ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf ·...

27
คาชี้แจง ลักษณะของแบบทดสอบ ตอนที1 แบบปรนัย 5 ตัวเลือก เลือก 1 คาตอบที่ถูกที่สุด จานวน 80 ข๎อ ตอนที2 แบบปรนัย 6 ตัวเลือก เลือก 2 คาตอบที่ถูกต๎อง จานวน 10 ข๎อ เกณฑ์การให๎คะแนน (คะแนนเต็ม 100 คะแนน) ข๎อ 1 – 80 ข๎อละ 1 คะแนน ข๎อ 81 – 90 ข๎อละ 2 คะแนน

Transcript of ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf ·...

Page 1: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

ค าชี้แจง ลักษณะของแบบทดสอบ ตอนที่ 1 แบบปรนัย 5 ตัวเลือก เลือก 1 ค าตอบที่ถูกที่สุด จ านวน 80 ข๎อ ตอนที่ 2 แบบปรนัย 6 ตัวเลือก เลือก 2 ค าตอบที่ถูกต๎อง จ านวน 10 ข๎อ เกณฑ์การให๎คะแนน (คะแนนเต็ม 100 คะแนน) ข๎อ 1 – 80 ข๎อละ 1 คะแนน ข๎อ 81 – 90 ข๎อละ 2 คะแนน

Page 2: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

ตอนที่ 1 แบบปรนัย 5 ตัวเลือก 1 ค าตอบ เคมี (สาระท่ี 3 สารและสมบัติของสาร) จ านวน 18 ข้อ (ข้อ 1-18) 1. ธาตุ X เป็นธาตุสมมติ มีเลขอะตอม 38 และเลขมวล 88 เพ่ือดึงอิเล็กตรอนและนิวตรอนจากอะตอมของธาตุ X จ านวน 2 และ 3 อนุภาค ตามล าดับ ข๎อใดเป็นสัญลักษณ์นิวเคลียร์ที่ถูกต๎องของไอออนของธาตุ X 1. 286

38 X 2. 285

38 X 3. 283

38 X 4. 283

36 X 5. 286

35 X 2.ธาตุที่มีเลขอะตอมตํอไปนี้ มีสิ่งใดเหมือนกัน 12 15 18

1.มีขนาดอะตอมเทํากัน 2.มีจ านวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนเทํากัน 3.มีจ านวนโปรตอนเทํากัน 4.อยูํในคาบเดียวกัน 5.อยูํในหมูํเดียวกัน

3.ข๎อใดอธิบายแนวโน๎มสมบัติของธาตุในคาบเดียวกันของตารางธาตุได๎ถูกต๎อง 1.ธาตุหมูํ I A มีจ านวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนมากท่ีสุด 2.ธาตุหมูํ I A มีความเป็นโลหะน๎อยกวํา ธาตุแทรนซิชัน 3.ธาตุหมูํ II A มีความสามารถในการรับอิเล็กตรอนได๎ดีกวําธาตุ VI A 4.ธาตุหมูํ V I มีความเป็นอโลหะมากกวําธาตุหมูํ VII A 5.ธาตุหมูํ VII A มีความวํองไวในการเกิดปฏิกิริยามากกวําธาตุหมูํ VI A 4. ธาตุสมมติ X และ Y มีการจัดเรียนอิเล็กตรอน เป็น 2,7 และ 2,8,2 ตามล าดับ ข๎อใดถูกต๎องเกี่ยวกับการเปรียบเทียบสมบัติของธาตุ X และ Y 5.ธาตุสมมติ A,B,C และ D มีเลขอะตอม 11,13,17 และ 19 ตามล าดับ ข๎อใดไมํถูกต๎อง 1. ธาตุ D มีความเป็นโลหะมากท่ีสุด 2. ธาตุ A และ D เป็นธาตุอยูํในหมูํ I A 3. ธาตุ A มีความเป็นอโลหะมากที่สุด 4. ตุ A รวมกับ ธาตุ C เกิดเป็นสารไอออนิก 5. ธาตุ B มีขนาดอะตอมใหญํกวํา ธาตุ C

สมบัติของธาตุ ข๎อ X Y 1. สถานะเป็นของแข็ง สถานะเป็นแก๏ส 2. เกิดเป็นไอออน X- เกิดเป็นไอออน Y2+

3. น าไฟฟ้าได๎ ไมํน าไฟฟ้า 4. ท าปฏิกิริยากับน้ า ไมํท าปฏิกิริยากับน้ า 5. อยูํในคาบที่ 7 อยูํในคาบที่ที่ 2

Page 3: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

6.สารประกอบทุกตัวในข๎อใดตํอไปนี้เป็นสารประกอบโคเวเลนซ์

1. CCl4 KCl 2. CaO H2O 3. CO2 NH3 4. MgCl2 NaCl 5. NO2 CuSO4

7.ก าหนดข๎อมูลของสารสมมติ A B และ C ดังตาราง

A,B และ C คือสารใดตามล าดับ 1. เอทานอล โลหะทองแดง โซเดียมคลอไรด์ 2. เฮกเซน โลหะทองแดง โซเดียมครอไรด์ 3. เอทานอล เฮกเซน โลหะทองแดง 4. เฮกเซน โซเดียมคลอไรด์ โลหะทองแดง 5. โซเดียมคลอไรด์ โลหะทองแดง เอทานอล

8. ปฏิกิริยาเคมีและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในข๎อใดสอดคล๎องกัน

ข้อ ปฏิกิริยาเคมี การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

1. สารละลายกรดไฮโดรคลอริก + ดํางทับทิม สีของดํางทับทิมที่เข๎มข้ึน 2. แมกนีเซียม + สารละลายกรดไฮโดรคลอริก เกิดฟองแก๏ส 3. สารละลายกรดไฮโดรคลอริก + สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ อุณภูมิของสารละลายผสมลดลง

4. สารละลายเลด(II) ไนเตรต + สารละลายโพแทสเซียมไอโอไดด์ เกิดตะกอนสีขาวขุํน 5. กรดซิตริก + สารละลายโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต เกิดตะกอนสีเหลืองเข๎ม

9.ข๎อใดไมํใชปํฏิกิริยาเคมี

1.การเผาไหม๎เชื้อเพลิง 2.การระเหิดของลูกเหม็น 3.การเกิดฝนกรด 4.การใสํปูนขาวในดินเพ่ือแก๎ปัญหาดินเปรี้ยว 5.การใช๎ยาลดกรดแก๎ท๎องอืดท๎องเฟ้อ

สาร

การละลาย

น้ า

จุดเดือด

(0C)

จุดหลอมเหลว

(0C)

การน าไฟฟ้า ของแข็ง สารละลาย

A ละลาย 78.4 -114 ไมํน า ไมํน า B ไมํทดสอบ 2,850 1,500 น า ไมํทดสอบ C ละลาย 1,456 801 ไมํน า น า

Page 4: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

10.การกระท าในข๎อใดสํงผลท าให๎การเกิดปฏิกิริยาลดลง 1.การเค้ียวยาลดกรดชนิดเม็ดให๎ละเอียดกํอนกลืน

2.การน าเอาใบตองมาคลุมผลไม๎ 3.การเก็บนมเปรี้ยวไว๎ในตู๎เย็น 4.การน าเอาเนื้อสัตว์ไปมักกับยางมะละกอกํอนน าไปประกอบอาหาร 5.การใสํโลหะแพลทินัมในปฏิกิริยาไฮโดรจีเนชันของเอทิลีน

