
>+− −−
ss
ee ss
12. 0,29>
− −
ss
e s
สมการเชิงอนุพันธ 10
6.2 สมบัติของการแปลงลาปลาซ
สมบัติของการแปลงลาปลาซบางประการที่สําคัญ เพื่อนําไปชวยในการหาแปลง
ลาปลาซของฟงกชันที่ซับซอนมากขึ้นคือ สมบัติเชิงเสน ( Linear Property ) ดังนี้
ถา ( )tF1 และ ( )tF2 ตางก็มีการแปลงลาปลาซ และถา 1c และ 2c เปนคาคงตัว ใด ๆ แลวจะไดวา
)}({)}({)}()({ 22112211 tFLctFLctFctFcL +=+
พิสูจน โดยสมบัติของอินทิกรัลไดวา
( ) ( )( )dttFctFcetFctFcL st2211
02211 )}()({ +∫=+
∞−
( )( ) ( )( )∫+∫=∞
−∞
−
02211
0dttFcedttFce stst
( ) ( )∫+∫=∞
−∞
−
022
011 dttFecdttFec stst
( ){ } ( ){ }tFLctFLc 2211 +=
ตัวอยาง 6.2.1 จงหาคาของการแปลงลาปลาซ ก. L e t{ }2 4 3+ วิธีทํา L e t{ }2 4 3+ = { } { }teLL 342 +
= { } { }teLL 3412 +
จาก { }s
L 11 =
และ { }ateL as −
=1 จะได
31}{ 3
−=
seL t
ดังนั้น Ls s
ste{ } ,2 42 4
303+ +
−= >
สมการเชิงอนุพันธ 11
ข. L t{ }2 5+
วิธีทํา L t{ }2 5+ = L t L{ } { }2 5 1+
จาก L t n{ } = n
sn!+1
จะได L t{ }2 = 2 23 3
!
s s=
ดังนั้น L t{ }2 5+ = 2 5
03s s
s+ >,
ค. L t t{ }3 2 1− +
วิธีทํา L t t{ }3 2 1− + = L t L t L{ } { } { }3 2 1− +
จาก L t n{ } = n
sn!+1
จะได }{ 3tL = 33
6!3ss
= และ L t{ }2 = 2 23 3
!
s s=
และ { }s
L 11 =
ดังนั้น L t t{ }3 2 1− + = 0,12634 >+− s
sss
ง. ( ){ }21−teL
วิธีทํา ( ){ }21−teL = }12{ 2 +− tt eeL
= }1{}{2}{ 2 LeLeL tt +−
จาก { }ateL as −
=1 จะได
21}{ 2
−=
seL t ,
11}{−
=s
eL t
และ { }s
L 11 =
ดังนั้น ( ){ }21−teL = 2,11
22
1>+
−−
−s
sss
สมการเชิงอนุพันธ 12
ในการแปลงลาปลาซไดมีตารางการแปลงลาปลาซของฟงกชันที่สําคัญเพื่อสะดวกในการนําไปใชหาคาดังนี้
ตารางการแปลงลาปลาซ
( )tF ( ){ } ( )sftFL = 1. 1 1
0ss, >
2. ,...3,2,1, =nt n n
ss
n
!,
+>
10
3. pt , 1−>p Γ ( )psp+
+
11
4. ate 1
s as a
−>,
5. atnet , n = 1, 2, 3, ... ns a
s an
!( )
,+−
>1
6. ktcos ss k
s2 2
0+
>,
7. ktsin k
s ks
2 20
+>,
8. ktcosh s
s ks k
2 2+>,
9. ktsinh k
s ks k
2 2+>,
10. ktt sin 22 2 2
ks
s k( )+
11. ktt cos 2 2
2 2 2
s ks k
−
+( )
สมการเชิงอนุพันธ 13
ตารางการแปลงลาปลาซ (ตอ)
( )tF ( ){ } ( )sftFL = 12. ktt sinh 2
2 2 2
ks
s k( )+
13. ktt cosh 2 2
2 2 2
s ks k( )+
14. ktktkt cossin − 2 3
2 2 2
ks k( )+
15. ktktkt sinhcosh − 2 3
2 2 2
ks k( )−
16. kte at sin− ks a k( )+
+2 2
17. kte at cos− s as a k
+
++( )2
2
18. ( )tFeat
( )asf −
19. ( ) 21
−
tπ
21
−s
20. 1 − − tet
ln 11
+⎡⎣⎢
⎤⎦⎥s
21. 2 sinh ktt
lns ks k+
−
⎡⎣⎢
⎤⎦⎥
22. 21
tkt( cosh )− ln
s ks
2 2
2
−⎡⎣⎢
⎤⎦⎥
23. 21
tkt( cos )− ln
s ks
2 2
2
+⎡⎣⎢
⎤⎦⎥
24. sin kt
t tan − ⎡
⎣⎢⎤⎦⎥
1 k
s
สมการเชิงอนุพันธ 14
ตารางการแปลงลาปลาซ (ตอ)
( )tF ( ){ } ( )sftFL =
25. 1a b
e eat bt
−−( )
1
( )( ),
s a s ba b
− −=
26. 1a b
ae beat bt
−−( )
ss a s b
a b( )( )
,− −
=
27. cos cosat bt
b a
−
−2 2
ss a s b
a b( )( )
,2 2 2 2+ −
=
28. a bt b atab a b
sin sin( )−
−2 2
12 2 2 2( )( )
,s a s b
a b+ −
=
29. [ ] 21
2−
t
23
−s
ตัวอยาง 6.2.2 จงหาคาของการแปลงลาปลาซของฟงกชันตอไปนี้
ก. te 43 −
วิธีทํา { }teL 43 − = { }teL 43 −
= ( )⎟⎟⎠⎞
⎜⎜⎝
⎛−− 4
13s
= 3
44
ss
+> −,
ข. t5cos4
วิธีทํา { }tL 5cos4 = { }tL 5cos4
= ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛
+ 22 54
ss
= 4
250
2
s
ss
+>,
สมการเชิงอนุพันธ 15
ค. − 3
t
วิธีทํา Lt
−⎧⎨⎩
⎫⎬⎭3
= ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
−−
21
3 tL
= −
− +
+31
21
121
Γ ( )
s
= − 3
1
2Γ ( )
s
= 03 , >− ssπ
ง. 3 2 64 3 2t t− +/
วิธีทํา L{ 3 2 64 3 2t t− +/ } = 3 2 6 14 3 2L t L t{ } { } { }/− +
= 3 4 2 5 2 65 5 2
. /! ( )/s s s
− +Γ
= 3 24 1 3 2 1 2 1 2 65 5 2
( ) ( )( ) ( )/ / //s s s
− +Γ
= 0,62372
255 >+− ssss
π
จ. tt cossin
วิธีทํา { }ttL cossin = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
22sin tL (เนื่องจาก ttt cossin22sin = )
= 1
22L t{sin }
= 1
2
2
42.s +
(เนื่องจาก { }ktL sin = k
s k2 2+)
= 4
12 +s
0, >s
สมการเชิงอนุพันธ 16
ฉ. atcosh
วิธีทํา { }atL cosh = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ + −
2
atat eeL (เนื่องจาก 2
coshatat eeat
−+= )
= { }atat eeL −+21
= { } { }atat eLeL −+21
21
= ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛
++⎟
⎠⎞
⎜⎝⎛
− asas1
211
21
= ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛
++
− asas11
21
= ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛
−−++222
1as
asas
= ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛
− 222
21
ass
= s
s as a
2 2−>,
ช. ttte t 2cos24sin364 35 +−+
วิธีทํา L { ttte t 2cos24sin364 35 +−+ }
= }2cos2{}4sin3{}6{}4{ 35 tLtLtLeL t +−+
= }2{cos2}4{sin3}{6}{4 35 tLtLtLeL t +−+
= ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛
++⎟
⎠⎞
⎜⎝⎛
+−⎟
⎠⎞
⎜⎝⎛+⎟
⎠⎞
⎜⎝⎛
− 22224 22
443!36
514
ss
sss
= 5,4
216
12365
4224 >+
++
−+−
ss
ssss
สมการเชิงอนุพันธ 17
ซ. tt 3cos5cos2
วิธีทํา เนื่องจาก ( ) ( )BABABA −++= coscoscoscos2
tttt 2cos8cos3cos5cos2 +=
ดังนั้น { }ttL 3sin5cos2 = { }ttL 2cos8cos +
= { } }2{cos8cos tLtL +
= 2222 28 ++
+ ss
ss (เนื่องจาก { }ktL cos =
kss
22 +)
= 464 22 +
++ s
ss
s
ฌ. te t 5cosh4
วิธีทํา { }teL t 5cosh4 = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛ + −
2
554
ttt eeeL
= { }tt eeL −+9
21
= { } { }[ ]tt eLeL −+9
21
= ⎥⎦⎤
⎢⎣⎡
++
− 11
91
21
ss
= ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡+−−++
)1)(9()9()1(
21
ssss
= ⎥⎦⎤
⎢⎣⎡
−−−
9882
21
2 sss
= 98
42 −−
−ss
s
สมการเชิงอนุพันธ 18
แบบฝกหัด 6. 2
จงหาคาของการแปลงลาปลาซที่กําหนดใหตอไปนี้
1. L t{ }22 2. { }tL πsin
3. { }ttL 2cos32sin5 − 4. L et
t{ }2
33 4+
5. L at{sin }2 6. ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
32
4t
eL
7. { }36 −tL 8. ( ){ }21+tL
9. { }ttL 3cos53sin2 + 10. L e et t{ ) }3 3 2− −
11. Lt t
t( )( )+ −⎧⎨⎩
⎫⎬⎭
1 2 12. L t{ sin }28 3
13. { }ttL 2cos2sin 14. L tt
{( ) }233
21−
15. { }ttL 2cosh52sinh5 − 16. { }ttL 5cos3sin10
17. { }atL sinh 18. { }ttL 2coscos
19. { }ttL 2sinsin 20. { })25sin( +tL
สมการเชิงอนุพันธ 19
คําตอบแบบฝกหัด 6.2
1. 43s
2. 22 ππ+s
3. 10 3
42
−
+
s
s 4.
Γ ( )//
1 3 4
24 3s s+
−
5. 2
2 2
2
4
a
s as( )+ 6.
12
3 2s −
7. 6 32
− ss
8. 2 2 2
3
+ +s ss
9. 6 5
92
+
+
ss
10. 72
362s s( )−
11. s
ss
ππ 2
2
1
23 +− 12.
144
362s s( )+
13. 2
162s + 14.
4 1 3
9
2 1 3
3
1 37 3 4 3 1 3
Γ Γ Γ( ) ( ) ( )/ / // / /s s s
− +
15. −
+
5
2s 16.
−
+ ++
102 24
40
64s s
17. 22 asa−
18. ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛
+−
+ 11
93
21
22 ss
19. )9)(1(
422 ++ ss
s 20. 25
2sin2cos52 ++
ss
สมการเชิงอนุพันธ 20
6.3 การแปลงผกผันลาปลาซ
เมื่อกําหนดฟงกชัน ( )tF มาให เราสามารถหาการแปลงลาปลาซของฟงกชัน ( )tF ไดนั่นคือ ( ){ } ( )sftFL = ตอไปเราจะพิจารณาถึงการหาฟงกชัน ( )tF เมื่อทราบการแปลง ลาปลาซของฟงกชัน ( )tF นั่นคือกําหนด ( ){ } ( )sftFL = มาใหแลวตองการหาฟงกชัน ( )tF
เรียกวา การแปลงผกผันลาปลาซ (Inverse Laplace Transform)
นิยาม 6.3.1 ถา ( ){ } ( )sftFL = แลว เราเรียก ( )tF วา การแปลงผกผันลาปลาซของ ( )sf เขียนแทนดวย ( ){ } ( )tFsfL =−1
เชน จาก { }ateL = as −
1 จะไดวา }{ 3eL t− = 3
1+s
นั่นคือ ( ) tetF 3−= และ ( )3
1+
=s
sf จะไดวา esL t31
31 −− =
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+
หรือ จาก { }s
L 11 = จะไดวา 111 =⎭⎬⎫
⎩⎨⎧−
sL เปนตน
สมบัติเชิงเสน เปนสมบัติที่สําคัญของการแปลงผกผันลาปลาซ โดยที่ 1c และ 2c เปนคาคงตัวใด ๆ แลว จะไดวา
( ) ( ){ } ( ){ } ( ){ }sfLcsfLcsfcsfcL 21
211
122111 −−− +=+
การหาการแปลงผกผันลาปลาซ เราสามารถใชผลจากตารางการแปลงลาปลาซได เชน
การแปลงลาปลาซ การแปลงผกผันลาปลาซ
{ }s
L 11 = 111 =⎭⎬⎫
⎩⎨⎧−
sL
{ }as
ateL−
=1 e
asL at=⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−− 11
{ }22sin
kskktL+
= ktks
kL sin
221 =
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
{ }22cos
kssktL+
= ktks
sL cos
221 =
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
{ }1
!+
=n
n
sntL n
nt
sn
L =⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
11 !
