การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc ·...

29
โโโโโโ พพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพ พพพพพพพพพพพพพพพพพพ พพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโ โโโโ โโโโโโโโโโ (hemoglobin) โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโ โโโโโโโโ โโ (cytochrome c) โโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโ (electron transfer) โโโโโ โโโโโโโโโโโ โโโโโโโ (ribosome) โโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโ (rhodopsin) โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโ โโโโ โโโโโโโโโโโ (ion channels) โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ- โโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโ โโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโ (three-dimension โโโโ 3D structure) โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโ 1

Transcript of การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc ·...

Page 1: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

พื้นฐานขององค์ประกอบและโครงสรา้งของโปรตีน

โปรตีนและโครงสรา้งสามมติิโปรตีนเป็นชวีโมเลกลุที่สำ�คัญในวฎัจกัรก�รดำ�รงชวีติ ร�่งก�ย

ข อ ง ม น ุษ ย ม์ โี ป ร ต ีน ม � ก ม � ย ห ล � ย ช น ิด เ ช น่ ฮ ีโ ม โ ก ล บ นิ (hemoglobin) มหีน้�ที่ลำ�เลียงก๊�ซออกซเิจนเพื่อไปเลี้ยงเซลล์ ไซโตโครม ซ ี(cytochrome c) มหีน้�ท่ีขนสง่อิเล็กตรอน (electron transfer) เพื่อผลิตพลังง�น ไรโบโซม (ribosome) ชว่ยในก�รผลิตโปรตีนรุน่ใหมเ่พื่อก�รเจรญิเติบโตหรอืทดแทนสว่นที่เสยีห�ย โรหด์อปซนิ (rhodopsin) เป็นโปรตีนที่เกี่ยวขอ้งกับก�รทำ�ง�นของระบบประส�ทก�รรบัภ�พ หรอื ไอออนแชลแนล (ion channels) ทำ�หน้�ที่ควบคมุปรมิ�ณไอออนเข้�-ออกเซลล์ เพื่อรกัษ�สมดลุหรอืเกี่ยวขอ้งกับก�รรบัรูใ้นระบบประส�ท เป็นต้น กระบวนก�รท�งชวีเคมีในสิง่มชีวีติต้องอ�ศัยเอนไซมเ์พื่อชว่ยทำ�ใหเ้กิดปฏิกิรยิ�ได้อย�่งมีประสทิธภิ�พ โรคบ�งชนิดเกี่ยวขอ้งกับคว�มผิดปกติของโปรตีน คว�มรูเ้ก ี่ยวกับก�รทำ�ง�นของโปรตีนชว่ยทำ�ใหเ้ข�้ใจปัญห�ท�งชวีวทิย�หรอืท�งก�รแพทยไ์ด้ม�กยิง่ขึ้น โครงสร�้งส�มมติิ (three-dimension หรอื 3D structure) ของโมเลกลุเป็นขอ้มูลสำ�คัญที่จะนำ�ไปสูค่ว�มเข�้ใจในเรื่องก�รทำ�ง�นของโปรตีนได้อย่�งลึกซึ้ง

โปรตีนแต่ละชนิดมโีครงสร�้งส�มมติิที่จำ�เพ�ะเพื่อใหเ้หม�ะต่อก�รทำ�ง�น ก�รทำ�ง�นที่หล�กหล�ยของโปรตีนต่�งๆ จงึท ำ�ให ้โครงสร�้งส�มมติิมหีล�ยรูปแบบและในขณะเดียวกันก็มคีว�มซบัซอ้นด้วย โครงสร�้งส�มมติิของโมเลกลุ บอกถึง ตำ�แหน่งของอะตอมต ่� ง ๆ ข อ ง โ ม เ ล ก ลุ ท ี่อ ย ูใ่ น ร ะ บ บ พ กิ ัด อ ้� ง อ ิง (reference coordinate system) โดยท ัว่ ไปมกัใชร้ ะบบพกิ ัดค�รท์ ีเช ยีน (Cartesian coordinates system) เป็นระบบพกิัดอ้�งอิง ซึ่ง

1

Page 2: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

ประกอบด้วยแกน X, แกน Y, และแกน Z ดังนัน้ในระบบพกิัดค�รท์ีเชยีน ตำ�แหน่งของอะตอมจะระบุต�มค่�ของพกิัด (x, y, z) เร�ส�ม�รถทร�บว�่อะตอมใดสร�้งพนัธะต่อกัน หรอืภ�ยในโมเลกลุมแีรงกระท ำ�หรอือ ันตรก ิรยิ� (intramolecular interactions) ก ันอย�่งไรโดยอ�ศัยขอ้มูลจ�กโครงสร�้งส�มมติิของโมเลกลุได้ เทคนิคก�รห�โครงสร�้งส�มมติิของโปรตีน (structure determination of proteins) ม ี2 วธิคีือ เทคนิคก�รเลี้ยวเบนรงัสเีอ็กซ ์(x-ray diffraction) และเทคน ิคน ิว เคล ียรแ์มกเนต ิกส เ์ร โซแนนซ ์(nuclear magnetic resonance)

2

Page 3: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

กรดอะมโินโปรตีนเป็น Biopolymer ชนิดหนึ่งซึ่งมหีน่วยยอ่ยที่เรยีกว�่

Building block หรอืสว่นที่เหมอืนกันเรยีงต่อซำ้�ๆกัน หน่วยยอ่ยหรอืโมโนเมอรน้ี์คือ กรดอะมโิน