Page 5: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

11. การทดลองในข๎อใดไมสํํงผลตํอการเกิดปฏิกิริยาเคมี 1. ใสํผงทองแดงลงในกรดไนตริก เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกอดขึ้นเร็วกวําใสํแผํนทองแดง 2.น าเกลือไปละลายน้ าจนสารละลายอิ่มตัว แล๎วน าไปต๎ม เกลือจะสามารถละลายได๎มากข้ึน 3. เมื่อผสมสรละลายโพแทสเซียมซียมเปอร์แมงกาเนตกับกรดออกซาลิกและกรดซัลฟิวริก พบวํา ที่

อุณหภูมิ 60 0C สีของ KMnO4 จงหายไปเร็วที่อุณหภูมิ 25 0C 4. เมื่อเติมกรดแอซิติกลงไปในเปลือกไขํผสมกับโซเดียมฟลูออไรด์ เกิดฟองแก๏สช๎ากวําเปลือกไขํธรรมดา 5.สารละลายโซเดียมไทโอซัลเฟต ผสมกับสารละลายกรดไฮโดรคลอริก พบวําเมื่อพบความเข๎มข๎นของ

สารละลายโซเดียมไทโอซัลเฟต การเกิดตะกอนขุํนจะเกิดเร็วขึ้น 12. ข๎อใดเป็นการเรียงล าดับผลิตภัณฑ์ที่ได๎จากการกลั่นล าดับสํวนน้ ามันดิบโดยพิจารณาจ านวนอะตอมของคาร์บอนในโมเลกุลจากมากไปหาน๎อยได๎ถูกต๎อง 1. แก๏สหุงต๎ม น้ ามันดีเซล น้ ามันเตา ยางมะตอย 2. น้ ามันดีเซล น้ ามันเตา ยางมะตอย แก๏สหุงต๎ม 3. ยางมะตอย น้ ามันเตา น้ ามันดีเซล แก๏สหุงต๎ม 4. แก๏สหุงต๎ม น้ ามันดีเซล ยางมะตอย น้ ามันเตา 5. ยางมะตอย น้ ามันเตา แก๏สหุงต๎ม น้ ามันดีเซล 13. ข๎อใดไมํถูกต๎อง 1. แก๏สโซฮอล์ได๎จากการผสมน้ ามันกับเอทานอล 2. ไบโอดีเซลผลิตจากปฏิกิริยาระหวํางน้ ามันพืชหรือน้ ามันสัตว์กับแอลกอฮอล์ 3. น้ ามันเบนซิน เลขออกเทน 100 มีสมบัติการเผาไหม๎เชํนเดียวกับแอลฟาเมทิลแนฟทาลีน 4. น้ ามันดีเซล เลขซีเทน 100 มีสมบัติการเผาไหม๎เชํนเดียวกับแอลฟาเมทิลแนฟทาลีน 5. แก๏สธรรมชาติที่ถูกอัดลงในถังเชื้อเพลิงด๎วยความดันสูงเรียกวํา CNG 14. ข๎อใดเป็นพลาสติกเทอร์มอเซต

1. เมลามีน 2. พอลิโพรพิลีน (PP) 3. พอลิสไตรีน (PS) 4. พอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) 5. พอลิเอทาลีนเทเรฟทาเลต (PETE)

15. ข๎อใดไมํใชํการน าผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์มาใช๎ประโยชน์อยํางถูกต๎อง 1.พอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) ใช๎ท าทํอน้ า 2. พอลิสไตรีน (PS) ใช๎ท าโฟมบรรจุอาหาร 3. ยางไอโซพรีน (IR) ใช๎ท าพื้นรองเท๎า ยางปูพ้ืน 4. พอลิเอไมด์ (PA) ใช๎ท าพรม อวน แห 5. เส๎นใยจากจากฝ้ายใช๎ท าเสื้อผ๎าเหมาะกับอากาศร๎อน 16. การทดสอบสารอาหาร X,Y และ Z แสดงดังตาราง

Page 6: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

สารอาหาร

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึน ไอโอดีน เบเนดิกต์ หมักด๎วยยีสต์

X - ตะกอนสีแดงอิฐ เอทานอล Y - - Z สีน้ าเงินแกมมํวง

Y+A - ตะกอนสีแดงอิฐ - จากข๎อมูลดังตาราง X,Y.Z และA คือข๎อใดตามล าดับ

1. กลูโคส เซลลูโลส แป้ง กรดไฮโดรคลอริก 2. ซูโครส ไกลโคเจน แป้ง กรดไฮโดรคลอริก 3. ฟรักโทส ไกลโคเจน อะไมเลส แป้ง 4. กลูโคส แป้ง เซลลูโลส กรดไฮโดรคลอริก 5. ซูโครส แป้ง เซลลูโลส อะไมเลส

17. น้ ายาล๎างจานสามารถขจัดคราบไขมันออกจากจานได๎ เพราะเหตุใด 1. น้ ายาล๎างจานหาปลายที่มีขั้วไปจับไขมัน 2. น้ ายาล๎างจานหันปลายที่ไมมํีข้ัวไปจับน้ า 3. น้ ายาล๎างจานหันปลายที่ไมมํีข้ัวไปจับไขมัน 4. น้ ายาล๎างจานมีขนาดโมเลกุลเล็กจึงถูกล๎อมลอบด๎วยไขมัน 5. น้ ายาล๎างจานมีขนาดโมเลกุลเล็กจึงถูกล๎อมลอบด๎วยน้ า 18. ข๎อใดไมํถูกต๎อง 1. มอนอเมอร์ของไกลโคเจนคือ กลูโคส 2. มอนอเมอร์ของกรดนิวคลีอิก คือ กรด นิวคลีโอไทด์ 3. มอนอเมอร์ของยางพารา คือ ไอโซพรีน 4. มอนอเมอร์ของโปรตีน คือ กรดอะมีโน 5. มอนอเมอร์ของแอสปาร์แทม คือ ซูโครส ฟิสิกส์ (สาระที่ 4 แรงและการเคลื่อนที่ และสาระที่ 5 พลังงาน ) จ านวน 18 ข้อ 19. วัตถุก๎อนหนึ่งถูกปลํอยออกมาในสภาพหยุดนิ่งให๎ตกแบบเสรีบนดาวเคราะห์ A และ B เมื่อเวลาผํานไปเทํากัน พบวําอัตราเร็วของวัตถุบนดาวเคราะห์ A เป็นสี่เทําของวัตถุบนดาวเคราะห์ B น้ าหนักวัตถุบนดาวเคราะห์ A เป็นกี่เทําของน้ าหนักบนวัตถุบนดาวเคราะห์ B 1. 0.25 เทํา 2. 1 เทํา 3. 2 เทํา 4. 4 เทํา 5. 16 เทํา 20. ในขณะที่เรายืนอยูํนิ่งบนพ้ืนโลก ให๎ F1 คือขนาดแรงของโลกท่ีดึงดูดตัวเรา และ F2 คือขนาดของแรงที่ตัวเราดึงดูดโลก F1 และ F2 มีความสัมพันธ์กันอยํางไร

Page 7: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

1. F1 = F2 2. F1 > F2 3. F1 < F2 4. F1 ≠ F2 แตํบอกไมํได๎วําแรงใดมากกวํากัน 5. F1 > F2 และ F2 = 0 21. อิเล็กตรอนเคลื่อนที่เข๎าไปในสนามไฟฟ้าสม่ าเสมอโดยความเร็วชี้ไปทางทิศเหนือและสนามไปฟ้าชี้ไปทางทิศใต๎ สภาพการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนในเวลาถัดมาจะเป็นอยํางไร 1. ยังคงไปทางทิศเหนือ แตํช๎าลงเรื่อยๆ 2. ยังคงไปทางทิศเหนือ ละเร็วขึ้นเรื่อยๆ 3. ยังคงไปทางทิศเหนือ ด๎วยอัตราเร็วเทําเดิม 4. เริ่มเบนไปทางทิศตะวันตก และช๎าลงเรื่อยๆ 5. เริ่มเบนไปทางทิศตะวันออก และช๎าลงเรื่อยๆ