สมการเชิงอนุพันธ 21
ตัวอยาง 6.3.1 จงหาคาของการแปลงผกผันลาปลาซตอไปนี้
ก. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧−
sL101
วิธีทํา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧−
sL101 =
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧−
sL 110 1
= 10
ข. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
251
sL
วิธีทํา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
251
sL = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
21
5 1
sL
= te 25 −
ค. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
41
21
sL
วิธีทํา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
41
21
sL =
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
221
21
sL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
221
22
21
sL
= t2sin21
ง. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
25
21
ss
L
วิธีทํา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
25
21
ss
L = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
25 2
1
ssL
= ( ) ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+
−22
1
25
s
sL
= t2cos5
สมการเชิงอนุพันธ 22
จ. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−
434
21
ss
L
วิธีทํา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−
434
21
ss
L = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
+−
43
44
221
sss
L
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−
43
44
21
21
sL
ss
L
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−
413
44
21
21
sL
ss
L
= ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+−
⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+
−−
22
223
224
2
1
2
1
sL
s
sL
= tt 2sin232cos4 −
ฉ. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −−
21 52
ss
L
วิธีทํา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −−
21 52
ss
L = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −−
sL
ssL
21
21 52
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −−
sLsL 2
11 15
12
= ( ) ( )t512 −
= t52 −
ช. 0,11 >−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ k
sL k
วิธีทํา เนื่องจาก { } ( )11
+
+Γ= p
p
sptL
จะได ( ) 11
1 +=
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+Γ p
p
sptL
ดังนั้น ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
sL p 1
1 1( )1+Γ
=pt p
สมการเชิงอนุพันธ 23
ให 1−= kp จะได
( ) ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−
sL k 11
1 1( )( )11
1
+−Γ=
−
kt k
( )kt
sL
k
k Γ=
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −
−1
1 1
หรือ จากนิยามฟงกชันแกมมา ,...3,2,1,!)1( ==+Γ nnn ไดวา ( ) ( )!1−=Γ kk
นั่นคือ ( )!11 1
1
−=
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −
−
kt
sL
k
k เมื่อ ,...3,2,1=k
เชน ( ) tts
L =−
=⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −
−
!121 12
21
( ) 2!131 213
31 tt
sL =
−=
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −
−
ในการหาการแปลงผกผันลาปลาซ นอกจากเราจะใชผลจากตารางการแปลงลาปลาซมาชวยในการหาค าแล ว ในบางกรณี เ ราอาจจะตองใชการแยก ( )sf เปน เศษสวนยอย (partial fraction) เขามาชวยในการหาการแปลงผกผันลาปลาซกอน ดังตัวอยางตอไปนี้
ตัวอยาง 6.3.2 จงหาคาของการแปลงผกผันลาปลาซตอไปนี้
ก. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
ssL
21
21
วิธีทํา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
ssL
21
21 =
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
)2(11
ssL
พิจารณา ss 2
12 +
= )2(
1+ss
= 2+
+s
BsA
= )2(
2+++
ssBsAAs
สมการเชิงอนุพันธ 24
= ( )
)2(2
+++
ssAsBA
จะได ( ) AsBA 21 ++=
เทียบสัมประสิทธิ์ 0=+ BA
12 =A
ดังนั้น 21
=A และ 21
−=B
ss 2
12 +
= ( )221
21
−−
ss
ดังนั้น ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
ssL
21
21 = ( )⎭
⎬⎫
⎩⎨⎧
−−−
221
211
ssL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
+⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −−
)2(21
21 11
sLsL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −−
21
211
21 11
sL
sL
= e t2
21)1(
21 −−
= ⎟⎠⎞⎜
⎝⎛ −− te 21
21
ข. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−+−
6523
21
sss
L
วิธีทํา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−+−
6523
21
sss
L = ( ) ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−+−
)2(3231
sss
L
พิจารณา 65
232 +−
+ss
s = ( )( )2323−−
+ss
s
= 23 −
+− s
Bs
A
= ( ) ( )( ) )2(3
32−−
−+−ss
sBsA
จะได ( ) ( )3223 −+−=+ sBsAs
ให 3=s จะได 11 = A
ให 2=s จะได 8 = B−
B = 8−
สมการเชิงอนุพันธ 25
65
232 +−
+ss
s = 2
83
11−
−− ss
ดังนั้น ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−+−
6523
21
sss
L = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−
−−
28
3111
ssL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−−
28
311 11
sLsL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−−
218
31
11 11
sLsL
= tete 28311 −
ค. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
ssL 3
1 1
วิธีทํา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
ssL 3
1 1 = ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+−
)1(12
1
ssL
พิจารณา )1(
12 +ss
= 12 +
++
sCBs
sA
= ( )1)()1(
2
2
+
+++
sssCBssA
= ( )1)(
2
2
++++
ssACssBA
จะไดวา 1 = ACssBA +++ 2)(
เทียบสัมประสิทธิ์ 0=+ BA , 0=C และ 1=A
ดังนั้น 21,1 −== BA และ 0=C
)1(12 +ss
= 1
12 +
−s
ss
ดังนั้น ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
ssL 3
1 1 = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−
11
21
ss
sL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −−
11
211
ss
Ls
L
= tcos1−
สมการเชิงอนุพันธ 26
ง. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−+−−
22123
1
sssL
วิธีทํา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−+−−
22123
1
sssL =
( ) ( ) ⎪⎭⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
−+−−
22
12
1
sssL
= ( )( ) ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
−+−
21
12
1
ssL
พิจารณา 22
123 −+− sss
= )2)(1(
12 −+ ss
= 212 −
+++
sC
sBAs
= ( )( )
( )( )21
122
2 −+
⎟⎠⎞⎜
⎝⎛ ++−+
ss
sCsBAs
1 = ( )( ) ( )12 2 ++−+ sCsBAs
ให 2=s จะได 1 = ( )14 +C และ C = 51
ให 0=s จะได 1 = CB +− 2
1 = 512 +− B และ B =
52
−
ให 1=s จะได 1 = CBA 2+−−
1 = 52
52++− A และ A =
51
−
22
123 −+− sss
= 2
51
152
51
2 −+
+
−−
ss
s
ดังนั้น ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−+−−
22123
1
sssL =
⎪⎪⎭
⎪⎪⎬
⎫
⎪⎪⎩
⎪⎪⎨
⎧
−+
+
−−−
251
152
51
21
ss
sL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−+
+−
+−−
21
12
151
221
ssss
L
= ⎥⎥⎦
⎤
⎢⎢⎣
⎡
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−+
⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+−−
⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+−
− 211
12112
121
51
sLs
Ls
sL
= [ ]ett t2sin2cos51
+−−
สมการเชิงอนุพันธ 27
แบบฝกหัด 6.3
จงหาคาของการแปลงผกผันลาปลาซตอไปนี้
1. ⎪⎭
⎪⎬
⎫
⎪⎩
⎪⎨
⎧−−
s
sL
23
1 54 2. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
+−
166
168
221
sss
L
3. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−
321
sL 4. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
5311
sL
5. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
164
21
ss
L 6. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−
3682
21
ss
L
7. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −+−−
ssssL 5
231 1 8.
⎪⎭
⎪⎬
⎫
⎪⎩
⎪⎨
⎧−−
23
1 2
s
sL
9. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−−
64163
21
ss
L 10. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ +−
ss
L 5
21 )12(
11. ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
++−
)5)(3(1
sss
L 12. ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+−
+−
)1)(1(
132
1
ss
sL
13. ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
−+−
−−
)3)(1)(2(4221
ssss
L 14. ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
−+
+−−
3)2)(1(
715251
ss
ssL
15. ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
++
+−
)20)(10(
22
221
ss
sL
สมการเชิงอนุพันธ 28
คําตอบแบบฝกหัด 6.3
1. π
tt 58 21
−
−
2. tt 4sin234cos8 −
3. te32
4. et
35
31 −
5. t4cos4
6. tt 6sin346cos2 −
7. 2462
432 tttt −+−
8. π
21
4−
− tt
9. tt 8sinh28cosh3 −
10. ttt 43
2
241
322 ++
11. tt ee 53
25
23 −−
− +
12. ttet sincos22 +−
13. ttt eee 32
27
61
34 +− −
−
14. eteete ttt t 22221 22 ++−− −
15. tt 52sin510
910sin1054
+−
สมการเชิงอนุพันธ 29
6.4 การแปลงลาปลาซโดยทฤษฎีการเลื่อนแบบที่หนึ่ง (First translation theorem)
ทฤษฎี 6.4.1 ถา ( ){ } ( )sftFL = แลว )()}({ asftFeL at −=
พิสูจน จากนิยาม ( ){ }tFL = ( )sfdttFe st =∫∞ − )(0
ดังนั้น )}({ tFeL at = dttFee atst )(0∫∞ −
= dttFe atst )(0∫∞ +−
= dttFe tas )(0
)(∫∞ −−
= ( )asf −
หมายเหตุ การหาการแปลงลาปลาซของ ( )tFeat หรือ )}({ tFeL at สามารถหาไดดังนี้
1. หาคาการแปลงลาปลาซของ ( )tF กอน นั่นคือหา ( ){ }tFL จะได ( )sf
2. พิจารณาคา a จาก ( )tFeat แลวนําไปหาคาของ ( )asf − โดยการแทนคา s ใน
( )sf ดวย as − ก็ไดคา )}({ tFeL at ตามตองการ
ตัวอยาง 6. 4.1 จงหาคาของการแปลงลาปลาซตอไปนี้
ก. { }teL t3
วิธีทํา จาก ( ){ } ( )sftFL =
โดยที่ ( ) ttF =
จะได { }2
1s
tL = นั่นคือ ( )2
1s
sf =
จาก )()}({ asftFeL at −=
ดังนั้น }{ 3 teL t = ( )3−sf
= ( )23
1−s
สมการเชิงอนุพันธ 30
ข. }2sin{ 5 teL t
วิธีทํา จาก ( ){ } ( )sftFL =
โดยที่ ( ) ttF 2sin=
จะได { }4
22sin 2 +=
stL นั่นคือ ( )
42
2 +=
ssf
จาก )()}({ asftFeL at −=
ดังนั้น }2sin{ 5 teL t = ( )5−sf
= ( ) 45
22 +−s
= 42510
22 ++− ss
= 2910
22 +− ss
ค. { }tetL 22 −
วิธีทํา จาก ( ){ } ( )sftFL =
โดยที่ ( ) 2ttF =
จะได { }3
2 2s
tL = นั่นคือ ( )3
2s
sf =
จาก )()}({ asftFeL at −=
ดังนั้น { }tetL 22 − = ( )2+sf
= ( )32
2+s
= 8126
223 +++ sss
สมการเชิงอนุพันธ 31
ง. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
teL
t
วิธีทํา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
teL
t =
⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧ −
21
teL t
จาก ( ){ } ( )sftFL =
โดยที่ ( ) 21
−= ttF
จะได =⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧ −
21
tL 1
21
)121(
+−
− +Γ
s
= 21
)21(
s
Γ
= π
s
นั่นคือ ( ) =sfπ
s
จาก )()}({ asftFeL at −=
ดังนั้น ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
teL
t =
⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧ −
21
teL t = ( )1−sf
= π
s −1
สมการเชิงอนุพันธ 32
การแปลงผกผันลาปลาซ โดยทฤษฎีการเลื่อนแบบที่หนึ่ง
ทฤษฎี 6.4.2 ถา )()}({1 tFsfL =− แลว )()}({1 tFeasfL at=−−
พิสูจน จาก ( )sf = )}({)(0
tFLdttFe st =∫∞ −
( )asf − = dttFe tas )(0
)(∫∞ −−
= dttFee atst )(0∫∞ −
= dttFee atst ))((0∫∞ −
= { })(tFeL at
จากนิยามการแปลงผกผันลาปลาซจะไดวา ถา ( ){ } ( )sftFL = แลว )()}({1 tFsfL =−
ในทํานองเดียวกัน ถา ( ){ } ( )asftFeL at −= แลว ( ){ } )(1 tFeasfL at=−−
หมายเหตุ การหาการแปลงผกผันลาปลาซของฟงกชัน โดยทฤษฎีการเลื่อนแบบที่หนึ่งสามารถหาไดดังนี้
1. พิจารณาในรูปของ ( )asf −
เชน ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
731
sL จัดในรูป ( )asf − ไดเปน
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
731
sL ( )⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−= −
731
sL โดยที่ ( ) ( )73−−
=−s
asf และ 7−=a
2. พิจารณา ( ){ } )(1 tFeasfL at=−− นั่นคือ
โดยจัดในรูป ( ){ } ( ){ }sfLeasfL at 11 −− =−
3. หา )()}({1 tFsfL =−
จะได ( ){ } ( )tFeasfL at=−−1 ตามตองการ
เชน จาก ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
731
sL ( )⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−= −
731
sL
จะได ( ) ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧=
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−−−−
sLe
sL t 37
3 171 โดยที่ ( )s
sf 3=
( ) tt ee 77 33 −− ==
สมการเชิงอนุพันธ 33
ตัวอยาง 6.4.2 จงหาคาของการแปลงผกผันลาปลาซตอไปนี้
ก. ( ) ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
−−
21
58
sL
วิธีทํา ( ) ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
−−
21
58
sL =
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧−
215 8
sLe t
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧−
215 18
sLe t
= ( )te t58
= tte58
ข. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++−
13415
21
ssL
วิธีทํา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++−
13415
21
ssL = ( ) ⎭
⎬⎫
⎩⎨⎧
+++−
94415
21
ssL
= ( ) ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
++−
9215
21
sL
= ( ) ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
++−
9235 2
1
sL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−
935 2
12
sLe t
= te t 3sin5 2−
ค. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−
1781
21
ssL
วิธีทํา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−
1781
21
ssL = ( ) ⎭
⎬⎫
⎩⎨⎧
++−−
11681
21
ssL
= ( ) ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+−−
141
21
sL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
114
21
sLte
= tte sin4
สมการเชิงอนุพันธ 34
ง. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+++−
2561
21
sssL
วิธีทํา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+++−
2561
21
sssL = ( ) ⎭
⎬⎫
⎩⎨⎧
++++−
16961
21
sssL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+++−
16)3(1
21
ssL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++−+−
16)3(2)3(
21
ssL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−−
162
213
ssLe t
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
+−−
162
16 2213
sssLe t
= ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−−
162
16 21
213
sL
ssLe t
= ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−−
164
21
16 21
213
sL
ssLe t
= ⎥⎦⎤
⎢⎣⎡ −− tte t 4sin
214cos3
จ. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+++−
1344
21
sssL
วิธีทํา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+++−
1344
21
sssL = ( ) ⎭
⎬⎫
⎩⎨⎧
++++−
9444
21
sssL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+++−
9)2(42
1
ssL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++
++−
9)2(2)2(
21
ssL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++−−
92
212
ssLe t
สมการเชิงอนุพันธ 35
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++
+−−
92
9 2212
sssLe t
= ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−−
92
9 21
212
sL
ssLe t
= ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−−
93
32
9 21
212
sL
ssLe t
= ⎥⎦⎤
⎢⎣⎡ +− tte t 3sin
323cos3
ฉ. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
311
sL
วิธีทํา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
311
sL =
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧−−
sLe t 113
= ⎪⎭
⎪⎬
⎫
⎪⎩
⎪⎨
⎧−−
21
13 1
sLe t
= ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛Γ
−
−
21
121
3 te t (จาก ( )k
ts
Lk
k Γ=
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −
−1
1 1 )
= π
21
3−
− te t
= t
e t
π
3−
สมการเชิงอนุพันธ 36
ช. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−+−−
21
)2)(1(108ss
sL
วิธีทํา พิจารณา 2)2)(1(108−+
−ss
s = 2)2(1 2 −
+−
++ s
Cs
Bs
A
= 2
2
)2)(1()2)(1()1()2(
−+−++++−
ssssCsBsA
ดังนั้น s108 − = ( ) ( ) ( )( )2112 2 −++++− ssCsBsA
ให 2=s จะได 12− = B3
4−=B
ให 1−=s จะได 18 = A9
2=A
ให 0=s จะได 8 = CBA 24 −+
8 = C248 −−
2−=C
2)2)(1(108−+
−ss
s = 2
2)2(
41
22 −−
−−
+ sss
ดังนั้น ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−+−−
21
)2)(1(108ss
sL =
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−
−−
+−
22
)2(4
12
21
sssL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−−
21
2)2(
141
12 1
211
sLs
LsL
= es
Lee ttt 21
42 22
12 −⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
− −−
= etee ttt 242 22 −−−
สมการเชิงอนุพันธ 37
แบบฝกหัด 6.4
1. จงหาคาของการแปลงลาปลาซของฟงกชันตอไปนี้
ก. { }etL t53 −
ข. { }teL t 2cos−
ค. { }teL t 4sin3
ง. { }tetL 4
จ. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −
teL
t3
2. จงหาคาของการแปลงผกผันลาปลาซของฟงกชันตอไปนี้
ก. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+++−
10293
21
sss
L
ข. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−
1411
sL
ค. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−
31
)5(1
sL
ง. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−
31
)5(ss
L
จ. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−+−
5232
21
sss
L
ฉ. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−+−−
)1)(8(123
21
sss
L
ช. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−++−
)84)(52(150
221
ssssL
สมการเชิงอนุพันธ 38
คําตอบแบบฝกหัด 6.4
1. ก. 4)5(6+s
ข. 52
12 ++
+
sss
ค. 256
42 +− ss
ง. 23
)4(2 −s
π
จ. 3+s
π
2. ก. ]3sin23cos3[ tte t +−
ข. πt
et
2
4
ค. te t 25
21
ง. ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡+
25 2
5 tte t
จ. ]2sin52[cos21 ttet +
ฉ. ett t−+ 22sin222cos
ช. ]2sin32cos4[]2sin32cos4[ 2 ttette tt +++ −−
สมการเชิงอนุพันธ 39
6.5 การแปลงลาปลาซของอนุพันธของฟงกชัน
การแปลงลาปลาซของอนุพันธของฟงกชัน (Laplace transform of Derivatives) จะนําไปใชประโยชนอยางมากในการหา ผลเฉลยของสมการอนุพันธเชิงเสน (Linear differential equations) โดยจะชวยทําใหการหาผลเฉลยไดงายขึ้น
ทฤษฎี 6.5.1 ถา ( )tF เปนฟงกชันตอเนื่อง และ ( )tF ′ เปนอนุพันธของฟงกชันที่มีความตอเนื่องในทุกชวงของ Tt ≤≤0 โดยที่ ( )tF เปนฟงกชันที่มีอันดับเอกซโปเนนเชียล สําหรับ Tt > แลวจะไดวา
( ){ } ( ){ } ( )0FtFsLtFL −=′
พิสูจน จากนิยาม ( ){ }tFL = dttFe st )(0
−∞
∫
( ){ }tFL ′ = dttFe st )(/
0
−∞
∫
พิจารณา dttFe st )(/−∫
ให eu st−= และ ( )dttFdv ′=
dtesdu st−−= และ ( )tFv =
จะได dttFsetFedttFe ststst )()()(/ −−=− ∫+∫
ดังนั้น ( ){ }tFL ′ = dttFsetFe stst )()(00
−∞∞
− ∫+
= dttFesFeFe st )()0()(0
0 −∞
−∞− ∫+−∞
= ( ) ( ){ }tFsLF +− 0
นั่นคือ ( ){ }tFL ′ = ( ){ } ( )0FtFsL −
สมการเชิงอนุพันธ 40
ในทํานองเดียวกัน จะไดวา
( )}{ tFL ′′ = )0()}({ FtFsL ′−′
= [ ] )0()0()}({ FFtFsLs ′−−
= )0()0()}({2 FsFtFLs ′−−
( )}{ tFL ′′′ = )0()0()}({2 FFstFLs ′′−′−′
= [ ] )0()0()0()}({2 FFsFtFSLs ′′−′−−
= )0()0()0()}({ 23 FFsFstFLs ′′−′−−
M
นั่นคือเราจะไดวา
)}({ tFL n = )0(...)0()0()}({ )1(/21 −−− −−−− nnnn FFsFstFLs
ตัวอยาง 6.5.1 จงหา ( )}{ tFL ′ เมื่อ ( ) ttF 3cos=
วิธีทํา จาก ( ){ }tFL ′ = ( ){ } ( )0FtFsL −
( ){ }tFL = { }tL 3cos
= 0,92 >
+s
ss
( )0F = ( )03cos = 0cos = 1
ดังนั้น )}({ tFL ′ = 192 −⎟⎠⎞
⎜⎝⎛
+sss
= 192
2−
+ss
= 9
92
22
+−−
sss
= 9
92 +−
s
สมการเชิงอนุพันธ 41
ตัวอยาง 6.5.2 จงหาคาของ
ก. { }ktL sin โดยการแปลงลาปลาซของอนุพันธอันดับสอง
วิธีทํา จาก )}({ tFL ′′ = )0()0()}({2 FsFtFLs ′−−
F t( ) = ktsin
)(tF ′ = ktk cos
)(tF ′′ = ktk sin2−
F ( )0 = 00sin =
)0(F ′ = ( ) kkkk == 0cos0cos
แทนคาจะได { }ktkL sin2− = { } ( ) ksktLs −− 0sin2
{ }ktLk sin2− = { } kktLs −sin2
k = { } { }ktLkktLs sinsin 22 +
k = ( ) { }ktLks sin22 +
k = ( ) { }ktLks sin22 +
ดังนั้น { }ktL sin = ks
k22 +
, 0>s
ข. { }2tL โดยการแปลงลาปลาซของอนุพันธอันดับสาม
วิธีทํา จาก ( )}{ tFL ′′′ = )0()0()0()}({ 23 FFsFstFLs ′′−′−−
F t( ) = 2t จะได )(tF ′ = t2 2)(, =′′ tF และ 0)( =′′′ tF
)0(F = 0 จะได )0(F ′ = 0 2)0(, =′′F และ 0)0( =′′′F
แทนคาจะได 0 = 2)0()0()}{ 223 −−− sstLs
0 = 2)}{ 23 −tLs
2 = )}{ 23 tLs
ดังนั้น { }2tL = 0,23 >s
s
สมการเชิงอนุพันธ 42
ทฤษฎี 6. 5.2 ถาฟงกชัน ( )tF มีการแปลงลาปลาซ ( )sf โดยที่
( ){ } ( )sftFL = = ( )dttFe st∫∞ −
0 แลวจะไดวา
( ){ } =tFtL n )]([)1( sfdsd
n
nn
− = ( ) ( )sf nn1−
พิสูจน จาก ( )sf = ( )dttFe st∫∞ −
0
( )sf / = dttFedsd st )(
0∫∞ −
= ∫ ⎥⎦⎤
⎢⎣⎡ −∞
0)( dttFste
s∂∂ (หาอนุพันธเทียบกับตัวแปร s )
= dttFet st )(0
−∞∫ −
= [ ]dtttFest
)(0
−∞∫−
= ( ) ( ){ }ttFL1−
( )sf // = dttFet st )()1(0
22 −∞∫−
= [ ]dttFtest
)()1( 20
2−∞
∫−
= ( ) ( ){ }tFtL 221−
M ( )sf n = ( ) ( ){ }tFtL nn1−