กรดอะม โิน (บ�งคร ัง้ เร ยีก amino acid residue หรอืส ัน้ๆ ว �่ residue) เ ป ็น โ ม เ ล ก ลุ ส � รอินทรยี ์มสีตูรเคมทีัว่ไป คือ NH2-CHR-COOH ส ว่ น ท ี่เ ป ็น Building block ประกอบด้วยหมู่เอมนี (-NH2) หมูค่�รบ์อกซลี (-COOH) แ ล ะ ห ม ู-่CH ซ ึ่ง เ ป ็นค � ร บ์ อ น อ ะ ต อ ม ก ล � ง ห ร อื -carbon สำ�หรบัหมูฟ่งัก์ชนั R ขึ้นอยูก่ับชนิดของกรดอะมโิน เมื่อกรดอะมโินต่อกันเป็นโครงสร�้งโปรตีนสว่นที่เหมอืนกัน

นี้เรยีกว�่ Backbone หรอื Mainchain (ดังรูปที่ 2.1) และเรยีกสว่นที่ต่�งกันหรอืหมู่ R ว�่ Side chain กรดอะมโินที่พบโดยทัว่ไปและรูจ้กักันดีมทีัง้หมด 20 ชนิด (ต�ร�งท่ี 2.1)

รหัสอักษรสญัลักษณ์ก�รใชอั้กษรสญัลักษณ์แทนกรดอะมโินชนิดต่�งๆ มอียูด่้วยกัน

สองระบบ คือ ระบบที่ใชร้หสัอักษรส�มตัว (three letter code) กับระบบท่ีใชร้หสัอักษรเพยีงตัวเดียว (one letter code) ดังแสดงในต�ร�งท่ี 2.1 ตารางท่ี 2.1 ชนิดของกรดอะมโินและอักษรสญัลักษณ์

Type 3 letter code

1 letter

type 3 letter

1 letter

3

N CA

H

C

O

R sidechainbackbone

H

N CA

H

C

O

R sidechainbackbone

H

รูปท่ี 2.1 องค์ประกอบทางเคมขีองกรดอะมโิน

Page 4: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

code code codeAlanine Ala A Serine Ser SGlycine Gly G Threoni

neThr T

Valine Val V Cysteine

Cys C

Leucine

Leu L Tyrosine

Tyr Y

Isoleucine

Ile I Asparagine

Asn N

Proline Pro P Glutamine

Gln Q

Phenylalanine

Phe F Aspartic acid

Asp D

Tryptophan

Trp W Glutamic acid

Glu E

Methionine

Met M Lysine Lys K

Histidine

His H Arginine

Arg R

รหสัอักษรส�มตัวสว่นใหญ่จะม�จ�กอักษรส�มตัวแรกของกรดอะมิโนชนิดนัน้ๆ เชน่ Alanine = Ala หรอื Glycine = Gly ยกเวน้ Tryptophan, Asparagine และ Glutamine จะใช ้Trp, Asn และ Gln ต�มลำ�ดับ สว่นรหสัอักษรหน่ึงตัวจะใชห้ลักก�รเดียวกันคือใชอั้กษรตัวแรกของกรดอะมโินชนิดนัน้ๆ เชน่ Serine = S, Threonine = T ยกเวน้กรดอะมโิน ต่อไปน้ี (เน่ืองจ�กมอัีกษรตัวแรกซำ้�กัน)Phenylalanine = F Tryptophan = W

Tyrosine = Y,Asparagine = N Aspartic acid = D Glutamine = Q Glutamic acid = ELysine = K Arginine = R

สเตอรโิอไอโซเมอร์

4

+

H2N

2

C

NH

CH2 COO-CHCH2 CH2NH

NH3+

CH2 CH COO-HN

12

3 4

5

NH3+

N

Page 5: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

เมื่อพจิ�รณ�องค์ประกอบและโครงสร�้งของกรดอะมโินบรเิวณ Backbone จะเหน็ว�่กรดอะมโินทกุชน ิดยกเวน้ไกลซนีจดัเป ็น chiral molecule โดยมีค�รบ์อนอะตอมกล�ง หรอื -carbon เป็น chiral atom ดังนัน้กรดอะมโินจึงมีได้สองสเตอรโิอไอโซเมอร์ คือ R- และ S-configurations

เร�นิยมใชร้ะบบก�รเรยีกไอโซเมอรข์องกรดอะมโินตแบบเ ด ิม ม � ก ก ว �่ ค ือ D-stereoisomer (R-configuration) แ ล ะ L-stereoisomer (S-configuration) (ร ูป 2.2) ทัง้สองสเตอรโิอไอโซเมอรเ์ป็น enantiomer หรอืเป็นกระจกเ ง � ซ ึ่ง ก ัน แ ล ะ ก ัน (mirror image) อ ย �่ ง ไ ร ก ็ต � ม ขอ้มูลจ�กโครงสร�้ง

ส�มมติิของโปรตีนทำ�ใหเ้ร�ทร�บว�่กรดอะมโินที่พบในธรรมช�ติ เป็นชนิด L-stereoisomer

ซวทิเทอรไ์อออน (Zwitterion)ถ ้� ห � ก พ จิ � ร ณ � ใ น ส ว่ น

backbone จะมหีมูฟ่งัก์ชนัเอมนี (-NH2) ที่อยูป่ล�ยด้�นหนึ่งของกรดอะมโินมสีมบตัิเป็นเบส ส�ม�รถรบัโปรตอน ในขณะที่ปล�ยด้�นหมู ่-COOH มสีมบตัิเป็นกรด ส�ม�รถแตกตัวใหโ้ปรตอนได้ กระบวนก�รที่รบัโปรตอนนี้เรยีกว�่ protonation