Page 8: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

22. วางโลหะท่ีเป็นกลางทางไฟฟ้าก๎อนหนึ่งไว๎บริเวณท่ีมีไฟฟ้าสม่ าเสมอระหวํางแผํนโลหะ 2 แผํนดังรูป จากการทดลองพบวําอิเล็กตรอนบนโลหะจะถูกเหนี่ยวน าเข๎าใกล๎แผํนโลหะขั้วบวกและปลายฝั่งตรงข๎ามมีสภาพทางไฟฟ้าเป็นบวก แรงไฟฟ้าสุทธิที่กระท าตํอก๎อนโลหะเป็นอยํางไร 1. ไมํเป็นศูนย์ ทิศเดียวกับสนามไฟฟ้า 2. ไมํเป็นศูนย์ ทิศตั้งฉากกับสนามไฟฟ้า 3. ไมํเป็นศูนย์ ทิศตรงข๎ามกับสนามไฟฟ้า 4. ไมํเป็นศูนย์ ทิศใดก็ได๎ขึ้นอยูํกับการกระจายตัว

ของประจบุวกและลบในก๎อนโลหะ 5. เป็นศูนย์ 23. โปรตอนและรังสีแอลฟาเคลื่อนที่ด๎วยความเร็วเทํากันเข๎าไปในสนามแมํเหล็กซ่ึงมีทิศพํุงออกจากกระดาษดังรูป เส๎นทางใดแสดงแนวการเคลื่อนที่ของโปรตอนและรังสีแอลฟาตามล าดับ 1. A และ B 2. B และ A 3. D และ E 4. E และ D 5. C และ C 24. ตารางรถทัวร์ของบริษัทแหํงหนึ่ง

สายรถทัวร์ รถออกเวลา

ถึงปลายทางเวลา

ระยะจากต๎นทางถึงปลายทาง (กม.)

A 6:00 น. 8:30 น. 150 B 6:00 น. 7:30 น. 105 C 7:00 น. 8:18 น. 130 D 7:20 น. 9:20 น. 80

จงเรียงล าดับสายที่มีอัตราเร็วเฉลี่ยมากไปหาน๎อย

1. A,C,B,D 2. A,D,B,C 3. B,C,A,D 4. C,B,A,D 5. C,B,D,A 25. น าเชือกเส๎นดึงมาวางบนพ้ืนราบ ดัดเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัวอักษรใดที่ให๎การกระจัดระหวํางปลายเชือกมีคําน๎อยที่สุด 1. M 2. S 3. V 4. D 5. L

Page 9: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

26. ปลํอยก๎อนหิน A จากยอดตึกพร๎อมๆ กับปาก๎อนหิน B ออกไปในแนบราบ เมื่อเวลาผํานไปเทํากันและวัตถุยังไมํถึงพ้ืนดิน วัตถุ A และ B จะมีปริมาณใดตํางกัน (ไมํคิดแรงต๎านอากาศ) 1. การกระจัดแนวดิ่ง 2. อัตราเร็วแนวราบ 3. อัตราเร็วแนวดิ่ง 4. ความเรํงแนบราบ 5. ความเรํงแนวดิ่ง

Page 10: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

27. รถยนต์มวล 1,000 กิโลกรัม แลํนบนถนนโค๎งท่ีมีรัศมีความโค๎ง 100 เมตร ถ๎าแรงเสียดทานระหวํางพ้ืนถนนและล๎อรถยนต์ทั้งสี่ล๎อรวมกันมีคําสูงสุด 4,000 นิวตัน อัตราเร็วในข๎อใดที่รถยนต์คันนี้เริ่มหลุดโค๎ง 1. 20 กิโลเมตรตํอชั่วโมง 2. 45 กิโลเมตรตํอชั่วโมง 3. 72 กิโลเมตรตํอชั่วโมง 4. 85 กิโลเมตรตํอชั่วโมง 5. 100 กิโลเมตรตํอชั่วโมง 28. การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอยํางงํายของระบบ A,B และ C ความถี่ของระบบใดขึ้นกับมวล m

1. ระบบ A เทํานั้น 2. ระบบ B เทํานั้น 3. ระบบ C เทํานั้น 4. ระบบ A และ B 5. ระบบ A,B และ C

29. คลื่นดลในเส๎นเชือกก าลังเคลื่อนที่เข๎าหาปลาย B ที่ตรึงแนํน

30. การหักเหคลื่นเสียงจากบริเวณอากาศร๎อนไปสูํอากาศเย็น เป็ฯไปตามทิศทางใดได๎มากท่ีสุด

Page 11: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

1. A 2. B 3. C 4. D 5. E 31. นาย ก. และนาย ข. ได๎ยินเสียงจากแหลํงก าเนิดเดียวกัน นาย ก. ยืนอยูํหํางจากแหลํงก าเนิดเป็นสองเทําของ นาย ข. ข๎อใดสรุปได๎ถูกต๎อง

1. นาย ก.ได๎ยินเสียงความถ่ีสูงกวํานาย ข. 2. นาย ข. ได๎ยินเสียงความถี่สูงกวํานาย ก. 3. นาย ก. ได๎ยินเสียงที่มีความเข๎มสูงกวํานาย ข. 4. นาย ข.ได๎ยินเสียงที่มีความเข๎มสูงกวํานาย ก. 5. นาย ก. และ นาย ข. ได๎ยินเสียงที่มีความเข๎มเทํากัน

32. การผสมสัญญาณเสียงกับคลื่นวิทยุระบบ AM ถ๎าใช๎คลื่นพาหะความถ่ี 350 กิโลเฮิรตซ์และสัญญาณเสียงความถี่ 2 กิโลเฮิรตซ์ สัญญาณที่สํงออกจากเครื่องสํงจะมีความถี่ประมาณกี่กิโลเฮิรตซ์ 1. 2 2. 175 3. 350 4. 700 5. 1,400 33. จากสมการปฏิกิริยานิวเคลียร์ 73Li + 11H 2 42 He พบวําเมื่อใช๎มวลของ 73Li และ 11H รสมกันเทํากับ 8.123 กิโลกรัม จะได๎ 42 He มวลรวมทั้งสิ้น 8,000 กิโลกรัม

1. คายพลังงาน 1.11 x 1016 จูล 2. ดูดพลังงาน 1.11 x 1016 จูล 3. คายพลังงาน 7.31 x 1017 จูล 4. ดูดพลังงาน 7.20 x 1017 จูล 5. คายพลังงาน 7.20 x 1017 จูล

34. X ในปฏิกิริยานิวเคลียร์ 226

88 Ra 226

88 Ra + X คืออะไร 1. อนุภาคแอลฟา 1 ตัว 2. อนุภาคแอลฟา 2 ตัว 3. อนุภาคนิวตรอน 4 ตัว 4. อนุภาคบีตา 4 ตัว 5. รังสีแกมมา

35. ธาตุกัมมันตรังสีจ านวนหนึ่งสลายตัวไป 16

14 เทําของของเดิมภายในเวลา 6 ชั่วโมงธาตุนีม้ีคําครึ่งชีวิตกี่ชั่วโมง

1. 1 2. 2 3. 3 4. 4 5. 5 36. ปริมาณที่ส าคัญของการหาอายุซากฟอสซิลโบราณด๎วย C-14 คืออะไร 1. มวล C-14 ที่สลายตัวไป 2. มวล C-14 ที่เหลืออยูํ 3. ผลตํางระหวํางมวล C-14 ที่เหลืออยูํ กับมวล C-12 ที่เหลืออยูํ 4. อัตราสํวนมวล C-14 ที่สลายตัวไปตํอมวล C-12 ที่สลายตัวไป 5. อัตราสํวนมวล C-14 ที่เหลืออยูํตํอมวล C-12 ที่เหลืออยูํ

