EsanWorld-4

56

description

เพื ่ อ จะเป็ น กำ า ลั ง ของชาติ ใ นวั น หน้ า ติดตามกิจกรรม : ได้ที่ www.loeimarket.com หรือ พิมพ์เสิร์ชคำาว่า Loeimarket ได้ที่ Facebook และ twitter SOCIETY LIFE STYLE Where to find us? Game   เกมประลองสมอง        44 + TIME MACHINE   ความเหลื่อมล้ำาของเวลา      38-40 Loei on the www www.watkerhong.com 44   Horoscope        42-43 Around the Loei   เชียงคาน          28-29 วัดเนรมิตวิปัสนา        30 วางใจได…ในความปลอดภัย ตรวจเช็คงาย…ทันใจ ใชงานงาย…ทันใจในเวลาเรงดวน

Transcript of EsanWorld-4

Page 1: EsanWorld-4
Page 2: EsanWorld-4
Page 3: EsanWorld-4
Page 4: EsanWorld-4
Page 5: EsanWorld-4
Page 6: EsanWorld-4

ติดตามกิจกรรม : ได้ที่ www.loeimarket.com หรือ พิมพ์เสิร์ชคำาว่า Loeimarket ได้ที่ Facebook และ twitter

กำ�ลังของเร�ในวันนี้ เพื่อจะเป็นกำาลังของชาติในวันหน้าโครงก�รมอบเสื้อห่มน้องครั้งที่ 1 ในวันที่ 27 พฤศจิก�ยน ที่ผ่�นม�

  โรงเรียนบ้านหนองงิ้วเหล่าแปน อ.วังสะพุง เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่เราเลือก

จัดกิจกรรมนี้เป็นที่แรก  โดยงานนี้ได้แรงสนับสนุนมาหลายฝ่ายโดยเฉพาะ

สื่อคุณภาพ  3  สื่อ  ได้มาช่วยกันอันได้แก่  นิตยสารเลยมาร์เก็ต  คลื่นวิทยุ 

88PlusFM  และ  หนังสือพิมพ์เลยไทม์พลัสนิวส์  ชวนกันทำาความดี  เพื่อ

สร้างสรรค์สังคมโดยจัดหาสิ่งของเครื่องใช้ที่คนเมืองเลยไม่ได้ใช้แล้ว  นำามา

มอบต่อให้น้องๆโรงเรียนแห่งนี้  สภาพโรงเรียน  อาคารเรียนของที่นี่  ก็บ่ง

บอกได้ถึงความยากจนและรอโอกาสที่จะมีคนจิตใจดีไปช่วยเหลือ  อาคารก็

สร้างมาตั้งแต่ปี 2512  ซึ่งสภาพมีการปรับปรุงนิดหน่อย  แต่ถือได้ว่ายังไม่มี

อะไรเปลี่ยนแปลงเลย  คราวหน้าทางเรามีกิจกรรมดีๆที่ไหนอีกนั้น  ติดตาม

ให้ดีๆนะครับ... ไปละบายๆ

Page 7: EsanWorld-4
Page 8: EsanWorld-4

CULTURE All About LOEI

  ทั้งหมดนี้คือ...จังหวัดเลย      15

+ Belief

  ความเชื่อ          16-17

+  ระลึกถึงพระเจ้าตากสิน      18 

Business+ Interview

  ชา อนุชา ครุนันท์ ร้านบ้านยาย    20-21

  พี่หุย ภูนาคำา รีสอร์ท      41

Tips

  เคล็ดไม่ลับ...กับน้าตุ๋ย      21

Marketing

  เข้าถึงลูกค้าอย่างไรให้รวดเร็ว    31

  4 วิธีมาร ล้วงความลับคู่แข่ง    22

Entrepreneur

  การสรรหาคนเข้าสู่บริษัท      31

SOCIETY Activity & Event

  โครงการมอบเสื้อห่มน้องครั้งที่ 1    6

Entertainment Game

  เกมประลองสมอง        44

+ TIME MACHINE

  ความเหลื่อมล้ำาของเวลา      38-40

Loei on the www

www.watkerhong.com 44

  Horoscope        42-43

LIFE STYLE Different Attitude

  ทัศนคติที่แตกต่าง        19

+ Illustration

  ผู้ ใหญ่ทำาตัวแย่ๆ ไม่ต่างอะไรกับ...    19

WARNING

ก๊อกๆๆ ระวังฟืนไฟ        34-35

TIP A CAR

  เคล็ดลับการเติมลมยาง      46

TRAVEL Around the Loei

  เชียงคาน          28-29

วัดเนรมิตวิปัสนา        30

ขอเสนอรุนเล็ก

สำหรับรานคาขนาดยอม

เคร�่องบันทึกเง�นสด

ครบถวนดวยคุณสมบัติเพื่อประสิทธ�ภาพสูงสุดในการใชงาน

ตรวจเช็คงาย…ทันใจ

วางใจได…ในความปลอดภัย

- ตั้งรหัสสินคายอย (PLU Code) ได 99 รหัสสินคา- บันทึกแผนกสินคาได 8 แผนกและสามารถกำหนด ราคาสินคาไว ในแผนก- สามารถตั้งใหมียอดสะสมเพื่อเช็คยอดขาย เปนรายเดือน/ป (ในกรณีที่ลางยอดขายทุกวัน)- เก็บขอมูลไดนาน 12 เดือน- จอแสดงผล 9 หลัก- ดูราคาสินคาไดงาย โดยแยกตำแหนงแผนก รหัส ราคา ตางตำแหนงในบรรทัดเดียวกัน

ใชงานงาย…ทันใจในเวลาเรงดวน

- สลับแคชเชียรได 8 คน เปนแบบรหัสแคชเชียร- มีปุมการใชงาน 37 ปุม- สามารถพิมพใบเสร็จซ้ำไดอีกครั้ง- แยกการชำระเงินเปนเงินสด เช็ค คูปอง บัตรเครดิต- มีปุมแกไข ยกเลิก เปลี่ยนแปลงรายการ และรับคืนสินคา- ตั้งจุดทศนิยมได- พิมพไดเร็ว 1.4 บรรทัด/วินาที- คำนวนภาษีมูลคาเพิ่มได 4 ประเภท (VAT)- มีปุมฟงกชั่นใหสวนลดเปอรเซ็นต- พิมพวันที่ เดือน ป เวลา เลขที่ใบเสร็จ รหัสเจาของ รหัสแคชเชียร ไวบนใบเสร็จได

- ใชระบบกุญแจแยกเฉพาะตัว- มีชองเก็บธนบัตร 3 ชอง/เก็บเหรียญ 8 ชอง- ตั้งรหัสปองกันการขาย ปองกันการเช็คยอดขาย ปองกันการลางยอดขาย- ปองกันการลางโปรแกรม ตั้งโปรแกรมได- ทนทานตอการใชงานหนัก- ปลั๊กไฟทนความรอนไดดี- ใชกระดาษขนาด 57 มม.

ตัวแทนจำหนาย จ.เลย : รานวังน�ำฟา Double A Copy Center ตรงขามรานอาหารรสเลิศ ต.วังสะพุง อ.วังสะพุง จ.เลยwww.wangnumpha.com E-mail : [email protected] Tel. 089-9374475 / 083-3619474 Fax. 042-842320

ทางเลือกใหมของการจำหนายสินคาหนารานที่รวมเอาขอดีของระบบคอมพิวเตอร (PC-POS)และเคร�่องบันทึกเง�นสด (ECR) ไวดวยกัน ใชงานงายเพียงสแกนบารโคดบนสินคา เคร�่องจะแสดง ช�่อราคาสินคาเปนภาษาไทย รวมเง�น แสดงเง�นทอนและพิมพใบเสร็จไดรวดเร็วสามารถสรุปยอดการขายประจำวันพรอมตัดสตอกสินคาไดถูกตอง แมนยำ ลดการรั่วไหลชวยอำนวยความสะดวก ควบคุมการขายควบคุมสตอกสินคาเหมาะสำหรับรานมินิมารท รานคาปลีก-สง รานโชวหวยรานขายหนังสือ รานขายยา รานขายเคร�่องสำอางรานขายเสื้อผา รานคาชุมชน สหกรณฯลฯบร�ษัทฯหางรานที่ตองการออกบูธขายสินคาบอยๆและรานคาทุกประเภท สินคาที่ไมมีบารโคดบร�ษัทฯจัดทำบารโคดให

  กลับมาพบกันในเล่มที่  ๔  ครั้งนี้อาจจะนานไปสักนิด  แต่ก็คุ้มค่ากับ

การรอคอย  ทั้งรูปแบบของเล่มที่เปลี่ยนไป  ความหนา  ดีไซน์ที่ทันสมัย

มากขึ้น  รวมไปถึงเนื้อหาที่อัดแน่นมากกว่าเดิม  แต่ก็ยังคงความมีสาระ

น่าอ่านเหมือนเดิมอย่างแน่นอน สำาหรับเล่มที่ ๔ นี้มีความพิเศษอีกอย่าง

ก็คือ  เราได้จัดกิจกรรม Grand Opening  ที่ห้าง Tesco Lotus  โดยได้

เชิญ คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ มาร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ด้วย เพื่อให้ชาว

เมืองเลยได้สัมผัสผู้มีชื่อเสียง  ในสังคมไทยเรา  เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมอง 

ทัศนคติ และ อาจนำามาปรับใช้ในชีวิตประจำาวันได้อีกด้วย

  เนื้อหาภายเล่มจะประกอบไปด้วย ๕ อย่าง นั่นก็คือ Business En-

tertainment Lifestyle Travel and Culture  ซึ่งทั้งหมดนี้  นิตยสารเลย

มาร์เก็ตคัดสรรมาเพื่อพี่น้องชาวจังหวัดเลย  และ  บรรดานักท่องเที่ยวที่

เข้ามาภายในจังหวัดเรา  ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า  นิตยสารของผมจะทำาให้

เกิดประโยชน์แก่ผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะครับ...

EDITOR NOTE Where to find us?อำาเภอเมืองเลย : ห้างใบบุญ, สหชัยฟอร์ดเลย, 3BB, โชว์รูมรถ

ทาทา, ร้านชื่นบาน เว็ดดิ้ง สตูดิโอ, ร้านแรลลี่ ประดับยนต์, โรง

แรมคิงส์, โรงแรมใบบุญเพลส, ร้าน Next, ร้าน Coff Man ภาย

ในห้างโลตัส,  ห้างโลตัส,  ร้านบ้านยาย,  โรงพยาบาลเลย,โรง

พยาบาลเมืองเลย  ราม,  โรงแรมเลยพาวิลเลี่ยน,  ร้านไฮเทค

ยนต์,  โรงแรมไทยอุดม,  ร้านคำาหลวง,  ห้างแว่นบิวตี้ฟูล,  ร้าน 

ขวัญชัยปังสด, ร้านร่วมใจ เฟอร์นิเจอร์, ร้านเคเอสโปรอิงค์เจ็ต, 

ร้านสังกะสี, อู่สี อินเตอร์ เซอร์วิส, ร้านอาหารเถียงนา, โตโยต้า

เมืองเลย, ร้านกาแฟ อเมซอล ภายในปั๊มน้ำามัน ปตท. นาอาน, 

ฮอนด้าเมืองเลย, หน่วยงานราชการต่างๆ, ร้านเสริมสวยทุกร้าน

ในอำาเภอ, ทุกธนาคาร, ทุกร้านค้าที่มีอยู่ในเมืองเลย

อำาเภอวังสะพุง :  ร้านวังน้ำาฟ้า,  โชว์รูมรถยนต์เชอรี่  และร้านค้า

ทุกร้านที่มีอยู่ในอำาเภอ, หน่วยงานราชการต่างๆ

อ.เชียงคาน : ดิโอลด์ เชียงคาน, สองผัวเมีย, ร้านค้าต่างๆ

อ.ภูเรือ : ทุกรีสอร์ท, อ.ด่านซ้าย : ทุกร้านค้าและรีสอร์ท

และสมาชิกที่สมัคร Member ของนิตยสาร จัดส่งถึงบ้าน...

Page 9: EsanWorld-4

ขอเสนอรุนเล็ก

สำหรับรานคาขนาดยอม

เคร�่องบันทึกเง�นสด

ครบถวนดวยคุณสมบัติเพื่อประสิทธ�ภาพสูงสุดในการใชงาน

ตรวจเช็คงาย…ทันใจ

วางใจได…ในความปลอดภัย

- ตั้งรหัสสินคายอย (PLU Code) ได 99 รหัสสินคา- บันทึกแผนกสินคาได 8 แผนกและสามารถกำหนด ราคาสินคาไว ในแผนก- สามารถตั้งใหมียอดสะสมเพื่อเช็คยอดขาย เปนรายเดือน/ป (ในกรณีที่ลางยอดขายทุกวัน)- เก็บขอมูลไดนาน 12 เดือน- จอแสดงผล 9 หลัก- ดูราคาสินคาไดงาย โดยแยกตำแหนงแผนก รหัส ราคา ตางตำแหนงในบรรทัดเดียวกัน

ใชงานงาย…ทันใจในเวลาเรงดวน

- สลับแคชเชียรได 8 คน เปนแบบรหัสแคชเชียร- มีปุมการใชงาน 37 ปุม- สามารถพิมพใบเสร็จซ้ำไดอีกครั้ง- แยกการชำระเงินเปนเงินสด เช็ค คูปอง บัตรเครดิต- มีปุมแกไข ยกเลิก เปลี่ยนแปลงรายการ และรับคืนสินคา- ตั้งจุดทศนิยมได- พิมพไดเร็ว 1.4 บรรทัด/วินาที- คำนวนภาษีมูลคาเพิ่มได 4 ประเภท (VAT)- มีปุมฟงกชั่นใหสวนลดเปอรเซ็นต- พิมพวันที่ เดือน ป เวลา เลขที่ใบเสร็จ รหัสเจาของ รหัสแคชเชียร ไวบนใบเสร็จได

- ใชระบบกุญแจแยกเฉพาะตัว- มีชองเก็บธนบัตร 3 ชอง/เก็บเหรียญ 8 ชอง- ตั้งรหัสปองกันการขาย ปองกันการเช็คยอดขาย ปองกันการลางยอดขาย- ปองกันการลางโปรแกรม ตั้งโปรแกรมได- ทนทานตอการใชงานหนัก- ปลั๊กไฟทนความรอนไดดี- ใชกระดาษขนาด 57 มม.

ตัวแทนจำหนาย จ.เลย : รานวังน�ำฟา Double A Copy Center ตรงขามรานอาหารรสเลิศ ต.วังสะพุง อ.วังสะพุง จ.เลยwww.wangnumpha.com E-mail : [email protected] Tel. 089-9374475 / 083-3619474 Fax. 042-842320

ทางเลือกใหมของการจำหนายสินคาหนารานที่รวมเอาขอดีของระบบคอมพิวเตอร (PC-POS)และเคร�่องบันทึกเง�นสด (ECR) ไวดวยกัน ใชงานงายเพียงสแกนบารโคดบนสินคา เคร�่องจะแสดง ช�่อราคาสินคาเปนภาษาไทย รวมเง�น แสดงเง�นทอนและพิมพใบเสร็จไดรวดเร็วสามารถสรุปยอดการขายประจำวันพรอมตัดสตอกสินคาไดถูกตอง แมนยำ ลดการรั่วไหลชวยอำนวยความสะดวก ควบคุมการขายควบคุมสตอกสินคาเหมาะสำหรับรานมินิมารท รานคาปลีก-สง รานโชวหวยรานขายหนังสือ รานขายยา รานขายเคร�่องสำอางรานขายเสื้อผา รานคาชุมชน สหกรณฯลฯบร�ษัทฯหางรานที่ตองการออกบูธขายสินคาบอยๆและรานคาทุกประเภท สินคาที่ไมมีบารโคดบร�ษัทฯจัดทำบารโคดให

Page 10: EsanWorld-4
Page 11: EsanWorld-4
Page 12: EsanWorld-4
Page 13: EsanWorld-4
Page 14: EsanWorld-4
Page 15: EsanWorld-4

บรรดาคำถามของคุณที่คุณมีขอสงสัยเกี่ยวกับประเทศไทย, วัฒนธรรมไทย, ประวัติ,

การทองเที่ยว, กฏหมาย, อาหาร, สถานที่เที่ยวยามค่ำคืน, เรื่องราวตางๆทั่วไป ที่มี

เกี่ยวของกับประเทศไทย เรามีผูเชี่ยวชาญคอยตอบคำถามของคุณ

EMail: [email protected]

LOEI  1.  คุณรู้หรือไม่ว่าที่ ไหนในจังหวัดเลย  มีบ่อที่

สามารถให้อาหารปลาได้  เช่นขนมปังโยนลงไปให้

ปลากิน

Dilokphat : คุณลองไปดูแถวๆ  กิ่งอำาเภอเอราวัณ 

เห็นว่าเค้ามี  โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่  ผานาง-

ผาเกิ้ง  เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำาริ

ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ  ที่นั่น

สามารถให้อาหารสัตว์ได้หลายชนิด  วิธีไปก็ไม่ยาก 

ให้ขับรถไปทางอำาเภอวังสะพุงแล้วก็เตรียมเลี้ยวซ้าย

ที่ 4 แยกอำาเภอวังสะพุง แล้วก็ขับไปเรื่อยๆ จนกว่า

จะเห็นป้ายว่า กิ่งอำาเภอเอราวัณครับ...

  2.  แนะนำาที่เที่ยวในเมืองเลยที่อยู่นอกกระแสตอน

นี้ มีที่ไหนบ้างคะ

Dilokphat : สวนหินผางามหรือคุนหมิงเมืองเลย 

ก็โอเคนะครับ  อยู่ที่บ้านผางาม  หมู่  10  ตำาบล

ปวนพุ  จากกิ่งอำาเภอหนองหินเข้าไปประมาณ  18 

กิโลเมตร  สวนหินผางาม  ภายในมีเส้นทางเดินสลับ

ซับซ้อน  บางช่วงดูลึกลับน่าตื่นเต้นคล้ายกับผจญ

ภัยอยู่ในเขาวงกต  บางช่วงต้องปีนป่ายเพิงหิน  หรือ

อาจต้องมุดลอดโพรงถ้ำา  นอกจากนี้  ตลอดเส้นทาง

ยังมีโอกาสพบเห็นต้นไม้หายากและต้นไม้ยักษ์อย่าง

ปรงเขาที่มีอายุหลายร้อยปี  สวนหินแห่งนี้จึงมีชื่อ

เรียกอีกชื่อว่า  “คุนหมิงเมืองเลย”  นักท่องเที่ยว

สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำาชมสวนหินผางาม

ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว  หรือว่าจะเป็นอีกที่หนึ่ง 

คือ  ถ้ำาโพธิสัตว์หรือกุ้ยหลินเมืองเลย  อันนี้จะตั้ง

อยู่ในบริเวณบ้านปวนพุ  ตำาบลปวนพุ  การเดินทาง

ใช้เส้นทางเดียวกับสวนหิน  ห่างจากปากทางราว  9 

กิโลเมตร จะมีทางแยกขวาเข้าไปตามทางลูกรัง 600 

เมตร แล้วเลี้ยวซ้ายอีก 1.4 กิโลเมตร ก็จะถึงถ้ำา ถ้ำา

แห่งนี้มีถ้ำาเล็กถ้ำาน้อยเรียงรายอยู่ใต้ยอดเขาทั้งหมด 

15  คูหา  แต่ละคูหามีชื่อเรียกต่างๆ  กัน  เช่น  เขา

วงกต  ถ้ำาลับแล  สวรรค์ชั้นต่างๆ  เป็นต้น  นอกจาก

นี้ยังมีหินย้อยรูปร่างสวยงามแปลกตาอีกมากมาย 

การเข้าชมนั้นควรติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่  อบต.ก่อน 

เนื่องจากไม่มีไฟฟ้า  และการเดินถ้ำาวกวนมาก  ใช้

เวลาในการเดินชมอย่างน้อย  1  ชั่วโมง  ผมว่าน่าจะ

โอเคแล้วนะสำาหรับผู้ที่ลงมาจากภูกระดึง แล้วมาแวะ

ที่ หนองหิน ที่นี่ก็สวยใช้ได้เลยครับ

  3.  ฝากบอกเจ้าของร้านค้าที่ขายอยู่แถวๆที่เที่ยว

หน่อยละกันว่า ราคาค่าอาหารทำาไมมันถึงแพงจัง คือ

ถ้าราคาสูงแล้ว แต่อาหารที่ให้มันเยอะตามมันก็โอเค 

แต่ว่า  ราคาสูงอาหารเหลือครึ่งเดียวจากปรกติถือว่า

มันจะทำาให้ผมมาแค่ครั้งเดียวแล้วจอดนะ  ไม่มาต่อ

ละ (สำาหรับบางร้านเท่านั้น)

Dilokphat : ผมรับทราบแล้วครับว่าเดี๋ยวจะเข้าไป

บอกต่อๆกันให้  เราเข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้นนะครับ

ว่าต้นทุนของที่ทำาอาหารนั้นราคาปัจจุบันก็แพงขึ้น

ถามเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น  ตามที่ผมได้สำารวจมา  ราคา

อาจจะเท่าเดิมกันหมดทุกร้านแต่อาจจะลดของที่ใส่

ลงไปเช่น ก๋วยเตี๋ยว ปรกติลูกชิ้นจะได้ 4 ลูก ปัจจุบัน

เหลือลูกชิ้นอยู่  2  ลูก  แต่ว่ามีกากหมูมาแทน  นิด

หน่อย  ในความคิดของผมทุกคนต้องเข้าใจกันและ

กัน  ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือผู้ประกอบการ  ถ้า

เกิดผู้ประกอบการคนใดคนหนึ่งเอาเปรียบผู้บริโภค

มากเกินไป  ผมคิดว่า  อนาคตที่เที่ยว  จังหวัดเรา

จะเงียบเหงามากขึ้นเพราะคำาว่า  ปากต่อปาก  มันมี

อิทธิไม่มากก็น้อย  ดังนั้นท่านควรคำานึงถึงตรงนี้ด้วย 

ไม่ใช่ว่าได้วันนี้ ก็พอใจละ แล้ววันข้างหน้าหล่ะก็ต้อง

ย้ายไปหาที่ทำากินใหม่หรือ?

  4.  ทำาไมคนที่จังหวัดเลยถึงปลูกต้นยางกันมากขึ้น

เรื่อยๆ ทั้งๆที่เมื่อก่อนจะมีเฉพาะภาคใต้

Dilokphat : จังหวัดเลยเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูก

ยางมากเป็นอันดับสองของภาคอีสาน  รองจาก

จังหวัดหนองคาย  มีพื้นที่ปลูกประมาณเกือบห้าแสน

ไร่ และมีศักยภาพที่สามารถปลูกได้อีก 1 ล้านไร่ ชาว

เกษตรที่หันมาปลูกยางพารานั้น  เศรษฐกิจภายใน

บ้านหรือแม้แต่ภายในจังหวัดถือว่าดีขึ้นมากๆ  ชาว

เกษตรกรมีเงินทองกันมากขึ้น  ปีๆหนึ่งสามารถซื้อ

ของที่ตนเองต้องการได้โดยไม่คิดมากเหมือนเมื่อ

ก่อน  ไม่ว่าจะเป็น  บ้าน  รถ  หรือ  สิ่งอำานวยความ

สะดวกต่างๆ  ดังนั้น  ในเมืองเลยถือว่าเป็นยอดฮิต 

และถือว่าเป็นตัวเลือกแรกๆของเกษตรที่คิดจะปลูก

เพื่อทำาเงิน...  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่พ้นนายทุนที่เข้า

มาเลือกซื้อที่ดินที่สามารถปลูกยางได้  เป็นคนจาก

จังหวัดอื่นก็เยอะ  จนทำาให้คนในพื้นที่ก็มีที่ดินหลง

เหลืออยู่บ้าง

ใครที่มีคำาถามแล้วต้องการให้เราตอบเพื่อลงตีพิมพ์

ในนิตยสารเลยมาร์เก็ต ก็ส่งคำาถามมาได้ที่ 

[email protected] ขอบคุณทุกคำาถามนะครับ..