( ){ }tFtL n = ( ) ( )sf nn1−
ดังนั้น ( ){ } =tFtL n )]([)1( sfdsd
n
nn
− = ( ) ( )sf nn1−
และจากนิยามของการแปลงผกผันลาปลาซ เราจะไดวา
ถา ( ){ } =tFtL n ( ) ( )sf nn1−
แลว ( ) ( ){ } =−− sfL n11 ( )tFt n
หรือ ( ){ } =− sfL 1 ( ) ( )tFt nn1−
สมการเชิงอนุพันธ 43
หมายเหตุ การหาการแปลงลาปลาซของ ( )tFt n หรือ ( ){ }tFtL n สามารถหาไดดังนี้
1. หาคาการแปลงลาปลาซของ ( )tF กอน นั่นคือหา ( ){ }tFL จะได ( )sf
3. พิจารณาคา n จาก ( )tFt n แลวนําไปหาคาของ ( ) ( )sf nn1−
เชน 1=n จะได ( ) ( )sf /1− จึงนํา ( )sf มาหาอนุพันธอันดับหนึ่ง ผลจากการ
หาอนุพันธอันดับหนึ่งที่ไดนํามาคูณกับ 1− ก็เปนคําตอบตามตองการ
2=n จะได ( ) ( ) ( )sfsf ////21 =− จึงนํา ( )sf มาหาอนุพันธอันดับสอง
ผลจากการอนุพันธอันดับสองที่ไดเปนคําตอบตามตองการ
ตัวอยาง 6.5.3 จงหาคาของการแปลงลาปลาซตอไปนี้
ก. { }ttL 2sin
วิธีทํา จาก ( ){ } =tFtL n ( ) ( )sf nn1−
จะได { }ttL 2sin = ( ) ( )sf /11−
= ( ) ( )sf /1−
( ) ttF 2sin=
( )sf = { }tL 2sin
= 4
22 +s
( )sf / = 22
2
)4()2(2)0)(4(
+−+
sss
= −
+
4
42 2s
s( )
ดังนั้น { }ttL 2sin = ⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛
+−
− 22 )4(4)1(
ss
= 2)4(
42 +s
s
สมการเชิงอนุพันธ 44
ข. { }kttL sin2
วิธีทํา จาก ( ){ } =tFtL n ( ) ( )sf nn1−
จะได { }kttL sin2 = ( ) ( )sf //21−
= ( )sf //
( ) kttF sin=
( )sf = { }ktL sin
= k
s k2 2+
( )sf / = 222
222
)()2()0()(
ksskks
+−+
= 222 )(2ksks
+−
( )sf // = 422
22222
)()2)()(2)(2()2()(
ksskskskks
++−−−+
= 422
22222
)()]8)2)()[((
kskskksks
++−++
= 322
232
)(822
kskskks
++−−
= 322
32
)(26
kskks
+−
ดังนั้น { }kttL sin2 = 2 3
2 2 3
6 2ks k
s k−
+( )
สมการเชิงอนุพันธ 45
การแปลงลาปลาซของอินทิกรัลของฟงกชัน (Laplace transform of Integrals)
ทฤษฎี 6.5.3 ถาฟงกชัน ( )tF มีการแปลงลาปลาซ ( )sf โดยที่ ( ){ } ( )sftFL = แลวจะไดวา
( )ssfduuFL
t=
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧∫ )(
0
พิสูจน ให ( )tG = duuFt
)(0∫
( )tG / = ( )tF
( )0G = 0
จากการแปลงลาปลาซของอนุพันธของฟงกชัน
( ){ } ( ){ } ( )0/ GtGsLtGL −=
แทน ( )tG / = ( )tF และ ( )0G = 0 ได
( ){ } ( ){ }tGsLtFL =
( ){ } ( ){ }s
tFLtGL =
= ssf )(
ดังนั้น ( )ssfduuFL
t=
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧∫ )(
0
และจากนิยามการแปลงผกผันลาปลาซของฟงกชัน จะไดวา
duuFssfL
t)()(
01 ∫=
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧−
หมายเหตุ การหาการแปลงลาปลาซของ ( )∫∞
0duuF หรือ
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧∫ duuFL
t)(
0สามารถหาไดดังนี้
1. หาคาการแปลงลาปลาซของ ( )tF กอน นั่นคือหา ( ){ }tFL จะได ( )sf
2. นํา ( )sf ที่หาไดคูณกับ s1 ผลที่ไดเปนคําตอบตามตองการ
สมการเชิงอนุพันธ 46
ตัวอยาง 6.13 จงหาคาของการแปลงลาปลาซของอินทิกรัล }4sin{
0duuL
t∫
วิธีทํา จาก ( )ssfduuFL
t=
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧∫ )(
0
จะไดวา ( ) ttF 4sin=
( )sf = { }tL 4sin
= 16
42 +s
ดังนั้น }4sin{0
duuLt∫ = ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡+1641
2ss
= ss 16
43 +
ตัวอยาง 6.5.4 จงหาคาของการแปลงลาปลาซของอินทิกรัล }{0
dueLt u∫
วิธีทํา จาก ( )ssfduuFL
t=
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧∫ )(
0
จะไดวา ( ) tetF =
( )sf = { }teL
= 1
1−s
ดังนั้น }{0
dueLt u∫ = ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡−111
ss
= ss −2
1
หมายเหตุ จากตัวอยาง 6.5.4 อาจหา ∫t udue0
กอนแลวหาการแปลงลาปลาซไดดังนี้
( ) 10
00−=−==∫ tt
tut u eeeedue
ดังนั้น { }1}{0
−=∫ tt u eLdueL { } { }1LeL t −=
ss1
11
−−
= ( )( )1
1−−−
=ssss
( )11−
=ss
= ss −2
1
สมการเชิงอนุพันธ 47
แบบฝกหัด 6.5 1. จงหา ( ){ }tFL ′ เมื่อ ( ) ttF 2sin=
2. จงหา ( ){ }tFL ′′ เมื่อ ( ) ttF cos=
3. จงหา { }ttL 3sin
4. จงหา { }ttL 2cos2
5. จงหา { }tteL t sin
6. จงหา { }ttL 2sin2
7. จงหา { }atetL 2
8. จงหา }2cos{0
duuLt∫
9. จงหา }4sin{0
2 duueLt u∫
10. จงหา }4sin{0
3 duuueLtt ∫
สมการเชิงอนุพันธ 48
คําตอบแบบฝกหัด 6.5
1. 4
22 +s
s
2. 12 +
−s
s
3. 22 )9(6+ss
4. 32
3
)4(242
+−
sss
5. 22 )22(22+−
−ss
s
6. 32
2
)4(1612
+−
ss
7. 3)(2as −
8. 4
12 +s
9. ( )( )162
42 +−ss
10. ( ) 163
82 +−s
สมการเชิงอนุพันธ 49
6.6 การหาการแปลงผกผันลาปลาซโดยใชทฤษฎีคอนโวลูชัน
การหาการแปลงผกผันลาปลาซของ ( )sf บางฟงกชัน พบวาอาจไมสะดวกที่จะ ใชวิธีที่ไดกลาวมาแลว โดยเฉพาะเมื่อ ( )sf มีขนาดใหญ มีอีกวิธีหนึ่งที่อาจชวยไดคือ วิธี
คอนโวลูชัน โดยจะใชทฤษฎีคอนโวลูชัน (Convolution Theorem) มาชวยในการหาผลการแปลงผกผันลาปลาซ
นิยาม 6.6.1 ถา f และ g เปนฟงกชันตอเนื่องของ t เมื่อ 0>t คอนโวลูชันของ f และ g เปนฟงกชันของ t เขียนแทนดวย ( )( )tgf ∗ หรือ ( ) ( )tgtf ∗ กําหนดดังนี้
( )( ) ( ) ( )∫ −=∗t
duutguftgf0
เชน ( ) ttf = และ ( ) tetg = จะได
( )( ) ( ) ( )tgtftgf ∗=∗
tet ∗=
∫ ⋅= −t ut dueu0
∫ ⋅⋅= −t ut dueeu0
∫ ⋅= −t ut dueue0
( ) ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡−−= −−
tuut euee
0
( ) ( )⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡−−−−= −−−− 000 eeetee ttt
⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡+−−= −− 1ttt etee
1−−= tet การสลับท่ี (Commutative) คอนโวลูชันสามารถสลับที่ได กลาวคือ
( )( ) ( )( )tfgtgf ∗=∗
หรือ ( ) ( ) =∫ −t
duutguf0
( ) ( )∫ −t
duutfug0
ซ่ึงแสดงไดดังนี้
สมการเชิงอนุพันธ 50
โดยเปลี่ยนตัวแปรของการอินทิเกรต u ใหเปนตัวแปรใหม สมมติใหเปนตัวแปร y ซ่ึงกําหนดดังนี้
uty −=
จะได ytuuyt −=+= , เมื่อ 0=u ได ty = และเมื่อ tu = ได 0=y และ dydu −=
ดังนั้น ( )( ) ( ) ( )∫ −=∗t
duutguftgf0
( ) ( )( )∫ −−=0
tdyygytf
( ) ( )∫ −=t
dyytfyg0
( )( )tfg ∗=
ทฤษฎี 6.6.1 ถา f และ g เปนฟงกชันตอเนื่องที่มีการแปลงลาปลาซเปน ( )sf และ ( )sg ตามลําดับ นั่นคือ ( ){ } ( )sftFL = และ ( ){ } ( )sgtGL = แลว จะไดวา
( )( ){ } ( ) ( )sgsfduutGuFLtgfLt
⋅=−∫=∗ })()({0
พิสูจน จาก ( ){ } ( ) ( )∫==∞ −0
duuFesfuFL su
( ){ } ( ) ( )∫==∞ −0
dvvGesguGL sv
จะไดวา ( ) ( )sgsf ⋅ = ( ) ⎥⎦⎤
⎢⎣⎡∫⎥⎦
⎤⎢⎣⎡∫
∞ −∞ −
00)( dvvGeduuFe svsu
= ( ) ( ) ( )∫ ∫∞ ∞ +−0 0
dudvvGuFe vus
ให tvu =+ จะได utv −= และ dtdv =
เมื่อ 0=v จะได ut = และเมื่อ ∞=v จะได ∞=t
ดังนั้น ( ) ( )sgsf ⋅ = dudtutGuFe stt
ut)()(
00−∫∫ −
=
∞
=
= dtduutGuFet
u
st
t⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡−∫∫
=
−∞
=)()(
00
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −∫ duutGuFL
t)()(
0
นั่นคือ ( ) ( )sgsfduutGuFLt
⋅=⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −∫ )()(
0
สมการเชิงอนุพันธ 51
การหาการแปลงผกผันลาปลาซโดยวิธีคอนโวลูชัน จะไดวา
ถา )()}({1 tFsfL =− และ )()}({1 tGsgL =
− แลวจะไดวา
∫ −=− t
duutGuFsgsfL0
1 )()()}().({
หรือเราเขียนแทนดวย
∫ −==t duutGuFFGGF 0 )()(**
ตัวอยาง 6.6.1 จงใชทฤษฎีคอนโวลูชันหาการแปลงผกผันลาปลาซของ
ก. ( )⎭
⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
11
21
ssL
วิธีทํา ให ( )1
12 +
=s
sf ดังนั้น ( ) ttF sin= และ ( ) uuF sin=
( ) 21s
sg = ดังนั้น ( ) ttG = และ ( ) ututG −=−
จาก ∫ −=− t
duutGuFsgsfL0
1 )()()}().({
จะได ( )⎭
⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
11
21
ssL = ( )( )∫ −
tduutu
0sin
= ( )( )∫ −t
duuut0
sin
= [ ]duuuutt
sinsin0
−∫
( ) ( )( )[ ]t
uuuut0
sincoscos +−−−=
( )[ ]t
uuuut0
sincoscos +−−−=
[ ]t
uuuut0
sincoscos −+−=
( ) ( )0sin0cos00cossincoscos −+−−−+−= tttttt
tt sin−=
สมการเชิงอนุพันธ 52
ข. tt ∗cos
วิธีทํา tF cos= , ( ) uuF cos=
tG = , ( ) ututG −=−
จาก GF ∗ = ∫ −t
duutGuF0
)()(
จะได tt ∗cos = ( )( )∫ −t
duutu0
cos
= ( )∫ −t
duuut0
cos
= [ ]∫ −t
duuuut0
coscos
( )[ ]t
uuuut0
cossinsin +−=
[ ]t
uuuut0
cossinsin −−=
( ) ( )0cos0sin00sincossinsin −+−−−= tttttt
( ) ( )1cos −−−= t
tcos1−=
ค. ( ) ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+
−22
1
1s
sL
วิธีทํา ให ( )12 +
=s
ssf ดังนั้น ( ) ttF cos= และ ( ) uuF cos=
( )1
12 +
=s
sg ดังนั้น ( ) ttG sin= และ ( ) ( )ututG −=− sin
จาก ∫ −=− t
duutGuFsgsfL0
1 )()()}().({
จะได ( ) ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+
−22
1
1s
sL = ( ) ( )( )∫ −t
duutu0
sincos
= ( )( )∫ −t
duututu0
sincoscossincos
สมการเชิงอนุพันธ 53
= ( )∫ −t
duuutut0
2 cossincoscossin
= ∫−∫tt
uduutudut00
2 cossincoscossin
= ∫−∫tt
uduutudut00
2 cossincoscossin
= ∫−∫ ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛ + tt
duutduut00 2
2sincos2
2cos1sin
= ∫−∫ ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛ +
ttduutduut
00 22sincos
22cos
21sin
= ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡⎟⎠⎞
⎜⎝⎛−−⎥
⎦
⎤⎢⎣
⎡⎟⎠⎞
⎜⎝⎛ +
tt utuut00 4
2coscos42sin
2sin
= ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡⎟⎠⎞
⎜⎝⎛+⎥
⎦
⎤⎢⎣
⎡⎟⎠⎞
⎜⎝⎛ +
tt utuut00 4
2coscos42sin
2sin
= ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡⎟⎠⎞
⎜⎝⎛ +−⎟
⎠⎞
⎜⎝⎛ +
40sin
20
42sin
2sin ttt
⎥⎦⎤
⎢⎣⎡ −+
40cos
42coscos tt
= ⎥⎦⎤
⎢⎣⎡ −+⎥⎦
⎤⎢⎣⎡ +
41
42coscos
42sin
2sin ttttt
= 4
cos4
2coscos4
2sinsinsin2
ttttttt−++
= ( )ttttttt cos2coscos2sinsin41sin
2−++
= ( )( )ttttt cos2cos41sin
2−−+
= ( )( )tttt coscos41sin
2−−+
= ( )tttt coscos41sin
2−+
= tt sin2
สมการเชิงอนุพันธ 54
ง. ( ) ( )⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+−−
3112
1
ssL
วิธีทํา ให ( )( )21
1−
=s
sf ดังนั้น ( )( )
tt tes
Les
LtF =⎭⎬⎫
⎩⎨⎧=
⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
−= −−
21
21 1
11
และ ( ) uueuF =
( )3
1+
=s
sg ดังนั้น ( ) tetG 3−= และ ( ) ( )uteutG −−=− 3
จาก ∫ −=− t
duutGuFsgsfL0
1 )()()}().({
จะได ( ) ( )⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+−−
3112
1
ssL = ( ) ( )( )∫ −−t utu dueue
03
= ( )( )∫ +−t utu dueue0
33
= ( )( )∫ ⋅−t utu dueeue0
33
= ∫ −t ut dueue0
43
= ∫− t ut duuee0
43
= ⎥⎥⎦
⎤
⎢⎢⎣
⎡⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛−−
tuut euee
0
443
164
= ⎥⎥⎦
⎤
⎢⎢⎣
⎡⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛−−⎟⎟
⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛−−
1640
164
00443 eeetee
ttt
= ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡+−−