Page 12: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

ชีววิทยา (สาระที่ 1 สิ่งมีชีวิตกับกระบวนการด ารงชีวิต และสาระที่ 2 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม) จ านวน 18 ข้อ (ข้อ 37-54) 37. เมื่อหยดเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มีความเข๎มข๎นของน้ าตาลซูโครสภายในเซลล์ 0.05 โมลาร์ลงไปในสารละลายน้ าตาลซูโครสความเข๎มข๎น 0.01 โมลาร์ ข๎อใดตํอไปนี้กลําวถูกต๎อง

1. น้ าออสโมซิสเข๎าเซลล์ ท าให๎เซลล์เตํง 2. น้ าจากในเซลล์ ออสโมซิสออกไปนอกเซลล์ 3. เซลล์อยูํในสภาพปกติ ไมํเกิดการเปลี่ยนแปลง 4. การออสโมซิสจะเกิดขึ้นด๎วยอัตราเร็วที่เพ่ิมข้ึน 5. แรงดันในเซลล์ที่เกิดขึ้นจากการออสโมซิส แปรผกผันกับความเข๎มข๎นของสารละลายในเซลล์

Page 13: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

38. ข๎อใดไมํใชํกลไกการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต 1. เวลาเลํนกีฬาจะมีเหงื่อออกมา 2. เม็ดเลือดขาวท าลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม 3. ปลาทะเลขับเกลือสํวนเกินออกทางปัสสาวะ 4. พารามเีซียมมีคอนแทรกไทล์แวคิวโอล 5. เมื่อเลือดเข๎มข๎นขึ้น สมองสํวนไฮโพทาลามัสจะท าให๎รู๎สึกกระหายน้ า

39. เมื่อพืชประสบปัญหาภาวะขาดน้ า พืชจะมีการปรับตัวตามข๎อใดตํอไปนี้

1. น้ าแพรํเข๎าเซลล์คุม 2. น้ าแพรํออกจากเซลล์คุม 3. มีการสังเคราะห์กรดแอนตาซิก 4. หยุดการสังเคราะห์กรดแอนตาซิก 5. ปากใบปิด

40. จากแผนภาพกลไกการรักษาสมดุลของน้ าในรํางกาย ไฮโพทาลามสั กระตุ๎นตํอมใตส๎มองสํวนหลัง หลั่ง ADH ทํอหนํวยไตดูดน้ ากลับ ปริมาตรน้ าในเลือดสมดุล

ถ๎าชายคนหนึ่งไปเลํนกีฬากลางแจ๎งเป็นเวลานาน จะเกิดผลอยํางไร 1. ไมํคํอยกระหายน้ า 2. ทํอหนํวยไตหดสั้นลง 3. ทํอหนํวยไตยืดยาวขึ้น 4. ปัสสาวะลดลงและเข๎มข๎มกวําปกติ 5. ปัสสาวะมากและเจือจางกวําปกติ

41.ข๎อใดเป็นวิธีการหลีกเลี่ยงการเป็นโรคไตได๎ดีที่สุด

1. ไมํทานอาหารที่มีรสขม 2. ไมํดื่มน้ าอัดลม 3. ไมํใสํเสื้อผ๎ารัดแนํน 4. ไมํออกก าลังกายตอนเช๎า 5. ไมํกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานานๆ

42.เด็กคนหนึ่งเคยเป็นโรคอีสุกอีใสมากํอน แมํจะเลํนคลุกคลีกับเพื่อนที่เป็นโรคอีสุกอีใสเด็กคนนี้ก็ไมํเป็นอีก แสดงวําเด็กคนนี้มีการสร๎างภูมิค๎ุมกันแบบใด

1.ภูมิค๎ุมกันโดยก าเนิด 2. ภูมิค๎ุมกันไมํจ าเพาะ 3. ภูมิค๎ุมกันกํอเอง 4. ภูมิค๎ุมกันรับมา 5. ภูมิค๎ุมกันสํงตํอไป

43. ข๎อมูลตํอไปนี้แสดงลักษณะศีรษะล๎านและศีรษะไมํล๎าน ซึ่งถูกควบคุมด๎วยอัลลีล B และ b

จีโนไทป์ ชาย หญิง BB ล๎าน ล๎าน Bb ล๎าน ไมํล๎าน bb ไมํล๎าน ไมํล๎าน

สามีภรรยาคูํหนึ่งมีลูกสาวหนึ่งคน ภรรยามีศีรษะล๎าน สามีมีผมปกติ ลูกสาวของสามีภรรยาคูํนี้จะมีโอกาสศีรษะล๎านคิดเป็นร๎อยละเทําใด

1. 100 2. 75 3. 50 4. 25 5. 0

Page 14: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

44. จากการวิเคราะห์ปริมาณเบสใน DNA ของสัตว์ชนิดหนึ่ง พบวําประกอบด๎วยเบส thymine 12.5% ของปริมาณเบสที่พบทั้งหมด ข๎อใดคืออัตราสํวนของ A: C : T : G

1. 37.5 : 12.5 : 12.5 : 37.5 2. 12.5 : 37.5 : 12.5 : 37.5 3. 37.5 : 37.5 : 12.5 : 12.5 4. 12.5 : 32.5 : 12.5 : 42.5 5. 32.5 : 12.5 : 12.5 : 42.5

45. องค์ประกอบใดจ าเป็นส าหรับกระบวนการถอดรหัสพันธุกรรม(Transcription) 1. mRNA 2. สาย RNA ต๎นแบบ 3. RNA polymerase 4. DNA polymerase 5. Ribosome 46. สิ่งมีชีวิตในข๎อใดที่จัดวําเป็นสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม (GMO)

1. เซลล์แบคทีเรียที่มียีนอินซูลินของคน 2. ต๎นกล๎วยไม๎พันธุ์ใหมํที่ได๎จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ 3. แตงโมที่คัดพันธุ์ให๎มีเมล็ดลีบ 4. ปลาทับทิมที่ผสมปรับปรุงพันธุ์มาจากปลานิลแดง 5. ต๎นพุทธรักษาที่เกิดจากการกลายพันธุ์อันเนื่องมาจากการฉายรังสีแกมมา

47. พืชในข๎อใดตํอไปนี้ มักพบในป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงที่สุด

1. ต๎นสัก 2. ต๎นไผํ 3. ต๎นสนสองใบ 4. ต๎นชายผ๎าสีดา 5. ต๎นกระบองเพชร 48. ข๎อใดอธิบายได๎ดีที่สุดถึงผลของวิวัฒนาการที่มีตํอความหลากหลายของนกฟินช์บนหมูํเกาะกาลาปากอสซึ่งมีลักษณะจะงอยปากตํางกันไปแตํละเกาะยํอย

1. เป็นนก specise เดียวกันทั้งหมด 2. เป็นการปรับตัวทางด๎านสรีรวิทยา 3. เกิดจากกลไกการแยกกันทางการสืบพันธุ์ในพ้ืนที่เดียวกัน 4. การคัดเลือกโดยธรรมชาติท าให๎มีจะงอยปากเหมาะสมกับอาหารบนเกาะ 5. นกฟินช์เดิมมีหลาย species แตํบังเอิญถูกพายุพัดมาอยูํบนเกาะเดียวกัน

49. นักเรียนที่ไมํยอมชํวยเพื่อนท างานกลุํมสํงครู มีลักษณะใกล๎เคียงกับความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในข๎อใดมากที่สุด