Loeimarket Magazine

15

Page 16: EsanWorld-4

Loeimarket Magazine

16

Page 17: EsanWorld-4

คติความเชื่อเรื่องผีเป็นคติความเชื่อที่มีอยู่ ใน

ปัจเจกชนแต่ละคน  ซึ่งพยายามหาคำาตอบใน

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น  ผีเป็นสัญลักษณ์ของอำานาจ

เหนือธรรมชาติ  ที่อยู่เหนืออำานาจการควบคุมของ

มนุษย์  เมื่อมนุษย์มาอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม  มนุษย์มี

ความผูกพันกันและได้แสดงพฤติกรรมร่วมกันเกิดเป็น

พิธีกรรมที่เกี่ยวกับความเชื่อเรื่องผี

  ผี  ในทัศนคติของชาวบ้านเป็นผีที่มีความสำาคัญต่อ

วิถีการดำาเนินชีวิตของคนในชุมชน  ผีเป็นผู้ ให้ความ

หมายหรืออาจกล่าวได้ว่า  ผีเป็นผู้วางกฎเกณฑ์ในการ

ดำาเนินชีวิตของชาวบ้าน  ผีเป็นสิ่งที่รู้สึกสัมผัสได้  อาจ

จะไม่ใช่ด้วยระบบประสาททั้งห้า  หากมันเกิดขึ้นด้วย

ความเชื่อมั่นและศรัทธา  ที่ทำาให้เกิดดุลยภาพในสังคม

ระดับชาวบ้าน  แม้แต่ในราชสำานักไทยแต่เดิมพิธีกรรม

ต่าง  ๆ  ก็มีความเชื่อเรื่องผีเข้าไปปะปนอยู่มาก  ความ

เชื่อเรื่องภูติผีนั้นฝังแน่นอยู่กับคตินิยมของคนไทย

อย่างแน่นแฟ้นตั้งแต่สมัยอดีต  แม้แต่ทางบ้านเมืองก็

ยังมีพระราชพิธีเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องภูติผีอยู่ไม่น้อย 

ในรอบปีหนึ่งๆ  เช่น  การเซ่นสรวงพระเสื้อเมือง  พระ

ทรงเมืองและหลักเมือง  รวมทั้งพิธีสอบสวนคดีความ

สมัยอดีตโดยใช้พิธีลุยไฟ ดำาน้ำา เพื่อแสดงความบริสุทธิ์

ของจำาเลย  ซึ่งพิธีกรรมดังกล่าวเป็นความเชื่อในภูติผี

วิญญาณทั้งสิ้น  แม้แต่สมัยกรุงสุโขทัยซึ่งศาสนาพุทธ

กำาลังเจริญรุ่งเรือง  การนับถือผีสางก็ยังนิยมกันอยู่ 

ปัจจุบันในท้องถิ่นอีสานบางแห่งความเชื่อเรื่องผีก็ยังมี

อิทธิพลต่อวิถีชีวิตของชุมชนอยู่มาก

  สำาหรับคนอีสาน  ผีคือวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไป

แล้ว หรือที่มีอยู่แล้วโดยไม่ทราบว่ามีมาแต่เมื่อใดหรือมี

มาอย่างไร ผีเหล่านี้ประกอบด้วยผีประเภทต่าง ๆ  เช่น 

ผีนา ผีป่า ผีเขา ผีบ้าน ผีหมู่บ้าน ผีปู่ย่าตายาย ผีฟ้า ผี

แถน และผีอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งผีที่เกิดจากการกระทำา

ของบุคคล  เช่น  ผีปอบ  ความเชื่อเรื่องผีอันเป็นความ

เชื่อที่มีมาแต่เดิม  ผสมผสานกับความเชื่อในพระพุทธ

ศาสนา จนแทบจะแยกกันไม่ออกว่าพิธีกรรมใดเกิดจาก

ความเชื่อในพระพุทธศาสนา  หรือพิธีกรรมใดเกิดจาก

ความเชื่อเรื่องผี

  ความเชื่อเรื่องผีของชาวอีสานเข้ามาผูกพันในการ

ประกอบอาชีพ  ซึ่งว่ามีความสำาคัญต่อการดำาเนินชีวิต

ของชาวอีสาน  การทำานาอันเป็นอาชีพที่ขึ้นอยู่กับสภาพ

ของธรรมชาติดินฟ้าอากาศ  จะได้ผลหรือไม่ได้ผลขึ้น

อยู่กับธรรมชาติ  และสิ่งที่นับว่ามีความสำาคัญต่อการ

ทำานาก็คือน้ำา  น้ำาที่ได้จากน้ำาฝน  ซึ่งชาวอีสานเชื่อว่ามีผี

เป็นผู้คอยบันดาลให้ฝนตก  ฝนจะตกต้องตามฤดูกาล

หรือไม่  มีน้ำาเพียงพอหรือไม่  ขึ้นอยู่กับอำานาจดล

บันดาลของผีแถน  ก่อนลงมือทำานาเมื่อย่างเข้าฤดูฝน

จึงต้องมีพิธีกรรมขอฝนจากผีแถน  เพื่อให้ฝนตกต้อง

ตามฤดูกาล มีน้ำามากพอที่จะได้ทำานา เมื่อได้น้ำาฝนแล้ว 

ก่อนลงมือหว่านข้าวกล้าก็จะมีพิธีไหว้ผีระจำาที่นา  หรือที่ชาว

บ้านเรียกว่าผีตาแฮก  เพื่อข้าวกล้าจะได้เจริญงอกงามไม่ถูก

รบกวนจากศัตรูข้าว  ได้ข้าวเต็มเม็ดเต็มหน่วย  เพื่อความอยู่

รอดในการดำาเนินชีวิต  เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวก็มีพิธีสู่ขวัญลาน

นวดข้าว  สู่ขวัญข้าวเพื่อเป็นสิริมงคลมีข้าวได้พอกินตลอดปี 

ก่อนที่จะถึงฤดูกาลทำานาในปีต่อไป  ซึ่งล้วนแต่เป็นความเชื่อ

ที่เกี่ยวกับผีทั้งสิ้น

  ผีเป็นสัญลักษณ์แทนอำานาจเหนือธรรมชาติที่ชาวอีสาน 

ให้ความสำาคัญมาก  เพราะผีผูกพันอยู่กับการดำาเนินชีวิต  พอ

แรกเกิดชีวิตก็ผูกพันกับผีทันที  คือมีพิธีการสู่ขวัญเด็กแรก

เกิด  เพื่อให้ผีที่เชื่อว่าเป็นผีร้ายไม่ให้มาทำาลายชีวิตที่จะเติบโต

ต่อไปในวันข้างหน้า  และให้ผีที่ดีมาคุ้มครองปกปักรักษาให้

เป็นคนดีมีความเจริญ  มีวิถีทางในการดำาเนินชีวิตที่ดีในภาย

ภาคหน้า เมื่อเจริญวัยขึ้นการดำาเนินชีวิต*ตามฮีตตามคอง อัน

เป็นหลักปฏิบัติในการดำาเนินชีวิตของชาวอีสานแต่อดีต ความ

เชื่อเรื่องผีก็เข้าไปมีบทบาทอยู่มาก  ในหลักปฏิบัติในการ

ดำาเนินชีวิตเมื่อถึงวัยอันควรที่จะมีชีวิตคู่เข้าสู่พิธีแต่งงาน  พ่อ

แม่ฝ่ายหญิงก็จะดูว่าชายที่จะมาเป็นลูกเขย  มีความประพฤติ

เป็นอย่างไร  ตามฮีตตามคองหรือไม่  ประพฤติตัวผิดผีหรือ

ไม่  เมื่อพ่อแม่ฝ่ายหญิงพิจารณาเป็นที่พอใจแล้วก็จะจัดให้

มีพิธีแต่งงาน  ในพิธีแต่งงานนั้นช่วงหนึ่งจะมีพิธีบอกกล่าว

ผีบรรพบุรุษให้ทราบว่าชายหญิงคู่นี้จะใช้ชีวิตร่วมกัน  ขอ

อำานาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผีปู่ย่าตายายจงมารับรู้  มาปกปักรักษาให้

ชีวิตคู่ของคนทั้งสองมีการครองเรือนที่มีแต่ความสุข  อย่าให้

ความทุกข์มากล้ำากราย  แม้ถึงคราวเจ็บป่วยความเชื่อเรื่องผี

ก็เข้ามาเกี่ยวข้อง  โดยชาวอีสานจะพิจารณาจากอาการ  จาก

ลักษณะของโรคที่เป็นแยกออกเป็นสองลักษณะคือ โรคที่เกิด

จากพยาธิหรือเชื้อโรคนั่นหมายถึงเป็นโรคที่เกิดจากธรรมชาติ 

ต้องหายามารักษาซึ่งอาจได้จากสมุนไพรที่มีอยู่ทั่วไปหรือยา

จากสาธารณสุข และถ้าไม่ใช่โรคที่เกิดจากธรรมชาติก็เกิดจาก

การกระทำาของภูติผี  หรือว่าคนป่วยไปกระทำาการอันใดอัน

หนึ่งที่เป็นการผิดผีมา  ก็จะมีวิธีการรักษาอีกแบบหนึ่ง  คือใช้

นางเทียม (ผู้ทรงผีฟ้า)  เข้าประทับทรงติดต่อกับผีสอบถามว่า

ผู้ป่วยได้กระทำาการอันใดที่เป็นการผิดผีหรือไม่  ถึงได้สำาแดง

ให้ต้องเป็นไปเช่นนั้น  เมื่อทราบจากนางเทียมว่าผู้ป่วยไป

กระทำาการอันใดที่เป็นการผิดผี  ก็ให้ผู้ป่วยไปแก้ไขตรงจุดนั้น 

ด้วยการแต่งพิธีกรรมเพื่อขอขมาบูชาเซ่นสรวง  ซึ่งบางรายก็

หายจากการเจ็บป่วยจริง  ๆ  ก็มี  อาจเป็นเพราะความเชื่อใน

อำานาจเหนือธรรมชาติที่ทำาให้เกิดกำาลังใจในการต่อสู้กับโรค

ภัยก็เป็นได้

  อำานาจเหนือธรรมชาติที่เกี่ยวกับความเชื่อเรื่องผียังเข้ามา

เกี่ยวข้องกับชีวิตของชาวอีสานแม้กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต 

เมื่อมีคนตายชาวอีสานจะมีพิธีกรรมเกี่ยวกับการส่งวิญญาณ

ของผู้ที่จากไปให้ไปสู่ภพที่มีแต่ความสงบสุข  ดินแดนที่ชาว

อีสานเชื่อว่ามีความสงบสุขก็คือสวรรค์  จากความเชื่อที่ว่าถ้า

ได้ทำาบุญให้ผู้ตายแล้ว  ผู้ตายจะไปมีสุขอยู่บนสวรรค์น่าจะส่ง

ผลมายังญาติพี่น้องที่อยู่ข้างหลัง  คือช่วยให้คลายทุกข์โศก

จากการจากไปของญาติที่เสียชีวิต  ถึงแม้เขาจะจากไป

แต่ก็ไปพบกับความสุขอยู่บนสวรรค์  ซึ่งเป็นดินแดนที่

มีแต่ความสุข  สงบ  สบาย  แม้ผู้ตายจะตายไปนานแล้ว

ก็ตาม ชาวอีสานก็ยังมีความเอื้ออาทรต่อผู้ตาย คือยังมี

พิธีกรรมในฮีตเดือนเก้า  การทำาบุญข้าวประดับดินเพื่อ

เป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว 

ให้ยังคงได้รับความสุขอยู่บนสวรรค์  โดยเชื่อว่าผีผู้ตาย

สามารถที่จะรับเอาส่วนบุญนี้ได้

  ความเชื่อเรื่องผีของชาวอีสานยังมีส่วนเข้าไปเกี่ยว

ข้องกับอีกหลายสิ่งหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น  ป่า  เขา  ไร่ 

นา  และหมู่บ้าน  สังเกตได้จากการมีพิธีกรรมทำาบุญให้

ผีอย่างสม่ำาเสมอเกือบตลอดทั้งปี  หรือเมื่อมีเหตุการณ์

ที่ผิดปกติเกิดขึ้น  เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้าก็จะมีการ

บนบานขอขมาต่อภูติผีวิญญาณ  เพื่อเป็นการเรียก

ขวัญและกำาลังใจของตนกลับคืนมา  เปรียบเสมือน

ผีคืออำานาจเหนือธรรมชาติ  ชาวอีสานมีจิตสำานึกอยู่

เสมอว่าธรรมชาติรอบ  ๆ  ตัว  ไม่ว่าจะเป็น  ป่า  เขา  มี

ภูติผีวิญญาณสิงสถิตอยู่ซึ่งมองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ด้วย

ความรู้สึกที่มีอยู่  ในทัศนะเช่นนี้เป็นการเอื้อต่อการ

ดำาเนินชีวิตให้มีความสมดุลย์ในสังคมอีสาน  ไม่เอารัด

เอาเปรียบซึ่งกันและกัน ความเชื่อเรื่องผีในสังคมอีสาน

คล้ายกับกฎหมายในปัจจุบัน  คนอีสานจึงยึดถือปฏิบัติ

ตามฮีตสอบสองคองสิบสี่  ซึ่งหมายถึงบรรทัดฐานแห่ง

การดำาเนินชีวิตของคนในชุมชน  อันมีความเชื่อเรื่องผี

เข้าไปเกี่ยวข้องอยู่มาก

  ความเชื่อเรื่องผีมีความผูกพันกับชีวิตของคนอี 

สานตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย  เกี่ยวข้องกับชีวิตตลอด

เวลา  อำานาจเหนือธรรมชาติซึ่งมีผีเป็นตัวแทน  จึงเป็น

พื้นฐานสำาคัญของวิถีชีวิตชาวอีสานมาตั้งแต่ครั้งอดีต ผี

ทำาให้ชาวอีสานดำารงชีวิตอยู่ในสังคมเดี่ยวกันด้วยความ

ราบรื่น  สงบสุข  โดยไม่ต้องมีกฎ  ระเบียบ  ข้อบังคับ 

หรือกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษร  มีศาลมาคอย

ตัดสินคดีถึงสิ่งถูกผิด  ความเชื่อเรื่องผีและฮีตคองใน

ท้องถิ่นจะเป็นสิ่งที่ชี้ว่า อย่างนั้นดีอย่างนี้ไม่ดี ความเชื่อ

เรื่องผีความสำาคัญอาจจะไม่อยู่ที่ผี แต่อยู่ที่ “ จิตสำานึก

ของมนุษย์ ” ก็เป็นได้

ในความคิดส่วนตัวของผมนั้น

ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากตัวเรา

กระทำา ทำาดีย่อมได้ดี หรือที่เค้า

เรียกกันว่า คนดีผีคุ้ม

ท่านว่าจริงไหมครับ...

* ตามฮีตตามคอง หมายถึง จารีตประเพณี

Loeimarket Magazine

17

Page 18: EsanWorld-4

  วันที่  ๒๘  ธันวาคมที่จะถึงนี้นับเป็นวันสำาคัญของชาติไทยอีกวันหนึ่ง  เป็นวาระ

คล้ายวันปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 

ผู้ทรงเป็นมหาวีรกษัตริย์ไทย  ทรงเป็นนักรบที่กล้าหาญ  ทรงพระปรีชาสามารถ 

ปราบยุคเข็ญ กอบกู้ชาติไทยให้พ้นภัยจากการรุกรานของพม่าในสมัยกรุงศรีอยุธยา 

การศึกสงครามครั้งนั้นมีวีรชนที่พลีชีพเพื่อชาติจนเป็นที่กล่าวขวัญถึงความเสียสละ 

ความกล้าหาญ มาจนทุกวันนี้ ดังบทร้อยกรองของจินตนา ปิ่นเฉลียวว่า

แต่เลือดไทยใช่ขลาดทุกหยาดหยด      ยังปรากฏเกียรติคุณกรุ่นกล่าวขวัญ

ทะแกล้วหาญแห่งบ้านบางระจัน      นามนิรันดร์แนบใจไทยทุกคน

เป็นสักขีชี้ขานวิญญาณสยาม      ใช่จักขามขลาดภัยไปทุกหน

ที่กล้านักรักราชชาติของตน      ไม่ท้อทนถอยหลังก็ยังมี

บางระจันนั้นล่มจมลับแล้ว      แต่ชื่อแพร้วผ่องหล้าเป็นราศี

ฝากนามดุจดั่งอนุสสาวรีย์      วีรกรรมความดีนี้แจ้งใจ

  วีรชนไทยพยายามต่อสู้เลือดทาแผ่นดินเพื่อรักษาเอกราช แต่ก็ไม่สามารถจะต้านทานพม่าได้

ด้วยเหตุใด ผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ไทยคงจะทราบรายละเอียดซึ่งจินตนา ปิ่นเฉลียว รจนาไว้ว่า

เสียแผ่นดินสิ้นยศหมดเกียรติศักดิ์      อาณาจักรบรรลัยเพราะใครผลาญ

คิดให้ดีมิใช่พ่ายไพรีราญ      หากแพ้พาลที่ในหัวใจคน

ละเมอสุขเสพปลื้มลืมประมาท      จึงพาชาติวิบัติลงขัดสน

เสื่อมสามัคคีพาจลาจล      รอยด่างบนประวัติศาสตร์อนาถอาย

เหตุการณ์นี้จำาในหัวใจมั่น      ปีสองพันสามร้อยสิบชาติฉิบหาย

เสียวงศ์บ้านพลูหลวงร่วงทำาลาย      สุดเชื้อสายสุริยามรินทร์อินทร์

  หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่  ๒  ปีพ.ศ.  ๒๓๑๐  พระเจ้าตากรวบรวมไพร่พลต่อสู้กับพม่า  จน

สามารถกอบกู้อิสรภาพคืน และทรงปราบดาภิเษกประกาศพระเกียรติเป็นพระเจ้าแผ่นดิน  เมื่อวันที่ ๒๘ 

ธันวาคม พ.ศ.๒๓๑๐ จินตนา ปิ่นเฉลียว กล่าวยกย่องวีรชนผู้ร่วมกัน กอบกู้เอกราชว่า

ไทยจักไม่สิ้นไทยไม่สูญชาติ      ด้วยพระราชกฤษฎาภินิหาร

เราล้มแล้วลุกได้ในไม่นาน      ด้วยวิญญาณสยามกล้ากู้ธานิน

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  ทรงมีพระราชสมภพที่พระนครศรีอยุธยาเมื่อวันอาทิตย์ที่  ๑๗  เมษายน 

พ.ศ.๒๒๗๗ ทรงสถาปนา กรุงธนบุรีเป็นราชธานี ครองราชย์เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๓๑๐ พระ

ชนมายุ  ๓๔  พรรษา  พงศาวดารเรียกพระนามของพระองค์ว่า  สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี  หรือ  สมเด็จ

พระเจ้าตากสินมหาราช  เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่  ๖  เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ พระชนมายุได้ ๔๘ พรรษา  

เพื่อเป็นการรำาลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  ผู้ทรงมีพระคุณอันยิ่งใหญ่

ต่อชาติและชาวไทย  ทางราชการร่วมกับประชาชนจึงได้สร้างอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงเครื่องขัตติยาภ

รณ์  ประทับเหนืออัศวราชพาหนะ  พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงดาบประดิษฐานบนแท่งคอนกรีตเสริมเหล็ก 

ณ  บริเวณวงเวียนใหญ่  ฝั่งธนบุรี  และได้กำาหนดเอาวันที่  ๒๘  ธันวาคมเป็น  วันสมเด็จพระเจ้าตากสิน

มหาราช

เอกสารอ้างอิง 

จินตนา ปิ่นเฉลียว . (๒๕๒๒) อยุธยาวสาน กรุงเทพมหานคร : บริษัทพลพันธ์การพิมพ์ จำากัด

สมบัติ จำาปาเงิน . (๒๕๔๗) วันสำาคัญของเรา กรุงเทพมหานคร : สำานักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์

Loeimarket Magazine

18

Page 19: EsanWorld-4
Page 20: EsanWorld-4
Page 21: EsanWorld-4
Page 22: EsanWorld-4
Page 23: EsanWorld-4

Di�erent Attitudeทัศนคติที่แตกตาง

by Dilokphat

Walk Rally  มักจะถูกนำามาประกอบในการสัมมนาต่างๆ  อย่างกว้างขวาง 

เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ให้ทั้งความสนุกสนาน,  การทำางานเป็นทีม  รวมถึงให้แง่

คิดต่างๆ  กับผู้ร่วมกิจกรรม  รูปแบบของกิจกรรมฯ  นั้น  โดยทั่วไปจะมีการแบ่ง

กลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมออกเป็น  กลุ่มต่างๆ  และจัดให้แต่ละกลุ่มเข้าร่วมกิจกรรมใน

แต่ละฐาน แล้วนำาผลการทำากิจกรรมภายในฐาน ของแต่ละกลุ่มนั้น มาประเมินว่า 

กลุ่มใด  ได้คะแนนสูงกว่ากัน  ถือว่ากลุ่มนั้นเป็นผู้ชนะ  แต่ในการประยุกต์รวมเข้า

กับการสัมมนานั้น จะมุ่งให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้รับความรู้ แง่คิด รู้จักการทำางานเป็น

ทีม และความสามัคคีมากกว่า            

  ฉะนั้นความสำาคัญของคะแนน  และการเอาชนะกันจึงเป็นเรื่องรองลงไปปัญหา

สำาคัญในการจัดกิจกรรม “Walk Rally” นั้น คือ การเตรียมความพร้อม ทั้งในด้าน

กำาลังคน  ตลอดจนอุปกรณ์  และกิจกรรมที่มี  ความเหมาะสม  ฉะนั้นจึงควรมีการ

ประชุม คณะกรรมการจัดกิจกรรมล่วงหน้า เพื่อลดปัญหาติดขัดในการดำาเนินการ

ภายหลัง 

สิ่งที่ต้องคำานึงถึงในการ จัดกิจกรรม “Walk Rally”

1) จำานวนกลุ่มผู้เล่น

หากผู้เล่นมีจำานวนน้อย  ก็จะเกิดความสะดวกมากกว่าผู้เล่นจำานวนมากเนื่องจาก

ดูแลง่ายและใช้อุปกรณ์ในการทำากิจกรรมน้อยกว่า  สำาหรับการแบ่งกลุ่มนั้น  ใน

แต่ละกลุ่มไม่ควรมีสมาชิกมากจนเกินไป  เพื่อให้สมาชิก  ทุกคนได้มีโอกาสทำา

กิจกรรมอย่างทั่วถึง 

2) จำานวนเจ้าหน้าที่

หากเจ้าหน้าที่มีจำานวนน้อย  ก็จะเกิดปัญหาในการดูแลเป็นอย่างมาก  จึงไม่

สามารถกำาหนด 

3) จำานวนกิจกรรม

ให้มีจำานวนมากได้ อาจแก้ไขโดยการให้ เข้าฐานเพื่อทำากิจกรรม ทีละ 2 กลุ่มโดย

ให้ต่างกลุ่มต่างทำากิจกรรมของตัวเอง หรือให้แข่งขันกันระหว่างกลุ่มก็ ได้(แต่ต้อง

มีการสลับคู่กลุ่มกันบ้าง เพื่อความยุติธรรมในการแข่งขัน) 

4) จำานวนฐาน

จำานวนฐานที่จะมีต้องไม่มีจำานวนมากเกินไป  เพราะจะทำาให้สิ้นเปลือง  ทั้งด้าน

อุปกรณ์ และกำาลังคนรวมถึงความสามารถในการดูแล แต่ถ้าน้อยเกิน ไป ก็จะไม่

สามารถจัดกิจกรรมให้มีรูปแบบหลากหลายได้มากนัก ส่วน ใหญ่ นิยมกำาหนดให้

จำานวนฐานมีจำานวนเท่ากับกลุ่มของผู้เล่น  แล้วใช้ วิธีการเวียนฐาน  ในการดำาเนิน

กิจกรรม 

5) สภาพแวดล้อม

ก)  สถานที่  -  มีสถานที่ในการจัดกิจกรรมหรือไม่  (เหมาะสมหรือไม่)  หากเป็น

บริเวณชายหาด  ควรตรวจสอบเวลาน้ำาขึ้นน้ำาลงด้วยเพราะจะมีผลต่อกำาหนดการ

ต่างๆ ในการจัดกิจกรรม

ข) สภาพอากาศ - มักจะเกิดปัญหาในช่วงหน้าฝน ที่ต้องจัดกิจกรรมกลางแจ้ง ผู้

จัดจึงควรหาสถานที่ในร่ม หรือกิจกรรม อื่นๆ สำารองไว้ด้วย

  ถ้าบริษัทหรือกลุ่มงานของคุณพร้อมแล้ว  ก็หาสถานที่เที่ยวในเมืองเลยเป็นที่ 

Walk Rally กันบ้างนะครับ ยกตัวอย่าง.. ภูกระดึง ภูเรือ ภูสวนทราย และ สถาน

ที่อื่นๆ อีกเพียบ

เคยมีบ้างมั๊ย  ที่ผู้ ใหญ่ที่เรานับถือ  หรือเคารพ  จริงๆแล้วเขาไม่ได้เป็นอย่าง

ที่เราคิด  อย่างที่เราคาดหวัง  พอรู้จักกันไปนานๆ  ลายเริ่มออก  หางเริ่ม

โพล่  ถ้าเจอผู้ ใหญ่หรือคนที่เราเคารพนับถือแบบนี้  ความเคารพ  ความนับถือมันก็หาย

หมดไปแล้วหละ  แนะนำาเหลือเกินว่าให้หลีกห่างจากบุคคลพวกนี้  เพราะคบหรือรู้จัก

กันมันก็ไม่ทำาให้เกิดประโยชน์อะไรในชีวิตขึ้นมา  มีแต่จะฉุดลงต่ำา  เพราะผู้ ใหญ่บางคน

ทำาตัวได้แย่  และทำาตัว  หอ  สระ  เอีย  ไม้โท  ก็เยอะ  ยกมือไหว้  ก็เสียดายมือหวะ  ขอ

คืนก็แล้วกันความเคารพความนับถือที่มีให้ และก็ขอกรวดน้ำาคว่ำาขัน เราพบกันชาติเดียว 

  ที่เอาเรื่องผู้ ใหญ่บางคนที่เรานับถือมาเขียน  ก็เพราะว่า  เคยมีผู้ ใหญ่อยู่  2-3  คนที่

เรานับถือ  บางคนก็เรียกได้ว่าเป็น idol  ของเรามาก่อน (เคยเป็น idol,  แต่ตอนนี้ไม่ใช่) 

เพราะท่านผู้นี้ก็แก่มากแล้ว 60 กว่าๆ เราเจอกันที่วัดแห่งหนึ่ง พี่ๆ ไปปฏิบัติธรรมที่นั่น 7 

วัน เผอิญว่าผู้ ใหญ่ท่านนี้ก็ไปทำาบุญที่วัดพอดี และวิทยากรที่วัดก็เลยเชิญให้มาพูดคุยกับ

คนที่มาปฏิบัติธรรม เรารู้สึกว่าเรามี connection กับท่านก็เลยขอเบอร์โทร ก็โทรติดต่อ

กันเรื่อยมา  แต่พอได้รู้จักกันมากขึ้น  ได้เจอสมาชิกครอบครัวที่เต็มไปแต่เรื่องวุ่นวาย 

ครอบครัวที่แตกแยก มองหาความรักความอบอุ่นไม่มี มีแต่ความอิจฉาริษยา ใส่ร้ายกัน

ไปใส่ร้ายกันมา ยิ่งเจาะลึกยิ่งรู้อะไรแปลกๆใหม่ๆ สิ่งที่เราเคยเห็น 30 นาทีตอนที่เขามา

ที่วัด  กับชีวิตจริงๆที่เขาเป็น  มันช่างแตกต่างกันหรือเกิน  สรุปผู้ ใหญ่ท่านนี้เขาเป็นอะไร

กันแน่ จะเป็นอะไรก็ตามแต่  เราขอปลีกตัวออกห่างก่อนหละ เพราะรู้ได้เลยว่าเรานั้นมัน

คนละแนว

  นอกเหนือจากนี้นะ  ยังมีผู้ ใหญ่อีกหลายคน  ที่ชีวิตเขาหาความจริงใจกันไม่ค่อยจะ

มี  วันๆไม่ทำาอะไรหรอก  นินทาคนโน้นที  คนนี้ที  พวกนี้  เราก็ขอปลีกตัวออกห่าง  อย่า

ให้คนพวกนี้มาดึงฉุดเราให้ชีวิตต่ำาลงอย่างที่พวกเขาเป็นอยู่  บางคนเหรอ  ก็เห็นแต่แก่

ได้  ความจริงใจและความเกรงใจไม่มี  ทำาอะไรก็จะคิดถึงแต่ตัวเองก่อนเสมอ  นี่แหละนะ 

มนุษย์เรา  ถ้าคนเรารักกันจริง  สนิทกันจริง  จะคิดจะทำาอะไร  ต้องไม่เห็นแก่ได้  เห็นแก่

เงิน  อยากจะรู้ว่าสุดท้ายแล้ว  ตายไปเนี่ย  จะหอบไปได้มั้ยไอ้เงินทองต่างๆที่ได้มาจาก

การหักหารน้ำาใจคนอื่นเนี่ย  ชีวิตนี้คงไม่เจริญหรอกนะ  เพราะสุดท้ายแล้ว  เราก็ขอปลีก

ตัวออกห่าง พวกสูเจ้าก็จงอยู่อย่างโดดเดี่ยว  จะคบกับใครก็คงไม่มีความจริงใจ อยู่โดด

เดี่ยวอย่างนั้นแหละดีแล้ว because your asked for it และคนที่จะคบพวกสูเจ้าได้ ก็คง

เป็นประเภทเดียวกันนั่นแหละว้า

  สรุปแล้วอายุนี่มันเป็นเพียงตัวเลขจริงๆ  บางคนแก่จะหัวหงอกอยู่แล้วยังทำาตัวแย่ๆ 

ห่วยๆ  มีอีกเยอะ  อายุมันไม่ได้บ่งบอกถึงความบรรลุนิติภาวะอะไรมากมายเลยนะเนี่ย 

เห็นแล้วอนาจใจอย่างแรง  อย่างจะรู้ว่าบั้นปลายพวกควรเหล่านี้เขาจะเป็นยังไง  ถ้าเจอะ

เจอคนพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ ใหญ่หรือแก่ ก็ขอใส่เกียร์ถอยหลังก็แล้วกันนะ......