5

L-amino acid D-amino acid

รูปท่ี 2.2 โครงสรา้งทางเคมขีอ

รูปท่ี 2.3 สภาวะ Zwitterion

Page 6: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

และกระบวนก�รที่แตกตัวใหโ้ปรตอนน ี้เ ร ยีก ว �่ deprotonation ด ังสมก�รprotonation : -NH2 + H + --> -NH3

+ deprotonation : -COOH --> -COO- + H +

กระบวนก�รทัง้สองเกิดขึ้นพรอ้มกันเมื่อกรดอะมโินละล�ยนำ้� ผลก็คือ backbone ของกรดอะมโินมทีัง้ไอออนบวกที่ -NH3

+ และ

ไอออนลบท่ี –COO- สภ�วะน้ีเรยีกว�่ ซวิ ท เ ท อรไ์อออน ดังรูป 2.3

ประเภทของกรดอะมโิน ดังที่ได้กล่�วม�ในหวัขอ้ข�้งต้นว�่กรดอะมโินทัง้ 20 ชนิดแตก

ต่�งก ันท ี่ sidechain หรอืหมูฟ่ งัก ์ชนั R คว�มแตกต่�งของ sidechain ทำ�ใหก้รดอะมโินมสีมบตัิท�งก�ยภ�พและท�งเคมทีี่แตกต่�งกัน ซึ่งองค์ประกอบและโครงสร�้งท�งเคมขีองกรดอะมโินทัง้ 20 ชนิดแสดงดังรูปที่ 2.4 จะเหน็ว�่ sidechain เป็นหมูฟ่งัก์ชนัของส�รอินทรยีห์ล�ยชนิด เชน่หมู ่aliphatic hydrocarbon ใน Val, Ile, Leu, หม ู ่aromatic hydrocarbon ใน Phe, Tyr, Trp, หม ู ่ indole ใน Trp, หม ู ่ imidazole ใน His, หม ู ่amide (-CONH2) ใน Asn และ Gln, หมู ่carboxylic (-COOH) ใน Asp และ Glu เป็นต้น ในโปรตีน หมูฟ่งัก์ชนัเหล่�นี้มคีว�มสำ�คัญในก�รก่อโครงรูปและก�รทำ�ง�นของโปรตีน (structure & function)

เร�ส�ม�รถจดักรดอะมโินใหเ้ป็นกลุ่มต่�งๆ โดยพจิ�รณ�จ�กสมบตัิ เชน่ ไฮโดรโฟบคิ (hydrophobicity), คว�มเป็นขัว้ และคว�มเป็นกรด-เบส โดยทัว่ไปก�รแบง่ประเภทของกรดอะมโินเป็นดังนี้

i) Hydrophobic residues คือ กรดอะมโินที่ไมช่อบนำ้�หรอืมคีว�มเป็นขัว้ตำ่� กรดอะมโินในกลุ่มนี้มชีนิดที่ sidechain เป ็นแบบ aliphatic residue

6

Page 7: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

ได ้แก ่ Ala, Val, Leu, Ile, Pro และ Met และชน ิดท ี ่sidechain เป็นแบบ aromatic residue ได้แก่ Trp และ Phe

ii) Polar residues คือ กรดอะมโินที่มขีัว้ เชน่ Ser, Thr, Cys, Tyr, Asn, Gln, His ขอ้สงัเกต ุกรดอะมโินเหล่�นี้มกัจะมหีมู ่–OH , -CONH, -SH, imidazole รว่มอยูท่ี่ sidechain

iii) Charge residues คือ กรดอะมโินที่มปีระจุ สมบตัิของกรดอะมโินในกลุ่มนี้คือส�ม� รถร บัหร อื ให โ้ป รต อน ได ้ ส ำ�ห ร บักรดอะม โิ นท ี ่sidechain มหีมู ่–COOH เชน่ Asp และ Glu มสีมบตั ิคล้�ยกรด (บ�งครัง้เรยีกว�่ acidic residues) ส�ม�รถให้โปรตอนดังสมก�ร

สำ�หรบักรดอะมโินที่ sidechain มสีมบตัิคล้�ยเบส เชน่ Lys และ Arg (บ�งครัง้เรยีกว�่ basic residues) ส�ม�รถรบัโปรตอนดังสมก�ร

Gly จะไมถ่กูจดัอยูใ่นกลุ่มใด เน่ืองจ�กหมู ่R คือ hydrogen อย�่งไรก็ต�ม ก�รแบง่ประเภทของกรดอะมโินก็เพ ื่อเป็น

ประโยชน์ต่อก�รศึกษ�โปรตีน เกณฑ์ดังกล่�วเป็นเพยีงแนวท�งแบบก

7

Arg

Ly

Page 8: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

ว�้งๆ เพร�ะในบ�งกรณีอ�จมขีอ้ยกเวน้ เชน่ His เมื่ออยูใ่นสภ�วะที่เป็นกล�งจะเป็น polar residue แต่ไนโตรเจนใน imidazole ring ของ His ส�ม�รถรบัโปรตอนได้เหมอืนกัน หรอืในกรณี ไนโตรเจนใน indole ring ของ Tryptophan ส�ม�รถที่จะเกิดพนัธะไฮโดรเจน ซึ่งเป็นสมบติัหน่ึงของกลุ่ม polar residue

8

Page 9: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

ตารางที่ 2.4 การจดักลุ่มของกรดอะมโินทั้ง 20 ชนิดตามสมบตัิและโครงสรา้งทางเคมขีอง sidechain

9

Page 10: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

ตำาแหน่งของอะตอมในกรดอะมโินชื่ออะตอมต่�งๆของกรดอะมโินถกูกำ�หนดต�มระบบ IUPAC-

IUB (INTERNATIONAL UNION OF PURE AND APPLIED CHEMISTRY and INTERNATIONAL UNION OF BIOCHEMISTRY AND MOLECULAR BIOLOGY) ดังต่อไปน้ี