1. ปลาเหาฉลามที่เกาะบนตัวฉลาม 2. แบคทีเรียไรโซเบียมอาศัยอยูํในปมรากถ่ัว 3. มอสเจริญบนเปลือกของต๎นจามจุรี 4. พยาธิอาศัยอยูํที่ล าไส๎ของนักเรียน 5. สาหรํายสีเขียวแกมน้ าเงินแทรกตัวอยูํกับรากลายเป็นไลเคน

50. ข๎อใดตํอไปนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบปฐมภูมิ

Page 15: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

1. ป่าไผํถูกไฟไหม๎ แล๎วมีต๎นผักหวานขึ้นเต็มพ้ืนที่เดิม 2. หนองน้ าแห๎งขอดมีดงหญ๎าคางอกข้ึนเป็นหยํอมๆ 3. นาข๎าวหลังเก็บเกี่ยวแล๎วถูกชาวไรํปลูกข๎าวโพดแทนต๎นข๎าว 4. ต๎นเฟิร์นเจริญเติบโตแทรกขึ้นแทนต๎นไม๎ใหญํที่โคํนล๎มหลังน้ าป่าพัดมา 5. ในสนามมีกลุํมสิ่งมีชีวิต เชํน มด หญ๎าเช๎าชู๎ ตั๊กแตน เห็ด อาศัยอยูํรํวมกัน

51 กิจกรรมใดของมนุษย์ที่เป็นการใช๎ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพตามธรรมชาติได๎มากท่ีสุด

1. การเก็บสมุนไพรจากป่า 2. การท าเกษตรอินทรีย์ 3. การปลูกพืชเชิงเดี่ยว 4. การประกาศพ้ืนที่ป่าสงวน 5. การเลี้ยงไกํกลางแจ๎ง

Page 16: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

52. กราฟการเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึนในแมํน้ าอันเนื่องมาจากมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมแหํงหนึ่งปลํอยน้ าเสียลงไป นักเรียนคิดวํากราฟใดนําจะเป็นปริมาณของ BOD

1. A 2. B 3. C 4. D 5. E 53. ชาวสวนผลไม๎คนหนึ่งต๎องการใช๎สารเคมีฆําแมลงที่เป็นศัตรูพืช เขาควรเลือกใช๎ยาฆําแมลงที่มีคุณสมบัติอยํางไรที่มีผลกระทบตํอสิ่งแวดล๎อมน๎อยที่สุด

1. ละลายน้ าได๎ดี และถูกชะล๎างลงแหลํงน้ าได๎งําย 2. สามารถสะสมในดิน เพ่ือเพ่ิมผลผลิตได๎เป็นเวลานาน 3. สามารถสลายตัวได๎เองตามธรรมชาติ 4. ถูกพืชดูดซึมได๎งําย และสะสมอยูํในพืชได๎นาน 5. ฆําแมลงได๎หลากหลายชนิด ท าให๎ไมํต๎องฉีดพํนบํอย

54. การจัดการวัสดุเหลือใช๎ตามแนวคิดการน ากลับมาใช๎ใหมํ (recycle) คือข๎อใด

1. การเอากระดาษท่ีพิมพ์แล๎วหน๎าเดียว มาใช๎เป็นกระดาษทดเลข 2. การท าโคมไฟประดิษฐ์จากขวดพลาสติก 3. การผลิตสํวนประกอบของแขนขาเทียมจากฝาเปิดกระป๋องน้ าอัดลม 4. การท าเสื้อชูชีพจากขวดน้ าดื่มพลาสติก 5. การเอาถุงพลาสติกท่ีได๎จากร๎านค๎า กลับมาใช๎อีกครั้ง

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ (สาระท่ี 7 ดาราศาสตรแ์ละอวกาศ และสาระที่ 6 กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก) จ านวน 18 ข้อ (ข้อ 55-72) 55. จากข๎อมูลของนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาสีของดาวฤกษ์แตํละประเภทได๎ผลดังตารางที่ให๎มานี้ จากข๎อมูลดังกลําว ข๎อใดสรุปเกี่ยวกับอุณหภูมิผิวของดาวฤกษ์ได๎ถูกต๎อง

ประเภท สี ก ขาว ข คํอนไปทางสีน้ าเงิน ค คํอนไปทางสีแดง ง เหลือง

Page 17: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

1. ดาวฤกษ์ประเภท ก มีอุณหภูมิผิวสูงที่สุด 2. ดาวฤกษ์ประเภท ข มีอุณหภูมิผิวมากกวําประเภท ก 3. ดาวฤกษ์ประเภท ค มีอุณหภูมิผิวมากกวําประเภท ข 4. ดาวฤกษ์ประเภท ง มีอุณหภูมิผิวน๎อยกวําดาวฤกษ์ประเภท ก 5. ดาวฤกษ์ประเภท ง มีอุณหภูมิผิวน๎อยที่สุด

56. มนุษย์ใช๎ประโยชน์จากดาวเทียมในหลายด๎านยกเว๎น ข๎อใด 1. ประชุมทางไกล ถํายทอดวิทยุโทรทัศน์ 2. ศึกษาสเปกตรัมของดาวฤกษ์ ค๎นหาดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ 3. ส ารวจบริเวณท่ีเกิดอุทกภัย ส ารวจบริเวณท่ีมีการตัดไม๎ท าลายป่า 4. พยากรณ์อากาศ ศึกษาการเคลื่อนตัวของพายุ 5. ผลิตกระแสไฟฟ้า ส ารวจจ านวนประชากรโลก

57. วัตถุใดตํอไปนี้มีขนาดเล็กที่สุด

1. ดวงจันทร์ของโลก 2. แกนีมีด(Ganymede) 3. ดาวพลูโต 4. ดาวศุกร์ 5. ดาวอังคาร 58. ดาวเทียมโคจรสูงจากพ้ืนโลก 1,600 กิโลเมตร ดาวเทียมต๎องมีอัตราเร็วในวงจรเทําใดในหนํวยกิโลเมตรตํอวินาที จงอยูํในวงโคจรได๎ (ก าหนดให๎ รัศมีโลกเทํากับ 6,400 กิโลเมตร โลกมีมวลเทํากับ 6.0 X 1024 กิโลกรัม และคําคงตัวความโน๎มถํวงเทํากับ 6.7X10-11 Nm2.kg-2)

1. 7.1 2. 7.9 3. 16 4. 50 5.63 59. ดาวดวงหนึ่งอยูํหํางจากดวงอาทิตย์ 100 พาร์เซก มีโชติมาตรปรากฏ(apparent magnitude) เทํากับ 4 ดาวดวงนี้จะมีโชติมาตรสัมบูรณ์(absolute magnitude)เทํากับเทําใด 1. -9 2. -1 3. 1 4. 4 5. 9 60. ข๎อใดตํอไปนี้ไมํได๎เป็นผลมาจากปรากฏการณ์พารัลแลกซ์ 1. ขณะที่นั่งบนรถไฟ พรรู๎สึกวํารถยนต์ที่วิ่งขนานไปกับรถไฟ มีความเร็วน๎อยกวําขณะที่สังเกตเห็นบนถนน 2. เวลานั่งบนรถยนต์ อ๎อเห็นต๎นไม๎ที่อยูํข๎างทางเคลื่อนที่ได๎เร็วกวําภูเขาท่ีอยูํไกลออกไป 3. พลอยสังเกตเห็นวําภาพดาวแอลฟาเซ็นเทารีมีต าแหนํงเปลี่ยนไปจากเดิมเทียบกับท่ีถํายเมื่อสามเดือนกํอน 4. แหมํมพบวํา ถ๎าวางวัตถุไมํตรงกับจุดศูนย์กลางของกระจกเว๎า เมื่อเปลี่ยนต าแหนํงการมอง วัตถุและภาพสะท๎อนจะ ไมํเลื่อนไปด๎วยกัน 5. นุ๎ยขับรถบนถนน เห็นดวงจันทร์เลื่อนต าแหนํงจากด๎านหนึ่งของตึกไปยังอีกด๎านของตึก