161
164
443
ttt etee
= 16164
3ttt eete −
+−
= t
tt
eete
3161
164+−
สมการเชิงอนุพันธ 55
แบบฝกหัด 6.6
1. จงใชทฤษฎีคอนโวลูชันหาคาตอไปนี้
ก. tet ∗
ข. { }tetL ∗
ค. ⎪⎭
⎪⎬
⎫
⎪⎩
⎪⎨
⎧
+−
−
)1()2( 223
1
ss
sL
ง. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
2221
)(1as
L
2. จงใชทฤษฎีคอนโวลูชันหาผลการแปลงลาปลาซผกผันของฟงกชันตอไปนี้
ก. ( )( )221
+− ss
ข. ( )( )131
−+ ss
ค. ( )( )11
12 ++ ss
ง. ( )22 1
1
+s
จ. ( )22 1
1+ss
ฉ. ( ) ( )21
14 +− ss
3. ถา ( ){ } ( )sftFL = แลวจงแสดงวา
ก. ( ){ }atFL = ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛
asf
a1
ข. ( )taFasfL =⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
⎟⎠⎞
⎜⎝⎛−1
สมการเชิงอนุพันธ 56
คําตอบแบบฝกหัด 6.6
1. ก. 1−− tet
ข. )1(
12 −ss
ค. duuteu ut
)cos(2 2
0−∫
π
ง. [ ]atatata
cossin2
13 −
2. ก. ( )tt ee 22
41 −−
ข. ( )tt ee 3
41 −−
ค. ( )tett −+− cossin21
ง. ( )ttt cossin21
−
จ. 22 −++ −− tete tt
ฉ. ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡+⎟
⎠⎞
⎜⎝⎛ −+− t
t
ettte 2
23
811
92
32
181
สมการเชิงอนุพันธ 57
6.7 การแปลงลาปลาซของฟงกชันหนวย (Laplace transform of the unit step function)
การแกสมการเชิงอนุพันธ ( ) ( )tfyDQ = ที่มี ( )tf เปนฟงกชันตอเนื่องเปนชวงหรือฟงกชันที่แรงดล (Impulse function) สามารถทําไดโดยใชวิธีการแปลงลาปลาซ โดยเขียนฟงกชัน
( )tf ใหอยูในรูปฟงกชันหนวย (The unit step function) หรือเรียกวา ฟงกชันหนวยของ
เฮฟวิซายด (Heaviside’s unit step function) จะทําใหการหาคําตอบของสมการเชิงอนุพันธโดยวิธีการแปลงลาปลาซมีความยุงยากนอยลง
นิยาม 6.7.1 ฟงกชันหนวยเขียนดวย ( )atU − โดย 0≥a นิยามดังนี้
( )atU − = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
>
<
at
at
,1
,0
แสดงไดโดยกราฟดังนี้
( )atU − 1
t ถา 0=a จะได
( )tU = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
>
<
0,1
0,0
t
t
แสดงไดโดยกราฟดังนี้
( )atU − 1
t
0
0
a
สมการเชิงอนุพันธ 58
การคูณ ( )atU − ดวยฟงกชันตอเนื่อง
จากนิยามการคูณฟงกชัน จะไดวาถา ( )tf เปนฟงกชันตอเนื่องใด ๆ แลว
( ) ( )atUtf − = ( )⎪
⎩
⎪⎨
⎧
>
<
attf
at
,
,0
เชน
( )15.0 −tU = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
>
<
1,5.0
1,0
t
t
แสดงไดโดยกราฟดังนี้
( )15.0 −tU 1
t
( )1−ttU = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
>
<
1,
1,0
tt
t
แสดงไดโดยกราฟดังนี้
( )1−ttU 1
t
0
0.5
0
1
1
สมการเชิงอนุพันธ 59
( )π−ttUsin = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
>
<
π
π
tt
t
,sin
,0
แสดงไดโดยกราฟดังนี้
( )1−ttU 1
ผลรวมของฟงกชันหนวย
ถา ( )⎩⎨⎧
><
=−atat
atU,1,0 และ ( )
⎩⎨⎧
><
=−btbt
btV,1,0 เปนฟงกชันหนวย โดยที่
ba <<0 แลวจะไดวา
( ) ( )⎪⎩
⎪⎨
⎧
><<
<=−−−
btbta
atbtUatU
,0,1,0
แสดงไดโดยกราฟดังนี้
( ) ( )btUatU −−− 1
t จากผลรวมและผลคูณของฟงกชันหนวย ทําใหเราสามารถเขียนฟงกชันที่มีกราฟเปนชวง ๆ โดยเขียนในพจนของฟงกชันหนวย เชน
0 π -1
π2
t
0 a
b
สมการเชิงอนุพันธ 60
( ) ( )[ ]⎪⎩
⎪⎨
⎧
><<
<=−−−
2,021,
1,021
ttt
ttUtUt
แสดงไดโดยกราฟดังนี้
( ) ( )[ ]21 −−− tUtUt
t การแปลงแบบลาปลาซของฟงกชันหนวย ( )atU −
( ){ } 0, >=−−
ss
eatULas
พิสูจน จาก ( ){ } ( )∫=∞
−
0dttFetFL st
และ ( )atU − = 0
1
,
,
t a
t a
<
>
⎧⎨⎩
เนื่องจาก ( )atU − มีจุดขาดตอนที่ at =
ดังนั้นจากนิยามการแปลงลาปลาซได
( ){ }atUL − = ( ) ( )dtedte st
a
sta
100
−∞
− ∫+∫
= dte st
a
−∞
∫
= ( )sstde st
R
aR −
−
∞→
−∫lim
= R
a
st
R se−
−
∞→lim
= ⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛−
−−
−−
∞→ se
se sasR
Rlim
= 0, >−
ss
e as
นั่นคือ ( ){ }atUL − = 0, >−
ss
e as
ถา 0=a แลว ( ){ } 0,1>= s
stUL
0 1 2
2
1
สมการเชิงอนุพันธ 61
และจากนิยามการแปลงผกผันลาปลาซ เราไดวา
( )atUs
eLas
−=⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −
−1
ตัวอยาง 6.7.1 จงหาการแปลงลาปลาซของฟงกชันตอไปนี้
ก. ( )⎩⎨⎧
=>
<
3,33,0
tt
tF
วิธีทํา จัด ( )tF อยูในรูปของฟงกชันหนวย คือ ( )atU − = ⎩⎨⎧
>
<
atat
,1,0 ไดดังนี้
เราจะไดวา ( )⎩⎨⎧
=>
<
3,13,0
3tt
tF
= ( )33 −tU
ดังนั้น ( ){ }tFL = ( ){ }33 −tUL
= ( ){ }33 −tUL
= s
e s33 −
(จาก ( ){ }s
eatULas−
=− )
ข. ( )⎩⎨⎧
=>−
<
2,62,8
tt
tF
วิธีทํา จัด ( )tF อยูในรูปของฟงกชันหนวย คือ ( )atU − = ⎩⎨⎧
>
<
atat
,1,0 ไดดังนี้
( )⎩⎨⎧
+=>−
<
2,142,0
8tt
tF
⎩⎨⎧
−=>
<
2,12,0
148tt
= ( ){ }2148 −− tUL ดังนั้น ( ){ }tFL = ( ){ }2148 −− tUL
= { } ( ){ }2148 −− tULL
= se
s
s2148 −
−
= se s2148 −−
สมการเชิงอนุพันธ 62
แบบฝกหัด 6.7
1. จงหาการแปลงลาปลาซของฟงกชันตอไปนี้
ก. ( )tF = ⎪⎩
⎪⎨
⎧ <<
>2,4
20,0
t
t
ข. ( )tF = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
<
>
1,1
1,2
t
t
ค. ( )tF = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
>−
<−
1,1
1,2
t
t
ง. ( )tF = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
>
<
2,6
2,8
t
t
จ. ( ) ( )2312 −+− tUtU
ฉ. ( )3−ttU 2. จงหาคาของ
ก. { }−−
15
Les
s
ข. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ − −−
−
seeL
ss 21 2
สมการเชิงอนุพันธ 63
คําตอบแบบฝกหัด 6.7
1. ก. s
e s4 2−
ข. se s+ −1
ค. s
e s 2−−
ง. se s28 2− −
จ. s
ee ss 232 −− +
ฉ. 2
333s
ese ss −− +
2. ก. ( )5−tU
ข. ( ) ( )212 −−− tUtU
สมการเชิงอนุพันธ 64
6.8 ทฤษฎีการเลื่อนแบบที่สองของฟงกชัน (Second Translation Theorem )
เราไดทราบเกี่ยวกับทฤษฎีการเลื่อนแบบที่หนึ่งของฟงกชันแลวนั่นคือ
ถา ( ){ } ( )sftFL = แลว ( ){ } ( )asftFeL at −=
สําหรับทฤษฎีการเลื่อนแบบที่สองของฟงกชันเปนดังนี้
ทฤษฎี 6.8.1 ถา ( ){ } ( )sftFL = แลว เราจะไดวา ( ) ( ){ } ( )sfeatFatUL as−=−−
พิสูจน จาก ( )atU − =⎪⎩
⎪⎨
⎧
>
<
at
at
,1
,0
และ ( ){ }tFL = dttFe st )(0
−∞
∫ ดังนั้นได
( ) ( ){ } =−− atFatUL ( ) ( )dtatFatUe st −−∫ −∞
0
= ( ) ( ) ( ) ( )dtatFedtatFe st
a
sta
−∫+−∫ −∞
− 100
= ( )dtatFe st
a−∫ −
∞
ให vat =− จะได avt += และ dvdt =
เมื่อ at = จะได 0=v และเมื่อ ∞=t จะได ∞=v นั่นคือ
( ) ( ){ } =−− atFatUL ( ) ( )dvvFe avs +−∞
∫0
= ( )dvvFee assv −−∞
⋅∫0
= ( )dvvFee svas −∞
− ∫0
= ( )sfe as−
และจากการแปลงผกผันลาปลาซ จะไดวา
{ } ( ) ( )atFatUsfeL as −−=−− )(1
สมการเชิงอนุพันธ 65
ตัวอยาง 6.8.1 จงหาการแปลงลาปลาซของฟงกชันตอไปนี้
ก. ( ) ( )11 −− tUt
วิธีทํา จาก ( ) ( ){ } ( )sfeatFatUL as−=−−
จะได ( ) ( ) ( ) ( )1,11 −=−−=−=− tUatUttFatF
นั่นคือ ( ) ttFa == ,1 และ ( ) ( ){ } { } 21s
tLtFLsf ===
ดังนั้น ( ) ( ){ }11 −− tUtL = 22 1
se s ⋅−
= 2
2
se s−
ข. ( ) ( )2sin2 −− ttU
วิธีทํา จาก ( ) ( ){ } ( )sfeatFatUL as−=−−
จะได ( ) ( ) ( ) ( ) ( )2,2sin2 −=−−=−=− tUatUttFatF
นั่นคือ ( ) ttFa sin,2 == และ ( ) ( ){ } { }1
1sin 2 +===
stLtFLsf
ดังนั้น ( ) ( ){ }2sin1 −− ttUL = 1
12
2
+⋅−
se s
= 12
2
+
−
se s
ค. ( ) ( )ππ −− tUt
วิธีทํา จาก ( ) ( ){ } ( )sfeatFatUL as−=−−
จะได ( ) ( ) ( ) ( )πππ −=−−=−=− tUatUttFatF ,
นั่นคือ ( ) ttFa == ,π และ ( ) ( ){ } { } 21s
tLtFLsf ===
ดังนั้น ( ) ( ){ }ππ −− tUtL = 21s
e s ⋅−π
= 2se sπ−
สมการเชิงอนุพันธ 66
ง ( )⎪⎩
⎪⎨
⎧
>
<=
1,2
1,
tt
tttF
วิธีทํา จัด ( )tF อยูในรูปของฟงกชันหนวย คือ ( ) =− atU⎩⎨⎧
><
atat
,1,0 เราจะไดวา
( )⎪⎩
⎪⎨
⎧
>
<+=
1,
1,0
tt
tttF
⎪⎩
⎪⎨
⎧
>
<+=
1,1
1,0
t
ttt
( )1−+= ttUt
พิจารณา ( )1−ttU โดยเขียน t ใหอยูในพจนของ 1−t ไดเปน ( ) 11 +−= tt
( )1−ttU ( )( ) ( )111 −+−= tUt
( ) ( ) ( )111 −+−−= tUtUt
ได ( ) ( ) ( ) ( )111 −+−−+= tUtUtttF
ดังนั้น ( ){ } ( ) ( ) ( ){ }111 −+−−+= tUtUttLtFL
= { } ( ) ( ){ } ( ){ }111 −+−−+ tULtUtLtL
= { } ⋅++−
−
setLe
s
ss
21
= ⋅++−−
se
se
s
ss
221
สมการเชิงอนุพันธ 67
จ. ( )⎪⎩
⎪⎨
⎧
>
<=
π
π
tt
tttF
,
,sin
วิธีทํา จัด ( )tF อยูในรูปของฟงกชันหนวย คือ ( ) =− atU⎩⎨⎧
><
atat
,1,0 เราจะไดวา
( )⎪⎩
⎪⎨
⎧
>−
<+=
π
π
ttt
tttF
,sin
,0sin
( )⎪⎩
⎪⎨
⎧
>
<−+=
π
π
t
tttt
,1
,0sinsin
( ) ( )π−−+= tUttt sinsin
พิจารณา ( ) ( )π−− tUtt sin โดยเขียน t ใหอยูในพจนของ π−t ไดเปน ( ) ππ +−= tt
( ) ( )π−− tUtt sin ( )( ) ( )πππ −−+−= tUtt sin
( ) ( )( ) ( )ππππ −−−+−= tUtt sin
( ) ( )( )( ) ( )ππππ −−−−+−= tUtt sin
( ) ( )( ) ( )ππππ −−++−= tUtt sin
( ) ( ) ( ) ( ) ( )ππππππ −−+−+−−= tUttUtUt sin
ได ( ) ( ) ( ) ( ) ( ) ( )ππππππ −−+−+−−+= tUttUtUtttF sinsin
ดังนั้น ( ){ } ( ) ( ) ( ) ( ) ( ){ }ππππππ −−+−+−−+= tUttUtUttLtFL sinsin
{ } ( ) ( ){ } ( ){ } ( ) ( ){ }ππππππ −−+−+−−+= tUtLtULtUtLtL sinsin
= { } ( ){ } { }tLsetULtLses
sin1
12
ππππ −+−+−++
= 11
1222 +
++++
−−−
se
se
se
s
sss πππ π
= ⎥⎦⎤
⎢⎣⎡
++++
+−
111
11
222 ssses
s ππ
สมการเชิงอนุพันธ 68
ตัวอยาง 6.8.2 จงหาการแปลงผกผันลาปลาซของฟงกชันตอไปนี้
ก. 2
2
se s−
วิธีทํา จาก { } ( ) ( )atFatUsfeL as −−=−− )(1
เนื่องจาก ( ) ( ){ } ts
LsfLtF =⎭⎬⎫
⎩⎨⎧== −−
211 1
และ 2=a ( ) ( ) 22, −=−=− ttFatF
ดังนั้น ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ ⋅=
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ −−
−−
221
2
21 1
seL
seL s
s
( ) ( )22 −−= tUt
ข. 4
22
4
+
−
se s
วิธีทํา จาก { } ( ) ( )atFatUsfeL as −−=−− )(1
เนื่องจาก ( ) ( ){ } ts
LsfLtF 2sin4
22
11 =⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+== −−
และ 4=a ( ) ( ) ( )42sin4, −=−=− ttFatF
ดังนั้น ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+⋅=
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−
−−
42
42
241
2
41
seL
seL s
s
( ) ( )42sin4 −−= ttU
สมการเชิงอนุพันธ 69
แบบฝกหัด 6.8
1. จงแสดงฟงกชันในรูปของฟงกชันหนวยของ ( )tF
ก. ( )tF =
⎪⎪
⎩
⎪⎪
⎨
⎧
<
>
2,3
2,cos
π
π
t
tt
ข. ( )tF = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
><<
<
ππ
2,020,cos
0,0
ttt
t
2. จากโจทยขอ 1 จงหาการแปลงลาปลาซ
3. จงหาการแปลงลาปลาซของ ( )tF ที่กําหนดให
ก. ( )tF = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
>
<<−
3,0
30,
t
te t
ข. ( )tF = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
>
<<
2,4
20,2
tt
tt
ค. ( )tF = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
>
<<
π
π
tt
tt
,sin
0,cos ง. ( )tF =
⎪⎩
⎪⎨
⎧
<
>
π
π
2,cos
2,0
tt
t
จ. ( )tF = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
><<−<<
2,021,210,0
tttt
5. จงหาคาของ
ก. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+
−−
162
21
sseL
s ข.