ช ื่ออะตอมประกอบด้วย 2 สว่น ค ือตำ�แหน่งซึ่งเป็นภ�ษ�กรกีและชนิดของธ�ต ุเชน่ -carbon , -carbon, -carbon เป็นต้น หรอือ�จใช ้C C C สำ�หรบักรดอะมิโ น อ ัก ษ ร ก ร กี เ ร ยี ง ต � ม ต ำ� แ ห น ่ง ด ัง น ี ้ (alpha), (beta), (gamma), (delta), (epsilon), (zeta) แ ล ะ (eta) ใ นก รณ ีห � ก มตี ำ� แ ห น ่ง ซ ำ้� ก ันเนื่องจ�กก�ร split ออกเป็นสองท�ง ก็ยงัส�ม�รถใชห้ลักก�รเดิมแต่จะมกี�รกำ�หนดหม�ยเลขพว่งท้�ย เชน่หมูเ่อไมด์ (-CONH2) ท ี่ป ล � ย sidechain ข อ ง glutamine อะตอมซึ่งถัดจะตำ�แหน่ง C เรยีกว�่ O1 และ N2 (รูปที่ 2.5) นอกจ�กนี้จะไมน่ับตำ�แหน่งอะตอมของธ�ตไุฮโดรเจน แต่จะตัง้ใหส้อดคล้องกับตำ�แหน่งของธ�ตทุี่เกิดพนัธะอยู ่ เชน่ H1 และ H2 คือไฮโดรเจนที่เกิดพนัธะกับ C เป็นต้น

พนัธะเปปไทด์โปรตีน จดัเป็น polypeptide molecule กล่�วคือ กรดอะ

มโินต่�งๆเชื่อมต่อกันด้วยพนัธะโคว�เลนท์ที่เรยีกว�่ พนัธะเปปไทด ์(peptide bond) ซ ึ่ง เป ็นพนัธะท ี่เก ิดข ึ้นบร เิวณ Backbone ระหว�่ง -CO(i)-NH(i+1)- โดยท่ี i คือลำ�ดับที่ ith ของกรดอะมโิน

N C

C

C

OHH

C

CO NH2

H

H

H

H

N C

C

C

OHH

C

CO NH2

H

H

H

H

รูปท่ี 2.5 การเรยีงตำาแหน่งของ

6

Page 11: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

ก�รเกิดพนัธะเปปไทด์อ�จพจิ�รณ�จ�กปฏิก ิรยิ�เคมกี�รสงัเคร�ะหส์�รประกอบเปปไทด์อย่�งง่�ยดังรูปที่ 2.6 ส�รตัง้ต้นคือกรดอะมโิน 2 โมเลกลุทำ�ปฏิกิรยิ� condensation ระหว�่งหมู ่–COO- กับหมู ่-NH3

+ ได้ผลิตภัณฑ์คือ นำ้�และส�รเปปไทด์

+ H 3 N C A

R

C

O

N

H

C A C O O

R '+ H 3 N C A C O O

R- + +H 3 N C A C O O

R '- - + H 2 O

Peptide bonds

+ H 3 N C A

R

C

O

N

H

C A C O O

R '+ H 3 N C A C O O

R- + +H 3 N C A C O O

R '- - + H 2 O

Peptide bondsรูปท่ี 2.6 ปฏิกิรยิาเคมขีองกรดอะมโินเกิดเป็นพนัธะเปปไทด์

7

Page 12: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

ถ้�สงัเกตหุมูฟ่งัก์ชนัที่ปล�ยทัง้สองของเปปไทด์จะเหน็ว่�เป็น -NH3

+ และ –COO- เหมอืนกับของกรดอะมโินในส�รตัง้ต้น ดังนัน้ไมว่�่จะเป็น dipeptide, tripeptide หรอื polypeptide รวมทัง้โปรตีน โมเลกลุจะมปีล�ยทัง้สองด้�นเป็น NH3

+ และ –COO- เชน่เดิม สำ�หรบัโปรตีน เร�เรยีกปล�ยด้�น -NH3

+ นี้ว�่ N-terminus และปล�ยด้�น –COO- เป็น C-terminus และก�รนับลำ�ดับกรดอะม โินในโปรต ีนจะเร ิม่น ับกรดอะม โินล ำ�ด ับแรกท ี่อย ูฝ่ ั่ ง N-terminus และกรดอะม โินท ี่อย ูล่ ำ�ด ับส ดุท ้�ยจะอย ูด่ ้�น C-terminus

Peptide planarity & conformationที่บรเิวณ Backbone ของโปรตีน คู่อะตอมที่เกิดพนัธะเปป

ไทด์มโีครงสร�้งส�มเหล่ียมแบนร�บเพร�ะต่�งก็เป็น sp2 ไฮบรดิออร์บทิัล

Planarity ของเปปไทด์เป็นลักษณะเฉพ�ะท�งโครงสร�้งที่สำ�คัญประก�รหนึ่งของโปรตีน ก�รตรวจส อ บ peptide planarity โดยก�รวดัมุมไ ด ฮ ีด ร ลั (dihedral angle) ของ C-C-N-C

8

Page 13: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

หรอืค่� ซึ่งค่� ควรจะเท่�กับหรอืใกล้เคียง 180 จงึจะถือว�่เป็น peptide planarity

trans-conformers เป็นเอกลักษณ์ของพนัธะเปปไทด์ที่ส ำ�คัญอีกประก�รหนึ่ง เนื่องจ�กอิทธพิลด้�น steric ระหว�่งหมู ่sidechain ด้วยกันของคู่ residue ที่เกิดพนัธะ ยกเวน้ในกรณีที่ก ร ด อ ะ ม โิ น น ัน้ ค ือ Proline ซ ึ่ง พ นั ธ ะ เ ป ป ไ ท ด ์จ ะ เ ป ็น cis-conformation (รูปท่ี 2.8)