  เออ  เขียนๆมาเนี่ย  ขี้กากจะกินหัวป๊ะหวะ  ลามปามคนแก่  แต่คิดว่าคงไม่นะ  เพราะ

คนแก่ก็ไม่ได้ทำาตัวให้ดี  ให้เรานับถืออะไรเลย  เราก็สระผมทุกวัน  คงไม่มีขี้กากขึ้นหัวน่า 

ฮาาาาาาาาาาาาาาาา อย่างแรง

Loeimarket Magazine

23

Page 24: EsanWorld-4

{ CHA }

THE BAANYAI RESTAURANT

เจ้าของร้านอาหารพื้นเมือง “บ้านยาย”

ทำาความรู้จักกับผู้ชายคนนี้ ที่ชื่อ...

อนุชา ครุนันท์

Loeimarket Magazine

24

Page 25: EsanWorld-4

ทำาอะไรก่อนมาทำาร้านอาหารบ้านยาย?  ผมจบ ม.6 จากโรงเรียนศรีสงครามวิทยา ก็สอบชิง

ทุนของโรงพยาบาลเลย  ได้ทุนเรียนที่กรมวิทยาศาสตร์

การแพทย์ ( ยศเส ) ปี พ.ศ.2536 ผมเข้ารับราชการที่โรง

พยาบาลเลย  ในตำาแหน่งเจ้าพนักงานวิทยาศาสตร์การ

แพทย์  จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังคงทำางานอยู่ที่โรงพยาบาล

เลยเหมือนเดิมครับ  ใครที่คุณหมอนัดเจาะเลือด  ก็จะ

เจอผมอยู่ที่ห้องเจาะเลือดที่ชั้น 1 ตึกใหม่นะครับ (คนไข้

จะชอบเรียกผมว่า  “คุณหมอผมยาว”  แต่จริงๆแล้ว  ผม

ไม่ใช่หมอนะครับ)

ทำาไมถึงมาลงเอยกับธุรกิจร้านอาหาร “บ้าน

ยาย”

  ผมชอบทานอาหารพื้นบ้านมากครับ  โดยเฉพาะ

อาหารที่แม่ทำาให้ผมทาน  อร่อยครับ  (คุณแม่ของผม 

เป็นเชฟใหญ่บ้านยาย)  และผมเป็นคนมีเพื่อนเยอะครับ 

รับแขกจากต่างจังหวัดก็บ่อย  และส่วนตัวก็เป็นคนชอบ

กิน ชอบดื่ม ชอบเที่ยวครับ ก็เลยทำาร้านอาหารเองซะเลย

ทำาไมจึงตั้งชื่อร้านว่า “บ้านยาย” ?

  บ้านยายหลังแรก  เป็นบ้านไม้โบราณ  และผมให้

เกียรติคุณยายเจ้าของบ้านที่ใจดีให้ยืมบ้านมาทำาร้าน 

ประกอบกับร้านของเราเป็นร้านอาหารพื้นบ้านอย่างเดียว 

พอตั้งชื่อว่า “บ้านยาย” โดนสุดๆ ชอบมาก

จุดเด่นกับจุดด้อยของร้านล่ะ มีบ้างไหม ?

  เอาจุดด้อยก่อนแล้วกันครับ ก็คือ เจ้าของร้าน(ลูกพี่)

ขี้เมา  (หัวเราะ)  ส่วนจุดเด่น  ภูมิใจเสนอมากๆ  คือ 

พนักงาน(ลูกน้อง)ทุกคนตั้งใจทำางานกันดีมากครับ  นับ

เป็นโชคดีของผมนะที่ได้ลูกน้องที่ดี

เกาเหลากับใครบ้างไหม?

  ไม่เลยครับโดยส่วนตัวแล้วผมชอบกินก๋วยเตี๋ยวม

ากๆ  (หัวเราะ)  หลักการค้าของผมคือ  ไปเที่ยวที่ไหนก็

ให้สนุกครับ  หัวเราะดังๆได้  ผมก็เลยมีแต่พันธมิตรครับ 

ไม่มีศัตรูที่ไหนเลย (ผมเป็นคนดี ดีที่สุดครับ)

ลูกน้องเยอะแบบนี้มีวิธีดูแลยังไง ?

  ให้ความรักครับ  รักเขาให้มากๆ  แล้วเขาก็จะรัก

เรา  และรักองค์กรเองครับ  ถ้าลองสังเกตจะเห็นว่าลูก

น้องของผมส่วนใหญ่จะทำางานกันมานานครับ  ตั้งแต่ยุค

บุกเบิกร้านด้วยกันแรกๆเลย  ตั้งแต่เรียนมัธยมจนจบ

ปริญญาเลยก็มีครับ

คิดจะเปลี่ยนยูนิฟอร์มของพนักงานให้เป็นแบบ

พื้นเมืองไหม ?

  ก็เคยคุยๆกับลูกน้องเหมือนกัน  ก็คิดว่ายังครับ  ยัง

ไม่ถึงตรงนั้น  เราขออยู่แบบง่ายๆ พื้นๆ สบายๆ ก่อนดี

กว่าครับ

เคล็ดไม่ลับ...กับน้าตุ๋ยอยากถามน้าตุ๋ยถึงเคล็ดลับการบริหารร้านอาหารให้

ประสบความสำาเร็จ 

???  ก่อนจะเปิดเราต้องดูอะไรบ้าง  ตอนนี้กำาลังม

องร้านอาหารไทยร้านนึงอยู่  ตกแต่งสวยงาม  อยู่ใน

ย่านโอเค แต่ร้านเค้าขายไม่ดีเท่าที่ควร แต่ออมมั่นใจ

ในรสชาติอาหารแล้วประสบการณ์แล้วความตั้งใจ

มาก เลยอยากซื้อต่อเค้า น้าตุ๋ยเห็นว่าไงคะ

-  ดีค่ะเป็นคำาถามที่ดีโดยปรกติแล้วก็มีคนมาปรึกษา

ปัญหาเรื่องร้านอาหารอยู่เป็นประจำาก็คิดว่าน่าจะ

ใช้เป็นประโยชน์ได้สำาหรับน้องใหม่ที่กำาลังจะเริ่ม

กิจการ ต้องขอออกตัวก่อนนะค๊ะว่าตัวน้าเองก็ไม่ใช่ผู้

ที่วิเศษอะไรหรือรู้มากกว่าใคร  เพียงแต่ก็พอคุยด้วย

ได้จากประสพการณ์ของตัวเองแล้วกันนะคะ

  ก่อนจะเปิดร้านน้าว่าไม่ต้องดูอะไรมาก  เลยค่ะ 

อย่างแรกดูที่ตัวเองก่อนเลยว่า  ตัวเราเองมีความ

พร้อมแค่ไหน? ทำาอะไรเป็นบ้าง? เคยมีประสพการณ์

ร้านอาหารมาบ้างหรือเปล่า?  อยู่ที่นี่เจ้าของร้านควร

จะต้องทำาเป็นให้ได้ทุกจุดของร้านพนักงานหยุดหรือ

ป่วยขาดตำาแหน่งไหนก็ต้องกระโดดเข้าไปทำาได้เอง

ทุกจุด  หลายๆคนรวมไปถึงตัวน้าเองด้วยค่ะเมื่อ

ก่อนตอนที่เราจะเปิดร้านแรกโน่น!  เราก็ได้ไปชิม

ร้านอื่นๆมาก่อนแล้วก็คิดอยู่ในใจว่า  เหม!  ไม่เห็น

ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา บ้านยายมีเคล็ดลับอะไรถึง

มีลูกค้าแน่นร้านทุกวัน ?

  พวกเราตั้งใจทำางานกันมากครับ  ไม่ว่าจะตำา  แหน่ง

ไหน  หรือหน้าที่อะไรก็ตาม  และทำาบุญทำาทานให้มากๆ

ครับ

แนวทางร้านในอนาคต ?

  ตั้ ง ใจ จ ะทำ า ร้ า นนี้ ใ ห้ อ ยู่ ไ ป น านจนชั่ ว ลู ก ชั่ ว

หลานครับ  รักษาวัฒนธรรมการกินแบบพื้นบ้าน  รักษา

อาหารแบบพื้นบ้านไว้ไม่ให้สูญหายไปครับ  ถึงรุ่นลูก 

หลาน เหลน โหลน ก็ยังต้องรู้จัก”อ่อมกบ” ครับ

แรงบันดาลใจ ?

  อัสนี – วสันต์ โชติกุล ครับ

อยากฝากอะไรกับแฟนนิตยสารเลยมาร์เก็ต?

  “เป็นคนดี  ดีที่สุดครับ”  ผมรักประเทศไทย  รักเมือง

เลย รักคนเมืองเลยครับ “บ้านยาย” อยู่มาจนถึงทุกวันนี้

ได้ก็เพราะลูกค้าผู้มีพระคุณทุกท่าน ที่มาอุดหนุนเราอย่าง

อุ่นหนาฝาคั่งในแต่ละวัน พวกเรา”ร้านบ้านยาย” จะตั้งใจ

ทำางานบริการตรงนี้ให้ดีที่สุด  ให้คุ้มค่ากับเงินทุกบาททุก

สตางค์ที่ท่านจ่ายให้เรามา  “เราเต็มใจให้บริการอย่างไม่

เอาเปรียบครับ” ขอบพระคุณจริงๆ ขอบคุณน้องเป้ จาก

นิตยสารเลยมาร์เก็ตด้วยครับ  ที่ให้ผมได้ลงในคอลัมน์

สัมภาษณ์นี้ ทำาให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนดังเลย

อร่อยเลยเราทำาเองอร่อยกว่าตั้งเยอะ  ขอบอกเลยว่า

คิดผิดค่ะ    การทำาอาหารอยู่ที่บ้านกับร้านมันต่างกัน

แบบฟ้ากะดิน  อยู่บ้านเราไม่ต้องทำาเวลาค่อยๆทำาไป

ชิมไปบ่นไปไม่อร่อยก็แต่งโน่นเติมนี่ไม่อร่อยให้มันรู้

ไป  แต่เวลาอยู่ในร้านมัวแต่ทำาไปชิมไปปรุงไปเรื่อยๆ

ก็ตายลูกเดียวอ่ะซิฮ้า!  อาหารเสร็จออกไปเสริพอ้าว! 

แขกหายไปซะแร๊วว..!  ดีค่ะที่มีฝีมือ  แต่ก็ควรจะผ่าน

ประสพการณ์  speed  up  ตัวเองพอได้ที่แล้วเราจะ

ได้ทั้งความเร็วพร้อมกับความปราณีตของอาหารที่ดี

และอร่อย  เจ้าของร้านที่มีฝีมือในการปรุงแต่งอาหาร

ที่ได้รสชาติเป็นที่ถูกปากของคนส่วนมากถือว่าเป็น

ข้อได้เปรียบค่ะ 

  ขั้นต่อมาถ้าเราคิดว่าทำาเลที่เราไปดูแล้ว  สืบเสาะ

มาแน่ๆแล้วว่าน่าจะมีแขกได้ดีก็ต่อรองราคา  ควร

จะใช้ทนายที่ดีระเอียดรอบคอบในการซื้อขายแล้วที่

สำาคัญต้องใจเย็นๆไม่ต้องรีบซื้อรอให้สัญญาเสร็จ

เรียบร้อยซะก่อน  อันนี้น้าก็ได้จากประสพการณ์ตัว

เองเมื่อตอนทำาร้านแรก  ก็ใจมันร้อนนี่อยากจะทำา

ร้านไวๆกลัวคนอื่นมาแซงเอาร้านไปสัญญงสัญญาไม่

ต้องละเอียดมากก็ได้  กว่าจะคืนร้าน(แรก)ได้ก็หืดขึ้น

คอเลยล่ะค่ะ 

  ส่วนเรื่องต่อมาก็เรื่องค่าแรงกับเรื่องบริหารผู้ร่ว

มงาน  สำาหรับร้านที่เปิดใหม่ๆยังไม่รู้รายรับที่คงที่เ

จ้าของก็ต้องเหนื่อยมากก..ถึงมากที่สุดค่ะ  นั่นแหละ

ค่ะที่น้าตุ๋ยถึงบอกว่าเจ้าของร้านควรจะทำาได้ทุกจุด 

ตอนเปิดร้านใหม่ๆน้าเองก็จ้างพนักงานไม่มากทำา

เองซะเป็นส่วนใหญ่ตอนนั้นก็เดาไม่ถูกล่ะค่ะว่าวัน

ไหนจะขายดีหรือวันไหนจะเงียบก็เลยไม่กล้าจ้างคน

มากกลัวว่ากำาลังการจ่ายค่าแรงจะไม่พอ  จนเปิดมา

ได้ซักระยะพอจะรู้ทางก็กล้าที่จะวางพนักงานได้มาก

ขึ้น ส่วนเรื่องการจ่ายค่าแรงก็อยู่ที่การตกลงกันนะค๊ะ

เรื่องค่าแรงว่าจะจ้างเป็นชม.หรือไม่ อันนี้สำาคัญน้าว่า

ก็มีหลายๆร้านนะค๊ะที่กำาลังรายรับเค้ามีไม่มากพอที่

จะจ่ายให้ได้เป็นชม.แต่เค้าดี๊ดีกับลูกน้อง  ลูกน้องก็

เข้าใจน้าเคยได้ยินมาบ่อยๆว่า  “ร้านที่หนูทำาขายไม่

ค่อยดีเลยค่ะ  ก็สงสารเจ้าของร้านไม่ค่อยอยากรับ

เงินมาเลย”  ก็นะถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน  พอร้านขายดี

ขึ้นเจ้าของก็ควรจะเพิ่มค่าแรงตามไปด้วยก็ดีค่ะ  มี

สวัสดิการให้บ้าง  ดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน  อยู่กัน

ด้วยความเข้าใจ  มีเรื่องไม่เข้าใจกันก็หันหน้าเข้าคุย

กันในเวลาที่เหมาะสม 

ก็ขอเป็นกำาลังใจให้กับทุกๆคนที่กำาลังจะเปิดร้านทุก

คนด้วยนะคะ

Loeimarket Magazine

25

Page 26: EsanWorld-4

ความลับทางธุรกิจถือเป็นเรื่องสำาคัญ หากล่วงรู้ความลับของคู่ต่อสู้ รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง

การต่อสู้บนยุทธภพของธุรกิจที่ต่างฝ่าย

ต่างแก่งแย่งช่วงชิงกันความเป็นหนึ่ง

ในสมรภูมิที่ดุเดือด  หลายบริษัทใช้ยุทธวิธีที่ ในอดีต

อาจถูกมองว่าเป็นการรบนอกแบบและไม่ตามกติกา 

นั่นก็คือ  ‘การล้วงความลับ’  จากคู่ต่อสู้นั่นเอง  แต่ใน

ปัจจุบันที่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนความคิดก็เปลี่ยนตาม

ไปด้วย  กลยุทธ์และวิธีการล้วงความลับจากคู่ต่อสู้

กลับกลายมาเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้น  ทุกบริษัทต่าง

ใช้วิธีนี้เพื่อสืบหาข้อมูลความลับจากบริษัทคู่แข่งกัน

ทั้งนั้น  จะต่างกันตรงที่บริษัทใดจะเลือกใช้วิธีแบบไหน

ที่ไม่น่าเกลียดและไม่ผิด  กฎหมายมากกว่ากัน  โดย

บทความนี้มีวิธีล้วงข้อมูลความลับจากคู่แข่งขันทาง

ธุรกิจเบื้องต้นมาฝากผู้ประกอบการหน้าใหม่ทุกท่าน 

ซึ่งวิธีที่นำาเสนอต่อไปนี้เป็นวิธีการที่สามารถนำาไปปรับ

ใช้ปฏิบัติได้ โดยง่ายอีกทั้งยังไม่ผิดกฎหมายอีกด้วย

1. สังเกตจากพฤติกรรมภายนอก

  การสังเกตพฤติกรรมภายนอกนี้สามารถทำาได้ง่ายที่

สุด  โดยเริ่มดูจากการเปลี่ยนแปลงในส่วนของพนักงาน

ทั่วไปจนกระทั่งไปถึงระดับผู้บริหารของบริษัทคู่แข่งว่ามี

การเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างไรบ้าง  มีการรับ

พนักงานหรือฝ่ายบริหารคนใหม่เข้ามาหรือไม่  ถ้ามีก็

ควรตามไปหาข้อมูลเพิ่มว่าผู้บริหารท่านนั้นว่ามีความ

เชี่ยวชาญเกี่ยวข้องในเรื่องอะไรที่ เป็นพิเศษ  ซึ่งข้อมูล

ต่างๆที่ได้มาเหล่านี้จะมีประโยชน์มากในการนำามาวิเคราะห์

ข้อมูลในอนาคตถึงแนวโน้มสภาพการดำาเนินธุรกิจต่อไปใน

อนาคตของบริษัทคู่แข่งได้ว่าจะมีแนวทางบริหารไปในรูปแบบ

ลักษณะแนวทางใด เป็นต้น

2. ผลประกอบการ

  การดูผลประกอบการของบริษัทคู่แข่งก็สามารถนำามา

ใช้เป็นข้อมูลในการสืบความลับได้เช่นกัน  โดยเฉพาะบริษัท

ที่ทำาการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  ซึ่งจำาเป็นต้องแสดง

ข้อมูลผลประกอบการออกมาให้สาธารณชนได้รับทราบ  ซึ่ง

เป็นข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือสูงมาก  เพราะไม่สามารถปกปิด

หรือตกแต่งได้โดยเด็ดขาด  ซึ่งข้อมูลผลประกอบการที่ได้

แสดงออกมานี้  เมื่อนำามาวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วจะได้

ข้อมูลที่สามารถคาดคะเนแนวโน้มการดำาเนินงานในอนาคต

ของบริษัทคู่แข่งได้ว่า  มีทิศทางที่จะปรับตัวไปแนวทางไหน

อย่างไรด้วย  เช่น ถ้าผลประกอบการในปีนี้น้อยกว่าคาดคิดไว้

เมื่อต้นปีแน่นอนว่าปีต่อไปบริษัทดังกล่าวต้องวางกลยุทธ์ใน

เชิงที่เปิดเกมรุกมากขึ้นแน่นอน

3. ข่าวประกาศประชาสัมพันธ์

  ข่าวประกาศข่าวประชาสัมพันธ์ต่างๆ  ไม่ได้เป็นแค่หนึ่งใน

กลยุทธ์การทำาการตลาดของบริษัทคู่แข่ง  แต่เป็นแหล่งข้อมูล

ชั้นดีในการล้วงความลับอีกด้วย เพราะข่าวประชาสัมพันธ์พวก

นี้ส่วนมากจะมีการเปิดเผยยุทธวิธีการทำาตลาดใน อนาคตของ

บริษัทดังกล่าวออกมาไม่มากก็น้อย  ซึ่งข้อมูลต่างๆเหล่านี้

ผู้ประกอบการต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษในการนำาข้อมูล 

มาพิจารณาเพื่อที่จะได้ทราบแนวคิดและวิธีการ  รวมถึง

กลยุทธการต่อสู้ของคู่แข่งขันทางธุรกิจ  ณ  ปัจจุบันว่ามีการ

ปรับยุทธศาสตร์ไปในแนวทางไหน  ซึ่งข้อมูลที่ได้มานี้จะ

สามารถนำามาปรับปรุงแผนการดำาเนินธุรกิจให้ดีกว่าของคู่

แข่งในอนาคตได้ด้วย เช่น การจูงใจให้ผู้บริโภคให้มาใช้สินค้า

หรือบริการที่ดีกว่าของผู้ประกอบการ เป็นต้น

4. ดึงพนักงานหรือผู้บริหารของทางบริษัทคู่แข่งมาร่วมงาน

  วิธีการนี้เป็นวิธีการดีและได้ผลเร็วที่สุดในการสืบความลับ

ของบริษัทคู่แข่งทางการค้าโดยตรงโดยผู้ประกอบการอาจ

จะไปนำาเสนอตำาแหน่งงานที่น่าสนใจ  พร้อมกับเงินเดือนค่า

จ้างบวกกับสวัสดิการที่พนักงานหรือผู้บริหารของบริษัทคู่

แข่งมิอาจปฏิเสธได้เพื่อดึงตัวมาร่วมงานกับทางบริษัท  ซึ่ง

เมื่อได้พนักงานหรือผู้บริหารคนดังกล่าวมาร่วมงานแล้วจะมี

ประโยชน์ในการล้วงความลับจากบริษัทคู่แข่งค่อนข้างมาก 

เพราะพนักงานที่ได้มาใหม่จากบริษัทคู่แข่งมักจะบอกข้อมูล

ความลับยุทธวิธีและแผนการดำาเนินงานรวมทั้งข้อผิดพลาด

ของบริษัทเดิมที่เป็นประโยชน์และสามารถนำามาปรับใช้ให้เข้า

กับการวางแผนธุรกิจของบริษัทผู้ประกอบการเองได้

  นอกจากนี้ยังถือว่าบริษัทของผู้ประกอบการเองยังได้

บุคลากรที่มีความรู้  ความสามารถเข้ามาเสริมทัพเพื่อช่วย

พัฒนาศักยภาพความแข็งแกร่งให้มีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย 

เปรียบเสมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวนั่นเอง                 

  การล้วงความลับทางธุรกิจในปัจจุบันค่อนข้างจะได้รับ

การยอมรับและนำาไปใช้กันอย่างกว้างขวางในทุกบริษัท  แต่

วิธีการล้วงความลับที่ดีนั้นผู้ประกอบการควรจะสร้างกำาแพง

และกำาหนดขอบเขต  ที่เหมาะสมของการล้วงข้อมูลว่าควรที่

จะกระทำาได้ถึงจุดไหนอย่างไรจึงจะเหมาะสมและไม่น่าเกลียด

จนเกินไป ในฉบับหน้านั้นจะมีกลยุทธ หรือ วิธีการเด็ดๆในชั้น

เชิงธุรกิจอะไรบ้างนั้น คอยติดตามกันดูนะครับ...