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−
−−
2
51
seL
s
ค. ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+
−−
22
31
πseL
s
สมการเชิงอนุพันธ 70
คําตอบแบบฝกหัด 6.8
1. ก. ( )( ) ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛ −−+
23cos3 πtUt
ข. ( ) ( )[ ]π2cos −− tUtUt
2. ก. 1
1
3 2
2
2
+−
⎟⎟
⎠
⎞
⎜⎜
⎝
⎛−
−
−
se
s
e s
s
π
π
ข. ( )ses
s π22 1
1−−
+
3. ก. 1
1 33
+− −−
se s
ข. ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛ −+ −
32
3242ss
es
s
ค. ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛
+−
++
−
11
1 22 sse
ss sπ
ง. ( )ses
s π22 1
1−−
+
จ. 2
2
211
se
sse
ss
−− +⎟
⎠⎞
⎜⎝⎛ −
4. ก. ( ) ( )24cos2 −− ttU
ข. ( ) ( )π
ettUt )5(22
155
−−−−
ค. ( ) ( )π
π 3sin3 −− ttU
สมการเชิงอนุพันธ 71
6.9 การแปลงลาปลาซของฟงกชันคาบ (Laplace Transform of Periodic function)
ฟงกชันคาบเปนฟงกชันที่มักจะเกิดขึ้นในปญหาของการประยุกต ที่พบในสมการเชิงอนุพันธ ฟงกชันคาบบางประเภทไมมีความยุงยากในการหาคําตอบของสมการ ไดแก ฟงกชันซายน หรือฟงกชันโคซายน แตฟงกชันคาบบางประเภทอาจจะมีความยุงยากในการหาคําตอบ การแปลงลาปลาซเปนวิธีหนึ่งที่จะชวยได
นิยาม 6. 9.1 ฟงกชัน ( )xF จะเรียกวา ฟงกชันคาบ (Periodic functions) เทากับ T ถา ( ) ( )xFxTF =+ สําหรับทุกคาของ x และ T เปนคาคงตัวบวก เรียก T วา คาบของฟงกชัน
( )xF ถา 0>T เปนจํานวนจริงที่นอยที่สุด เรียก T วา คาบมูลฐาน (Fundamental Period) โดยทั่วไปเมื่อกลาวถึงคําวา คาบ (Period) หมายถึง คาบมูลฐาน
ตัวอยางเชน ฟงกชัน xsin มีคาบเทากับ ...,6,4,2 πππ แต ( ) ,2sin π+x ( ) ,4sin π+x ( ) ...,6sin π+x ตางมีคาเทากับ xsin ดังนั้น คาบของฟงกชัน xsin คือ คาบที่
นอยที่สุดเทากับ π2 สามารถแสดงไดโดยกราฟดังนี้
xsin
1
-1
0 x π2 π4 π2−
คาบ
สมการเชิงอนุพันธ 72
ตัวอยาง 6.9.1 จงเขียนกราฟของฟงกชัน ( )⎪⎩
⎪⎨
⎧
<<
<<=
−− 05,3
50,3
x
xxF
วิธีทํา ( )xF 3 -10 -5 0 5 10 15
จากกราฟจะเห็นวา ฟงกชัน ( )xF มีคาบครบรอบเทากับ 10
ทฤษฎี 6.9.1 การแปลงลาปลาซของฟงกชันที่มีคาบ ถาฟงกชัน ( )tF มีคาบเทากับ P โดยที่ 0>P นั่นคือ ( ) ( )tFPtF =+ แลวจะไดวา
( ){ } ( )dttFee
tFL stP
sP−
− ∫−
=01
1
พิสูจน จาก ( ){ }tFL = ( )dttFe stP
−∫0
= ( ) ( ) ( ) ...3
2
2
0+∫+∫+∫ −−− dttFedttFedttFe st
P
P
stP
P
stP
ให Pvt += จะได dvdt =
เมื่อ Pt = จะได 0=v และเมื่อ Pt 2= จะได Pv =
ดังนั้น ( ){ }tFL = ( ) ( ) ...)(3
2
)(
00+∫++∫+∫ −+−− dttFedvPvFedttFe st
P
P
PvsP
stP
ให Pvt 2+= จะได dvdt =
เมื่อ Pt 2= จะได 0=v และ Pt 3= จะได Pv = ดังนั้น
( ){ }tFL = ( ) ( ) ...2)( )2(
000++∫++⋅∫+∫ +−−−− dvPvFedvPvFeedttFe Pvs
PsPsv
Pst
P
= ( ) ( ) ...2)(0
2
00++∫++∫+∫ −−−−− dvPvFeedvPvFeedttFe sv
PsPsv
PsPst
P
x
-3
คาบ
สมการเชิงอนุพันธ 73
แตเนื่องจาก ( )tF เปนฟงกชันที่มีคาบเทากับ P โดยที่ 0>P ดังนั้น
( ) ( ) ( ) ( ) ...,2, vFPvFvFPvF =+=+ จะไดวา
( ){ }tFL = ( ) ( ) ( ) ...0
2
00+∫+∫+∫ −−−−− dvvFeedvvFeedttFe sv
PsPsv
PsPst
P
จะแทนคา v ดวย t ดังนั้น
( ){ }tFL = ( ) ( ) ( ) ...0
2
00+∫+∫+∫ −−−−− dvtFeedttFeedttFe st
PsPst
PsPst
P
( ){ }tFL = ( ) ( )dttFeee stP
sPsP −−− ∫+++0
2 ...1
จากการกระจายฟงกชันในรูปของอนุกรมกําลัง (Power Series)
x
xx−
=+++1
1...1 2 เมื่อ 11 <<− x
sPsPsP
eee
−−−
−=+++
11...1 2 เมื่อ 11 <<− −sPe
ได ( ){ } ( )dttFee
tFL stP
sP−
− ∫−
=01
1 , 0>s
ตัวอยาง 6.9.2 จงเขียนกราฟและหาการแปลงลาปลาซของฟงกชันที่มีคาบเทากับ π2 โดยอยูในชวง π20 <≤ t ซ่ึงกําหนดฟงกชันดังนี้
( )⎪⎩
⎪⎨
⎧
<≤
<≤=
ππ
π
2,0
0,sin
t
tttF
วิธีทํา ฟงกชันนี้เขียนกราฟแสดงไดดังนี้
( )tF
1
0
π2
π4
π3
π
t
สมการเชิงอนุพันธ 74
จากสูตร ( ){ } ( )dttFee
tFL stP
sP−
− ∫−
=01
1
ดังนั้น ( ){ }tFL = ⎥⎦⎤
⎢⎣⎡
∫+∫−
−−−
dtedttee
ststs )0(sin
11 2
0)2(
π
π
π
π
= dttee
sts sin
11
02
−− ∫
−
π
π
พิจารณา tdte st sin−∫
ให tdtdveu st sin, == −
tvsedu st cos, −=−= −
ได dttestetdte ststst coscossin −−=
− ∫−−∫ ( )1.............