ระดับขอ้มูลทางโครงสรา้งของโปรตีน (levels of protein structure)

ขอ้มูลท�งโครงสร�้งของโปรตีนจดัออกเป็น 4 ระดับ คือ- โครงสร�้งปฐมภมู ิ(Primary structure)- โครงสร�้งทติุยภมู ิ(Secondary structure) - โครงสร�้งตติยภมู ิ(Tertiary structure) - โครงสร�้งจตรุภมู ิ(Quaternary structure)

โครงสรา้งปฐมภมู ิโครงสร�้งปฐมภมู ิเป็นขอ้มูลเบื้องต้นที่บอกลำ�ดับกรดอะมโิน

ของโปรตีน (Amino acid sequence) กล่�วคือ โปรตีนประกอบด้วยกรดอะมโินใดบ้�งและเรยีงลำ�ดับกันอย�่งไร โครงสร�้งปฐมภมูิ

รูปท่ี 2.7 Planarity ของพนัธะเปปไทด์

C NC

O

HR

R

C

O

N

CR

trans-peptide cis-peptide

C NC

O

HR

R

C

O

N

CR

trans-peptide cis-peptide

รูปท่ี 2.8 คอนฟอรเ์มชนัของเปปไทด์

9

Page 14: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

มกัแสดงในรูปรหสัตัวอักษรของกรดอะมโินเรยีงกันต�มลำ�ดับจ�กกรดอะม โินท ี่ N-terminus ซ ึ่ง เป ็นล ำ�ด ับแรกสดุ ไปสดุท ี่ C-terminus ซึ่งเป็นกรดอะมโินตัวสดุท้�ย เชน่ ตัวอย่�งลำ�ดับกรดอะมโินของ hemoglobin chain A

>1A00:A DEOXYHEMOGLOBIN AVLSPADKTNVKAAWGKVGAHAGEYGAEALERMFLSFPTTKTYFPHFDLSHGSAQVKGHGKKVADALTNAVAHVDDMPNALSALSDLHAHKLRVDPVNFKLLSHCLLVTLAAHLPAEFTPAVHASLDKFLASVSTVLTSKYR

โครงสร�้งปฐมภมูหิรอืลำ�ดับกรดอะมโินเป็นขอ้มูลที่มคีว�มสำ�คัญลำ�ดับแรกในก�รนำ�ไปใชป้ระโยชน์เพื่อก�รศึกษ�โปรตีนในระดับโมเลกลุ ซ ึ่งจะเหน็ได้จ�กขอ้มูลหลักที่อยูใ่นฐ�นขอ้มูลท�งด้�น Genome และ Bioinformatics ขอ้มูลเหล่�นี้สว่นใหญ่ได้จ�กก�รทดลองห�ลำ�ดับของดีเอ็นเอ (DNA sequencing) และมกัจะถกูแปลงใหเ้ป็นลำ�ดับของกรดอะมโินเพื่อประโยชน์ในก�รวเิคร�ะห์โปรตีน NCBI (The National Center for Biotechnology Information) เป็นเครอืข่�ยสำ�คัญที่เก็บฐ�นขอ้มูลลำ�ดับกรดอะมิโนของสิง่มชีวีติต่�งๆ อีกทัง้เร�ส�ม�รถสบืค้นขอ้มูลและด�วน์โหลดม�ใชไ้ด้

โครงสรา้งทติุยภมูิโครงสร�้งทตุิยภมูบิอกถึงก�รจดัเรยีงอะตอมในโปรตีนที่มรีูป

แบบเฉพ�ะ ซึ่งพบสว่นใหญ่ในโครงสร�้งของโปรตีน บทบ�ทสำ�คัญของก�รมโีครงสร�้งทตุ ิยภมูคิ ือจะชว่ยเพ ิม่คว�มเสถ ียรท�งโครงสร�้งใหก้ับโปรตีน ชว่ยสนับสนุนก�รทำ�ง�น และชว่ยปรบัโปรตีนใหเ้หม�ะกับสภ�พแวดล้อม โครงสร�้งทตุิยภมูทิี่สำ�คัญได้แก่ -helix

10

Page 15: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

และ -sheet โครงสร�้งทัง้สองชนิดคงรูปอยูไ่ด้ด้วยพนัธะไฮโดรเจนท่ีม�จ�ก backbone atoms โครงสร�้งทติุยภมูมิรี�ยละเอียดดังน้ี

เกลียวอัลฟ� หรอื -helix แสดงถึงอะตอมจดัเรยีงเป็นวงจนได้คอนฟอรเ์มชนัที่มลีักษณะมว้นคล้�ยเกลียว และเป็นเกลียวเวยีนขว�มอืหรอืต�มเขม็น�ฬิก�ของส�ยเปปไทด์ โดยหนึ่งรอบของเกลียว จะประกอบด้วยกรดอะมโินจำ�นวน 3.6 และมรีะยะระหว�่งเกลียว 5.4 Å โดยประม�ณ (ดังรูป 2.9 ก) พนัธะไฮโดรเจนที่คงรูปโครงสร�้งทตุิยภมูชินิดนี้เกิดระหว่�งออกซเิจนของหมู ่CO กับ ไฮโดรเจนของหมู ่NH ของกรดอะมโินที่อยูถ่ัดไปในลำ�ดับท่ีส�มและสี ่(ใชส้ญัลักษณ์ COi-NHi+4 และ COi-NHi+3)