Loeimarket Magazine

26

Page 27: EsanWorld-4

เข้าถึงลูกค้าอย่างไรให้รวดเร็ว

  สำาหรับธุรกิจหลายประเภท  กุญแจสำาคัญในการย่นย่อวงจรการขายคือการมอง

หาลูกค้าที่สนใจและตั้งใจจะซื้อสินค้าของคุณ  หากเป็นเมื่อหลายปีก่อน  ช่องทางที่

จะทำาให้ลูกค้าวิ่งเข้ามาคุณเองก็เห็นจะเป็นการพึ่งพา  “Yellow  Pages”-  สมุดหน้า

เหลืองแบบที่เป็นเล่มใหญ่  ๆ  หนา  ๆ  เหมือนสมุดรายนามผู้ ใช้โทรศัพท์  สมุดหน้า

เหลืองกลายเป็นแหล่งดูดรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำาจากบรรดาผู้ประกอบการราย

ย่อยที่ต้องการลงโฆษณาสินค้าและบริการ  มาถึงยุคสมัยนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลง  มี

หลากหลายวิธีที่ทำาให้การเข้าถึงถูกค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว  ดังเช่น  4  วิธีที่จะนำาเสนอ

ดังต่อไปนี้

  1. การทำาการตลาดผ่านเสิร์ช เอ็นจิ้น ข้อมูลระบุเกือบ 85% ของผู้ ใช้อินเตอร์เน็ต

ชอบค้นข้อมูล

ทางออนไลน์  เดี๋ยวนี้ธุรกิจต่าง ๆ มักมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง นอกเหนือจากการนำา

เสนอสินค้าผ่านเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเองแล้ว  ลองนำาสินค้าและบริการไปเสนอทาง

เว็บไซต์ประเภทผู้ ใช้อินเตอร์เน็ตต้องเสียเงินเพื่อเข้าไปดูข้อมูล  เว็บไซต์เสียเงินแบบ

นี้จะเป็นตัวกรองลูกค้าได้ระดับหนึ่ง คือถ้าไม่สนใจและตั้งใจจะซื้อสินค้าจริง ๆ ก็ไม่มี

ทางที่ลูกค้าจะยอมเสียเงินคลิกเข้ามาดู ดังนั้น ในการลงโฆษณาบนเว็บแบบนี้ คุณจะ

ต้องทำายังไงก็ได้ให้ชื่อบริษัทคุณผุดขึ้นอยู่อันดับต้น ๆ ของผลการค้นหา มิฉะนั้น คุณ

อาจสูญเสียโอกาสที่ลูกค้าจะคลิกเข้ามาดู ผลการสำารวจระบุสินค้าหรือบริการที่อยู่บน

หน้าแรกของโฮมเพจสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ ใช้อินเตอร์เน็ตถึง  6  เท่า  และ

สามารถเพิ่มยอดขายได้เท่าตัว  

  2.  ออกแบบเว็บไซต์ให้เหมาะสมและลงตัว  วิธีการนี้มีส่วนทำาให้เว็บไซต์ของคุณ

ติดอยู่ในลำาดับ

ต้น ๆ ของผลการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด หรือเรียกว่าดึงดูด “ออร์กานิค เสิร์ช” ได้ดีนั่นเอง 

ผลสำารวจของบริษัทมาร์เก็ตติ้งเชอร์ปาในอเมริการะบุช่วงระยะเวลา 6 เดือนหลังจาก

ที่มีการปรับปรุงเว็บไซต์ให้เหมาะสม  จำานวนออร์กานิค  เสิร์ชเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 73% 

นอกจากการปรับปรุงเว็บไซต์แล้ว  การเพิ่มออร์กานิค  เสิร์ชยังสามารถทำาได้ด้วยวิธี

อื่น  อาทิ  การเชื่อมต่อกับลิงค์อื่นซึ่งเป็นการขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น 

หรือการหว่านคีย์เวิร์ดไปทั่วเนื้อหา  (content)  เพื่อที่ไม่ว่าจะเสิร์ชไปที่คำาไหนก็จะเจอ

กับเว็บของคุณโดยง่าย 

      3. ใช้บริการสมุดหน้าเหลืองเจ้าเดิมแต่เป็นเวอร์ชั่นออนไลน์ สมาคมสมุดหน้า

เหลืองและ

บริษัทคอมสกอร์เปิดเผยผลสำารวจที่ระบุแม้ผู้ ใช้อินเตอร์เน็ตจะหันไปค้นหาสินค้าและ

บริการผ่านเสิร์ช  เอ็นจิ้นมากขึ้นแต่สำาหรับผู้ที่ใช้บริการสมุดหน้าเหลืองออนไลน์  เมื่อ

เทียบแล้วมีแนวโน้มจะแปรจากผู้ค้นข้อมูลไปเป็นผู้ซื้อสินค้าและบริการมากกว่า  โดย

เฉพาะใน 5 หมวดหมู่สินค้าและบริการ ได้แก่ รถยนต์ การเงิน ร้านขายยา อุปกรณ์

เกี่ยวกับบ้านและสวน  และร้านอาหาร  ขณะที่ผู้ ใช้เสิร์ช  เอ็นจิ้นอาจจะมีมากถึง 66%  

และผู้ ใช้สมุดหน้าเหลืองออนไลน์มีน้อยกว่าคือ  34%  แต่เจ้าของธุรกิจอาจพบว่าการ

ลงทุนกับช่องทางหลังคุ้มค่ากว่าเพราะดูจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

       4.  โฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์แบบเจาะจง  เช่น หากคุณทำาธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ ก็

ขอให้มุ่งลงโฆษณาในแมกกาซีน  นิตยสารเกี่ยวกับการซื้อขายรถ  หรือการลงโฆษณา

ในเซ็คชั่นรถยนต์ของนิตยสาร  เพราะจะทำาให้ลูกค้ามีโอกาสได้รู้จักธุรกิจคุณง่ายขึ้น

เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สนใจและตั้งใจมองหาสินค้าและบริการอยู่แล้ว  ดี

กว่าการลงโฆษณาสะเปะสะปะตามสื่อต่างๆ  ที่คุณอาจไม่แน่ใจว่าจะมีกลุ่มเป้าหมาย

อ่านเจอโฆษณาของคุณหรือไม่  อีกวิธีหนึ่งที่จะทำาให้เข้าถึงลูกค้าได้โดยตรงคือการส่ง

เอกสารแนะนำาสินค้าและบริการของคุณถึงลูกค้าโดยทางไปรษณีย์ แต่ถ้าคุณไม่มีชื่อที่

อยู่ของลูกค้า  ใช้วิธีจ้างคนหย่อนเอกสารตามบ้าน วิธีนี้รู้สึกจะเป็นที่นิยมไม่น้อย  และ

น่าจะเห็นผลระดับหนึ่ง

การสรรหาและการคัดเลือก จุดเริ่มของการบริหาร “คน” เรื่อง : อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา

  การทำางานของธุรกิจยุคใหม่ทุกวันนี้ล้วนแต่มีรากฐานความสำาเร็จมาจาก  “คน” 

ทั้งสิ้น  องค์กรทุกองค์กรต่างมุ่งเน้นการพัฒนาโดยใช้คนเป็นศูนย์กลาง  ดังนั้นใน

ยุคปัจจุบันจึงถือเป็นยุคทองของการบริหารทรัพยากรมนุษย์  ซึ่งมีนัยความหมายว่า 

“เป็นกระบวนการในการสร้างสภาวะให้เอื้อต่อการพัฒนาความรู้  ความสามารถ  และ

ความคิดสร้างสรรค์ของบุคคลผ่านการทำางาน” จึงไม่น่าแปลกใจที่ การบริหารจัดการ

ทรัพยากรมนุษย์และการเลือกคนให้เหมาะสมกับงานได้กลายมาเป็นหัวใจสำาคัญใน

เกือบจะทุกองค์กรอย่างเด่นชัด

ในวันนี้ผมใคร่ขอเริ่มเกริ่นนำาให้ทุกท่านได้เข้าใจถึงกระบวนการบริหารจัดการ

ทรัพยากรมนุษย์ด้วย  2  ส่วนใหญ่ๆ  เสียก่อน  นั่นก็คือ  การสรรหา  (Recruitment) 

และ การคัดเลือก (Selection) บุคลากรซึ่งเป็นขั้นตอนสำาคัญที่องค์กรไม่อาจมองข้าม

ได้เนื่องจากเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของการเฟ้นหาคนเก่งที่มีศักยภาพเข้ามาเติบโตใน

องค์กรเพื่อสรรสร้างรากฐานที่ดีสู่ความสำาเร็จทางธุรกิจ หากองค์กรต้องการที่จะได้มา

ซึ่งบุคลากรที่ดีมีคุณภาพก็จำาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำาความรู้จักและเข้าใจในขั้นตอน

ดังกล่าวนี้ให้ถูกต้องเสียก่อน...

การสรรหา  (Recruitment)  เป็นการประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจที่อยากจะมาร่วมงาน

กับองค์กรหรือผู้คนที่องค์กรสนใจอยากจะได้มาร่วมงาน  ให้มาสมัครในตำาแหน่งงาน

ที่กำาหนด  การสรรหาอาจเป็นไปได้ทั้งจากภายในองค์กรเองหรือจากภายนอกองค์กร

ก็ได้หลาย  ๆ  คนมักเข้าใจว่าการประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจมาสมัครต้องทำาโดยการ

ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์เท่านั้นจึงจะได้คน  แต่จริงๆ  หารู้ไม่ว่าการสรรหาสามารถ

ทำาได้ง่าย ๆ ด้วยการหมั่นสังเกตและทำาความรู้จักกับผู้คนที่ได้มีโอกาสพบเจอให้มาก

ขึ้นเท่านั้นเอง  การสรรหาในทศวรรษนี้จึงเป็นการสรรหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอด

เวลาและทุกสถานที่  การสรรหาที่ดีไม่ควรและไม่จำาเป็นต้องรอให้มีตำาแหน่งงานว่าง

ก่อนจึงค่อยเริ่มสรรหา เพราะส่วนใหญ่ถ้าทำาเช่นนั้นรับรองหาไม่ทันใช้สักที

ส่วนการคัดเลือก (Selection) คือขั้นตอนที่ต่อจากการสรรหา เป็นการคัดกรองบุคคล

ที่มีความรู้ความสามารถเพื่อมารองรับในตำาแหน่งงานที่องค์กรกำาหนดไว้  ขั้นตอนการ

คัดเลือกส่วนใหญ่ใช้วิธีการสัมภาษณ์ แต่บางองค์กรอาจมีวิธีการอื่น ๆ เพิ่มเติม แต่ที่

ฮิตติดอันดับเห็นจะได้แก่การใช้วิธีการทดสอบหรือการวัด  ซึ่งมักจะเป็นการวัดความรู้ 

ความสามารถสำาหรับการปฏิบัติงานในตำาแหน่งนั้น ๆ เช่นการทดสอบความเร็วในการ

พิมพ์ดีดหรือการทดสอบทักษะด้านภาษาอังกฤษด้วยการให้พูดหรือให้เขียน  เป็นต้น 

และการวัดทัศนคติที่มีต่องานซึ่งมักจะทำาโดยการใช้แบบทดสอบเพื่อวัดทัศนคติที่

มีอยู่หลากหลาย  เป็นต้น  จึงอาจกล่าวได้ว่าแนวทางการคัดเลือกเป็นทั้งการวัดสติ

ปัญญา เชาวน์ไวไหวพริบ และอารมณ์ของผู้สมัครประกอบกัน

Loeimarket Magazine

27

Page 28: EsanWorld-4

ปกติคนส่วนใหญ่คิดว่าหน้าที่ในการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรเป็นหน้าที่ของหน่วย

งานบริหารทรัพยากรมนุษย์  (HR)  แต่จริง  ๆ  แล้วหัวหน้างานสามารถมีส่วนในการ

ช่วยทำาหน้าที่ทั้งสองอย่างนี้ได้ไม่ยากนัก  ทั้งนี้เพราะหัวหน้างานคือผู้ที่เข้าใจลักษณะ

ของคนที่ตนเองหรือหน่วยงานต้องการได้ดีกว่าฝ่ายบุคคล

องค์กรชั้นนำาส่วนใหญ่ในปัจจุบันจึงมอบหมายหน้าที่ในการสรรหา  (Recruitment) 

บางส่วน  ให้หัวหน้างานเป็นผู้รับผิดชอบ  เพราะอย่างที่เรียนไว้ข้างต้นว่าการสรรหา

สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและทุกสถานที่  ดังนั้นหากหัวหน้างานเข้าใจบทบาทและ

ความคาดหวังขององค์กรในเรื่องของการสรรหาและคัดเลือก พวกเขาจะทำางานนี้ได้ดี

กว่าหน่วยงาน HR เสียอีก  เพราะเพียงแต่พวกเขาใส่ใจและเปิดใจกว้าง ทำาความรู้จัก

กับคนอื่น  ๆ  ให้มากขึ้นในทุก  ๆ  โอกาสที่มี  พวกเขาก็จะทำาหน้าที่สรรหา (Recruit-

ment) ได้อย่างไม่รู้ตัว

ส่วนการคัดเลือก  (Selection)  ปกติหัวหน้างานกับฝ่ายทรัพยากรบุคคล  (HR)  ทำา

หน้าที่ประสานงานเรื่องนี้กันดีอยู่แล้วในองค์กรส่วนใหญ่  เกณฑ์การคัดเลือกที่ใช้กัน

อยู่ทั่วไปมักมองหาบุคคลที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม 3 ประการอันได้แก่

1. ความเหมาะสมในเรื่องความรู้ความสามารถ (Competency Fit) คือมีความรู้ความ

สามารถและทักษะตรงกับงานที่ต้องการ  ความเหมาะสมประเภทนี้ค้นหาได้ง่ายที่สุด

เมื่อเทียบกับอีก 2 หัวข้อถัดไป โดยการสัมภาษณ์และทำาการทดสอบบางอย่างตามที่

ได้เล่าให้ฟังไปแล้วข้างต้น

2. ความเหมาะสมในเรื่องแรงจูงใจในการทำางาน (Motivational Fit) คือมีความสนใจ

และตั้งใจอยากทำางานในตำาแหน่งนั้นจริง  ๆ  ไม่ใช่กำาลังตกงานอยู่  งานอะไรก็ได้ขอ

ทำาไปก่อน  ความเหมาะสมนี้อาจดูยาก  อ่านยากสักหน่อย  ปกติพอรู้ได้โดยใช้วิธีการ

ถามตอนที่สอบสัมภาษณ์ว่าเหตุใดจึงสนใจงานนี้ ถ้ามีงานอื่น ๆ ที่ไม่ใช่งานนี้จะสนใจ

ไหม  ถ้าคำาตอบฟังดูแล้ว  เข้าข่ายประมาณว่างานอะไรก็ได้ขอทำาไว้ก่อน  แบบนี้มอง

ได้สองมุม  มุมหนึ่งมองในแง่ดีว่าเป็นคนไม่เกี่ยงงาน  แต่อีกมุมหนึ่งซึ่งน่าจะมีน้ำาหนัก

มากกว่า  คือ  ไม่ชัดเจนในความต้องการของตนเอง  และต้องการเพียงแค่มีงานทำาไป

ก่อน ไม่ว่างานนั้นจะตรงกับความสามารถหรือความสนใจหรือไม่ แบบนี้มีแนวโน้มอยู่

กับเราไม่นาน

3. ความเหมาะสมกับวัฒนธรรมการทำางานขององค์กร (Cultural Fit) คือ มีทัศนคติ 

พฤติกรรม  ความคิดความอ่าน  สอดคล้องกับวัฒนธรรมขององค์กร  ความเหมาะ

สนประเภทนี้ประเมินได้ยากที่สุดในบรรดาความเหมาะสมทั้ง  3  ประเภท  วิธีการที่

น่าจะเหมาะสมที่สุดนอกจากการใช้วิจารณญาณของเราเองตัดสินระหว่างการสอบ

สัมภาษณ์แล้ว คงต้องรอดูผลตอนที่มีการทดลองงานในระยะ 3-4 เดือนแรกของการ

ทำางาน  ถ้าพบว่าไม่เหมาะสมหรือไปด้วยกันลำาบาก  (ถึงแม้จะเป็นคนเก่ง  ที่มีความรู้

ความสามารถเหมาะสมก็ตาม)  ก็คงต้องตัดใจ  ให้เขาจากไปเพราะคนเหล่านี้มักจะ

เป็นปัญหาต่อองค์กรในระยะยาว

  และสิ่งที่สำาคัญที่สุดที่อยากฝากไว้ ในช่วงท้ายของบทความนี้คือทั้งหัวหน้างานแ

ละฝ่าย  HR  ต้องทำาความเข้าใจว่า  การสรรหาและคัดเลือกเป็นการลงทุนระยะยาวที่

องค์กรต้องให้ความสนใจและใส่ใจไม่แพ้การลงทุนประเภทอื่น  ๆ  เพราะการตัดสิน

ใจเลือกคน  ๆ  หนึ่งเข้ามาทำางานกับองค์กรเป็นการตัดสินใจระยะยาว  ดังนั้นการคัด

เลือกคนจึงควรมองจากภาพใหญ่ภาพรวมขององค์กรมากกว่ามองเพียงแค่ว่าเขาหรือ

เธอสามารถทำางานให้กับแผนกหนึ่ง ๆ ที่กำาลังต้องการกำาลังพลเพิ่ม เพียงเท่านั้น การ

คัดเลือกที่ดีควรคัดเลือกคนเพื่อองค์กร  มากกว่าคัดเลือกคนเพื่อหน่วยงานใดหน่วย

งานหนึ่ง

  หากหัวหน้างานและ HR เข้าใจในหน้าที่และบทบาทของตนเองเช่นนี้แล้ว ก็เชื่อว่า

องค์กรของท่านจะประสบความสำาเร็จในการสรรหาและคัดเลือกคนเก่งและคนดีเข้า

มาเป็นส่วนหนึ่งของความสำาเร็จขององค์กรคุณได้ไม่ยากนัก...

  ในฉบับหน้า เราจะมาพูดเกี่ยวกับ “พัฒนาคนสู่การเรียนรู้” ซึ่งเป็นเรื่องที่เชื่อมต่อ

กันกับเรื่องนี้ ติดตามกันได้ในฉบับหน้าครับ...

Loeimarket Magazine

28

Page 29: EsanWorld-4
Page 30: EsanWorld-4

ไม่ว่านานเท่าไร...เชียงคานก็ยังคงไว้ซึ่งความเก่าแก่  โดยวิถีชีวิตของผู้คนที่นั่นก็ยังคงอยู่

เหมือนเดิม  ในครั้งนี้  นิตยสารเลยมาร์เก็ต  อยากให้

เชียงคานเป็นที่นิยมอย่างนี้ตลอดไป  ช่วงฤดูกาลท่อง

เที่ยวของที่นี่  ทำาให้มีเงินไหลเข้ามาหมุนเวียนในเมืองนี้

ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว 

  ความเป็นจริงแล้วผมขอพูดถึงเรื่องของ  ปัญหาที่

ได้พบหน่อยแล้วกันนะครับ  ปัญหาที่จอดรถ...  วันนั้น

ผมต้องการถ่ายรูปบ้านโบราณหลังหนึ่ง  แต่ดันมีรถ

ใครไม่รู้  จอดขวางไว้  ผมเลยได้รูปที่มีทั้ง  บ้านโบราณ

และรถสมัยใหม่ มาพร้อมกัน มันดูไม่ค่อยได้ Feel  สัก

เท่าไรเลยครับ  จึงขอวอนให้มีการจัดระเบียบการจอด

รถไว้สักนิด  หน่วยงานใดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง  ช่วยแก้

ปัญหานี้กันหน่อยนะครับ  เพราะปัญหาเล็กๆเหล่านี้นี่

แหล่ะ  ก็อาจจะทำาให้นักท่องเที่ยวเบื่อได้บ้างไม่มากก็

น้อย... ผมฝากไว้ละกัน สำาหรับเรื่องอื่นๆนั้น ผมจะใช้

เล่มหน้ามาเพื่อพูดให้ฟังอีกนะครับ  จากคนนอกเมือง 

ที่หวังดี...

Loeimarket Magazine

30

Page 31: EsanWorld-4
Page 32: EsanWorld-4
Page 33: EsanWorld-4
Page 34: EsanWorld-4

  สืบเนื่องมาจากผมได้เห็นข่าวไฟไหม้มาจากสถานที่ดังที่คล้ายๆเชียงคานบ้านเรา คือ

ตลาด100ปี  สามชุก  ทำาให้รู้สึกว่าทางเชียงคานได้ป้องกันไฟไหม้ไว้กันบ้างหรือไม่  โดย

ทางนิตยสารเลยมาร์เก็ต  ได้ไปค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการป้องกันฟืนไฟมาฝาก

กันครับ เอาหล่ะมาเริ่มกันเลยดีกว่า

ก่อนอื่นมาทำาความรู้จักกับไฟกันดีกว่า!!!  โดยตามมาตรฐานสากล  แบ่งไฟออกเป็น 

4  ประเภท  คือ  ไฟประเภท เอ  ไฟที่เกิดจากเชื้อเพลิงที่มีลักษณะเป็นของแข็งเชื้อเพลิง

ธรรมดา เช่น ฟืน ฟาง ยาง ไม้ ผ้า กระดาษ พลาสติก หนังสติ๊ก หนังสัตว์ รวมทั้งตัว

เราเอง วิธีดับไฟที่ดีที่สุด คือ การใช้น้ำา ไฟประเภท บี ไฟที่เกิดจากเชื้อเพลิงที่มีลักษณะ

เป็นของเหลวและก๊าซ  เช่น  น้ำามัน    แอลกอฮอล์  ทินเนอร์  ยางมะตอยจารบี  และก๊าซ

ติดไฟทุกชนิด เป็นต้น วิธีดับไฟที่ดีที่สุด คือ กำาจัดออกซิเจน ทำาให้อับอากาศ โดยคลุม

ดับ ใช้ผงเคมีแห้ง ใช้ฟองโฟมคลุม ไฟประเภท ซี ไฟที่เกิดจากเชื้อเพลิงที่มีลักษณะเป็น

ของแข็งที่มีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่  เช่น  อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด  วิธีดับไฟที่ดีที่สุด  คือ  ตัด

กระแสไฟฟ้า ไฟประเภท ดี ไฟที่เกิดจากเชื้อเพลิงที่มีลักษณะเป็นโลหะและสารเคมีติดไฟ 

เช่น  วัตถุระเบิด ปุ๋ยยูเรีย ผงแมกนีเซียม ฯลฯ วิธีดับไฟที่ดีที่สุด คือ การทำาให้อับอากาศ 

หรือใช้สารเคมีเฉพาะ  (ห้ามใช้น้ำาเป็นอันขาด)  ซึ่งต้องศึกษาหาข้อมูลแต่ละชนิดของสาร

เคมีหรือโลหะนั้นๆ

กำาจัดจุดอ่อน!!!... การป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเพลิงไหม้  ถือเป็นหนทางแรกที่ประชา

ชนทุกคนพึงปฏิบัติ ด้วยการจัดระเบียบภายในและภายนอกอาคารให้ดี เช่น เก็บเอกสาร

สำาคัญรวมไว้ในที่เดียวกัน เมื่อเกิดเหตุจะได้หยิบฉวยได้ทันที ขจัดสิ่งรกรุงรัง เก็บรักษา

สิ่งที่อาจจะเกิดอัคคีภัยได้ง่ายไว้ ให้เป็นสัดส่วน  โดยไม่ลืมที่จะตรวจตราและซ่อมบำารุง

อุปกรณ์ เช่น สายไฟฟ้า เครื่องจักรกล เครื่องทำาความร้อน ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และ

ความปลอดภัย ที่สำาคัญ อย่าประมาท เลินเล่อ เช่น จุดธูปเทียนบูชาพระทิ้งไว้ ใช้เครื่อง

ต้มน้ำาไฟฟ้าแล้วลืม เสียบปลั๊กไว้จนน้ำาแห้ง เป็นต้น ประการสุดท้าย เตรียมเครื่องมือดับ

เพลิงเคมี  ไว้ ให้ถูกที่ถูกทางสำาหรับดับเพลิงชั้นต้นและต้องรู้จักการใช้เครื่องดับเพลิงเคมี

ด้วย

หัดสังเกตุบ้างก็ดี!!!... อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า  ไฟไหม้  เกิดขึ้นได้เสมอ  ดังนั้น 

สิ่งที่พึงกระทำาเป็นอันดับต้นๆ  เมื่อต้องเดินทางไปในทุก  ๆ  ที่  ก็คือ  การสังเกตทาง

หนีไฟ  โดยสังเกตตำาแหน่งบันไดหลักและบันไดหนีไฟ  ประตู  หน้าต่าง  เส้นทางหนีไฟ 

ทางออกจากตัวอาคาร  และจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจ  ว่าทางออกนั้นไม่ได้ปิดล็อกหรือ

มีสิ่งกีดขวาง  สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยจริง  นอกจากนี้ต้องสังเกตอุปกรณ์ช่วยชีวิต

และอุปกรณ์เตือนภัย ได้แก่ เครื่องดักจับควัน เครื่องดักจับความร้อน อุปกรณ์ดับเพลิง

อัตโนมัติ  อุปกรณ์แจ้งเหตุฉุกเฉิน  และเครื่องดับเพลิง  ว่ามีอยู่หรือไม่  เป็นแบบใด  อยู่

ที่ไหน และใช้งานอย่างไร

ไฟไหม้แล้ว ทำาไงดี!!!... เมื่อถึงเวลาที่ต้องผจญเหตุเพลิงไหม้จริงๆ  คุณควรตั้งสติ

ให้ดี  เพื่อช่วยเหลือตนเองเบื้องต้นก่อน  จากนั้นปิดประตูหน้าต่างห้องที่เกิดเพลิงไหม้ให้

สนิทที่สุดทันทีถ้าทำาได้  เพื่อป้องกันการลุกลามของเพลิง  แต่ต้องแน่ใจว่าไม่มีใครติดอยู่

ข้างใน แล้วรีบวิ่งหนีออกมา และเปิดสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ หากไม่มีอุปกรณ์แจ้งเหตุ

ฉุกเฉิน ให้ช่วยกันตะโกนดังๆ หลายๆ ครั้งว่า “ไฟไหม้” จากนั้นรีบโทรศัพท์เรียกหน่วย

ดับเพลิงทันที ที่สำาคัญ อย่าหนีโดยใช้ลิฟต์และบันไดเลื่อนขณะเกิดเพลิงไหม้!!!...เพราะ

ทันทีที่เกิดไฟไหม้  อุปกรณ์เหล่านี้จะหยุดการทำางานเนื่องจากไม่มีกระแสไฟฟ้า  ให้ใช้

บันไดหนีไฟเท่านั้น!!!