พิจารณา dtte st cos−∫
ให tdtdveu st cos, == −
tvsedu st sin, =−= −
จะได dtte st cos−∫ = dtteste stst sinsin −− ∫+
แทน dtte st cos−∫ ใน ( )1
ดังนั้น dtte st sin−∫ = ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡∫+−− −−− tdtesteste ststst sinsincos
= dttestsete ststst sinsincos 2 −−− ∫−−−
tsetedttestdte stststst sincossinsin 2 −−=
−− −−∫+∫
( ) tsetetdtes ststst sincossin1 2 −−− −−=∫+
21sincossin
stsetedtte
ststst
+−−
∫−−
=−
ππ
02
0 1sincossin
stsetedtte
ststst
+−−
∫−−
=−
= ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡
+−−
−⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡
+−− −−−−
2
00
2 10sin0cos
1sincos
ssee
ssee ssss ππ ππ
สมการเชิงอนุพันธ 75
= ( ) ( ) ( )( ) ( )( )⎥⎦⎤
⎢⎣⎡
+−−
−⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡
+−−− −−
22 10111
101
ss
ssee ss ππ
= ⎥⎦⎤
⎢⎣⎡+−
−⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡
+
−
22 11
1 sse sπ
= 211
se s
++−π
จาก ( ){ }tFL = dttee
sts sin
11
02
−− ∫
−
π
π
นั่นคือ ( ){ }tFL = ⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡
++
+
−
− 22 11
11
se
e
s
s
π
π
= ( )( )22 11
1
se
es
s
++
+
−
−
π
π
= ( )( )( )2111
1
see
ess
s
+−+
+
−−
−
ππ
π
= ( )( )211
1
se s +− −π
สมการเชิงอนุพันธ 76
แบบฝกหัด 6.9
1. จงเขียนกราฟของฟงกชันตอไปนี้
ก. ( )xF = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
<<
<<−
50,3
05,0
x
x ข. ( )xF =
⎪⎩
⎪⎨
⎧
<<
<<
−− 03,2
30,2
x
x
ค. ( )xF = ⎪⎩
⎪⎨
⎧
<<
<<
ππ
π
2,3
0,cos
x
xx ง. ( )xF =
⎪⎩
⎪⎨
⎧
<≤<≤<≤
64,042,120,0
ttt
จ. ( ) π20,2 <<= tttF
2. จงหาการแปลงลาปลาซของฟงกชันตอไปนี้
ก. ( ) 40, <≤= tttF มีคาบเทากับ 4
ข. ( ) 10, <≤= tetF t และ ( ) ( )tFtF =+1
ค. ( ) 20, <≤= − tetF t และ ( ) ( )tFtF =+ 2
ง. ( )⎪⎪⎩
⎪⎪⎨
⎧
<≤
<≤=
at
a
atat
tFππ
π
2,0
0,sin มีคาบเทากับ
aπ2
3. จงหาผลการแปลงลาปลาซของฟงกชันซึ่งมีกราฟดังนี้
( )tF
1 0 1 2 3 4 5 6
t
สมการเชิงอนุพันธ 77
คําตอบแบบฝกหัด 6.9
2. ก. )1(
1442
44
s
ss
esese−
−−
−+−−
ข. )1)(1(
11
s
s
ese
−
−
−−−
ค. )1)(1(
12
)1(2
s
s
ese
−
+−
−++−
ง. ( )221 ase
a
as
+⎟⎟
⎠
⎞
⎜⎜
⎝
⎛−
−π
3. )1(
1ses −+
สมการเชิงอนุพันธ 78
6.10 การหาผลเฉลยของสมการเชิงอนุพันธเชิงเสนโดยวิธีการแปลงลาปลาซ
จากการแปลงลาปลาซของฟงกชันและอนุพันธของฟงกชันรวมถึงการแปลงผกผัน ลาปลาซ เราสามารถนําไปประยุกตในการหาผลเฉลยของสมการเชิงอนุพันธ เชิงเสนที่มีสัมประสิทธิ์เปนคาคงตัวและกําหนดเงื่อนไขคาเริ่มตนให ซ่ึงเปนวิธีที่สะดวกและนิยมใชกันมากในการประยุกตทางฟสิกสและไฟฟา เชน การศึกษาเกี่ยวกับระบบวงจรไฟฟาและการสั่นของมวลในทางกลศาสตร เปนตน ทั้งนี้เพราะ
1. สมการเชิงอนุพันธเชิงเสนจะถูกเปลี่ยนเปนสมการพีชคณิต
2. ถามีเงื่อนไขคาเริ่มตนสามารถหาผลเฉลยเฉพาะได โดยไมตองผานขั้นตอนการหาผลเฉลยทั่วไป
3. ถาไมมีเงื่อนไขคาเริ่มตนสามารถหาผลเฉลยทั่วไปได
พิจารณาสมการเชิงอนุพันธอันดับ n ดังนี้
)(... 012)1(
1)( tQyayayayaya n
nn
n =+′+′′+++ −−
โดยที่ naaaa ...,,,, 210 เปนคาคงตัวและกําหนดเงื่อนไขคาเริ่มตนดังนี้
( ) ( ) ( ) ( ) ( ) 11
210 0,...,0,0,0 −− ==′′=′= n
n cycycycy
หาการแปลงลาปลาซทั้งสองขางในสมการแลวใชคุณสมบัติเชิงเสนได
)}({}{}{...}{}{ 01)1(
1)( tQLyLayLayLayLa n
nn
n =−
− +′+++ จาก ( ){ }nyL = )0(...)0()0()}({ )1(21 −−− −−′−− nnnn yysystyLs
= 12
11
0 ...)}({ −−− −−−− n
nnn cscsctyLs
( ){ }1−nyL = )0(...)0()0()}({ )2(321 −−−− −−′−− nnnn yysystyLs
= 23
12
01 ...)}({ −
−−− −−−− nnnn cscsctyLs
M
{ }yL ′ = ( ){ } ( )0ytysL −
= ( ){ } 0ctysL −
สมการเชิงอนุพันธ 79
กําหนดให ( ){ } ( )sutyL = และ ( ){ } ( )svtQL = ได
...]...)([]...)([ 23
12
0)1(
112
11
0 +−−−−+−−−− −−−−
−−−−
nnnn
nnnnn
n cscscsusacscscsusa
)()(])([ 001 svsuacssua =+−+
จัดพจนใหมไดดังนี้
+−+++−+++ −−−
−−−
211
21
101
11 []...[)(]...[ n
nn
nn
nn
nn
n sacasasacsusasasa )(][...]... 1122
31 svacasacasa nnnnn
nn =−−−
−− −+−−++
กําหนดให ( )sp = sasasa nn
nn 1
11 ...+++ −−
( )sr = ...]...[]...[ 23
12
112
11
0 −+++−+++ −−
−−−
− asasacasasac nn
nn
nn
nn
nnnnn acasac 112 ][. −−− −+−
ได ( ) ( ) ( ) ( )svsrsusp =−
( ) ( ) ( ) ( )svsrsusp +=
และ ( ) ( ) ( )( )sp
svsrsu +=
โดย ( )su เปนสมการพีชคณิตที่เปนผลมาจากการแปลงลาปลาซ
และจาก ( ){ } ( )tysuL =−1 ดังนั้นการแปลงผกผันลาปลาซของสมการคือ
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧ +−
=)(
)()()( 1
spsvsrLty
ซ่ึงเปนผลเฉลยของสมการเชิงอนุพันธ ที่สอดคลองกับเงื่อนไขคาเริ่มตน
ดังนั้นจากสมการเชิงอนุพันธ ของฟงกชัน ( )ty ถา ( ){ } ( )sutyL = แลว สามารถเขียนแผนผังเพื่อแสดงขั้นตอนการหาผลเฉลย ( )ty โดยวิธีการแปลงลาปลาซไดดังนี้
สมการเชิงอนุพันธ ของฟงกชัน ( )ty
สมการพีชคณิตของ ( )su
( )su
( )ty
เงื่อนไขคาเริ่มตน (ถามี)
L
แกสมการ 1−L
สมการเชิงอนุพันธ 80
สรุปการหาผลเฉลยของสมการเชิงอนุพันธเชิงเสน โดยวิธีการแปลงลาปลาซ
1. ใสการแปลงลาปลาซทั้งสองขางของสมการเชิงอนุพันธเชิงเสน แลวใชหลักดังนี้
1.1 )}({)}({)}()({ 22112211 tFLctFLctFctFcL ++ =
1.2 )0(...)0()0()0()}({)}({ )1(321 −−−−= −−′′−′−− nnnnnn FFsFsFstFLstFL
1.3 ใชเงื่อนไขคาเริ่มตนแทนคา ก็จะไดสมการพีชคณิตในรูป ( )su
2. แกสมการพีชคณิตเพื่อหา ( )su
3. หาการแปลงผกผันแบบลาปลาซของสมการก็จะได ( ){ } ( )tysuL =−1 ซ่ึงเปนผลเฉลยของสมการ เชิงอนุพันธเชิงเสน
ตัวอยาง 6.10.1 จงแกสมการ ( ) ( ) ( ) 30,2 5 ==−′ yetyty t
วิธีทํา ( ){ } ( ){ }tyLtyL 2−′ = { }teL 5
กําหนดให ( ){ } ( )sutyL = จะได ( ){ } ( )tysuL =−1
จาก ( ){ }tyL ′ = ( ){ } ( )0ytysL −
= ( ) 3−ssu
และ { }teL 5 = 5
1−s
แทนคาได ( ) ( )sussu 23−− = 1
5s −
( ) ( )sus 2− = 35
1+
−s
( ) ( )sus 2− = 5143
−−
ss
( )su = )5)(2(
143−−
−ss
s
( ){ }suL 1− = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−−−
)5)(2(1431
sssL
( )ty = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−−−
)5)(2(1431
sssL
สมการเชิงอนุพันธ 81
พิจารณา )5)(2(
143−−
−ss
s = 52 −
+− s
Bs
A
= )5)(2(
)2()5(−−
−+−ss
sBsA
143 −s = ( ) ( )25 −+− sBsA
ให 5=s จะได 1 = B3 ดังนั้น 31
=B
ให 2=s จะได 8− = A3− ดังนั้น 38
=A
)5)(2(
143−−
−ss
s = ( ) ( )531
238
−+
− ss
ดังนั้น ( )ty = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−+
−−
)5(31
)2(381
ssL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−+
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−−
51
31
21
38 11
sL
sL
= tt ee 52
31
38
+
ตัวอยาง 6.10.2 จงแกสมการ ( ) ( ) ( ) ( ) ( ) 60,30,082 =′==−′−′′ yytytyty
วิธีทํา ( ){ } ( ){ } ( ){ }tyLtyLtyL 82 −′−′′ = { }0L
กําหนดให ( ){ } ( )sutyL = จะได ( ){ } ( )tysuL =−1
จาก ( ){ }tyL ′′ = ( ){ } ( ) ( )002 ysytyLs ′−−
= ( ) 632 −− ssus
( ){ }tyL ′ = ( ){ } ( )0ytysL −
= ( ) 3−ssu
และ { }0L = 0
แทนคาได ( )( ) 0)(83263)(2 =−−−−− sussussus
( ) 0)(86263)(2 =−+−−− sussussus
( ) ssuss 3)(822 =−−
สมการเชิงอนุพันธ 82
ดังนั้น
823)( 2 −−
=ss
ssu
( ){ }suL 1− = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−−
823
21
sssL
( )ty = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−
)2)(4(31
sssL
พิจารณา )2)(4(
3+− ss
s = 24 +
+− s
Bs
A
= )2)(4(
)4()2(+−
−++ss
sBsA
s3 = ( ) ( )42 −++ sBsA
ให 4=s จะได 12 = A6 ดังนั้น 2=A
ให 2−=s จะได 6− = B6− ดังนั้น 1=B
)2)(4(
3+− ss
s = 2
14
2+
+− ss
ดังนั้น ( )ty = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++
−−
21
421
ssL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−−
21
412 11
sL
sL
= tt ee 242 −+
ตัวอยาง 6.10.3 จงแกสมการ ( ) ( ) ( ) ( ) ( ) 20,40,32 =′==+′+′′ − yytetytyty t
วิธีทํา ( ){ } ( ){ } ( ){ }tyLtyLtyL +′+′′ 2 = { }tteL −3
กําหนดให ( ){ } ( )sutyL = จะได ( ){ } ( )tysuL =−1
จาก ( ){ }tyL ′′ = ( ){ } ( ) ( )002 ysytyLs ′−−
= ( ) 242 −− ssus
( ){ }tyL ′ = ( ){ } ( )0ytysL −
= ( ) 4−ssu
สมการเชิงอนุพันธ 83
จาก ( ){ }tFeL at = ( )asf −
พิจารณา { }tteL −
จะไดวา 1−=a
และ ( ) ( ){ } { } 21s
tLtFLsf ===
( )asf − = ( )1+sf
( )21
1+
=s
ดังนั้น { }tteL − = ( )21
1+s
แทนคาได ( )( )( )2
2
13)(4224)(+
=+−+−−s
sussussus
( )( )2
2
13)(8224)(+
=+−+−−s
sussussus
( )( )2
2
13104)(12+
=−−++s
ssuss
( )( )2
2
13104)(1+
++=+s
ssus
ดังนั้น ( ) ( )42 1
31104)(
++
+
+=
ssssu
( ){ }suL 1− = ( ) ( ) ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
++
+
+−42
1
13
1104
sssL
( )ty = ( ) ( ) ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
++
+
+−42
1
13
1104
sssL
พิจารณา 2)1(104
++
ss =
1)1( 2 ++
+ sB
sA
= 2)1()1(
+++
ssBA
104 +s = ( )1++ sBA
สมการเชิงอนุพันธ 84
ให 1−=s จะได 6 A= ดังนั้น 6=A
ให 0=s จะได 10 = BA + ดังนั้น 4=B
2)1(104
++
ss =
14
)1(6
2 ++
+ ss
ดังนั้น ( )ty = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++
++
+−
421
)1(3
14
)1(6
sssL
= ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−−−
411
21
)1(13
114
)1(16
sL
sL
sL
จาก ( )tFesfLeasfL atat ==− −− )}({)}({ 11
ได tt tes
Les
L −=
−−=
−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+ 21
21 1
)1(1
ttt ets
Les
Les
L −=
−−=
−−=
−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+3
41
41
41
61!3
611
)1(1
นั่นคือ ( )ty = ttt etete −−− ++ 3
6346
= ttt etete −−− ++ 3
2146 t
= ⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛++− 46
2
3tte t
ตัวอยาง 6.10.4 จงแกสมการ ( ) ( ) ( ) ( ) 000,sin2 =′==+′′ − yytetyty t
วิธีทํา ( ){ } ( ){ }tyLtyL +′′ = { }teL t sin2−
กําหนดให ( ){ } ( )sutyL = จะได ( ){ } ( )tysuL =−1
จาก ( ){ }tyL ′′ = ( ){ } ( ) ( )002 ysytyLs ′−−
= ( ) 002 −−sus = ( )sus 2
จาก ( ){ }tFeL at = ( )asf −
พิจารณา { }teL t sin2−
จะไดวา 2−=a
และ ( ) ( ){ } { }1