ในแผ่นคู่ประกบบตี� หรอื -sheet อะตอมในสว่น backbone จดัเรยีงแบบขน�นกันทำ�ใหม้ลีักษณะเสมอืนมีส�ยเปปไทด์ว�งเป็นแนวขน�นกันอย�่งน้อยสองส�ย พนัธะไฮโดรเจนเกิดระหว่�งหมู ่CO ของส�ยเปปไทด์หนึ่ง กับหมู ่NH ของส�ยเปปไทด์อีกส�ยหนึ่งอย�่งต่อเนื่องซ ึ่งเรยีกว ่� hydrogen-bond network ดังรูป 2.9 ข แผ่นคู่ประกบบตี�ที่พบในโปรตีนมสีองแบบ คือ แบบขน�นทิศเด ียวกัน (Parallel -sheet) กับ แบบขน�นทิศตรงข�้มกัน (Anti-parallel -sheet)

( (ขAnti-paralell

Paralell

รูปท่ี 2.9 แสดงโครงสรา้งทติุยภมู ิ(ก) เกลียวอัลฟา (ข) แผ่นคู่ประกบบตีา

11

Page 16: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

โครงสรา้งตติยภมูิโครงสร�้งตติยภมู ิ(Tertiary structure) บอกถึงก�รจดั

เรยีงอะตอมทัง้หมดของโปรตีน ซึ่งก็คือโครงสร�้งส�มมติิ วธิกี�รเสนอโครงสร�้งตติยภมูิมกัแสดงใหเ้หน็ถึงส�ยเปปไทด์ที่มว้นอย�่งซบัซอ้นจนได้โครงสร�้งของโปรตีน

รูปท่ี 2.10 โครงสรา้งตติยภมูขิองโปรตีนท่ีศึกษาได้จากเทคนิครงัสเีอ็กซ์

โครงสรา้งจตรุภมูิโปรตีนบ�งชนิดจะมมี�กกว�่หนึ่งโมโนเมอรห์รอืมมี�กกว�่หนึ่ง

หน่วยยอ่ย (subunit) ซึ่งอยูด่้วยกันเป็นกลุ่มก้อน รูปแบบก�รจดัเรยีงหรอื packing ของแต่ละโมโนเมอรก์็มคีว�มสำ�คัญต่อก�รทำ�ง�นของโปรตีนไมน่ ้อยไปกว่�โครงสร�้งตติยภมู ิ โครงสร�้งจตรุภมูบิอกถึงลักษณะของก�รจดัเรยีงของแต่ละหน่วยยอ่ยควรจะอยูด่ ้วยกันอย่�งไร ตัวอย่�งเชน่ ฮีโมโกลบนิซึ่งทำ�หน้�ที่ลำ�เลียงออกซเิจน (O2 transport) ฮีโมโกลบนิเป็นโปรตีนเตตระเมอร ์ประกอบด้วยหน่วยยอ่ย 22 โครงสร�้งจตรุภมูขิองฮีโมโกลบนิประกอบด้วยม ี4 โมโนเมอร ์แสดงดังรูป

1 1

2 212

Page 17: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

13

Page 18: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

แบบฝึกหัดจงตอบคำ�ถ�มต่อไปน้ี1. กรดอะมโินทกุชนิดมสีเตอรโิอไอโซเมอรย์กเวน้ 2. Chirality ที่ตำ�แหน่งอัลฟ�ค�รบ์อน (Ca) ของกรดอะมโินที่พบในธรรมช�ติ คือ 3. กรดอะมโินท่ีพบโดยทัว่ไปมทัีง้หมด 20 ชนิด อะไรบ�้ง4. จงว�ดสตูรโครงสร�้งของกรดอะมโินทัง้ 20 ขนิดน้ี 5. Backbone ของกรดอะมโิน คืออะไร6. Sidechain ของกรดอะมโิน คือ อะไร7. จงระบุค�รบ์อนที่ต ำ�แหน่งอัลฟ� เบต้� และแกมม� ของ Valine Isoleucine Phenylalanine 8. จงเขยีนรหสัชนิด 3 ตัวอักษร (3 letter code) แทนกรดอะมโินต่อไปนี้ Tyrosine Arginine Lysine Trptophan9. จงเขยีนรหสัชน ิด 1 ต ัวอ ักษร ค ือ กรดอะม โินต ่อ ไปน ี ้Tyrosine Arginine Lysine Trptophan10. จงสตูรโครงสร�้งของเปปไทด์ต่อไปน้ี EGDFT11. จ ง ใ ช ค้ ่� pKa ข อ ง ก ร ด อ ะ ม โิ น ส ว่ น ท ี่เ ป ็น แ ข น ง ข ้� ง (Sidechain) กรดอะมโินใดบ้�งมฤีทธิเ์ป็นเบส และกรดอะมโินใดบ�้งมฤีทธิเ์ป็นกรด12. อะตอมท่ีเกี่ยวขอ้งกับพนัธะเปปไทด์ คือ13. โครงสร�้งเรข�คณิตของอะตอมที่เกี่ยวขอ้งกับพนัธะเปปไทด์ เป็นแบบใด14. โครงสร�้งเรข�คณิตของอะตอมที่ต ำ�แหน่งอัลฟ�ค�รบ์อน (Ca) เป็นแบบใดแบบฝึกหดั

14

Page 19: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

แผนภมู ิRamachandran เนื่องจ�กโปรตีนทกุชนิดมสีว่นที่เรยีกว่� backbone โครง

รูปของ backbone จะต้องมสีมบตัิ peptide planarity และได ้trans-conformer เป็นสว่นใหญ่ ดังนัน้ก�รจดัเรยีงอะตอมของ backbone จ งึ ค ่อ น ข �้ ง จ ำ� เ พ � ะ ก � ร ต ร ว จ โ ค ร ง ร ูป ข อ ง backbone ของโปรตีนจะระบุด้วยมุมทอรช์นัคือมุม และมุม ซึ่งกำ�หนดไวดั้งรูป