ระวัง!!!ก่อนเปิดประตู... หากติดอยู่ในอาคารที่มีเพลิงไหม้  ก่อนจะเปิดประตูให้เอา

หลังมือแตะที่ลูกบิดประตู  ถ้ามีความร้อนสูงแสดงว่ามีเพลิงไหม้อยู่บริเวณใกล้ๆ  อย่า

เปิดประตูโดยเด็ดขาด จากนั้นให้ใช้ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว ชุบน้ำาเปียก ๆ แล้วอุด

ไว้ตามร่อง ประตูและช่องต่าง ๆ ในห้อง เพื่อกันไม่ให้ควันไฟเล็ดลอดเข้ามาได้ แล้วเปิด

หน้าต่างส่งสัญญาณด้วยการโบกผ้า  และตะโกนขอความช่วยเหลือ  ถ้ามีความจำาเป็นที่

ต้องเปิดประตูห้องขณะที่ไฟกำาลังลุกท่วม  ให้หาผ้าหนา  ๆ  คลุมลูกบิดประตู  โดยผู้เปิด

ยืนอยู่หลังประตู เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟที่ลามออกมาเผาร่างกาย จากนั้นจึงเปิดประตูได้

Loeimarket Magazine

34

Page 35: EsanWorld-4

ควันไฟคร่าชีวิต!!!... เมื่อต้องเผชิญกับควันไฟที่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ  ควรหาผ้า

ชุบน้ำาปิดปาก  ปิดจมูก  หรือผ้าห่มชุบน้ำาชุ่มคลุมร่างกายไว้  และใช้วิธีคลานต่ำาๆ  เพราะ

อากาศที่พอหายใจได้จะอยู่ด้านล่างเหนือพื้นห้องไม่เกิน  1  ฟุต  ดังนั้น  ทันทีที่เกิดเพลิง

ไหม้  ควันไฟจะปกคลุมอยู่รอบ  ๆ  ตัวคุณอย่างรวดเร็ว  และกว่า  90%  ของผู้เสียชีวิต

และบาดเจ็บ  เป็นผลมาจากสำาลักควันไฟ  เพราะมีทั้งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, คาร์บอน

มอนน็อกไซด์,  เขม่า  และอุณหภูมิที่สูงขึ้น  หากหายใจเอาอากาศและเขม่าที่เกิดจาก

กระบวนการเผาไหม้เข้าไปในทางเดินหายใจ  แก๊ซและเขม่ารวมทั้งอากาศร้อน  จะส่งผล

ให้ขาดออกซิเจน  หายใจไม่ออกและหมดสติได้  นอกจากนั้น  อาจก่อให้เกิดภาวะปอด-

หลอดลม-กล่องเสียง–คอ-จมูก และไซนัสอักเสบอีกด้วย

  นอกจากนั้น  ยังก่อให้เกิดอาการแสบตา  ตาแดง  น้ำาตาหรือน้ำามูกไหล  เจ็บคอ  ไอ 

หายใจลำาบาก    ปวดศีรษะ    คลื่นไส้  อาเจียน  โดยเฉพาะผู้ป่วยเป็นโรคหอบหืด  โรค

ภูมิแพ้  โรคหัวใจ อาจมีอาการกำาเริบได้  นอกจากนี้  เขม่าและอากาศร้อนที่เข้าไปในทาง

เดินหายใจ ยังอาจทำาให้เยื่อบุทางเดินหายใจ แดงและบวม เยื่อบุที่บวมมากๆ นี้ อาจก่อ

ให้เกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น  นั่นคือ  อากาศที่หายใจเข้าไปไม่สามารถเดินทางไปถึง

ถุงลมในปอดได้  และอากาศจากปอดไม่สามารถเดินทางออกมายังจมูกได้  ผู้ป่วยจะเกิด

อาการแน่นอก อึดอัด หายใจไม่ออก และถึงแก่ชีวิตได้ในที่สุด

  แต่!!!ถ้าหลีกไม่พ้นเพลิงนรก  ทำาให้ไฟลามที่ตัว  ให้ทรุดกายลงกลิ้งกับพื้นเพื่อดับไฟ 

เพื่อไม่ให้ไฟลุกลามไปทั่วร่างกาย หรือ ในกรณีที่เห็นผู้อื่นมีไฟลามที่ตัว ให้นำาผ้าหนา ๆ 

ตบไปที่บริเวณที่ไฟลุกนั้น  จากนั้น  หาผ้าชุบน้ำามาปิดจมูกและคลุมศีรษะของผู้อื่น  แล้ว

พาออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยทันที

  เมื่อพ้นจากพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว  ขณะรอเจ้าหน้าที่พยาบาลมาช่วยเหลือ  ลองสำารวจดู

ว่า  ตนเองได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้เพียงใด  หากผิวหนังถูกทำาร้ายด้วยความร้อนเพียง

เล็กน้อย  ให้ลงมือปฐมพยาบาลเบื้องต้น  โดยใช้ผ้าชุบน้ำาประคบบริเวณบาดแผล  เพื่อ

ระบายความร้อน หรือแช่ลงในน้ำา หรือเปิดให้น้ำาไหลผ่านบริเวณบาดแผล นานประมาณ 

10 นาที ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้ จากนั้นทาด้วยยาทาแผลไหม้ ห้ามเจาะถุงน้ำา

หรือตัดหนังส่วนที่ผองออก  ปิดด้วยผ้าสะอาด  เพื่อป้องกันการติดเชื้อ  แต่หากแผลไหม้

บริเวณกว้าง หรือที่อวัยวะสำาคัญ ไม่ต้องระบายความร้อนออกจากแผล   เพราะจะทำาให้

แผลติดเชื้อมากขึ้น ห้ามใส่ยาใดๆ ทั้งสิ้นลงในบาดแผล ใช้ผ้าสะอาดห่อตัวผู้บาดเจ็บเพื่อ

ป้องกันสิ่งสกปรก และรีบนำาส่งโรงพยาบาล

  เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว  พล.อ.ต.ชูพันธ์  ชาญสมร  ผู้อำานวยการโรงพยาบาลภูมิพล

อดุลยเดช  แนะนำาว่า  ควรช่วยเหลือผู้ถูกไฟไหม้เบื้องต้นด้วยการใช้น้ำาราด  หรือ  ผ้าชุบ

น้ำาคลุมตัวผู้ป่วย เพื่อระบายความร้อน เพราะร่างกายจะสูญเสียน้ำาทำาให้ขาดสมดุล รวม

ทั้งต้องรักษาความสะอาดบาดแผล  เพื่อป้องกันการติดเชื้อ  นอกจากนี้  ญาติหรือผู้ ใกล้

ชิดผู้บาดเจ็บ  มีส่วนสำาคัญในการให้กำาลังใจผู้ป่วยให้กลับมาใช้ชีวิต  หรือต่อสู้กับความ

เจ็บปวด  เพราะบาดแผลจากไฟไหม้ขั้นรุนแรงจะต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง  เช่น  การทำา

กายภาพบำาบัด หรือการผ่าตัดตกแต่งบาดแผล

  แผลที่กายรักษาได้  แผลที่ใจ  ใครจะรักษา!!!...แม้ว่าคุณจะรักษาบาดแผลที่เกิดจาก

ไฟไหม้ได้หมด  ทำาศัลยกรรมจนกลับมาสวย  หล่อ  ได้ดังเดิม  แต่ใครจะรับประกันได้ว่า 

ความหวาดกลัวภายในจิตใจของคุณจะถูกรักษาให้หมดไปได้  ความเศร้าสลดที่ต้องสูญ

เสียบุคคลอันเป็นที่รัก  ใครจะเป็นผู้มาเยียวยา...ทำาไมต้องรอให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น

ก่อน  ทั้ง  ๆ  ที่สิ่งแรกที่คุณควรจะทำา  คือ  การเตรียมพร้อมรับมือกับเพลิงนรกอยู่เสมอ 

และใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท  ไม่ใช่วัวหายแล้วจึงค่อยล้อมคอก  เพราะหากรอให้ถึง

วันนั้น คุณอาจไม่เหลืออะไรให้แก้ไขอีกแล้ว ดังคำากล่าวที่ว่า 

โจรปล้น 10 ครั้ง ไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว!!!

คุณรู้ไหมว่า  สถานที่ที่เราใช้อาศัยพักพิงและให้ความปลอดภัย  เช่น  บ้าน

หรืออาคารพักอาศัยมีสิทธ์เกิดเพลิงไหม้ได้ทุกเวลาเลยล่ะ  แต่คุณ

สามารถตัดไฟแต่ต้นลมได้นะ  ถ้าคุณตรวจตราบ้านช่องทีละห้องจากหลังคาถึงพื้น 

การป้องกันเอาไว้ก่อนจะช่วยให้ครอบครัวของคุณปลอดภัยจากเพลิงไหม้ได้

หลังคา เพลิงไหม้ที่ลุกลามมาจากบ้านไกล้เรือนเคียงอาจลอยมาติดและลุกลาม

หลังคาบ้านคุณได้  ตรวจดูให้แน่ใจเลยว่า  บ้านคุณมุงหลังคาด้วยวัสดุทนไฟ  เช่น

กระเบื้องแผ่นมุงหลังคา แอสฟัลด์ หรือวัสดุที่ไม่ติดไฟเท่านั้น นอกจากนี้ ต้องคอย

ตัดกิ่งไม้ไม่ให้ยื่นเหนือหลังคา  และคอยดูไม่ให้มีเศษกิ่งไม้  ใบไม้มาติดอยู่ที่ท่อ

ระบายน้ำาหรือชายคาด้วยนะจ๊ะ

ห้องเก็บของและโรงรถ  อย่าเก็บของที่ไม่จำาเป็นในห้องเก็บของหรือโรงรถเลย 

คนส่วนมากจะเก็บนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์เก่าเอาไว้เป็นตั้งๆ  หรือเสื้อผ้าที่ไม่ใช้

แล้ว เครื่องเรือนเก่าๆ นั่นแหล่ะค่ะ เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีเลยเชียว  นอกจากนี้ อย่า

เก็บของเหลวที่ติดไฟได้ง่าย เช่นน้ำามันเบนซิน หรือสารเคมีไวไฟเอาไว้นะ ถ้าทำาหก 

ต้องทำาความสะอาดให้หมดจดเลย

ทางเดิน  ทางเดินนี่ก็สำาคัญนะ  อย่าวางข้าวของระเกะระกะ  เกิดมีอะไรฉุกเฉิน

ต้องเดินหรือวิ่งได้สะดวก ถ้ามีเงินเหลือพอ ติดเซฟทีคัตที่บ้านเลยดีกว่า หรืออย่าง

น้อยต้องมีถังดับเพลิงมาประจำาบ้านไว้  เมื่อติดตั้งแล้ว  ให้ทุกคนเรียนรู้วิธีการใช้

ด้วยค่ะ

สวิตช์ ปลั๊กไฟ ฟิวส์ ทางตำารวจดับเพลิงแนะนำาว่าบ้านทุกหลังควรเปลี่ยนสาย

ไฟใหม่ทุกสิบปี  รวมถึงควรตรวจเช็คฟิวส์  ปลั๊กไฟ  สวิตช์  ภายในบ้านและบริเวณ

บ้านเป็นระยะๆ อุปกรณ์พวกนี้แหละที่เป็นสาเหตุสำาคัญที่เกิดเพลิงไหม้ในบ้าน 

หน้าต่าง  ถ้ามีหน้าต่างชำารุดหรือเปิดยาก  ซ่อมมันเลยค่ะ  แล้วก็อย่าวางเครื่อง

เรือนและกระถางดอกไม้ตรงหน้าต่างนะจ๊ะ  ไม่ปลอดภัย  ที่สำาคัญไม่ควรติดลูกกรง

เหล็กกันโขมยที่หน้าต่างที่ใช้หนีไฟนะ เกิดจำาเป็นต้องใช้ขึ้นมา ยุ่งเชียว

ครัว ถ้าคุณทำาครัวทุกวัน ต้องพิถีพิถันเช็คเป็นพิเศษเลยค่ะ เพราะอัคคีภัยที่เกิด

ขึ้นส่วนมากมาจากห้องครัวนี่แหละ อย่าตั้งอาหารไว้บนเตาที่ติดไฟโดยไม่มีคนดู ให้

เตาแก๊สอยู่ห่างจากถังขยะและผ้าม่าน  ต้องคอยทำาความสะอาดหัวเตาและเตาอบ 

ไม่ให้มีเศษอาหารเข้าไปสะสม ถ้าเกิดไฟลุกติดน้ำามันที่ทำาอาหาร อย่าใช้น้ำาดับไฟนะ

คะ  บ้านใครมีเด็ก  ต้องระวังไม่ให้เด็กหมุนปุ่มปิด-เปิดแก๊สเล่นค่ะ  เวลาทำากับข้าว 

ไม่ให้สวมเสื้อที่มีแขนเสื้อรุงรัง หากเกิดไฟลุกขึ้นมา มันจะไปติดกับแขนเสื้อเข้าค่ะ 

ห้องนั่งเล่น ผ้าหุ้มเบาะเก้าอี้ ผ้าม่าน พรม ให้เลือกใช้วัสดุที่ทนไฟค่ะ  ระวังก้น

บุหรี่ตกค้างตามเบาะเก้าอี้หรือโซฟานะคะ  สำาหรับโทรทัศน์ต้องมีที่ว่างให้ความร้อน

ระบายออกรอบๆ ตัวเครื่องด้วยค่ะ 

ห้องพระ  ดิฉันเชื่อว่าเกือบทุกบ้านต้องมีห้องพระ  หรือหิ้งพระประจำาบ้านกันอยู่

แล้ว  กองตำารวจดับเพลิงระบุว่า  การจุดธูปเทียนบูชาพระเป็นสาเหตุสำาคัญอันดับ

สองของการเกิดอักคีภัยในบ้านเรือน  เพราะฉะนั้น อย่ามีเชื้อไฟ  เช่น  เศษกระดาษ 

หรือกล่องกระดาษอยู่ไกล้กระถางธูปหรือเชิงเทียนนะคะ ทิ้งก้านธูปที่ใช้แล้ว  เพราะ

ก้านธูปจะเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีเมื่อติดไฟจากก้านธูปใหม่ที่เพิ่งจุด 

สุดท้าย คุณควรเตรียมแผนหนีไฟไว้ล่วงหน้าค่ะ และให้สมาชิกโดยเฉพาะเด็กๆ ได้รู้

ขั้นตอนการหนีไฟล่วงหน้า ทำานองว่า ‘กันเอาไว้ ดีกว่าแก้’ ไงล่ะคะ

Loeimarket Magazine

35

Page 36: EsanWorld-4

  โทรทัศน์  มีอิทธิพลกับเด็กตั้งแต่แรกเริ่มของชีวิตสามารถดึงความ

สนใจจากเด็กได้มากกว่าสิ่งอื่นๆ    ให้ประโยชน์มากมาย    ในแง่ของการ

เรียนรู้ด้วยการสังเกตให้ข้อมูลข่าวสาร  กว้างไกล  รวดเร็ว  และให้ความ

บันเทิงในรูปแบบต่างๆ การที่โทรทัศน์มีประโยชน์มากมายดังกล่าว ทำาให้

เรา  ให้การต้อนรับโทรทัศน์เข้ามาอย่างใกล้ชิดจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของ

ครอบครัวไปแล้ว  โดยลืมคำานึงถึงว่าโทรทัศน์ก็เหมือนเทคโนโลยีทั่วๆ

ไป ซึ่งมีคุณอนันต์หากเราใช้ได้ถูกต้องเหมาะสมและควบคุมได้    แต่จะ

ก่อให้เกิดโทษมหันต์ได้  เช่น  หากเราใช้ไม่เป็นและปล่อยให้สิ่งเหล่านี้มี

อิทธิพลเหนือวิถีชีวิตและ  การควบคุมของเรา 

  บ่อยครั้งที่พบว่าพ่อแม่ใช้โทรทัศน์ในการ  เลี้ยงดูลูก  โดยเข้าใจผิดว่า

โทรทัศน์สามารถพัฒนาการพูดของเด็กให้เร็วขึ้น บางคนหวังว่าการให้ลูก

ดูการ์ตูนภาษาอังกฤษตั้งแต่เล็กๆ  จะทำาให้ลูกสามารถพูดภาษาอังกฤษ

ได้เร็วและพ่อแม่ที่นิยมเลี้ยงลูก  ด้วยโทรทัศน์มักจะพูดเหมือนๆกันว่าลูก

สนใจ   ดูโทรทัศน์เป็นตั้งแต่อายุก่อน 3 เดือน เพราะพ่อแม่สังเกตว่าเด็ก

จ้องมองภาพ พร้อมทั้งหยุดการเคลื่อนไหว  ทุกอย่างได้นานๆ ดูเหมือน

เด็กกำาลังสนใจดูโทรทัศน์ แต่จากการศึกษาพบว่า 

  1.  สิ่งที่เด็กสนใจมองจริงๆคือ  แสง  สี  เสียง  โดยเฉพาะรายการ

โฆษณา  ซึ่งมีการเปลี่ยนภาพเร็วมากจะดึงดูดความสนใจได้มากที่สุด  จึง

ไม่น่าแปลกใจ    ที่พบว่า  เด็กเล็กส่วนใหญ่จะสนใจและจำาภาพโฆษณา

ได้ดีและนั่นก็หมายความว่าในเด็กทารกเด็กไม่เข้าใจความหมายอะไรใน

โทรทัศน์นอกจาก เป็นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่มากระตุ้นเท่านั้น 

  2.  ในขณะที่เด็กใช้เวลาอยู่กับโทรทัศน์นั้นพบอัตราการเปล่งเสียงห

รือเลียนเสียงน้อยมาก  เนื่องจากโทรทัศน์เป็นการสื่อสารเพียงทางเดียว 

(One-way communication) ซึ่งตามปกติการเรียนรู้ทางภาษาที่ดีนั้นควร

เรียนรู้จากการสื่อสาร2ด้าน(Two-way communication) หรือในลักษณะ

ที่มี การโต้ตอบหรือมีปฏิสัมพันธ์กัน

  3.  การปล่อยเด็กเล็กให้อยู่กับโทรทัศน์นานๆ  นอกจากเป็นเหตุให้

เด็กต้องทนฟังเสียงที่ไม่อาจเข้าใจได้อยู่ข้างเดียวแล้วพบว่า 1 ใน 5 ของ

กลุ่มนี้  จะยังพูดไม่ได้เมื่อถึงวัยอันควร 

  4.  เด็กที่ใกล้ชิดกับบุคคลที่เป็นแบบอย่างจะมีการเปลี่ยนแปลงด้าน

พัฒนาการได้มากกว่าเด็กที่เฝ้าดูโทรทัศน์เป็นแบบอย่างโทรทัศน์สามารถ

ก่อให้เกิดผลกระทบต่อพัฒนาการทางด้านอื่นๆ  ดังนี้ 

  1.  สามารถเปลี่ยนแปลงให้เด็กหันไปนิยมวัตถุมากขึ้น  เด็กที่ใช้เวลา

ในการดูโทรทัศน์หลายพันชั่วโมงจะรับเอาการโฆษณาสินค้าทางโทรทัศน์

เข้าไปโดยไม่รู้ตัวหลายบริษัทใช้เด็กเป็นตัวดึงในการโฆษณาขายสินค้า

ของตน  ผู้ผลิตรายการโฆษณามักจะรู้ดีว่าเด็กเป็นกลุ่มที่ถูกชักจูงง่าย

ที่สุด 

  2.  ทำาให้ความสัมพันธ์กับผู้ ใหญ่ลดลง  ขาดความไว้วางใจซึ่งกันแ

ละกัน  สำาหรับเด็กเล็กความเชื่อผิดๆ  ที่ได้รับจากรายการโทรทัศน์จะมี

อิทธิพลมากพอที่จะลบล้างความเชื่่อทั้งหมดที่เคยได้รับจากพ่อแม่  วัยที่

เป็นอันตรายอย่างมากคือ  ก่อนวัยเรียน  เพราะเด็กวัยนี้ยังแยกแยะความ

จริงไม่ได้และเป็นวัยเลียนแบบด้วย จะสามารถทำาลายความสัมพันธ์ยุติลง

  3.  ในครอบครัวที่มีความเครียดสูง  เช่น  ปัญหาพี่น้องทะเลาะกัน

บ่อย  ผู้ ใหญ่มักคิดว่าโทรทัศน์จะช่วยเลี่ยงปัญหานั้นได้  แต่ความเป็น

จริงกลับพบว่าหลังจากหยุดดูโทรทัศน์  การทะเลาะก็จะเริ่มขึ้นแทนและ               

มีความรุนแรงมากขึ้นด้วย

  4.  ทำาให้ขาดโอกาสในการเล่น  หรือทำาให้การเล่นลดน้อยลง  ซึ่งเป็น

อันตรายอย่างมากทั้งนี้เพราะการเล่นเป็นสิ่งสำาคัญต่อพัฒนาการด้านการ

เจริญเติบโตสามารถช่วยขยายจินตนาการความคิดริเริ่มให้กว้างไกลออก

ไป อีกทั้งยังช่วยลดความวิตกกังวลลงได้ 

  5.  เด็กที่ดูโทรทัศน์มากๆ  จะแสดงลักษณะของการไม่อยู่นิ่งหรือ 

เหนื่อยล้าทำาให้มีแนวโน้มที่จะเป็นเด็กสมาธิสั้น  เนื่องจากได้รับการกระ

ตุ้นจาก แสง สี  เสียงมากเกินไป มีผลรบกวนต่อขบวนการด้านความคิด

ของเด็ก ทำาให้ไม่สามารถเก็บข้อมูลหรือนำาไปใช้ได้ 

  6.  เด็กที่ดูโทรทัศน์มากๆจะทำาให้กลายเป็นเด็กที่มีลักษณะสมยอม 

ขาดความคิดริเริ่ม  ผู้ป่วยที่มาด้วยปัญหาพูดช้าและมีลักษณะคล้ายเด็ก

ออทิสติก  มักพบประวัติถูกเลี้ยงดูด้วยโทรทัศน์มาตั้งแต่วัยทารก 

  7.  โทรทัศน์เป็นตัวกระตุ้นผลักดันภายในและอารมณ์ที่มีอยู่ให้ออก 

มารุนแรงได้  การดูรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับความก้าวร้าวรุนแรงทำาให้

เด็กพอใจหรือมีการเล่นที่ก้าวร้าวรุนแรงกว่าเดิม  อีกทั้งยังเฉยเมยต่อ

ความรุนแรงที่ประสบในชีวิตจริงได้

ผลกระทบ เด็กกับการดูโทรทัศน์Loeimarket Magazine

36

Page 37: EsanWorld-4
Page 38: EsanWorld-4

KSPRO-INKJET

คุณภาพที่คุณสัมผัสไดนามบัตร สกรีน กรอบรูป Sticker Inkjet

“ปาย”โทร 087-4210936,083-5621242

[email protected]

Page 39: EsanWorld-4

  เหตุเกิด  ณ  โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใน  จ.เลย  วันที่  20 

พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันหยุดก็จริง แต่ผม

ต้องไปที่โรงเรียน  เนื่องจากมีการซ่อมแซมวินัย  และผมกับพี่

ชายก็ต้องไปซ่อมแซมวินัยด้วย 

  ผมขับรถจักรยานยนต์ไปถึงที่โรงเรียนแล้วจึงนำาไปจอดไว้ที่โรงจอด

รถ (สวนมะขาม)ของโรงเรียน  แล้วพี่ชายของผมก็ขอลงจากรถก่อน  พอ

ลงปั๊บ พี่ชายก็บอกกับผมว่า “ ท็อปเอารถไปจอดนะ เดี๋ยวเฮียยืนรอตรง

นี้  ”  ผมก็ขับรถไปจอดตามที่บอก  แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจน

ได้

เตือนภัยใกล้ตัว !!!!เจ้าของเรื่อง : ด.ช.ธนวัฒน์ พีศรุตวิบูล

เรียบเรียง : น.ส.อิสยาภรณ์ ฉลองสัพพัญญู

เค้าว่ากันว่า... รู้หน้าไม่รู้ ใจ อายุไม่ใช่

เครื่องตัดสิน ว่าจะเป็นคนที่รู้เท่าไม่

ถึงการณ์หรือไม่ แต่มันขึ้นอยู่ที่นิสัย

ส่วนตัว และ พื้นฐานครอบครัว คุณ

ว่าจริงหรือไม่...

  ขณะที่กำาลังจะจอดรถ  ผมสังเกตว่ามีเด็กผู้ชายสองคนอยู่ที่โรงจอด

รถ  เด็กผู้ชายคนหนึ่งมีท่าทางราวกับว่าคอยดูต้นทาง  แต่อีกคนเดินเข้า

มาแกะไส้กรองอากาศของรถจักรยานยนต์ของผมไปต่อหน้าต่อตา  หลัง

จากที่ผมยังไม่ทันจะเดินพ้นโรงจอดรถเสียด้วยซ้ำา  ผมเห็นดังนั้นจึงรีบ

เข้าไปแย่งของของผมกลับคืนมา แล้วมันก็ยังแย่งไปจากผมอีก แค่นั้นไม่

พอมันยังไล่ผมออกจากโรงจอดรถ  พลางเข็นรถของผมไปจอดในที่โล่ง 

เพื่อที่จะได้งัดแงะอย่างสะดวกมือ  มันสั่งให้เพื่อนที่คอยดูต้นทางอยู่  ให้

นำามีดและคีมมาให้มัน  เพื่อแกะชิ้นส่วนต่างๆ ผมเห็นเหตุการณ์ท่าทางจะ

ไม่ดีแล้วจึงเข้าไปปกป้องทรัพย์สินของผม ด้วยการผลักมันออกไป มันก็

เลยโมโหแล้วคว้ามีที่ถืออยูมาจี้ที่ท้องผม  ผมเพิ่งจะเห็นว่ามันคือมีดสปา

ตาร์ มับอกกับผมว่า “ ถ้ามึงไม่ให้กู กูจะแทงมึงให้ตาย ” ผมตกใจมาก

ไม่คิดว่ามันจะกล้าทำาอะไรอุกอาจขนาดนี้  ทันใดนั้น  พี่ชายของผมที่ยืน

รอผมอยู่นั้นรู้สึกผิดสังเกต ก็เลยเดินเข้ามาดูผม และเห็นภาพที่ผมกำาลัง

โดนเอามีดจี้พอดี จึงวิ่งเข้ามาเพื่อที่จะช่วยผม พร้อมทั้งตะโกนว่า “ เฮ้ย 

!! มีอะไรกัน ” เด็กที่ดูต้นทางอยู่รีบตะโกนว่า “ เฮ้ย !! พี่มันมา ” เด็ก

ที่ถือมีดอยู่ก็เลยตกใจ ผมเลยได้โอกาส รีบสตาร์ทรถแล้วขับออกมาโดย

เร็ว พลางตะโกนบอกพี่ชายว่า “ เฮ้ย !!! มีเรื่อง ” ทันใดนั้นพี่ชายของผม

ไม่รอช้ารีบวิ่งไปหวังจะจับตัวเด็กคนนั้น  แต่ก็พลาด  เด็กคนนั้นหนีไปได้

ก่อน โชคดีที่ผมรอดมาได้ 

  จากนั้นผมได้นำาเรื่องราวนี้ไปเล่าให้คุณครูฟังเพื่อหวังว่าคุณครูจะ 

สามารถจัดการให้ผมได้  แต่ก็เปล่าเลยคุณครูไม่สนใจแม้แต่น้อย  ราวกับ

ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ผมจึงตัดสินใจโทรไปหาป๊ากับแม่เพื่อเล่าเรื่องราว

ดังกล่าว  เพียงครู่เดียวเท่านั้นป๊ากับแม่ของผมรีบมาถึงที่โรงเรียนทันที

เพื่อถามเรื่องราวจากคุณครู  แต่คุณครูก็ยังคงเฉยเมยอยู่ดี  ทำาให้ป๊ากับ

แม่ของผมโมโหมาก จึงตัดสินใจไปแจ้งความกับตำารวจ 

ตำารวจจึงนำาตัวเด็กคนดังกล่าวมารอที่โรงพัก  เพื่อรอผู้ปกครองของเด็ก

มาฟังด้วย แต่จากที่ผมสังเกตก็ดูออกว่าเด็กคนนั้นไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ตนทำา

ลงไปนั้นมันผิดกฎหมายเลยแม้แต่น้อย  เพราะสีหน้าของเขาไม่มีอาการ

หวั่นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเพราะการกระทำาของตัวเองเลย 

มันทำาให้ผมรู้สึกอนาจใจ อายุแค่นี้ยังทำาได้ถึงขนาดนี้ แล้วถ้าอายุมากกว่า

นี้ล่ะ  จะทำาถึงขั้นไหน  แล้วประเทศของเราล่ะจะดำาเนินไปได้อย่างไรถ้า

หากเยาวชนมีความประพฤติเยี่ยงนี้

เรื่องราวยังคงไม่จบเพียงเท่านี้นะครับเนื่องจากได้มีการดำาเนินคดีตาม

กฎหมาย คงต้องให้เป็นหน้าที่ของตำารวจ ผู้พิพากษาเป็นผู้ตัดสินการกระ

ทำาของเด็กคนนี้แล้วล่ะครับ ซึ่งเรื่องราวจะดำาเนินไปถึงตอนจบอย่างไรนั้น 

ผมจะนำามาเล่าต่อในฉบับหน้านะครับ

หากคุณมีเรื่องราวเหล่านี้ สามารถส่งมาเพื่อร่วมแชร์ประสบการณ์ ได้ที่ [email protected] นะครับเพื่อเตือนพี่น้องชาวเลยได้รับรู้กันว่าในยุคปัจจุบันเราควรอยู่และระมัดระวังอย่างไร