Page 18: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

61. ในเดอืนจันทรคติเดียวกัน สองวันใดตํอไปนี้ดวงจันทร์จะสวํางใกล๎เคียงกันที่สุด 1. ขึ้น 8 ค่ า และ แรม 8 ค่ า 2. แรม 8 ค่ า และ แรม 15 ค่ า 3. ขึ้น 8 ค่ า และ ขึ้น 15 ค่ า 4. ขึ้น 15 ค่ า และ แรม 8 ค่ า 5. ขึ้น 15 ค่ า และ แรม 15 ค่ า

62. การใช๎กระจกปฐมภูมิ (Primary mirror) ในกล๎องโทรทัศน์แบบสะท๎อนแสง แทนการใช๎เลนส์วัตถุในกล๎องโทรทัศน์แบบหักเหแสง โดยที่กระจกและเลนส์มีความยาวโฟกัสและเส๎นผํานศูนย์กลางเทํากัน ท าให๎เกิดประโยชน์ในข๎อใด

1. ลดความคลาดสี 2. ท าให๎ภาพคมชัดมากขึ้น 3. ก าลังขยายของกล๎องเพ่ิมขึ้น 4. ท าให๎ภาพวางตัวเหมือนกับที่ตามองเห็น 5. ท าให๎ภาพสวํางข้ึน

63. ยานคิวริออสซิตี (Curiosity) เป็นยานส ารวจพื้นผิวดาวดวงใด 1. ดาวพุธ 2. ดาวศุกร์ 3. ดวงจันทร์ 4. ดาวอังคาร 5. ดาวเสาร์

64. ในการแบํงชั้นของโลก ข๎อใดที่มีลักษณะทางกายภาพเป็นของเหลวทั้งหมด

1. เปลือกโลกภาคพ้ืนทวีป 2. เปลือกโลกใต๎มหาสมุทร 3. เนื้อโลก 4. แกํนชั้นของโลก 5. แกํนโลกชั้นใน

65. ประเทศไทยตั้งอยูํในแผํนธรณีภาคใด 1. แผํนธรณีภาคแปซิฟิก 2. แผํนธรณีภาคยูเรเซีย 3. แผํนธรณีภาคออสเตรเลีย 4. แผํนธรณีภาคอเมริกาเหนือ 5. แผํนธรณีภาคอัฟริกา

66. การเกิดเทือกเขาสูงในบริเวณเทือกเขาหิมาลัย เป็นการเคลื่อนที่สัมพัทธ์ของแผํนธรณีภาคในลักษณะใด

1. การแยกออกจากกันของแผํนธรณีภาคพ้ืนทวีป 2. การแยกออกจากกันของแผํนธรณีภาคใต๎มหาสมุทร 3. การชนกันระหวํางแผํนธรณีของภาคพื้นทวีป 4. การชนกนัระหวํางแผํนธรณีภาคใต๎มหาสมุทร 5. การเคลื่อนที่ผํารสวนกันของแผํนธรณีภาคใต๎มหาสมุทร

67. ศูนย์เกิดแผํนดินไหวมักจะเกิดอยูํภายในชั้นใดของโลก

1. ผิวโลก 2. เปลือกโลก 3. เนื้อโลก 4. แกํนโลกขั้นนอก 5. แกํนโลกชั้นใน 68. ข๎อใดคือชนิดหินที่เป็นแหลํงของทับทิมที่พบในบริเวณจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด

1. หินแกรนิต 2. หินบะซอลต์ 3. หินแอนดีไซต์ 4. หินไรโอไลต์ 5. หินออบซิเดียน

Page 19: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

69. ยุคตามธรณีกาลใดตํอไปนี้ มีอายุเกําแกํที่สุด 1. ยุคครีเทเชียส 2. ยุคคาร์บอนิเฟอรัส 3. ยุคไซลูเรียน 4. ยุคไทรแอสซิก 5. ยุคออร์โดวิเชียร

70. “ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน” เป็นซากดึกด าบรรพ์ของสิ่งมีชีวิตในข๎อใด

1. ช๎างโบราณ 2. เฟิร์นโบราณ 3. ฟิวซูลินิด 4. ไดโนเสาร์ 5. ไทรโลไบต์ 71. จากข๎อมูลตํอไปนี้ “สถานที่แหํงหนึ่งมีชั้นหินปูนวางตัวอยูํใต๎ชั้นหินดินดานที่พบซากดึกด าบรรพ์ของหอยกาบคํู อายุเพอร์เมียน และพบชั้นหินทรายปิดทับชั้นหินดินดานนี้ มีหินอัคนีจ าพวกหินแกรนิตตัดแทรกจากด๎านลํางเข๎าไปในชั้นหินดินดานและชั้นหินทราย” ข๎อใดมีอายุน๎อยที่สุด

1. หินแกรนิต 2. หินปูน 3. หินทราย 4. หินดินดาน 5. หอยกาบคูํ 72. จากข๎อมูลตํอไปนี้ “แหลํงซากไดโนเสาร์ของประเทศไทยสํวนมากจะอยูํในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในนชั้นหินทรายและหินทรายแป้งที่มียุคไทรแอสซิกตอนปลาย ถึงยุคครีเทเชียสตอนกลาง หรือตั้งแตํ 200-100 ล๎านปีที่ผํานมา” นักเรียนคิดวําเราควรจะชํวยกรมทรัพยากรธรณีส ารวจหาซากไดโนเสาร์ในกรณีใดมากที่สุด

1. ตะกอนดิน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 2. หินแกรนิต จังหวัดตาก 3. หินปูน จังหวัดเลย 4. หินทราย จังหวัดจันทบุรี 5. หินทรายแป้ง จังหวัดขอนแกํน

สาระท่ี 8 ธรรมชาติของวิยาศาสตร์และเทคโนโลยี จ านวน 8 ข้อ ข๎อมูลตํอไปนี้ใช๎ตอบค าถามข๎อ 73-74 เคมีสีเขียว (Green Chemistry) คือ แนวคิดของการน าหลักการพ้ืนฐานที่ค านึงถึงความปลอดภัยในการใช๎สารเคมีเป็นอันดับแรก การใช๎สารเคมีจะต๎องไมํเป็นพิษหรือกํอให๎เกิดอันตรายตํอผู๎ที่เกี่ยวข๎องในกระบวนการผลิตน๎อยที่สุด รวมทั้งค านึงถึงการป้องกัน หรือ ลดการปลํอยสารเคมีที่เป็นพิษออกสูํสิ่งแวดบ๎อม โดยอาศัยหลักการในการเลือกใช๎วัตถุดิบ การวางแผนและการออกแบบการผลิต และ การใช๎ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม 73. ข๎อใดไมํใชหํลักการของเคมีสีเขียว

1. การออกแบบผลิตภัณฑ์ท่ีเมื่อใช๎แล๎วสามารถยํอยสลายได๎ 2. การใช๎สารท าปฏิกิริยาในปริมานมากเพ่ือให๎เกิดผลิตภัณฑ์มากทีสุด 3. การใช๎ตัวท าละลายที่ปลอดภัยและเป็นมิตรตํอสิ่งแวดล๎อม 4. การป้องกันการเกิดของเสียในกระบวนการผลิต 5. การใช๎สารหรือวัตถุดิบที่น ากลับมาใช๎ใหมํได๎