มุม พนัธะคือที่ส�ม�รถหมุนเป็นมุมต่�งๆได้ (Rotatable bond) พนัธะของ C-C จะแทนด้วย ใชแ้ทนก�รหมุนของพนัธะ C-N เน ื่องจ�ก และ มคี ่�ตัง้แต่ -180 ถึง 180 จ�กก�รวเิคร�ะหโ์ครงสร�้งของโปรตีนชนิดต่�งๆ พบว�่อิทธพิลท�งสเตอรกิ (Steric effect) ทำ�ให ้ และ มคี่�จำ�เพ�ะและเป็นชว่งๆ กร�ฟคว�มสมัพนัธร์ะหว�่ง และ เรยีกว�่ Ramachandran plot มปีระโยชน์อย่�งม�กต่อคว�มเข�้ใจโครงรูปของโปรตีน และถือเป็นวธิหีนึ่งที่ใชต้รวจสอบคณุภ�พของโครงสร�้งของโปรตีนอีกด้วย

-sheet

-helix

15

Page 20: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

รูปที่ 2.11 Ramachandran plot บรเิวณที่แรเงา แสดงถึง และ ที่ยอมรบัได้ สว่นบรเิวณพื้นสขีาวแสดงถึง และ ท่ีผิดสว่น ซึง่ทำาให้บรเิวณนัน้มโีครงรูปของโปรตีนท่ีบดิเบีย้วไป

16

Page 21: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

พนัธะไฮโดรเจนในโปรตีนหลักการมองแบบสามมติิค่า pKa ของกรดอะมโิน

กรดอะมโินมคี่� pKa อยูร่ะหว�่ง 9-10 ในขณะที่หมูอ่ัลฟ�ค�รบ์อกซลิมคี่�ประม�ณ 2 ดังนัน้กรดอะมโินจะมทีัง้ประจุบวกและประจุลบที่สภ�วะ pH เป็นกล�ง ลักษณะเชน่นี้เรยีกว่� ดังรูปที่ 1.6 กรดอะมโินท่ีพบในธรรมช�ติมอียู ่20 ชนิด (ต�ร�งท่ี 1.4)

ส�ม�รถจดัใหเ้ป ็นม ีซ ึ่งท ำ�ใหก้รดอะมโินมสีมบตั ิคล้�ยข ัว้ประจุไฟฟ�้ เนื่องจ�กมคีว�มหน�แน่นของอิเล็กตรอนในแต่ละอะตอมไมเ่ท่�กัน หรอือ�จเรยีกว�่เป็นกรดอะมโินชนิดโพล�ร ์ ซึ่งมทีัง้ประเภทที่มปีระจุ (มสีมบตัิเป็นกรดหรอืเบส โดยพจิ�รณ�จ�กค่� pKa) หรอืโพล�รป์ระเภทไมม่ปีระจุ หรอืไมโ่พล�ร ์(Non-polar) ประเภทของกรดอะมโินแสดงไวต้�มต�ร�งท่ี 1.3

ตาราง 1.3 แสดงค่า pK ของกรดอะมโินบางชนิดกรดอะมโิน ค่� pK (25 C)

-COOH

-NH2 แ ข น งข�้ง

อะล�นีน 2.3 9.9 -ไกลซนี 2.4 9.8 -เฟนิลอะล�นีน

1.8 9.1 -

เซรนี 2.1 9.2 -เวลีน 2.3 9.6 -กรดแอสป�ร์ติค

2.0 10.0 3.9

กรดกลตู� 2.2 9.7 4.3

17

Page 22: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

มคิฮิสติดีน 1.8 9.2 6.0ซสิเตอีน 1.8 10.8 8.3ไทโรซนี 2.2 9.1 10.9ไลซนี 2.2 9.2 10.8อ�รจ์นีิน 1.8 9.0 12.5

18

Page 23: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

บทสรุปก�รพฒัน�คว�มรูด้้�นก�รออกแบบเชงิโมเลกลุมมี�อย�่งต่อ

เนื่องตัง้แต่อดีตจนถึงปัจจุบนัและมมี�น�นหล�ยทศวรรษ ปัจจุบนัมีเทคนิคที่เกี่ยวขอ้งกับก�รออกแบบโมเลกลุอยูม่�กม�ยหล�ยเทคนิค คว�มเหม�ะสมของแต่ละเทคนิคก็ขึ้นกับระบบ สมบตัิที่สนใจหรอืระดับคว�มถกูต้อง รวมไปถึงขอ้จำ�กัดท�งด้�นฮ�รด์แวรด์้วย เชน่ระบบที่มโีมเลกลุขน�ดเล็ก ก็ส�ม�รถเลือกใชเ้ทคนิคท่ีมคีว�มถกูต้องสงู ตัง้อยูบ่นพื้นฐ�นท�งทฤษฎีเพยีงอย�่งเดียว หรอื ระบบที่สลับซบัซอ้นม�กขึ้น สว่นใหญ่เป็นระบบที่มโีมเลกลุขน�ดใหญ่ เหม�ะสมกับเทคนิคที่อ�ศัยสมก�รอย�่งง่�ยไมซ่บัซอ้น เป็นต้น ดังนัน้ ก�รเลือกใชแ้ต่ละเทคนิคจงึต่อพจิ�รณ�ปัจจยัต่�งๆ เหล่�นี้ เป็นสำ�คัญ เทคนิคที่น ำ�ม�ใชใ้นวธิกี�รออกแบบโมเลกลุ เพ ื่อศึกษ�โครงสร�้งและสมบตัิของโมเลกลุ หรอืเพื่อทำ�น�ยแรงยดึเหนี่ยวระหว�่งโมเลกลุอ�ศัยทฤษฎีและหลักก�รพื้นฐ�นที่ส ำ�คัญๆ ได้แก ่ทฤษฎีก�รคำ�นวณท�งควอนตัม ก�รประม�ณประเภทเซมเิอมพริกิัล (Semi-empirical approximations) หลักก�รท�งกลศ�สตร ์เชงิโมเลกลุ (Molecular mechanics principle) หลักก�รท�งกลศ�สตรเ์ชงิสถิติ (Statistical mechanics principle) และวธิกี�รจำ�ลองแบบระดับโมเลกลุ (Molecular simulations) ท ี่อ�ศัยเทคนิคมอนติ ค�รโ์ล (Monte Carlo) หรอืเทคนิคพลวตัิเชงิโมเลกลุ (Molecular dynamics) ซึ่งทฤษฎีและหลักก�รเบื้องต้นท่ีสำ�คัญจะอยูใ่นบทต่อๆ ไป