Loeimarket Magazine

39

Page 40: EsanWorld-4

นำาข้อมูลมาจาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=11481 ครับ

  ถ้าเราจะให้ความหมายของ “เวลา” นั้น มันไม่ง่ายนักที่จะจำากัดความลงไปให้แน่ชัด  เวลา 

คือการนับอายุ เวลา คือ การกำาเนิดฤดูกาล หรือเวลา คือ ตารางที่ถูกกำาหนดขึ้นมาเพื่อให้เรารู้

ว่าเราจะทำาอะไรบ้าง เช้าแปรงฟัน กินข้าว กลางวันทำางาน ตกเย็นนัดแฟน กลางคืนมุดมุ้งนอน 

อย่างนั้นหรือ ? ก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรเหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ ตั้งแต่แรกเกิดลืมตาอ้าปากขึ้นมา 

เวลา  ก็เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรา พอโตขึ้นมาพอจะจำาอะไรกับเขาได้บ้าง  เราก็ถูกสอนให้บอดเวลา

จากนาฬิกา ให้บอกเวลาจากปฏิทิน วันไหน คือ วันจันทร์ วันไหน คือ วันอาทิตย์ เดือนไหนเป็น

เดือนมกราคมก็ว่าเรื่อยไป

  การนับเวลาที่ว่ามานี้เป็น  “สิ่งประดิษฐ์”  อย่างหนึ่งที่มนุษย์เราตั้งขึ้นมาเพื่อให้สำาหรับนัด

หรือวัดเวลาบนโลก  ลองคิดดูง่ายๆ  ถ้าพ้นจากโลกนี้ไปแล้ว  (จะไปอยู่โลกหน้าโลกไหนก็ตาม) 

เราก็คงไม่สามารถนับเวลาตามกฎเกณฑ์เดิมของเรานี้ได้  เราอาจจะพบกับเวลาที่แท้จริง  ที่

เรียกให้ขลังๆ หน่อยก็อาจจะเรียกว่า เวลาแห่งจักรวาล (Cosmic Time) หรือเวลาแห่งเอกภพ 

(Universal Time) ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเป็นธรรมชาติของเวลาที่จะต้องให้ศึกษาอีกมากมาย ปราก

ฎการณ์ลึกลับที่เกิดจากการซ้อนเหลื่อมกันของเวลาจึงเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น  ที่เรายังหาคำา

ตอบไม่ได้  และมักจะคิดว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเป็นเพราะว่า  เรายังไม่เข้าใจถึงธรรมชาติที่แท้

จริงของ “”เวลา” 

  โจน ฟอร์แมน (joan Forman) ผู้เขียนสารคดีเรื่องนี้  เป็นผู้หนึ่งที่สนใจถึงความลึกลับของ

เวลา และได้ศึกษารวบรวมเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ “การซ้อนเหลื่อมของเวลา” ไว้

เป็นจำานวนมากซึ่งจะได้หยิบยกมาเป็นตัวอย่างเพียงบางเรื่องหลังจากนั้น เราจะมาวิเคราะห์กัน

ถึงแนวทางที่มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไรบ้างบนพื้นฐานของหลักการทางวิทยาศาสตร์เท่าที่อารยชน

รุ่นเราจะมีอยู่และรู้ได้ 

การซ้อนเหลื่อมของเวลาปัจจุบันกับอดีต

ชาวเมืองนอร์ฟอร์ค (Norfolk)  แก่ๆ  คนหนึ่งชื่อ  สไควเรล (Mr. Squirel)  แกจะมีอาชีพทำามา

หากินอะไรนั้น  ตามข่าวไม่ได้แจ้ง  รู้แต่ว่างานอดิเรกของแก  คือ  การสะสมเหรียญเก่า  และก็

คล้ายๆ  กับนักสะสมคนอื่นๆที่เก็บเหรียญเก่าไว้ ในแฟ้มหรือซองพลาสติกที่ทำาไว้สำาหรับเรื่องนี้

โดยเฉพาะ ทำานองเดียวกับแฟ้มสำาหรับนักสะสมแสตมป์ 

  วันหนึ่งนายสไควเรล คนนี้เดินทางไปที่  เกรท ยาร์มัธ (Great Yarmouth)  เพื่อหาซื้อแฟ้ม

หรือซองพลาสติกสะสมเหรียญ  ซึ่งแกได้ยินมาว่ามีอยู่ร้านหนึ่งซึ่งขายสินค้าพวกนี้โดยเฉพาะ 

วันนั้นเป็นวันที่ 9 สิงหาคม ปี 2516 แกก็มาที่ร้านดังกล่าวนี้ ซึ่งไม่เคยมามาก่อนแต่ก็หาไม่ยาก

นัก  เพราะเพื่อฝูงสาธยายตำาแหน่งแห่งหนให้รู้จนชัดแจ้งแล้ว  สิ่งที่สะดุดตาอันแรกที่มาถึงร้อน

นี้ก็คือ  หน้าร้านที่เป็นลานกว้างโรยด้วยก้อนกรวดขาวสะอาด  เมื่อนายสไควเรลก้าวเข้าไปใน

ร้าน  แกรู้สึกว่าการตกแต่งร้านจะดูโบราณไปหน่อย  แต่ก็ดูสง่างามน่าทึ่งไม่ว่าจะเป็นตู้โชว์หรือ

กรอบรูปข้างฝา  รวมทั้งที่วางไม่เท้าทางประตูทางเข้า  ซึ่งคนสมันก่อนนิยมการถือไม่เท้าหรูๆ 

เมื่อหญิงสาวคนขายโผล่ออกมา  แกก็ยิ่งแปลกใจใหญ่  เพราะผมเผ้าตลอดจนการแต่งเนื้อแต่ง

ตัวดูเหมือนจะแกะออกมาจากแค็ตตาล็อคในยุคของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดแต่แกก็ไม่คิดอะไร  เพราะ

แฟชั่นของสาวสมัยนี้แกเองก็แก่แล้วตามไม่ทัน  ในระหว่างที่ถามหาสิ่งที่ต้องการ  เฒ่าสไควเรล

รู้สึกผิดสังเกตอย่างหนึ่งคือ  ภายนอกร้านรู้สึกเงียบเชียบ  ไม่มีเสียงรถราแล่นผ่านเหมือนกับมี

การปิดกั้นการจราจร  ทั้งๆ  ที่ถนนหน้าร้านเป็นย่านจอแจแห่งหนึ่ง  ในวันนั้นแกซื้อซองสะสม

เหรียญเก่าถูกใจไปได้ ใบหนึ่งสัปดาห์ต่อมาพ่อเฒ่าสไควเรลแกชอบอกชอบใจย้อนไปซื้อใหม่

อีก  คราวนี้แกต้องแปลกใจมากๆ  เมื่อไปถึงร้าน  ไม่ใช่เพราะร้านย้ายหนีไปแล้ว  แต่เป็นเพราะ

หน้าร้านนั้นเปลี่ยนไปอย่างผิดหูผิดตา  ลานกว้างที่โดรยด้วยกรวดสีขาวหายไปกลายเป็น

ทางเท้าริมถนนธรรมดา  ทีแรกแกก็นึกว่าแกแล้วเลยทำาให้จำาร้านผิด  เมื่อทบทวนและทบทวน

อีกก็มั่นใจว่าร้านนี้แน่ๆ  เมื่อสไควเรลก้าวเข้าไปในร้าน  คิ้วของแกก็ยิ่งขมวดหนักขึ้นเพราะร้าน

นี้กลายเป็นร้านขายนาฬิกาไปเสียแล้ว  ไม่มีวี่แววของร้านเดิมให้แก่พบเห็นเลย  สิ่งที่แกได้มาก็

คือ  ซองใส่เหรียญซึ่งยืนยันได้ว่า  ซื้อมาจากร้านตรงนั้นเมื่ออาทิตย์ก่อน  เมื่อนำาซองใส่เหรียญ

นี้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบดู  ก็ได้รับคำาตอบว่าลักษณะของซองเป็นของที่นิยมใช้กันใน

ทศวรรษของปี 2463 ปัจจุบันไม่มีขายในท้องตลาดแล้วหรือวันนั้น นายสไควเรลตกอยู่ภายใน

สภาวะ การซ้อนเหลื่อมของเวลาถูกพาย้อนกลับไปราว 50 ปี 

  อีกรายหนึ่งเกิดขึ้นกับ นางเทอเรลล์ คลาร์ก (Mrs.Turrel Clarke) ชาวเมืองไพร์ฟอร์ด (Py-

ford)  ประเทศอังกฤษ  ในเย็นวันหนึ่งผู้หญิงคนนี้ได้เข้าร่วมร้องเพลงสวดในโบสถ์ไพรฟอร์ด

ซึ่งเป็นโบสถ์ประจำาตำาบล  ในขณะที่เพลงสวดประสานเสียงดำาเนินไปอย่างน่าฟังนั้น  นางคลา

ร์กก็รู้สึกเหมือนมีการผิดปกติเกิดขึ้นกับเธอ  เธอรู้สึกเวียนศรีษะเล็กน้อย  ภาพที่อยู่ข้างหน้า

เปลี่ยนแปลงไป  สภาพของโบสถ์รู้สึกผิดไปอย่างเห็นได้ชัด  ไม่ว่าจะเป็นพื้นหิน  แท่นบูชาหรือ

รูปทรงของหน้าต่าง  ข้อสำาคัญเธอเห็นพระกลุ่มหนึ่งในชุดเสื้อคลุมสีน้ำาตาลนั่งร้องเพลงสวด

ด้วยท่าทางที่สุขุมเยือกเย็น  นางคลาร์กมีความรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์และเมื่อเธอขยับตัว 

สภาพแวดล้อมทั้งหมดก็กลับสู่สภาพเดิม 

  นางคลาร์กแปลกใจกับภาพที่ได้เห็นในเย็นวันนั้นมาก  เธอมั่นใจว่าสภาพของบริเวณที่เธอ

นั่งอยู่นั้นได้เปลี่ยนแปลงไป  พระที่เธอเห็นมานั่งร่วมสวดอยู่ด้วยก็ดูแปลกตาเธอรู้ว่าพระใน

โบสถ์นี้ใส่ชุดคลุมสีดำา  แต่เมื่อได้มีการศึกษาอย่างละเอียด  พบว่าในปี  พ.ศ.1836  เคยมีพระ

จากวิหารเวสท์มินสเตอร์  (Westminster)  มาใช้โบสถ์นี้ในการประกอบพิธีกรรมอยู่ครั้งหนึ่ง 

และพระจากวิหารเวสต์มินสเตอร์เหล่านั้นใส่ชุดคลุมสีน้ำาตาล 

เป็นไปได้หรือ ที่เวลาของเธอเกิด “ลื่นไถล” พลัดเข้าไปอยู่ในศตวรรษที่ 13 อย่างจัง 

  อีกราย  รายนี้เวลาเกิดการซ้อนเหลื่อมเข้าไปอีก  รายนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่  26  พฤษภาคม 

2516  นางแอน  เมย์ (Ann May)  และสามีซึ่งเป็นครูชาวเมืองนอร์วิช (Norwich)  ได้ไปเที่ยว

โบราณ คลาวา  แคนส์ (Clava Caims)  ในเมืองอินเวอร์เนส (Inverness)  ซึ่งเป็นหนึ่งในสาม

ของสุสานศิลปโบราณที่มีอายุเก่าแก่สร้างขึ้นตั้งแต่สัมฤทธิ์  ราว  1800-1500  ก่อนคริสตกาล 

เช้าวันที่ครูแอนไปที่นั่น  เป็นเช้าวันที่อากาศแจ่มใสมาก  สายลมเบาบาง  เสียงนกร้องแผ่วๆ 

ถ้าเป็นฉากหนังก็คงโรแมนติกดี  เธอเดินเที่ยวไปรอบๆ  อย่างสบายใจ  ในที่สุดเธอก็เดินมานั่ง

พักที่แท่งหินใหญ่  หลับตาลงในขณะที่สายลมแผ่วเบามาปะทะใบหน้า  และเมื่อเธอเอนหลังลง

สัมผัสกับแท่งหิน เธอรู้สึกวาบหวิวขึ้นมาอย่างผิดปกติ ทันทีที่หลังของเธอแตะแท่งหิน เหมือน

กับ  “สวิตซ์”  ของการเหลื่อมซ้อนแห่งเวลาถูกเปิด  เมื่อเธอค่อยๆ  ลืมตาขึ้น  ภาพที่เธอเห็นก็

คือ กลุ่มของผู้ชาย รูปร่างสูงใหญ่ ผมดำายาวสวมเสื้อผ้ารุงรังดูเหมือนจะทำาด้วยหนังสัตว์ กลุ่ม

ผู้ชายกำายำาเหล่านั้นกำาลังช่วยกันลากแท่งหินที่มีลักษณะเช่นเดียวกับแท่งหินที่ปรากฏในสุสาน

คว�มเหลื่อมล้ำ�ของเวล�

Loeimarket Magazine

40

Page 41: EsanWorld-4

แห่งนี้เพียงชั่วครู่เดียว ภาพเหล่านั้นก็เลือนหายไป เธอกลับคืนมาสู่ศตวรรษที่ 20 อีกครั้งหนึ่ง 

  ภาพที่ครูแอนเห็นนี้  มันเป็นเสี้ยวหนึ่งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกว่า  2,000  ปีล่วงมาแล้ว 

เธออธิบายได้อย่างถูกต้องโดยที่ไม่เคยศึกษาเรื่องนี้มาก่อนเลย  แต่ที่เธอเห็นเช่นนี้ก็เพราะ

ปรากฏการณ์ลึกลับที่เวลาปัจจุบันไปซ้อนเหลื่อมเข้ากับเวลาในอดีตกระนั้นหรือ ? 

  สำาหรับตัวโจน ฟอร์แมน ผู้เขียนสารคดีเรื่องนี้ก็เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการซ้อนเหลื่อม

กันของเวลาเช่นกัน เมื่อครั้งที่ไปเที่ยวคฤหาสน์แฮดแดน (Hadden Hall) ที่เดอร์บีเชียร์ (Der-

byshire)  มันเป็นวันหยุดที่เธอเองไม่ได้ตั้งใจที่ะไปเพื่อจุดประสงค์ในงานที่กำาลังค้นคว้าอยู่  แต่

ตั้งใจที่จะไปชมคฤหาสน์มานานแล้ว 

  ในขณะที่ฟอร์แมนยืนอยู่ที่ลานกว้างหน้าคฤหาสน์  พิสมัยเล็งแลถึงความงามแห่งโบราณ

วัตถุ  จากลานหญ้าหน้าคฤหาสน์มีบันไดหินกว้างใหญ่ทอดขึ้นไปจนจรดลานหินหน้าประตูทาง

เข้า  เมื่อเธอขยับตัวไปยืนอยู่ ณ. จุดหนึ่งของลานสนามหญ้า และขณะนั้นเองเธอก็สังเกตเห็น

มีเด็กอยู่ 4 คน กำาลังเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่บนลานหินนั้น เป็นเด็กผู้ชายเล็กๆ 2 คน และ

เด็กผู้หญิงอายุราว  9  ขวบคนหนึ่ง  ส่วนเด็กผู้หญิงคนโตอีกคนหันหลังให้  แต่ที่สังเกตเห็นได้

อย่างเด่นชัดว่าเธอมีผมสีบรอนด์  ไหล่กว้าง สวมหมวกทรงดัทช์  อยู่ในชุดไหมยาวสีเทา  เขียว 

เธอหัวเราะอย่างร่าเริงและหันหน้าแวบหนึ่งมาทางลานหญ้า เพียงแวบเดียวเท่านั้น แต่ฟอร์แมน

ก็จำาได้อย่างติดตาว่า เด็กสาวคนนี้มีใบหน้าเรียบๆ จมูกเชิด คางสี่เหลี่ยม ฟอร์แมนเดินเข้าไป

ข้างหน้าด้วยความสนใจ แต่ทันทีที่เธอขยับตัว สิ่งที่เธอเห็นในลักษณะที่ค่อนข้างงุนงงเมื่อนาที

ที่แล้วก็เลือนหายไป  แต่ภาพเหล่านั้นเธอยังจดจำาได้โดยเฉพาะเสียงหัวเราะอย่างร่าเริงของเด็ก

พวกนั้น 

  เมื่อฟอร์แมนเดินเข้าไปเที่ยวในคฤหาสน์  เธอพยายามมองหาภาพวาดเก่าๆ  ที่แขวนอยู่

ตามฝาผนัง  ด้วยความเชื่อมั่นว่าเด็กหญิงที่เธอเห็นนั้นจะต้องเป็นคนในคฤหาสน์นี้  ภาพวาดที่

ยังถูกรักษาไว้อย่างดีถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ และนั่นไงฟอร์แมนรู้สึกขนลุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว 

ภาพของเด็กผู้หญิงผมสีบรอนด์สวมใส่ชุดผ้าไหมสีเทาเขียวพร้อมทั้งหมกทรงดัทช์บนศรีษะ 

โดยเฉพาะใบหน้าที่มีคางกว้างจมูกเชิด  ฟอร์แมนจำาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนว่าเป็นคนเดียวกันกับ

คนั้เธอเห็นวิ่งเล่นอยู่ที่หน้าคฤหาสน์เมื่อสักครู่ที่ผ่านมานี้เอง  และเมื่อสอบถามจากผู้ดูแลก็ได้

รับคำาตอบว่า เด็กหญิงในภาพนี้ก็คือ คุณผู้หญิงเกรซ แมนเนอร์ (Lady Grace Manner) แห่ง

คฤหาสน์แฮดดอน มีชีวิตอยู่เมื่อ 200 กว่าปีที่แล้ว ! เช่นเดียวกับครูแอน เมย์ ในขณะที่เอนหลัง

ลงแตะแท่งหินในสุสานคลาวาแคนส์  ฟอร์แมนขยับเท้าไปยืนอยู่  ณ.  จุดหนึ่งของสนามหญ้า

หน้าคฤหาสน์แฮดดอน  ทั้งคู่ถูกเงื่อนไขของธรรมชาติอันลึกลับตกเข้าไปอยู่ในสภาวะที่เวลาทั้ง

ปัจจุบันและอดีตเลื่อนมาซ้อนกันอยู่ 

  การซ้อนเหลื่อมกันของเวลาปัจจุบันกับอนาคต เมื่อเวลาเกิดการซ้อนเลื่อมกันได้มันอาจจะ

ซ้อนเข้าไปสู่อดีตหรือล่วงหน้าเข้าไปสู่อนาคต มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั้ง 2  กรณี  อนาคตที่ล่วง

หน้ามาปรากฏขึ้นในปัจจุบันนั้นอาจเกิดขึ้นได้ 2  ทาง  คือ  เป็นภาพที่อยู่ในความฝัน  หรือไม่ก็

เดินไปดีๆ  แล้วก็เห็นกันเจ๋งๆ  เลยจนบางทีคิดว่าเป็นภาพลวงตา  ภาพที่อยู่ในอนาคตแล้วมา

ซ้อนกันอยู่กับปัจจุบัน  บางครั้งอาจจะไม่รู้สึกผิดสังเกต  เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น

แต่เมื่อเราไปพบเห็นเข้าสักวันหนึ่งข้างหน้า  เราอาจจะรู้สึกประหลาดใจที่พอจะนึกออกว่า คลับ

คล้ายคลับคลาว่าเราเคยเห็นมาก่อน  ท่านผู้อ่านหลายท่านคงจะเคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน 

แต่ไม่แน่ใจว่าเห็นมากับตาหรือในความฝัน

  สถานีโทรทัศน์  BBC  ของประเทศอังกฤษเคยเสนอรายการการซ้อนเหลื่อมของเวลา

ปัจจุบันกับอนาคต  ซึ่งปรากฏว่ามีผู้เขียนเล่าประสบการณ์ไปยังสถานีเป็นจำานวนมาก  เด็ก

นักเรียนขั้นมัธยมคนหนึ่งเคยฝันว่าได้หยิบเสื้อผ้าที่เธอเองไม่เคยมีอยู่ออกมาจากกระเป๋าเดิน

ทางเข้ามาจัดแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าที่เป็นลักษณะของตู้เสื้อผ้ารวมสำาหรับใช้กับหลายๆ คน ความ

ฝันนั้นเกิดขึ้นเมื่อ3  ปีก่อน  จนเธอเองลืมไปแล้วแต่เมื่อเธอถูกส่งมาเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยม

กินอยู่ประจำา  ในวันที่คุณพ่อเธอซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ  รวมทั้งกระเป๋าเดินทางให้  เธอก็ยังไม่เอะใจ

อะไร ต่อเมื่อเย็นวันที่เธอถูกส่งเข้ามาอยู่ในหอพักในโรงเรียน และจัดเสื้อผ้าในตู้ เธอจึงมีความ

รู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เธอกำาลังทำาอยู่นั้นมันช่างตรงกับที่เธอเคยเห็นในความฝันเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ไม่

ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่หยิบออกมาจากกระเป๋าเดินทาง  หรือตู้เสื้อผ้ารวมทั้งอยู่ในหอพัก  มันเตือน

ความจำาของเธอจากความฝันได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน  ที่แสดงว่าส่วนหนึ่งของภาพในอนาคตเธอได้

เห็นมันมาก่อนแล้ว อย่างนั้นหรือ ? 

  เรื่องที่น่าสนใจมากอีกเรื่องหนึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2517 มีสุภาพสตรี 2 ท่าน

เป็นชาวเมืองเบอร์มิ่งแฮม ชื่อ อาร์.เฮซ. ฮอดก์สคิน (R.H. Hodgskin) และเทสซา จี. (Tessa 

G.)  ทั้งสองคนนี้ได้มาเที่ยวลอนดอนและแวะไปที่หอศิลปกรรมของลอนดอนเพื่อชมศิลปวัตถุ

โบราณ  ขณะที่ทั้งสองสาวเพลิดเพลินจำาเริญใจอยู่กับการชมศิลปวัตถุอย่างในห้องใต้ดิน  ก็

เกิดความรู้สึกอึดอัดบรรยากาศชักไม่ค่อยน่ารื่นรมย์  จึงชวนกันกลับขึ้นมาชั้นบน  ในขณะที่

ก้าวบันไดขึ้นมาถึงกึ่งกลาง  เทสซารู้สึกหน้ามืดขึ้นมาชั่ววูบหนึ่ง  แต่ก็เพียงวูบเดียวเท่านั้น  แต่

พอเธอจะขยับขา  เทสวซาก็ต้องชะงักอยู่กับที่เพราะเธอรู้สึกว่าได้ยินเสียงทั้งผู้ ใหญ่และเด็กร้อง

ครวญครางอยู่ข้างล่าง  เสียงนั้นชัดเจนมากจนจับคำาพูดได้  มันเป็นเสียงของคนบาดเจ็บ  เสียง

ร้องขอความช่วยเหลือ  เทสซาหันไปกระซิบถามเรื่องนี้กับเพื่อสาว  แต่เพื่อนของเธอขมวด

คิ้ว  สั่นหัวพร้อมทั้งบอกว่าได้ยินแต่เสียงนักท่องเที่ยวกระซิบกันเบาๆ  เป็นกลุ่มๆ  อยู่ที่ห้อง

เก็บโบราณวัตถุข้างล่างซึ่งเมื่อเทสซามองลงไปมันก็มีลักษณธแบบเดียวกับที่เพื่อนเธอบอก  3 

เดือนต่อมาผู้ก่อการร้ายได้ลอบวางระเบิดในห้องใต้ดินของหอศิลปกรรมแห่งลอนดอนแห่งนี้ 

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2517 มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต รวม 33 คน ในจำานวนนี้ส่วนใหญ่เป็น

เด็ก หมายความว่าเทสซาในขณะที่ก้าวขึ้นไปถึงจุดๆ หนึ่งตรงบันไดทางขึ้น ปัจจุบันของเธอได้

เข้าไปซ้อนกับอนาคต  ทำาให้เธอได้ทราบถึงวินาศภัยที่เกิดขึ้นก่อนคนอื่นๆ  แต่ในขณะนั้น  เธอ

คิดแต่เพียงว่าอาจจะเป็นเสียงหลอกหลอนจากอดีตนานนับเป็นร้อยปีของหอศิลปกรรมแห่งนี้

เท่านั้น 

  สำาหรับรายนี้ อนาคตที่เข้ามาซ้อนเหลื่อมกับปัจจุบันอาจจะมาแต่ “เสียง” เท่านั้น ในขณะที่

เหตุการณ์อื่นๆ อาจจะมาแต่ “ภาพ” แต่บางครั้งมันก็มาทั้งภาพและเสียงครบเครื่อง คนบางคน

ที่มีอำานาจจิตประหลาดก็อาจจะมีโอกาสที่จะมองเห็นภาพอนาคตได้อย่างชัดเจนและบ่อยครั้ง 

  มาร์กาเร็ต เบเกอร์ (Margaret Baker) หมอดูผู้ทำาพิธีทางศาสนาคนหนึ่ง เมื่อครั้งที่จะจัดให้

มีนิทรรศการเกี่ยวกับบ้านที่โอลิมเปีย (Olympia) ในกรุงลอนดอน เธอได้พบเห็นข่าวพาดหัวตัว

เบ้อเริ่มในหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการลอบวางระเบิดในงานนิทรรศกาลที่โอลิมเปีย  มีผู้บาด

เจ็บและได้รับอันตรายเป็นจำานวนมาก แต่ข่าวพาดหัวนั้นเธอเห็นก่อนที่จะมีนิทรรศกาลนั้นถึง 3 

เดือน มาร์กาเร็ตพบข่าวนี้ถึง 2 ครั้ง และเมื่อวันที่มีการเปิดงานนิทรรศการนี้ มาร์กาเร็ตมีความ

รู้สึกถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นในงาน  เธอได้เตือนคนที่รู้จักไม่ให้ไปเที่ยวงานนี้  และก่อนวันที่จะ

เกิดโศกนาฏกรรม มาร์กาเร็ตเห็นระเบิดถูกซุกซ่อนไว้ในถังขยะ นับเป็นการเห็นล่วงหน้าครั้งที่ 

3  ของเธอที่เกี่ยวข้องกับอนาคตในเรื่องนี้  และแล้วในวันที่ 27  มีนาคม 2519  ก็ได้เกิดระเบิด

ขึ้นในงานนิทรรศการบ้านที่โอลิมเปีย  จากการก่อวินาศกรรมของคนร้าย  ข่าวจากวิทยุและ

โทรทัศน์ที่ออกอากาศ  มันช่างตรงกับที่มาร์กาเร็ตรู้มาแล้ว  เพราะอนาคตของโศกนาฏกรรม

ครั้งนี้เดินทางมาให้เธอเห็นก่อนแล้ว จากการซ้อนเหลื่อมของเวลา 

Loeimarket Magazine

41

Page 42: EsanWorld-4

“เวลา” ความลึกลับที่ยังรอการค้นพบ

การซ้อนเหลื่อมแห่งเวลาทั้งอดีตและอนาคต  ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ  แต่เป็นความแปลก

ประหลาดที่ยากจะอธิบาย คนส่วนใหญ่จึงยกให้มันเป็นปรากฏการณ์ที่เหนือธรรมชาติ อย่างไร

ก็ตาม “กฏเกณฑ์ที่อยู่เหนือธรรมชาติ” นั้นไม่มี อะไรที่เกิดขึ้นได้ภายใต้เอกภพนี้ก็ต้องอยู่ภาย

ใต้เหตุแห่งธรรมชาติทั้งนั้น แต่เรายังอธิบายไม่ได้หรือยังอธิบายได้ไม่ชัดเจนก็อาจจะเป็นเพราะ

ว่าความรู้เรายังก้าวไปไม่ถึง  มีใครบ้างที่จะอธิบายถึงการเกิดสุริยุปราคาได้ก่อนที่โลกจะเรียนรู้

ถึงระบบการโคจรของดวงดาวในจักรวาล  ใช่สิ.  เมื่อโลกมืดลงเพราะเกิดสุริยุปราคาเมื่อหลาย

พันปีก่อนมันจึงเป็นเหตุการณืที่เกิดขึ้นอันเนื่องมากจากสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติไม่มีคำาอธิบาย 

  การซ้อนเหลื่อมแห่งเวลาจะอธิบายได้ ถ้ากฏเกณฑ์ของเวลาแห่งจักรวาลจะรู้สึกซึ้งมากกว่า

นี้  อย่างไรก็ตามในขณะที่เรากำาลังแกะและคลำาทางเพื่อค้นคว้าเรื่องการซ้อนเหลื่อมแห่งเวลา 

ข้อสังเกตหลายประการก็ได้ถูกรวบรวมขึ้นมาบ้างแล้ว 

1. การซ้อนเหลื่อมแห่งเวลาจะเกิดขึ้นเมื่อมีจุดกระตุ้น 

2. การซ้อนเหลื่อมนั้นจะเกิดขึ้นเพียงชั่วเวลาสั่นๆ 

3. มีความรู้สึกผิดปกติเกิดขึ้นในขณะที่เวลากำาลังจะซ้อนกัน 

4. ความรู้สึกบอกได้ว่ากำาลังอยู่ในเหตุการณ์ที่แตกต่างกันใน 2 เวลา 

5. เสียงจากเหตุการณ์ปัจจุบันนั้นจะหายไป 

  ปัจจุบันสู่อนาคต  อย่างเดียวเท่านั้นหรือ  ?  อย่าลืมว่าความรู้สึกเช่นนี้ถูกฝังแน่นอยู่ใน

จิตใจของเรา  เพราะเราคุ้นเคยกับการนับเวลา  “ตามปฏิทิน”  และการนับเวลาเช่นนี้เป็นเรื่อง

ที่ “สมมติ” ขึ้น เป็นเครื่องมือวัดอย่างหนึ่งที่มนุษย์ฉลาดประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อวัด “เวลา” ที่เนื้อ

แท้ๆ ของมันนั้น คือ “เวลาแห่งจักรวาล” ซึ่งอาจจะมีเครื่องมือวัดระบบอื่นๆ ที่แตกต่างกันไป

มาใช้วัดได้ ไม่ผิดไม่ใช่หรือ ? 