1sin 2 +===
stLtFLsf
สมการเชิงอนุพันธ 85
( )asf − = ( )2+sf
( ) 12
12 ++
=s
54
12 ++
=ss
ดังนั้น { }teL t sin2− 54
12 ++
=ss
แทนคาได 54
1)()( 22
++=+
sssusus
( )54
1)(1 22
++=+
sssus
ดังนั้น ( )( )5411)( 22 +++
=sss
su
( ){ }⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+++= −−
)54)(1(122
11
sssLsuL
( )⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+++= −
)54)(1(122
1
sssLty
พิจารณา )54)(1(
122 +++ sss
= 541 22 ++
++
++
ssDCs
sBAs
= ( ) ( )
( )( )541
12542
22 +++
⎟⎠⎞⎜
⎝⎛ +++⎟
⎠⎞⎜
⎝⎛ +++
sss
sDCsssBAs
1 = ( )( ) ( )( )154 22 ++++++ sDCsssBAs
1 = DDsCsCsBBsBsAsAsAs +++++++++ 23223 5454
1 = ( ) ( ) ( ) ( )DBsCBAsDBAsCA +++++++++ 5454 23
ได 0=+CA
04 =++ DBA
045 =++ CBA
15 =+ DB
แกสมการได 81
−=A , 81
=B , 81
=C , 83
=D
สมการเชิงอนุพันธ 86
)54)(1(122 +++ sss
= 54
83
81
181
81
22 ++
++
+
+−
ss
s
s
s
⎟⎠⎞
⎜⎝⎛
++⎟
⎠⎞
⎜⎝⎛
+−=
11
81
181
22 sss
⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛
+++⎟
⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛
+++
5421
83
54281
ssss
s
( )ty = ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+− −−
11
81
181
21
21
sL
ssL
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+++
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+++ −−
541
83
5481
21
21
ssL
sssL
= ( ) ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
++−++−
1221
81sin
81cos
81
s
sLtt( ) ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+++ −
121
83
21
sL
= ( )( ) ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
++
−+−++−122
22181sin
81cos
81
s
sLtt⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−+ −
112
83
21
sLte
= ⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+
−−−++−12
21281sin
81cos
81
s
sLtett tte sin283 −+
= tt sin81cos
81
+− tte sin283 −+ ⎟
⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛
⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+
−−⎪⎭
⎪⎬⎫
⎪⎩
⎪⎨⎧
+
−−+12
2112
1281
sL
s
sLte
= tt sin81cos
81
+− tte sin283 −+ ( )ttte sin2cos2
81
−−+
= tt sin81cos
81
+− tte sin283 −+ ttette sin2
82cos2
81 −−−+
= tt sin81cos
81
+− tte sin281 −+ tte cos2
81 −+
= ( ) ( )tttett cossin281cossin
81
+−+−
สมการเชิงอนุพันธ 87
ตัวอยาง 6.10.5 จงแกสมการ ( ) ( ) 000,cos16 =′==+′′ yytyy
วิธีทํา ( ){ } ( ){ }tyLtyL +′′ = { }tL cos16
กําหนดให ( ){ } ( )sutyL = จะได ( ){ } ( )tysuL =−1
จาก ( ){ }tyL ′′ = ( ){ } ( ) ( )002 ysytyLs ′−−
= ( ) 002 −−sus
= ( )sus 2
จาก { }tL cos = 12 +s
s
แทนคาได 1
16)()( 22
+=+
sssusus
( )1
16)(1 22
+=+
sssus
ดังนั้น ( )22 1
16)(+
=s
ssu
( ){ }⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+= −−
2211
)1(16
ssLsuL
( )⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+= −
221
)1(16
ssLty
พิจารณา ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
221
)1(ssL โดยทฤษฎีคอนโวลูชันหาการแปลงผกผันลาปลาซ
จากตัวอยาง 6.6.1 (ค) ได tts
sL sin2)1( 22
1 =⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
ดังนั้น ( ) ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛= ttty sin
216
tt sin8=
ตัวอยาง 6.10.6 จงแกสมการ ( ) ( ) ( ) 20,00,10,33 2 −=′′=′==−′+′′−′′′ yyyetyyyy t
สมการเชิงอนุพันธ 88
วิธีทํา ( ){ } ( ){ } ( ){ } ( ){ }tyLtyLtyLtyL −′+′′−′′′ 33 = { }tetL 2
กําหนดให ( ){ } ( )sutyL = จะได ( ){ } ( )tysuL =−1
จาก ( ){ }tyL ′′′ = ( ){ } ( ) ( ) ( )00023 yysystyLs ′′−′−−
= ( ) 223 +− ssus
( ){ }tyL ′′ = ( ){ } ( ) ( )002 ysytyLs ′−−
= ( ) ssus −2
( ){ }tyL ′ = ( ){ } ( )0ytysL −
= ( ) 1−ssu
จาก ( ){ }tFeL at = ( )asf −
พิจารณา { }tetL 2 จะไดวา 1=a
และ ( ) ( ){ } { } 32 2
stLtFLsf ===
( )asf − = ( )1−sf
( )31
2−
=s
ดังนั้น { }tetL 2 = ( )31
2−s
แทนคาได ( ) ( )( )( )3
23
12)(13232)(−
=−−+⎟⎠⎞⎜
⎝⎛ −−+−
ssussussusssus
( ) ( )( )3
223
12)(33332)(−
=−−++−+−s
sussussusssus
( ) ( )( )3
223
1231133−
=+−−−+−s
sssusss
( ) ( )( )
131
2133 23
23 +−+−
=−+− sss
susss
( ) ( )( )
131
21 23
3 +−+−
=− sss
sus
สมการเชิงอนุพันธ 89
ดังนั้น ( )( ) ( )3
2
6 113
12
−
+−+
−=
sss
ssu
( ){ }⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−+−
+−
= −−3
2
611
)1(13
)1(2
sss
sLsuL
( )⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−+−
+−
= −3
2
61
)1(13
)1(2
sss
sLty
พิจารณา ( )32
113
−
+−
sss =
( ) ( ) 111 23 −+
−+
− sC
sB
sA
= ( ) ( )
( )31
211
−
−+−+
s
sCsBA
132 +− ss = ( ) ( )211 −+−+ sCsBA
ให 1=s จะได 1− A= ดังนั้น 1−=A
ให 0=s จะได 1 = CB +−−1 ดังนั้น 2=+− CB
ให 2=s จะได 1− = CB ++−1 ดังนั้น 0=+CB
แกสมการ 2=+− CB และ 0=+CB ได 1,1 =−= CB
( )32
113
−
+−
sss =
( ) ( ) 11
11
11
23 −+
−−
−−
sss
ดังนั้น ( )⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−+
−−
−−
−= −
11
)1(1
)1(1
)1(2
2361
ssssLty
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−+
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
−= −−−−
11
)1(1
)1(1
)1(2 1
21
31
61
sL
sL
sL
sL
tttt es
Les
Les
Le +⎭⎬⎫
⎩⎨⎧−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧= −−−
21
31
61 112
tttt etes
Les
Le +−⎭⎬⎫
⎩⎨⎧−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧= −−
31
61 !2
21!5
!52
tttt eteetet +−−= 25
21
1202
⎟⎠⎞
⎜⎝⎛ +−−= 1
21
601 25 tttet
สมการเชิงอนุพันธ 90
การหาผลเฉลยเฉพาะของสมการเชิงอนุพันธโดยวิธีการแปลงลาปลาซนั้น เชน สมการเชิงอนุพันธอันดับสองเราตองการเงื่อนไขคาเริ่มตน ( )0y และ ( )0y′ หากโจทยไมไดกําหนดไวเลยหรือกําหนดเปนเงื่อนไขอยางอื่น เชน เงื่อนไขคาขอบเขต เราจะตองสมมติเงื่อนไขคาเริ่มตนที่ยังไมไดกําหนดใหเปนคาคงตัวใด ๆ เสียกอน แลวใชเงื่อนไขที่มีเพื่อหาคาของคาคงตัวภายหลัง ดังตัวอยาง 6.10.7
ตัวอยาง 6.10.7 จงแกสมการ ( ) ( ) ( ) 12
,10,2cos9 −=⎟⎠⎞
⎜⎝⎛==+′′ πyyttyty
วิธีทํา ( ){ } ( ){ }tyLtyL 9+′′ = { }tL 2cos
เนื่องจากโจทยไมไดกําหนด ( )0y′ จึงสมมติ ( ) cy =′ 0
กําหนดให ( ){ } ( )sutyL = จะได ( ){ } ( )tysuL =−1
จาก ( ){ }tyL ′′ = ( ){ } ( ) ( )002 ysytyLs ′−−
= ( ) cssus −−2
จาก { }tL 2cos = 42 +s
s
แทนคาได 4
)(9)( 22
+=+−−
sssucssus
( ) css
ssus +++
=+4
)(9 22
ดังนั้น ( )( ) 9994
)( 2222 +
++
+++
=s
cs
s
ss
ssu
( ){ }⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++
++
++= −−
99)9)(4( 222211
sc
ss
sssLsuL
( )⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++
++
++= −
99)9)(4( 22221
sc
ss
sssLty
( )⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++= −−−
99)9)(4( 21
21
221
scL
ssL
sssLty
สมการเชิงอนุพันธ 91
พิจารณา )9)(4( 22 ++ ss
s = )9()4( 22 +
++
++
sDCs
sBAs
= )9)(4(
)42)(()92)((22 ++
+++++ss
sDCssBAs
s = )4)(()9)(( 22 +++++ sDCssBAs
s = DCsDsCsBAsBsAs 4499 2323 +++++++
s = ( ) ( ) ( ) ( )DBsCAsDBsCA 494923 +++++++
ได 0=+CA
0=+ DB
149 =+ CA
049 =+ DB
แกสมการได 51
=A , 0=B , 51
−=C , 0=D และ
)9)(4( 22 ++ ss
s = )9(5)4(5 22 +
−+ s
ss
s
ดังนั้น ( )⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
++= −−−
99)9)(4( 21
21
221
scL
ssL
sssLty
( ) ⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+++
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+= −−−
93
33cos
95)4(5 21
21
21
sLct
ssL
ssL
tcts
sLs
sL 3sin3
3cos95
145
12
12
1 ++⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+−
⎭⎬⎫
⎩⎨⎧
+= −−
tcttt 3sin3
3cos3cos512cos
51
++−=
tctt 3sin3
3cos542cos
51
++=
สมการเชิงอนุพันธ 92
แทนคา 12
−=⎟⎠⎞
⎜⎝⎛πy ใน ( )ty เพื่อหาคา c ได
⎟⎠⎞
⎜⎝⎛+⎟
⎠⎞
⎜⎝⎛+⎟
⎠⎞
⎜⎝⎛=−
23sin
323cos
54
22cos
511 πππ c
2
3sin32
3cos54cos
511 πππ c
++=−
( ) ( ) ( )13
0541
511 −++−=−
c
35
11 c−−=−
35
11 c−=+−
35
4 c−=−
5
12=c
ดังนั้น ( ) tttty 3sin543cos
542cos
51
++=
สมการเชิงอนุพันธ 93
แบบฝกหัด 6.10
จงแกสมการเชิงอนุพันธตอไปนี้โดยวิธีการแปลงลาปลาซ
1. ( ) ( ) ( ) ( ) 00,10,1 =′==+′′ yytyty
2. ( ) ( ) ( ) ( ) 10,10,209 =′==+′′ − yyetyty t
3. ( ) ( ) ( ) 50, ==+′ − yetyty t
4. ( ) ( ) ( ) ( ) ( ) 10,20,223 −=′==+′−′′ − yyetytyty t
5. ( ) ( ) 00,10,423 =′==+′−′′ yyyyy
6. ( ) ( ) 20,30,3216 −=′==+′′ yytyy
7. ( ) ( ) 80,20,644 2 =′−==+′−′′ − yyeyyy t
8. ( ) ( ) 40,10,42 −=′==′+′′ yyyy
9. ( ) ( ) 50,30,034 =′==+′−′′ yyyyy
10. ( ) ( ) 10,40,122 =′==+′−′′ yytyyy
11. ( ) ( ) 200,20,100258 =′==+′+′′ yyyyy
12. ( ) ( ) 30,00,3sin182 =′==−′−′′ − yyteyyy t
13. ( ) ( ) ( ) 30,00,00,cos10254 =′′=′==+′+′′+′′′ yyytyyyy
14. ( ) ( ) ( ) 20,00,00,sin20375 −=′′=′==−′+′′−′′′ yyytyyyy
15. ( ) ( ) 30,10,2cos59 =′==+′′ yytyy
16. ( ) ( )910,
1810,
219 =′=+=+′′ yytyy
17. ( ) ( ) 00,00,2444 =′==+′+′′ yyteyyy
18. ( ) ( ) ByAytyy =′==+′′ 0,0,2sin4
19. ( ) ( ) ( ) 00,00,00,426 =′′=′=+=′′+′′′ yyytyy
20. ( ) ( ) ( ) 30,30,10,1 −=′′=′==+′′′ yyyyy
สมการเชิงอนุพันธ 94
คําตอบแบบฝกหัด 6.10
1. ( ) 1=ty
2. ( ) ttety t 3cos23sin2 −+=
3. ( ) ( ) tetty −+= 5
4. ( ) ttt eeety 2
374
31
−+= −
5. ( ) tt eety 22 2 −+=
6. ( ) tttty 4sin4cos32 −+=
7. ( ) ( )243 22 −+= − ttety t
8. ( ) 223 2 −+= − tety t
9. ( ) tt eety 32 +=
10. ( ) ( )2091224 −++= tetty t
11. ( ) ( )ttety t 3sin2cos24 4 −−= −
12. ( ) teteeety tttt 3cos3sin32 2 −−− +−−=
13. ( ) ttteeety ttt sin2cos222 +−−+−= −−−
14. ( ) ( ) ttetty t cos3sin43 −+−=
15. ( ) ttty 2cos3sin +=
16. ( )181
9+=
tty
17. ( ) ( )teety tt 4141
41 22 +−= −
18. ( ) ( ) ( ) ttAtBty 2cos4
42sin841 −
++
=
19. ( ) ( ) 234 8221116 tttetty t +−+−−= −
20. ( )23cos221 2 teety
tt +−= −