74. ข๎อใดเป็นการน าเอาแนวความคิดท่ีเกี่ยวกับเคมีสีเขียวมาประยุกตใ์ช๎

Page 20: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

1.การน าเอาพลังงานไวโครเวฟมาใช๎เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพในการท าปฏิกิริยา 2. การใช๎ของเหลวไอออนิกแทนตัวท าละลายอินทรีย์เพ่ือสกัดสาร 3.การใช๎ตัวเรํงปฏิกิริยาที่มีประสิทธิภาพแทนการเรํงด๎วยความร๎อน 4. การใช๎น้ าเป็นตัวท าละลายในปฏิกิริยาเคมีอินทรีย์ 5. ถูกทุกข๎อ

75. เมื่อน ามวล m ไปถํวงกับสปริงจะท าให๎สปริงยืดเป็นระยะทาง x ตามความสัมพันธ์ mg=kx เมื่อ k เป็นคําคงตัวสปริง นักเรียนคนหนึ่งถํวงสปริงด๎วยก๎อนมวลหลายๆก๎อน แตํละก๎อนมีมวลเขียนไว๎วํา 100 กรัม และวัดระยะยืดของสปริงด๎วยตลับเมตร โดยไมํได๎สังเกตวําปลายตลับเมตรเริ่มต๎นที่ 1.0 เซนติเมตร ไมํใชํ 0.0 เซนติเมตรเหมือนตลับเมตรทั่วไป เส๎นกราฟที่ได๎ระหวําง m และ x ที่นักเรียนตนนี้เขียนขึ้นจะมีลักษณะอยํางไรเทียบกับเส๎นกราฟที่ถูกต๎องเมื่อใช๎ตลับเมตรทั่วไป

Page 21: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)
Page 22: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

76. ถ๎านักเรียนท าการทดลองคล๎ายกับข๎อ 75 โดยใช๎ตลับเมตรทั่วไปที่มีความถูกต๎อง แตํก๎อนมวลมีความผิดผลาด กลําวคือ มวลที่แท๎จริงของแตํลํะก๎อนคือ 90 กรัม เทํานั้น กราฟระหวําง m และ x ที่นักเรียนคนนี้เขียนขึ้นจะมีลักษณะอยํางไรเทียบกับเส๎นกราฟเมื่อมวลแตํละก๎อนคือ 100 กรัม

Page 23: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

77. เพ่ือนของนักเรียนได๎ดูรายการทีวีดาวเทียมชํองป้าเซ๎ง แล๎วอยากท าน้ าหมักมหามงคลที่หมักจากเศษผลไม๎เหลือทิ้งในครัวเรือนมาให๎คนที่บ๎านทานเผื่อบ ารุงสุขภาพอยํางที่รายการบอก แตํครูของนักเรียนเตือนไว๎วําอาจเป็นอันตรายได๎ นักเรียนควรจะท าอยํางไรจึงจะชํวยเพื่อนตัดสินใจได๎วําจะท าน้ าหมักป้าเซ๎งดีหรือไมํ 1. พิจารณาค าสัมภาษณ์ในรายการทีวีจากผู๎ที่เคยใช๎แล๎ววําได๎ผลดีแคํไหน 2. สอบถามจากเพ่ือนวํามีผู๎ที่มีชื่อเสียงคนไหนเคยออกมารับรองบ๎าง 3. ลองทดลองหมักและทอสอบด๎วยตนเองวํามีดีจริงหรือไมํ 4. หาข๎อมูลการทดสอบจากองค์การอาหารและยา (อย.) วํามีประสิทธิภาพดีแคํไหน 5. ควรเชื่อค าเตือนของคุณครูเพราะเป็นผู๎อาวุโสกวํา 78. มีผู๎คนจ านวนมากทั่วโลกที่ตื่นกลัวกับค าท านายวําจะมีดาวเคราะห์นิบิรุเคลื่อนมาชนโลก จนโลกแตกในปีนี้ ถ๎านักเรียนได๎มีโอกาสน าเสนอเหตุผลเพ่ือไมํให๎คนตื่นกลัวกับค าท านายดังกลําว นักเรียนจะน าเสนอเหตุผลในข๎อใดที่นําจะคลายความกังวลของสาธารณะชนได๎มากท่ีสุด 1. ดาวนิบิรุไมํมีอยูํจริง เป็นแคํต านานของคนโบราณหลายๆ ชนเผําที่บังเอิญตรงกัน 2. โลกไมํได๎แตกด๎วยดาวนิบิรุ แตํจะแตกเพราะภาวะโลกร๎อนมากกวํา 3. ถ๎ามีดาวนิบิรุเคลื่อนที่มาชนโลกจริงคนทั่วโลกต๎องสํองกลํองมองเห็นเป็นดวงบนท๎องฟ้าแล๎ว 4. โลกอยูํมาได๎พันล๎านปีแล๎ว และก็จะอยูํตํอไป ไมํแตกงํายๆหรอก 5. นาซาเตรียมโครงการอามาเกดอนเอาไว๎แล๎ว เพื่อยิงจรวดไปท าลายดาวนิบิรุได๎ทัน 79. บันทึกโบราณจากหลายสํวนของโลกกวําตรงกันวําในปีคริสตศักราช 1054 มีดาวดวงหนึ่งซึ่งสวํางมากจนกระทั่งสังเกตในเวลากลางวัน ปรากฏขึ้นในกลุํมดาวราศีพฤษภ (Taurus) ในบริเวณท่ีไมํเคยมีดาวฤกษ์ใดปรากฏมากํอน ดาวเคราะห์นี้สังเกตได๎ด๎วยตาเปลําที่ต าแหนํงเดิมบนท๎องฟ้าราวสองปี แล๎วคํอยๆจางหายไป อีกหลายร๎อยปีตํอมานักดาราศาสตร์ได๎สํองกล๎องโทรทัศน์ไปยังบริเวณดังกลําวแล๎วพบวําต าแหนํงดังกลําวเป็นที่ตังของเนบิวลารูปปู (Crab nobula M1) ตํอมานักดาราศาสตร์ราวต๎นศตวรรษที่ 20 ได๎วิเคราะห์ภาพซึ่งถํายได๎ในชํวงเวลาหลายปีพบวําเนบิวลารูปปูขยายตัวออกอยํางช๎าๆ จากข๎อมูลข๎างต๎นนี้ ตามทฤษฏีวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ บันทึกในโบราณแสดงถึงวิวัฒนาการของดาวในระยะใด และดาวต๎นก าเนิด (progenitor star) ของเนบิวลารูปปูควรมีมวลเป็นอยํางไรเมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ 1.ดาวยักษ์แดง มวลน๎อยกวําดวงอาทิตย์

2. ดาวยักษ์แดงมวลใกล๎เคียงกับดวงอาทิตย์ 3. ดาวยักษ์แดง มวลมากกวําดวงอาทิตย์ 4. ซูเปอร์โนวา มวลใกล๎เคียงกับดวงอาทิตย์ 5. ซูเปอร์โนวา มวลมากกวําดวงอาทิตย์

Page 24: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

80. หากนักเรียนได๎ข๎อความทวิตเตอร์จากเพ่ือน หนํวยงานและส านักงานตํางๆ ข๎อใดอาจจะเป็นสัญญาณเตือนภัยวํามีโอกาศมากที่สุดที่จะเกิดสึนามิซัดเข๎าชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย ดังที่เคยเกิดข้ึนเมื่อปี พ.ศ. 2547

1. New Earthquake 7.5 earthquake, northern Sumatra, Indonesian. Oet 30 9:02am at epicenter (17m ago, 112km SE of Banda Aceh, Depth 19km). j.mp/rsSqoP