  ในภาวะปกติ  เวลาจะต่อเนื่องกันไปตามระบบการวัดของมนุษย์  แต่เมื่อมี  “สิ่งผิดปกติ” 

เกิดขึ้น  ธรรมชาติของเวลาที่แท้จริงก็จะแสดงออก  เวลาจะเกิดการเหลื่อมซ้อนกัน  ข้อที่น่า

สังเกตว่า  เมื่อเวลาเกิดเหลื่อมซ้อนกันนั้น  เป็นปรากฏการณ์ที่ผิดปกติ ก็เนื่องมาจากผู้พบเห็น

เหตุการณ์จะเกิดอาการผิดปกติขึ้นในร่างกาย เช่น เวียนหัว ทำานองเดียวกับบุคคลที่มีประสาท

พิเศษบางคนที่จะเกิดอาการผิดปกติขึ้นก่อนหน้าที่จะเกิดแผ่นดินไหวซึ่งเป็นความผิดปกติของ

ธรรมชาติ  เช่นเดียวกันถ้าจะเทียบกับความรู้สึกของคนบางคนที่เกิดผิดปกติขึ้นมาก่อนหน้าที่ 

“เวลา” ธรรมชาติอย่างหนึ่งกำาลังจะผันผวนด้วยการที่มันกำาลังจะซ้อนเหลื่อมกัน 

  ทำาไมการซ้อนเหลื่อมกันของเวลาจะเกิดขึ้นต้องมีสิ่งมากระตุ้น ? เช่น ในกรณีครูแอน เอน

หลังลงไปแตะแท่งหิน  มองดูเหมือนกับเป็น  “สวิตซ์ธรรมชาติ”  ถ้าเราจะคิดว่าการซ้อนเหลื่อม

แห่งเวลาจะเกิดขึ้นต้องมีพลังงาน  เป็นไปได้ไหมที่สิ่งกระตุ้น (เช่นแท่งหิน)  เป็นเสมือนหนึ่งตัว

จ่ายพลังงานที่ทำาให้เหตุการณ์เกิดขึ้น 

  สิ่งที่น่าขบคิดต่อไปก็คือว่า  ถ้าอดีต  ปัจจุบัน  และอนาคต  พร้อมอยู่แล้วที่จะปรากฏออก

มา ถ้าเช่นนั้น  “ข่าวสาร” ของเหตุการณ์เหล่านี้ควรจะมีอยู่แล้ว มันปรากฏอยู่ในรูปใดรูปหนึ่ง 

และ ณ.ที่ใดที่หนึ่งสมมุติฐานที่อาจจะยังอยู่เหนือความนึกคิดอยู่ สมมติฐานหนึ่งที่ว่า สรรพสิ่ง

ทั้งหลายในโลกนี้มีการส่ง “คลื่นลึกลับ” ออกมาตลอดเวลา คลื่นนี้จะบรรจุข่าวสารเกี่ยวกับตัว

มันเอง (เช่น  สีสัน  รูปลักษณ์  สภาวะ  ฯลฯ)  คลื่นลึกลับเหล่านี้มีการรับและ  “ดูดกลืน”  จาก

วัตถุอื่นและเมื่อวัตถุอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม และเมื่อ “สวิตช์” ถูกเปิดขึ้น ข่าวสารเหล่านี้จะถูก

ถ่ายทอดออกมาช่วงหนึ่งเข้าสู่  “เครื่องรับ”  ซึ่งเป็นสมองคนก็ทำาให้ปรากฏภาพขึ้น  อย่างเช่น

ในกรณีของแท่งหินที่สุสานคลาวาแคนส์  ที่ดูดซึมข่าวสารของอดีตไว้แล้วถ่ายทอดมาสู่ครูแอน 

เมย์ 

  ปัญหาอยู่ที่ “คลื่นลึกลับ” ที่สามารถเก็บภาพและเสียงเอาไว้ได้นี้ คืออะไร ? ไม่รู้ครับ (เว้า

กันซื่อๆ)  แต่มันเป็นความจริงทางฟิสิกส์ที่ยอมรับกันข้อหนึ่งว่า  มวลสารทุกอย่างมีการแผ่

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาตลอดเวลา  คลื่นแสงที่ทำาให้เรารับรู้ความสดสวยของโลก (หรืออาจ

จะเป็นความขยะแขยง)  คลื่นวิทยุ  รังสีอุลตราไวโอเลต  รังสีเอกซ์  ตลอดจนรัวสีแกมม่า  ชื่อ

ต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คลื่นเหล่านี้ที่เคยเป็นคลื่นลึกลับ

มาก่อนได้ถูกทยอยค้นพบในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา  แล้วใครล่ะจะกล้าพนันว่า  ในช่วงศตวรรษ

ต่อไป  “คลื่นลึกลับ”  ที่ส่งภาพอดีตและอนาคตจากสรรพสิ่งในโลกออกมาจากตัวมันเองจะไม่

เป็นคลื่นรายต่อไปที่ถูกค้นพบ ใช่แล้ว รางวัลโนเบลในเรื่องนี้กำาลังรออยู่ 

  สาขาสำาคัญหนึ่งของวิชาฟิสิกส์ที่เรียกว่า  ควนตัม  เมคคานิคส์  (Quantum  machanics) 

มีส่วนสนับสนุนในเรื่องความไม่แน่นอนของเวลา  โดยดูจากความไม่แน่นอนของอิเล็กตรอน

ในอะตอม  เราไม่สามารถบอกถึงตำาแหน่งแห่งหนของอะตามที่แน่นอนได้  (ตามหลัก  Uncer-

tain  Law  )  มันอาจจะวิ่งไปข้างหน้าหรือวอ่งย้อนหลังในเวลาเดียวกันได้  มันทำาตัวเหมือนกับ

ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา อนาคตหรืออดีต  อาจจะอยู่ ณ. ที่ปัจจุบันก็ได้  ความลึกลับของเวลาในโลก

อิเล็กตรอนอาจจะไขความลึกลับของเวลาแห่งจักรวาล ... แน่นอน ในวันหนึ่งข้างหน้า 

  เป็นความจริงที่ยอมรับกันแล้วว่าสมองของคนเรานั้นมีการส่งคลื่นออกไปตลอดเวลา  ด้วย

ลักษณะของความถี่ที่แตกต่างกัน  และเมื่อมันทำาตัวมันเป็น  “เครื่องส่ง”  ได้  มันก็น่าจะเป็น

เครื่องรับได้  ด้วยภาพของเหตุการณ์ในอดีต  หรือในอนาคตที่มาปรากฏในปัจจุบัน  ไม่ว่าจะมา

ในรูปของการเห็นหรือจากความฝันซึ่งเราเรียกมันว่าเป็นการซ้อนเหลื่อมของเวลานั้น  อาจจะ

เป็นการรับ “คลื่นลึกลับ” ที่เข้าสู่สมองในขณะที่สมองนั้นอยู่ในสภาวะที่เกิด “ปรับ” (Tune) ได้

ตรงกับคลื่นนั้นพอดี 

  ถ้าเราสามารถรับรู้เหตุการณ์ในอนาคตซึ่งโดยสามัญสำานึกเราคิดว่า  มันยังไม่น่าเกิดขึ้น 

เพราะผลของอนาคตจะต้องต่อเนื่องจากเหตุแห่งปัจจุบัน  ถ้าเป็นเช่นนั้นแสดงว่าข่าวสารใน

อนาคตได้ถูกกำาหนดไว้แล้ว  รอให้เราไปพบโดยที่เราจะปล่อยมันไม่ได้เลย อย่างนั้นหรือ ? คำา

ตอบก็คือ ใช่ ... อาจจะเป็นอย่างนั้น เหตุการณ์ทุกอย่างได้ถูกกำาหนดไว้แล้ว หรือ ถ้าจะพูดลึก

ลงไปก็คือ มันได้ “เกิด” ขึ้นแล้ว ถ้าเช่นนั้นท่านอาจจะเถียงได้ว่ามัน “เกิด” เกิดขึ้นได้อย่างไร

ในเมื่อมัน  คือ  เรื่องของอนาคต  คำาถามที่น่าคิดสำาหรับท่านก็คือ  ท่านแน่ใจแล้วหรือว่า  สิ่งที่

กำาลังเกิดขึ้นอยู่เดี๋ยวนี้ท่านเรียกว่า  “ปัจจุบัน”  คือ  ปลายสุดของเหตุการณ์ซึ่งต่อเนื่องมาจาก

อดีต “ปลายสุด” หมายถึงว่า เหตุการณ์ในอนาคตยังไม่มี 

  ท่านแน่ใจอย่างนั้นไม่ได้  เพราะนั่นคือ  ความรู้สึกของเวลาที่ถูกวัดด้วยระบบของปฏิทิน 

สมมติว่ามีการเทียบกับการวัดอีกระบบหนึ่ง  คนที่อยู่ในระบบนั้นจะมองเห็นว่า  ปัจจุบันที่เรา

กำาลังดำาเนินอยู่นั้นมันคือ อดีต  เมื่อมองจากระบบของเขานั่นเอง ถ้าอดีต ปัจจุบันและอนาคต

เป็นสิ่งที่ได้ถูกวางไว้แล้ว  “เกิด”  ขึ้นแล้ว  ปรัชญาของคนโบราณเกี่ยวกับเรื่องของชะตาชีวิตที่

กล่าวว่า  วิถีชีวิตของคนทุกคนได้ถูกกำาหนดไว้แล้ว  สิ่งที่มันจะเกดมันก็ต้องเกิดก็นับได้ว่าเป็น

แนวความคิดที่น่าสนใจ  เรื่องที่เราคิดว่าไร้สาระ  อาจจะตรงกับหลักความจริงที่ลึกซึ้งลงไปกว่า

นั้น สำาหรับการค้นพบในวันข้างหน้า และเมื่อนั้นเราอาจจะต้องยกหัวแม่โป้งให้แล้วบอกว่า คน

โบราณนี้คิดไกลจริงๆ 

  “การซ้อนเหลื่อมกันแห่งเวลา”  อาจจะเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ  เช่นเดียวกับการ

เกิดแผ่นดินไหว สุริยุปราคา หรือภูเขาไฟระเบิด เพียงแต่เรายังไม่มีกฏเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์

ที่แน่ชัดมาอธิบายได้เท่านั้น  ถ้าท่านเพียงไปยืนพิงป้ายรถประจำาทาง  แล้วเกิดเวียนศรีษะขึ้น

มามันอาจจะไม่ใช่แผ่นดินไหว  แต่อาจจะเป็นปรากฏการณ์ของการซ้อนเหลื่อมกันของเวลาซึ่ง

กำาลังเกิดขึ้นอยู่กับท่านก็ได้

Loeimarket Magazine

42

Page 43: EsanWorld-4
Page 44: EsanWorld-4
Page 45: EsanWorld-4

  จากโครงการ  Green  Circle  เราได้นำาการใช้ชีวิตแบบพอเพียงมา

ปฏิบัติด้วย  โดยที่เรานำาสิ่งที่เรามีอยู่แล้วรอบๆตัวเรามาใช้ ให้เกิด

ประโยชน์สูงสุด ส่งผลให้เราเกิดความรู้ ใหม่ๆ และยังได้ของกลับมาใช้อีก

ด้วย

ที่รีสอร์ทของเราตอนนี้ก็ได้ทำาผลิตภัณฑ์บางอย่างไว้ใช้ ในรีสอร์ท  เช่น 

น้ำายาล้างจาน  น้ำายาอเนกประสงค์  สบู่เหลวสูตรน้ำานมข้าว,สูตรขมิ้น 

แชมพูสูตรน้ำานมข้าว,สูตรอัญชัน น้ำามันมะพร้าว สมุนไพรแช่มือ,เท้า และ

เรากำาลังพัฒนาครีมนวดสูตรน้ำานมข้าว โลชั่นสูตรน้ำานมข้าว และสบู่ก้อน

สูตรน้ำานมข้าว  แต่เรายังทดลองใช้กันเองก่อนที่จะนำาไปให้ลูกค้ารีสอร์ท

ใช้ 

  ได้มีการแยกขยะออกเป็นส่วนๆ  ขยะแห้ง  ขยะเปียก  แก้ว  พลาสติก 

ขยะเคมี  เรายังนำาเศษอาหารและสิ่งปฏิกูลมาปรับเปลี่ยนเป็นปุ๋ยใช้

ประโยชน์ต่อได้อีกมากมายแทนที่จะทิ้งไปเสีย  ทั้งปุ๋ยชีวภาพแห้ง  ปุ๋ยน้ำา 

น้ำายาไล่แมลง ก้อนจุลินทรีย์ ปุ๋ยอินเตอร์ ปุ๋ยหมัก 

  นอกจากนี้เรายังปลูกผักและสมุนไพรบางชนิดไว้รับประทานเอง 

ทำาให้เราแทบจะไม่ต้องไปซื้อเลย  และเรายังมีการเตรียมผลิตน้ำาส้มควัน

ไม้ไว้ ใช้อีกด้วย  ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงกำาลังทำาเตาที่ใช้สำาหรับทำาน้ำาส้มควัน

ไม้อยู่ 

  และที่สำาคัญเรามีเป้าหมายที่จะปรับพื้นที่ป่าไผ่ของรีสอร์ทให้เป็นศูนย์

การเรียนรู้อีกด้วย เช่น ตอนนี้เรากำาลังดำาเนินโครงการทางเดินศึกษาเส้น

ทางธรรมชาติ ทำาคอกให้กระบือ ทำายุ้งข้าว ทำาโรงเพาะเห็ด และโรงเพาะ

พันธุ์ต้นกล้า  เพื่อให้เด็กๆ  คนทั่วไปและลูกค้ารีสอร์ทที่สนใจได้มีโอกาส

เข้ามาศึกษาได้

  จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าทุกๆอย่างที่เราทำาขึ้นมานั้นเป็น

การนำาสิ่งรอบตัวเรามาใช้ทั้งสิ้น  เพียงแค่เรายอมให้เวลากับมัน  เราก็จะ

ได้ประโยชน์เพิ่มอีกหลายอย่างเลยทีเดียว  และยังช่วยลดปริมาณการใช้ 

ลดปริมาณขยะ  เป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่ง  ซึ่งตรงตาม

วัตถุประสงค์ของ Green Circle  และยังเป็นการใช้ชีวิตแบบพอเพียงตาม

รอยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราอีกด้วย

ก�รดำ�เนินง�น

Green Circle ของ

พี่หุย ภูนาคำารีสอร์ท

Loeimarket Magazine

45

Page 46: EsanWorld-4

บุคคลที่เกิดราศีนี้จะจริงจังในเรื่องของความรัก  รักร้อนแรง  จะเริ่มมีความสดใสตั้งแต่ต้นปี  กลางปีโดยอาจจะมีคนมาขอเบอร์ติดต่อ  แต่อย่าด่วนตัดสินใจ  ควรตรวจสอบให้ดีเพราะฤกษ์ดีอยู่ช่วงปลายปี  ดังนั้นคนที่จะรักด้วยกับผู้ที่เกิดราศีนี้ต้องมีใจรักกับการทำางาน  เข้าใจ  ต้องมีบุคลิกดูโรแมนติก มีเสน่ห์ หากต้องการให้สมหวังเรื่องความรักในปีนี้ให้บริจาคของเป็นคู่  เช่น  เทียน  เชิงเทียน  เทียนพรรษาหรือของมงคลต่าง  ๆ  ส่วนการเสริมมงคลนั้นสามารถเสริมฮวงจุ้ยด้วยการวางกิเลนคู่ในห้องนอน  หรือบนโต๊ะทำางานเพราะสื่อถึงความโชคดีในเรื่องของความรักนั่นเอง ช่วงที่เหมาะกับการมีคู่ครองตั้งแต่ปี  2555 –  2557  แต่หากเลยจากนี้ไปแล้วจะต้องไปจนถึงปี 2559 ช่วงดีอยู่ในเดือนสิงหาคม กันยายน และธันวาคม เช่นกันช่วงควรหลีกเลี่ยงจะอยู่ในเดือนเมษายนและตุลาคม

ผู้ที่เกิดราศีนี้จะเป็นราศีคนคู่แต่ขี้เหงา อยู่เฉยไม่ได้เลือกคบคนชอบไปกับคนที่รู้ใจจะแคร์คนอื่นมากกว่าบริหารเสน่ห์เก่ง พูดเก่ง  ช่างพูด  แต่ก็ช่างเลือก  แต่งงานแล้วจะมีรักเดียวใจเดียว  ขี้เบื่อง่าย  ดังนั้นคู่รักจึงต้องเป็นคนที่ช่างรู้ ใจคนมากที่สุด  จะได้พบรักต่างวัย  ดังนั้นคู่ครองจึงน่าจะเป็นผู้ ใหญ่มากกว่า  กรณีต้องการจะสมหวังเรื่องความรักควรจัดตั้งสิ่วท้อที่เป็นตัวแทนของความรักหรือดอกโบตั๋น  เป็นรูปภาพ  ทั้งในห้องนอนหรือห้องรับแขกโดยหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้  ควรทำาบุญด้วยการบริจาคค่าไฟ  หรือเติมน้ำามันตะเกียงตามวัดต่างๆ และบริจาคโลงศพ  สำาหรับผู้ที่รอความหวังด้านความรักนั้นมีลุ้นตั้งแต่ปี  2554-2555  โดยจะเจอคู่รักแท้มากกว่ารักลวง โดย เฉพา ะช่ ว งต รุ ษจี นกุ มภ าพั น ธ์  กรกฎาคม และตุลาคม ที่ดูโดดเด่น ส่วนช่วงความขัดแย้งนั้นระวังให้ดีโดยจะอยู่ในช่วงระหว่างเดือน  พ.ค.  และเดือน ธ.ค.

ราศีพฤษภ14 พฤษภาคม -13 มิถุนายน 

ราศีเมษ13 เมษายน -13 พฤษภาคม 

หนักแน่นเด็ดเดี่ยวชัดเจน  ความรักจึง ดูโดดเด่นในปีนี้  รักไม่มีเปลี่ยนแปลง อาจจะต้องแต่งงานหรือหมั้นเกิดขึ้น แต่จะชอบการเลือกคู่ที่เป็นผู้ ใหญ่มากกว่า  ทั้งวุฒิภาวะและอายุ  เป็นคนไม่หวือหวา  ดังนั้นคู่รักจึงต้องคอยให้กำาลังใจร่วมคิดร่วมทำา อาจจะเคยทำาบุญร่วมกันมาก่อนหากเป็นคู่แท้  แต่ถ้าอกหักจะปวดร้าวอย่างหนัก  ผู้ที่ เกิดในราศีนี้หากใครได้เป็นเนื้อคู่จะดีนักแล  การเสริมพลังรักควรวางมังกรหันหน้าไปทางทิศตะวันออก  พกจี้  รูปเล้งไว้กับตัวหรือห้อยไว้ที่บ้าน  ห้องนอน  การเสริมฮวงจุ้ยยังทำาได้โดยการสร้างถาวรวัตถุ โบสถ์ วิหาร  จะแก้เคล็ดดีนักแล  ถ้าคบกันมาก่อนและไม่ใช่เนื้อคู่ก็จะแยกกันไปในปี 2553-2554  นี้  ส่วนเนื้อคู่ที่แท้นั้นอาจจะเจอกันและครองคู่ได้ตั้งแต่เมษายน 2556-2557 ช่วงดีอยู่ในเดือน มกราคม เมษายน สิงหาคม  ส่วนช่วงควรระวังอยู่ในเดือนธันวาคมและกรกฎาคม

ราศีนี้จะเป็นคนที่มีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย  สุดขั้ว  ช่วงนี้ดูเหงาใจบ้างแต่จะดีขึ้นในเดือนพฤษภาคม  มิถุนายน  และตุลาคม  แต่จะชอบปรุงแต่งชีวิต  มีความสุขกับการกินการอยู่ของตนเอง  เป็นไปได้ทั้งความทันสมัยและเซอๆ  แบบเข้าใจถึงสถานการณ์โดยคู่รักจะอายุน้อยกว่า  เรียบร้อย  แต่ถ้าอยู่กันนานไปอาจจะต้องแยกกันอยู่ น่าจะเป็นเนื้อคู่ชาวต่างประเทศก็ได้  ดังนั้นเนื้อคู่ต้องตามใจในบางสถานการณ์  ควรเสริมดวงประเภทล้อลมเพื่อเรียกความสมดุลกลับคืนมาด้วยการบริจาคพัดลม  ระฆัง  แอร์  หอระฆัง  ช่วงความรักจะเกิดขึ้นในปี  2554-2555 ลามไปถึงปี 2556 จะเป็นปีทอง มีโอกาสจะพบเนื้อคู่หรือได้แต่งงานสูง  จึงควรรักษาตัวหรือทะนุถนอมความรักให้ดี

ราศีนี้จะเป็นคนเปล่าเปลี่ยว  ขี้เหงา  จะมีคู่ยาก  เบื่อ  ๆ  อยาก  ๆ  ดังนั้นคนรักจะต้องเอาใจเก่งพอสมควร  หย่าร้างสูงมาก  เพราะความคิดเห็นอาจไม่ตรงกัน อยากจะอยู่เป็นโสดดีกว่าแต่งงาน  ควรหาคนธรรมะธรรมโม  การเสริมพลังรักควรปล่อยปลา  หอย  ปลาไหล  เสริมฮวงจุ้ยด้วยการวางปลาทอง  6-8  ตัวไว้ที่ห้องนอน  โต๊ะทำางานไปทางทิศตะวันออก หากคบกันมาก่อนหน้านี้และไม่ใช่เนื้อคู่ก็จะเลิกไปในปี  2553-2554  และจะเจอใหม่ในปี 2557-2558 แต่ปี 2554-2555 นี้อาจจะฟลุกได้แต่งงานเป็นเนื้อคู่โดยบังเอิญก็เป็นได้เช่นกัน  ช่วงดีอยู่ในเดือนมิถุนายน กรกฎาคม ตุลาคม พฤศจิกายน ช่วงไม่ดีอยู่ในเดือนมีนาคมและกันยายน