ตัวอย�่งที่ยกม�ข�้งต้นเป็นเพยีงน้อยนิดเท่�นัน้ มโีปรตีนจำ�นวนม�กที่เร�ยงัไมท่ร�บบทบ�ทและก�รทำ�ง�นของมนั นอกจ�กนี้ก�รศึกษ�วจิยัอ�จไมไ่ด้มุง่ไปโปรตีนที่อยูใ่นมนุษยเ์ท่�นัน้ โปรตีนท่ีอยู่ในสิง่มชีวีติอื่นๆ ก็มคีว�มสำ�คัญ ประโยชน์ที่ส ำ�คัญในก�รศึกษ�โปรตีนซึ่งในที่สดุจะนำ�ไปสูก่�รพฒัน�ไมว่�่จะเป็นด้�นสขุศ�สตร ์ก�ร

19

Page 24: การออกแบบเชิงโมเลกุลpioneer.netserv.chula.ac.th/~spornthe/protein_2.doc · Web viewพ นฐานขององค ประกอบและโครงสร

โปรตีน

แพทย ์ เภสชัวทิย� (ย�รกัษ�โรค) อุตส�หกรรม (ใชเ้อนไซมใ์นก�รผลิต) ตลอดจนด้�นเศรษฐกิจและสงัคม นี่คือเหตผุลสำ�คัญที่เร�ต้องทำ�คว�มรูจ้กัเกี่ยวกับพื้นฐ�นท�งโครงสร�้งของโปรตีน

โครงสร�้งปฐมภมูเิป็นขอ้มูลที่มคีว�มสำ�คัญในลำ�ดับแรกสดุ แผนที่พนัธุกรรม หรอื Genome ซึ่งเก็บรวบรวมรหสัดีเอ็นเอของสิง่มชีวีติ ก�รศึกษ�ที่เกี่ยวกับโปรตีนในระดับโมเลกลุ เร�ให้คว�มสำ�ตัญกับลำ�ดับกรดอะมโินหรอืโครงสร�้งปฐมภมูเิป็นลำ�ดับแรกสดุ เกี่ยวกับเป็นขอ้มูลที่มคีว�มสำ�คัญลำ�ดับแรกที่เก ี่ยวกับโครงสร�้งของโปรตีน ขอ้มูลลำ�ดับกรดอะมโินของโปรตีนมกัจะได้จะก�รแปลรหสัของดีเอ็นเอ (DNA) ก�รห�โครงสร�้งปฐมภมูขิองโปรตีนใชเ้ทคนิคที่เรยีกว�่ sequencing

เทคนิคที่ใชใ้นก�รห�ลำ�ดับกรดอะมโินของโปรตีน คือ วธิ ีPCR หรอื Polymerase Chain Reaction เป ็นว ธิ ีก �รห�โครงสร�้งปฐมภมู ิลักษณะจำ�เพ�ะของโปรตีน ซึ่งจะบอกว่�โปรตีนนัน้คืออะไร บอกถึงขน�ดของโปรตีนว�่มนีำ้�หนักโมเลกลุประม�ณเท่�ไร แมว้�่ โครงสร�้งปฐมภมูจิะไมไ่ด้บอกว�่โครงสร�้งส�มมติิของโปรตีนนัน้เป็นอย�่งไรโครงสร�้งปฐมภมูถิือเป็นขอ้มูลเบื้องต้นที่จ ำ�เป็นในก�รศึกษ�โครงสร�้งของโปรตีน ยงัไมป่ร�กฏแน่ชดัว�่โปรตีนต่�งๆ ชอบใหก้รดอะมโินชนิดใดเป็นลำ�ดับแรก อย่�งไรก็ดี พบว�่มโีปรตีนหล�ยชนิดท่ีกรดอะมโินตัวแรก คือ Methionine

แหล่งที่รวบรวมฐ�นขอ้มูลท�งด้�น Bioinformatic ขอ้มูลลำ�ดับกรดอะมโินของโปรตีนต่�งๆ ม�กม�ยท่ีน่�จดจำ� คือ NCBI ()

เนื่องจ�กโครงสร�้งของโมเลกลุของโปรตีนไมไ่ด้เป็นส�ยที่ยดืออกไปเป็นโซต่รง แต่โปรตีนมกี�รมว้นหรอืพบัเพื่อใหไ้ด้โครงสร�้งที่จำ�เพ�ะและเหม�ะสำ�หรบัก�รทำ�ง�นของ

20