2. NoNG_Poo ตกใจ ตะกี้ก าลังนั่งท างานอยูํชั้น 10 อยูํๆ ก็เกิดแผํนดินไหวแรงมากที่กรุงเทพฯ ตอนนี้วิ่งลงมาข๎างลํางแล๎ว คนเต็มถนนสีลมเลย

3. Rawangpai 13:07 ประชาชนในเขตพ้ืนที่กรุงเทพ แจ๎งเหตุแผํนดินไหวรู๎สึกได๎ตามตึกสูงหลายแหํง ระดับการสั่นสะเทือนที่รู๎สึกเทียบได๎กับแผํนดินไหวปี 2547

4. Rawangpai 18:25 คลื่นลมทะเลก าลังแรงซัดเข๎าสูํชายหาดชลาทัศน์ จ.สงขลา ท าให๎ต๎นสนขนาดใหญํที่อยูํบริเวณริมหาดล๎มกวําสิบต๎นและชายหาดถูกคลื่นกัดเซาะระยะ ทางกวํา 100 เมตร bit.ly/vuvr49

5. Reporter_Js5 ศูนย์เตือนภัยพิบัติแหํงชาติ แจ๎ง 18.31 น. เกิดแผํนดินไหวบนบก 3.6 ริกเตอร์ที่พมํา หํางจาก อ.แมํสาย จ.เชียงราย 52 กม. ไมํมีผลกระทบตํอประเทศไทย ตอนที่ 2 แบบปรนัย 6 ตัวเลือก 2 ค าตอบดังรูป 81.ข๎อใดเป็นปฏิกิริยาคายความร๎อน (มี 2 ค าตอบ)

1.การเผาไหม๎ของแก๏สหุงต๎ม 2. การสังเคราะห์ด๎วยแสงของพืช 3. การสลายตัวของผงฟูให๎แก๏สคาร์บอนไดออกไซด์ 4. ปฏิกิริยาระหวํางมะนาวกับดินสอพอง 5. การสลายตัวของหินปูน

82. ณ ปัจจุบันสํวนใหญํผู๎บริโภคนิยมใช๎แก๏สเป็นเชื้อเพลิงส าหรับรถยนต์สํวนบุคคลจึงจ าเป็นต๎องติดตั้งถังแก๏สภายในรถยนต์ ข๎อใดจัดอยูํในกลุํมเชื้อเพลิงดังกลําว 1. แก๏สโซลีน 2. แก๏สโซฮอล์

3. แก๏สธรรมชาติอัด 4. แก๏สปิโตเลียมเหลว 5. แก๏สไบโอดีเซล 6. แก๏สชีวภาพ

Page 25: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

83. จากต าแหนํงบนยอดตึก ยิงวัตถุ A ออกไปในแนบราบด๎วยความเร็ว 10 เมตรตํอวินาทีพ้ีอมๆ กับยิงวัตถุ B ลงในต าแหนํงเดียวกันด๎วยอัตราเร็ว 10 เมตรตํอวินาที ณ เวลาเดียวกัน ข๎อสรุปใดถูกต๎อง (มี 2 ค าตอบ)

1. A มีขนาดการกระจัดจากต าแหนํงยิงน๎อยกวํา B 2. A มีขนาดการกระจัดจากต าแหนํงยิงเทํากับ B 3. A มีอัตราเร็วมากกวํา B 4. A มีอัตราเร็วเทํากับ B 5. A มีอัตราเรํงน๎อยกวํา B 6. A มีอัตราเรํงเทํากับ B

Page 26: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

84. อิเล็กตรอนตัวหนึ่งเคลื่อนที่เข๎าไปในบริเวณท่ีมีทั้งสนามไฟฟ้าและสนามแมํเหล็กดังรูป

ถ๎าอิเล็กตรอนยังคงเคลื่อนที่ไปในแนวเดิม ทิศของสนามไฟฟ้าและสนามแมํเหล็ก จะเป็นอยํางไรตามล าดับ(มี 2 ค าตอบ)

85. การหันตามดวงอาทิตย์ของดอกทานตะวันจะเป็นพฤติกรรมที่เกิดข้ึนจากปัจจัยกายภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยเดียวกับท่ีท าให๎เกิดพฤติกรรมในข๎อใด (มี 2 ค าตอบ)

1. สัตว์ป่าเกิดดินโป่งตอนเย็น 2. สุนัขผลัดขนทิ้งในหน๎าร๎อน 3. แมลงเมําชอบบินไปมารอบหลอดไฟ 4. นกนางแอํนอพยพย๎ายถิ่นลงบริเวณเส๎นศูนย์สูตร 5. นกเค๎าแมวออกหากินเวลากลางคืน 6. การหุบใบของต๎นไมยราพ

86. การเกิดภาวะโลกร๎อน (global warming) เกี่ยวข๎องกับการที่สารเหลํานี้มากเกินไปในชั้นบรรยากาศ ยกเว๎นสารใด (มี 2 ค าตอบ)

1. ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ 2. คาร์บอนไดออดไซด์ 3. โพรเพน 4. ไนตรัสออกไซด์ 5. มีเทน 6. โอโซนในชั้นบรรยากาศชั้นบน

Page 27: ค าชี้แจง - km.saard.ac.thkm.saard.ac.th/files/150331099474917_1611250224500.pdf · เคมี (สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร)

87. ข๎อใดตํอไปนี้เป็นชื่อของฝนดาวตก (meteor shower) (มี 2 ค าตอบ)

1. คนคู ํ(Gemini’s) 2. สิงโต (Leonids) 3. แมงป่อง (Scorpionids) 4. คนยิงธนู (Sagittarids) 5. หมีใหญํ (Ursr Majorids) 6. นกเขา (Columbids)

88. ดาวเคราะห์ข๎อใดตํอไปนี้เมื่อมองจากกล๎องโทรทัศน์บนโลก จะไมํมีโอกาสเห็นสวํางเต็มดวง (มี 2 ค าตอบ)

1. ดาวพุธ 2. ดาวศุกร์ 3. ดาวอังคาร 4. ดาวพฤหัส 5. ดาวเสาร์ 6. ดาวยูเรนัส

89. ในการศึกษาโครงสร๎างโลกจากคลื่นไหวสะเทือนจากศูนย์เกิดแผํนดินไหวใกล๎พ้ืนผิวจุดหนึ่ง ข๎อใดเป็นชั้นของโลกที่คลื่นทุติยภูมิขากศูนย์เกิดแผํนดินไหวนี้ไมํได๎เคลื่อนที่ผําน

1. เปลือกโลกภาคพ้ืนทวีป 2. เปลือกโลกใต๎มหาสมุทร 3. เนื้อโลกตอนบน 4. เนื้อโลกตอนลําง 5. แกํนโลกชั้นนอก 6. แกํนโลกชั้นใน

90. ข๎อใดเป็นลักษณะรอยตํอของแผํนธรณีภาคในบริเวณเทือกเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก 1. รอยตํอของแผํนธรณีภาคแบบแยกออกจากกัน ของแผํนธรณีภาคใต๎มหาสมุทร 2. รอยตํอของแผํนธรณีภาคแบบเคลื่อนที่เข๎ากัน ของแผํนธรณีภาคใต๎มหาสมุทร 3. รอยตํอของแผํนธรณีภาคแบบผํานกัน ของแผํนธรณีภาคใต๎มหาสมุทร 4.รอยตํอของแผํนธรณีภาคแบบแยกออกจากกัน ของแผํนธรณีภาคพ้ืนทวีป 5. รอยตํอของแผํนธรณีภาคแบบเคลื่อนที่เข๎ากัน ของแผํนธรณีภาคพ้ืนทวีป 6. รอยตํอของแผํนธรณีภาคแบบผํานกัน ของแผํนธรณีภาคพ้ืนทวีป