ราศีกุมภ์13 กุมภาพันธ์-13 มีนาคม

ราศีมีน14 มีนาคม-12 เมษายน

ราศีมังกร16 มกราคม-12 กุมภาพันธ์ 

HOROSCOPEราศีเมถุน14 มิถุนายน -14 กรกฎาคม

ผู้ที่เกิดในราศีนี้จะดูน่ารักมาก  หนักแน่นรักเดียวใจเดียว(ถ้าไม่จำาเป็น)  อดทนในเรื่องของความรัก  เพราะเป็นคนธาตุดินจึงมีเสน่ห์แปลกๆ เช่น ดวงตามีเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายจะเจ้าชู้นิดๆ  หรืออาจมีความเจ้าชู้อยู่ที่ดวงตา  คู่รักจะต้องเป็นคนน่ารักมีเสน่ห์ไม่ขี้บ่นพูดน้อย  ตรงไปตรงมา เปิดเผย ชัดเจน อาจจะเป็นชาวต่างชาติก็ได้บุคคลราศีนี้สามารถพึ่งพาตนเองได้หากต้องการสมหวังเรื่องความรักควรบริจาคค่าไฟ  หรือเติมน้ำามันในวัดเพื่อเป็นการเสริมสิริมงคลนอกจากนั้นยังควรจัดตั้งเต่า 1 คู่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก  สำาหรับช่วงที่จะได้แต่งงานหรือจะพบเนื้อคู่นั้นอยู่ในช่วงปลายปี  2554-2555  แต่หากผ่านช่วงนี้ไปจะไปพบกับคู่ครองหรือต้องแต่งงานก็ได้ ในช่วงปลายป ี2557-2558  ช่วงดีอยู่ในเดือนมกราคม กุมภาพันธ์  และกันยายน  และควรหลีกเลี่ยงเดือนพฤษภาคม  มิถุนายน  และพฤศจิกายน

Page 47: EsanWorld-4

พฤศจิกายน ราศีนี้จะดูดี เจ้ าชู้มี เสน่ห์  แต่ก็ไม่หนักแน่นแต่ชอบความยุติธรรมรอมชอมและจะมีปัญหาเรื่องความรักไม่น้อย  ในปีนี้  นั่นคือจะอกหักมากที่สุด ลำาบากใจที่จะเลือก  เพราะคนรักใคร่มีมากมาย  โคตรโรแมนติก  ไม่ชอบจู้จี้จุกจิก  คู่ครองจึงต้องเป็นคนเข้มแข็ง  เด็ดขาด  แต่จะต้องวางมาดในบางวาระ  ถนอมน้ำาใจเข้าใจให้มาก  วิธีเสริมรักควรบริจาคเสื้อผ้าให้กับคนยากจน  ถวายผ้าไตรให้กับพระสงฆ์เพื่อทานบารมี  การแก้ที่ดีควรหาสิ่งของที่ดูบาลานซ์กันไว้ในห้องนอน  โต๊ะทำางาน  ส่วนความสมหวังเรื่องความรักนั้นจะเจอคู่แท้ตั้งแต่ช่วงกลางปี  2554-2555  ถ้าไม่เจอก็จะต้องรอไปจนถึงปลายปี 2558-2559 โน่นเลยทีเดียว โดยเฉพาะเดือน กุมภาพันธ์ มีนาคม และมิถุนายน

ราศีนี้เป็นคนหนุ่มสาวมีเสน่ห์ น่าค้นหา แต่ก็จะรักคู่ครองมาก  เจ้าชู้นิด ๆ  เป็นคนใจร้อน แต่ร่าเริงเปิดเผย  มั่นใจในตนเองสูง  มีความมุ่งมั่น  รักแล้วจะให้ตรงเป้าหมายเป็นที่สุด แต่เนื่องจากปีนี้ เป็นปีปะทะชนจึงอาจจะเสียใจ  ทำานองอกหักมีมากกว่านั่นเอง  อาจจะเจอโดยไม่นึกชอบมาก่อน  จึงควรเปิดใจให้กว้างในเรื่องของความรักบ้าง  กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง  ดังนั้นคู่รักคู่ครองจะต้องเป็นคนใจเย็นช่างเจรจา  อาจจะเจอเนื้อคู่จากต่างแดน  หรืออาจจะได้ไปเรียนต่างประเทศแล้วพบคู่รักก็เป็นไป  วิธีการเสริมพลังความรักควรจัดวางตุ๊กตา รูปวัว 1 คู่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก  หมั่นทำาทานด้วยการปล่อยสัตว์เล็ก ใหญ่ เช่น โค กระบือ ปลานิล ส่วนช่วงของความสมหวังจะอยู่ในปี  2554-2555  นี้ที่จะเจอคู่แท้ไม่หลอกลวง หากพลาดจากนั้นจะต้องรอไปจนถึงปี  2559-2561  ช่วงดีจะอยู่ในเดือน  มกราคม  พฤษภาคม  กันยายน แต่ควรระวังหรือหลีกเลี่ยงเดือนมิถุนายน ธันวาคมที่จะขัดแย้งเกิดขึ้น

ราศีพิจิก16 พฤศจิกายน-15 ธันวาคม 

ราศีตุลย์17 ตุลาคม – 15 พฤศจิกายน 

สิงหาคม ผู้ที่เกิดราศีนี้ความรักจะลุกโชนในช่วงพระจันทร์เต็มดวง ทั้งข้างขึ้น 1 ค่ำาและ 15 ค่ำา เป็นคนธาตุน้ำา โดยจะพบรักพิเศษที่ไม่ใช่สเปก  แต่ก็ดูเหมือนว่าจะแต่งงานยากมาก  คู่ครองจะดูมีอายุแก่กว่า  บางรายอาจจะถึง 5 ปีขึ้นไป หรือไม่ก็ดูแก่กว่าในจุดต่าง ๆ เช่น ใบหน้า ท่าทาง การกระทำา หรือวุฒิภาวะ แต่ก็เป็นคนรักครอบครัว อ่อนโยนแต่ขี้บ่นไม่น้อย แคร์คนอื่นมากกว่าตนเอง ปีนี้รู้สึกใหม่ ๆ กับความรักมากขึ้น แต่ควรเปิดใจให้กว้างเพื่อรับโอกาสใหม่  ๆ  นั้น  โดยควรบริจาคน้ำา  ถวายน้ำาดื่มให้เด็กยากจน หรือสร้างแท็งก์น้ำาให้กับวัด โรงเรียน สถานที่ต่าง  ๆ  แล้วยังจัดวางสิ่งของเช่นปลาหลีฮื้อจำานวน  1  ตัวไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้  โดยช่วงมีลุ้นของคนที่เกิดราศีนี้ในปี  2554  นี้จะอยู่ตั้งแต่เดือน  มีนาคม เมษายน  มิถุนายน  และพฤศจิกายน  ส่วนเมื่อย่างเข้าสู่ปี 2555 ก็ยังมีให้ลุ้นได้เช่นกันสำาหรับผู้ที่พลาดในช่วงนี้ไปแล้ว

ผู้ที่ เกิดราศีนี้ความรักจะโลดโผนโจนทะยานอารมณ์รักร้อนแรงเนื่องจากเป็นคน  ธาตุไฟ  ทำานองเสียหน้าไม่ได้  ใจโต ชอบสิ่งดีๆ  ควรระวังเรื่องของอารมณ์ที่เบื่อง่าย  คู่ครองจะดูแก่กว่า  หรือวุฒิภาวะ  โดยอาจจะเป็นพ่อม่าย  แม่ม่าย หรือผู้ที่พลัดพรากจนคนอื่นมาก่อน  ไม่แน่อาจจะเป็นชาวต่างประเทศ  คู่ครองจะต้องเป็นคนหลากหลายอารมณ์  อาจจะดูทันสมัย  ไม่เชยจนเกินไป  วิธีทำาให้สมรักในปีนี้ควรวางรูปปั้นสิงห์คู่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก  สิ่งสำาคัญอาจได้พบรักโดยบังเอิญ  ควรทำาบุญโดยบริจาคหนังสือเรียน  หนังสือธรรมมะ  สร้างทานช่วยให้ดีขึ้น  มั่นคง  หากคบใครมาก่อนนี้จะเลิกกัน  แต่ถ้าใช่เลยจะแต่งงานทันที  ถ้าไม่เคยมีแฟนมาก่อนก็จะเจอแบบไม่คาดฝันนั่นเอง  โดยช่วงเวลาสมหวังของความรักนั้นจะอยู่ในช่วงวันที่  29  กันยายน 2554 – 17 เมษายน 2555 หลังจากช่วงนี้จะดูไม่ค่อยสดใสเท่าไร

บุคคลในราศีนี้รักสงบ  ถนอมตัว  รู้ผิดรู้ชอบใคร่ครวญตั้งมั่นจึงดูเหมือนว่าจะแต่งงานยาก  มีคู่แต่อาจจะเหมือนไม่ได้อยู่ด้วยกัน  ดูเสมือนเหินห่างกัน  มีเสน่ห์อยู่ในตัวเอง  ดังนั้นคู่ครองควรจะเป็นผู้ ใหญ่มีหน้าที่การงานที่มั่นคง  ปีนี้อาจจะได้พบรักเก่าปี  ย้อนอดีตเรื่องความรู้สึกที่ดีต่อกันอีกครั้ง  ควรทำาบุญเพิ่มพลังความรักด้วยการปลูกต้นไม้ในวัด  ปลูกป่าเพราะธาตุเกิดจะถูกโฉลกกับต้นไม้  วิธีการเสริมดวงควรวางไก่คู่  ตัวผู้  ตัวเมียหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเพราะสื่อถึงการมีครอบครัวที่ดี  มีผู้คอยปกป้องนั่นเอง ในปี 2552-2553 ถ้าเจอะเจอใครมาก่อนนี้หากไม่ใช่คู่หมั้นคู่หมายก็จะเลิกราได้  แต่หากใช่เนื้อคู่แท้แน่นอนจะแต่งงานได้ในปี  2554-2555  เดือนที่จะสดใสเรื่องคู่รักคือเมษายน พฤษภาคม กันยายน ตุลาคม และธันวาคม นับว่าช่วงดีๆยังมีอยู่เยอะ

ราศีสิงห์17 สิงหาคม-16 กันยายน

ราศีกันย์17 กันยายน – 16 ตุลาคม

ราศีกรกฏ15 กรกฎาคม -16 สิงหาคม

HOROSCOPEราศีธนู16 ธันวาคม – 15 มกราคม

รักค่อนข้างวุ่นวายถึงแม้จะเป็นคนชอบวางแผน  เจ้าระเบียบก็ตามแต่ก็ยังคงเอกลักษณ์การเป็นบุคคลลึกลับน่าค้นหา ไฟรักรุนแรง  เซ็กซ์จัด  เร่าร้อน ปรุงเรื่องเพศได้ถึงใจ  ปีนี้อาจจะต้องตัดสินใจเสียที คู่รักจึงต้องดูมีฐานะดี โรแมนติก เจ้าชู้นิด  ๆ  ขี้เล่น  รักสนุก  จะมีคนมีเจ้าของมาชอบพอจนนำาความวุ่นวายใจมาให้ในภายหลัง  ผู้ที่เกิดราศีนี้จึงควรบริจาคสิ่งของให้คนพิการจะเป็นการเพิ่มพลังความรัก  การเสริมทานบารมีและวิธีแก้ไขให้สมหวังควรจัดวางปพีระมิด  คริสตัลซึ่งเป็นการรวมพลังสิ่งที่ดีต่าง  ๆ  ไว้บนหัวนอน  สำาหรับดวงของความรักอยู่ระหว่างปี  2553-2555  ที่จะพบอีกครั้ง หากพลาดจากช่วงนี้ไปต้องรอไปจนถึงปี  2559-2560  ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เมษายน  กรกฎาคม  ถูกโฉลกกับปีชวด มะเมีย  และปีเถาะ  แต่ระวังความรักจะวุ่นวายในเดือนพฤศจิกายน

Page 48: EsanWorld-4

www.watkerhong.com

LOEION THEในคอลัมน์นี้ได้เสนอเว็บไซต์ที่เกิดขึ้นใหม่ ภายในจังหวัด

จัดทำาโดยทีมงาน Loei Positive

เพื่อที่จะผลักดันให้เมืองเลยได้ก้าวล้ำาไปสู้ด้าน IT Online อย่างเต็มตัว

www

  เว็บไซต์วัดเครือหงษ์ (วัดบ้านโป่งใหญ่) อ.ด่านซ้าย จ.เลย ได้มีการเสนอบุญให้กับ

ประชาชนโดยทั่วไป  ให้เข้ามารับทราบเกี่ยวกับ  ประวัติความเป็นมาของวัด  แล้วขณะ

นี้ในวัดมีอะไรแล้วบ้าง  และก็  กระดานถามตอบเพื่อสนทนาธรรมได้ครับ  ขณะนี้วัด

ต่างๆภายในจังหวัดเลยได้มีการตื่นตัวในการจัดทำาเว็บไซต์ของตัวเองมากขึ้น  เพราะ

เนื่องจากวัดอยู่ห่างไกล ทำาให้การทำาบุญของท่านอาจจะไปได้ไม่ถึงวัด ดังนี้ เจ้าอาวาส

เลยคิดว่าควรจะทำาให้ผู้คนทั่วไปรู้จักวัดให้มากยิ่งขึ้น  และเพิ่มความสะดวกให้กับ

ญาติโยมอีกด้วย... ลองเข้าไปเยี่ยมชมกันนะครับ www.watkerhong.com

ถ้าต้องการดูผลงานเว็บไซต์ที่ทีมงาน Loei Positive ได้จัดทำา 

ก็สามารถเข้ามาชมได้ที่ www.LoeiPositive.com

ภาพที่ 1 ลองเดากันดูมีสามพยางค์

ภาพที่ 2 ลองเดากันดูมีสองพยางค์

ติดต่อนิตยสารของเราได้ที่

12/29 (ตลาดไทเลย) ถ.ร่วมใจ ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย 42000

โทร. 042-811-805 หรือ 084-7900005www.loeimarket.com หรือ พิมพ์เสิร์ชคำาว่า Loeimarket ได้ที่ Facebook และ twitter

Loeimarket Magazine

48

Page 49: EsanWorld-4
Page 50: EsanWorld-4

“ลมยาง” สิ่งสำาคัญที่สุดของรถ (ถ้าคิดว่าไม่สำาคัญลองปล่อยลมทิ้งสักล้อ

แล้ววิ่งดูก็ได้)  ที่มักจะถูกมองข้ามไปเสมอๆ  เรามาทำาความรู้จักลมยาง

กันดีกว่าว่าทำาหน้าที่อะไรและจะดูแลเจ้าสิ่งสำาคัญนี้ อย่างไร

- ลมยางทำาหน้าที่อะไร

ช่วย  รถรับน้ำาหนักรถและน้ำาหนักบรรทุก  ช่วยลดแรงกระแทกและสั่น

สะเทือนจากพื้นถนน  ทำาให้สะดวกสบายในการขับขี่  ความดันลมยางที่

เหมาะสม  ส่งผลให้ประสิทธิภาพของยางสูงขึ้น  ทำาให้ปลอดภัยเพิ่มขึ้น

และช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำามันเชื้อเพลิง

-ลมยางซึมออกได้เองหรือไม่

โดย ปรกติความดันลมยางจะลดต่ำาลงได้เองตามธรรมชาติ  เปรียบเทียบ

ง่ายๆ  เมื่อเราสูบลมเข้าไปในลูกโป่งให้ตึง  ปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืน  วันรุ่นขึ้น

จะสังเกตเห็นว่าลูกโป่งแฟบหรือเล็กลง  ยางรถยนต์ก็เช่นกัน  ลมยางจะ

ซึมออกโดยตัวมันเอง  ดังนั้นควรหมั่นตรวจเช็คลมยางสม่ำาเสมออย่าง

น้อยเดือนละ 1  ครั้ง  เพื่อจะได้ทราบค่าความดันลมยางและเติมลมให้อยู่

ในระดับที่เหมาะสม

-ถ้าวิ่งบนถนนที่ขรุขระมากๆ ควรเติมลมอย่างไร

ควรลดความดันลมยางลงเล็กน้อย  (ในขณะที่ยางยังเย็นอยู่)  และขับขี่

ด้วยความระมัดระวัง  จะทำาให้ขับขี่ได้นุ่มนวลขึ้นและลดแรงกระแทกจาก

พื้นผิวถนนที่ขรุขระได้ดียิ่ง  ขึ้น  แต่เมื่อกลับมาวิ่งบนถนนเรียบทั่วไป  ก็

ควรเติมลมยางให้ได้มาตรฐานดังเดิม

-ถ้าเปลี่ยนขนาดยาง ควรเติมลมเท่าไหร่

หากยางเส้นใหม่มีเส้นผ่าศูนย์กลางใกล้เคียงขนาดเดิมแล้ว  ลมยางใน

คู่มือประจำารถจะเป็นค่ามาตรฐานที่เหมาะสมและผ่านการทดสอบจาก

โรงงาน  ผู้ผลิตรถยนต์แล้วว่า  สามารถทำาหน้าที่รับน้ำาหนักรถและน้ำาหนัก

บรรทุกได้อย่างปลอดภัยต่อการใช้งาน  แต่ถ้าไม่เท่าควรถามจากบริษัท

ผลิตรถยนต์หรือศูนย์บริการยางที่ได้มาตรฐาน

-การเติมลมด้วยก๊าซไนโตรเจนมีข้อดีอย่างไร

ก๊าซไนโตรเจน (n2) เป็นก๊าซที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่กว่าและมีความว่องไว

ในการเกิดปฏิกิริยาน้อย กว่าก๊าซออกซิเจน (o2) เมื่อใช้เติมเข้าไปในยาง

รถยนต์แทนอากาศปกติ จะมีข้อดีดังนี้

1. การซึมออกของลมยางจะลดลง จึงไม่ต้องเดิมลมยางบ่อยๆ

2. ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของโครงยางและกระทะล้อ

3. คงความนุ่มนวลของยางแม้วิ่งระยะทางไกล เนื่องจากการขยายตัวของ

ก๊าซไนโตรเจนมีต่ำา

อย่างไรก็ตาม ควรตรวจเช็คความดันลมยางเป็นประจำาอย่างน้อยเดือนละ 

1 ครั้ง ขณะที่ยางยังเย็นอยู่ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ส่วนข้อเสีย

คือราคาค่าเติมที่แพงกว่าการเติมลมปกติมาก  ซึ่งรถที่วิ่งในสภาพการใช้

งานปกติไม่มีความจำาเป็นที่จะต้องเติมก๊าซในโตรเจน แต่อย่างใด

-กลับมาเติมลมยางด้วยอากาศได้อีกหรือไม่

การเปลี่ยนมาเติมลมยางด้วยอากาศทั่วไปภายหลังจากที่เติมด้วยก๊าซ 

ไนโตรเจนแล้ว ไม่มีข้อเสียหายใดๆ หากแต่เมื่ออากาศปกติถูกเติมเข้าไป 

จะทำาให้คุณสมบัติและประสิทธิภาพของก๊าซไนโตรเจนเจือจางลง  การ

เติมลมยางด้วยก๊าซไนโตรเจนต่อไปจึงสามารถคงคุณสมบัติของก๊าซ

ไนโตรเจนไว้ ได้

ข้อมูลจาก “โครงการบริดสโตน ไทร์เซฟตี้”

credit : 2bcars.com

INTRODUCE A NEW FORD FOCUSWITH FORD LOEI

ยนตรกรรมอัจฉร�ยะ ที่มาพรอมความโฉบเฉี่ยว

ปราดเปร�ยว สไตลสปอรต สุดทันสมัย

สหชัย เลย

FORD ประกาศเปดตัวยนตรกรรมอัจฉริยะรุนลาสุด NEW FORD

FOCUSซึ่งถือเปนรถยนตขนาดกลางระดับโลกรุนสำคัญลาสุดของฟอรด

ที่ปฏิวัติวงการดวยรูปโฉมเท มาดสปอรต ดวยแนวทางการออกแบบ

เคเนอติกดีไซน (kinetic design) ที่เปยมดวยพลังเคลื่อนไหวแมขณะ

หยุดนิ่งพรอมอุปกรณสุดทันสมัยมีรูปลักษณโฉบเฉี่ยวและไดรับการติด

ตั้งเทคโนโลยีอัจฉริยะตางๆ ที่มักพบในรถยนตระดับหรูเทานั้น พรอม

ดวยรูปลักษณภายนอกที่สะกดทุกสายตา และทำให NEW FORD

FOCUS เปนยนตรกรรมลาสุดที่มีความโดดเดนยิ่งขึ้น ในราคาที่

แขงขันไดสบายมาก" และมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่เหนือชั้น

Design & Interior

NEW FORD FOCUS ยังคงเอกลักษณความสปอรตดวยแนวการออกแบบ เคเนอติก

ดีไซน (kinetic design) ที่โฉบเฉี่ยวปราดเปรียวกวาเดิมมาพรอมชองลมขนาด

ใหญทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่อยูดานลางของกันชนและกระจังหนาที่ขับใหดานบนดูโดด

เดน สปอรตปราดเปรียว นอกจากนี้ยังมีระบบเปด-ปดไฟหนาอัตโนมัติ , ที่ปดน้ำฝน

แบบอัตโนมัติ , การเชื่อมตอกับชองสัญญานแบบ AUX และการเชื่อมตอกับ

เครื่องเลน MP3

Security

ไดรับการติดตั้งระบบความปลอดภัยที่เหนือระดับ ที่เรียกวาระบบความปลอดภัย

อัจฉริยะ the Intelligent Protection System โดยมีอุปกรณความปลอดภัยมาตรฐาน

มากมาย ทั้งการปองกันกอนเกิดอุบัติเหตุ และการปกปองขณะเกิดอุบัติเหตุ รวมถึง

หองโดยสารที่แข็งแกรงมากยิ่งขึ้น ถุงลมนิรภัยคูสำหรับผูโดยสารตอนหนาEngine

เครื่องยนต Duratec I-4 ขนาด1.8 ลิตร และ 1.4 ลิตร

ที่สามารถใชไดกับน้ำมัน E20 พรอมระบบสงกำลังอัตโนมัติแบบสี่สปด

และเครื่องยนต Duratorq TDCi ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร

เกียรอัตโนมัติหกสปด PowerShift คลัทชคู ระบบสงกำลังอัตโนมัติ

และระบบ Sequential Sport Shifยังคงความคุมคาดวยประสิทธิภาพ

การข ับข ี ่ท ี ่ยอดเย ี ่ยมและอ ัตราการประหย ัดน ้ำม ันท ี ่ เหน ือช ั ้น

ของเครื่องยนตสี่สูบ เหนือชั้นของการประหยัดน้ำมันยิ่งกวากับเครื่อง

ยนตเทอรโบดีเซล PowerShift

ที่มา : นิตยสาร DRIVEN TEST DRIVE MAGAZINE

ใครสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NEW FORD FOCUS และรถฟอรดรุนอื่นๆ ไดที่…

สหชัย ฟอรด เลย โทร 042-833-824-6

Loeimarket Magazine

50

Page 51: EsanWorld-4

INTRODUCE A NEW FORD FOCUSWITH FORD LOEI

ยนตรกรรมอัจฉร�ยะ ที่มาพรอมความโฉบเฉี่ยว

ปราดเปร�ยว สไตลสปอรต สุดทันสมัย

สหชัย เลย

FORD ประกาศเปดตัวยนตรกรรมอัจฉริยะรุนลาสุด NEW FORD

FOCUSซึ่งถือเปนรถยนตขนาดกลางระดับโลกรุนสำคัญลาสุดของฟอรด

ที่ปฏิวัติวงการดวยรูปโฉมเท มาดสปอรต ดวยแนวทางการออกแบบ

เคเนอติกดีไซน (kinetic design) ที่เปยมดวยพลังเคลื่อนไหวแมขณะ

หยุดนิ่งพรอมอุปกรณสุดทันสมัยมีรูปลักษณโฉบเฉี่ยวและไดรับการติด

ตั้งเทคโนโลยีอัจฉริยะตางๆ ที่มักพบในรถยนตระดับหรูเทานั้น พรอม

ดวยรูปลักษณภายนอกที่สะกดทุกสายตา และทำให NEW FORD

FOCUS เปนยนตรกรรมลาสุดที่มีความโดดเดนยิ่งขึ้น ในราคาที่

แขงขันไดสบายมาก" และมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่เหนือชั้น

Design & Interior

NEW FORD FOCUS ยังคงเอกลักษณความสปอรตดวยแนวการออกแบบ เคเนอติก

ดีไซน (kinetic design) ที่โฉบเฉี่ยวปราดเปรียวกวาเดิมมาพรอมชองลมขนาด

ใหญทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่อยูดานลางของกันชนและกระจังหนาที่ขับใหดานบนดูโดด

เดน สปอรตปราดเปรียว นอกจากนี้ยังมีระบบเปด-ปดไฟหนาอัตโนมัติ , ที่ปดน้ำฝน

แบบอัตโนมัติ , การเชื่อมตอกับชองสัญญานแบบ AUX และการเชื่อมตอกับ

เครื่องเลน MP3

Security

ไดรับการติดตั้งระบบความปลอดภัยที่เหนือระดับ ที่เรียกวาระบบความปลอดภัย

อัจฉริยะ the Intelligent Protection System โดยมีอุปกรณความปลอดภัยมาตรฐาน

มากมาย ทั้งการปองกันกอนเกิดอุบัติเหตุ และการปกปองขณะเกิดอุบัติเหตุ รวมถึง

หองโดยสารที่แข็งแกรงมากยิ่งขึ้น ถุงลมนิรภัยคูสำหรับผูโดยสารตอนหนาEngine

เครื่องยนต Duratec I-4 ขนาด1.8 ลิตร และ 1.4 ลิตร

ที่สามารถใชไดกับน้ำมัน E20 พรอมระบบสงกำลังอัตโนมัติแบบสี่สปด

และเครื่องยนต Duratorq TDCi ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร

เกียรอัตโนมัติหกสปด PowerShift คลัทชคู ระบบสงกำลังอัตโนมัติ

และระบบ Sequential Sport Shifยังคงความคุมคาดวยประสิทธิภาพ

การข ับข ี ่ท ี ่ยอดเย ี ่ยมและอ ัตราการประหย ัดน ้ำม ันท ี ่ เหน ือช ั ้น

ของเครื่องยนตสี่สูบ เหนือชั้นของการประหยัดน้ำมันยิ่งกวากับเครื่อง

ยนตเทอรโบดีเซล PowerShift

ที่มา : นิตยสาร DRIVEN TEST DRIVE MAGAZINE

ใครสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NEW FORD FOCUS และรถฟอรดรุนอื่นๆ ไดที่…

สหชัย ฟอรด เลย โทร 042-833-824-6

Page 52: EsanWorld-4
Page 53: EsanWorld-4
Page 54: EsanWorld-4
Page 55: EsanWorld-4
Page 56: EsanWorld-4

พบกันที่โชวรูมเชฟโรเลต จ.เลยถ.มลิวรรณ ติดกับโรงพยาบาลเมืองเลย ราม

คุณจะไดสัมผัสประสบการณ พิเศษๆ กอนใคร…

เลือกสัมผัสประสบการณพิเศษๆ ในแบบที่คุณเปนไดแลววันนี้

ที่โชวรูม เชฟโรเลต จ.เลย หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมไดที่

โทร 042-861-721

พัฒนชัยยนต กรุป