การสำรวจชุมชน บ้าน โป่งส ลี ต . สันทราย อ . เมือง จ . เชียงราย
ภาพรวมโครงการpathum1.go.th/UserFiles/files/Local Networkบ้าน...2...
Transcript of ภาพรวมโครงการpathum1.go.th/UserFiles/files/Local Networkบ้าน...2...
2
บทที่ 1
ภาพรวมโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย”
1.1 ความเป็นมาและวัตถุประสงค์ ในยุคโลกาภิวัตน์การพัฒนาประเทศให้ทัดเทียมนานาประเทศต้องพยายามพัฒนาศักยภาพของประชากร
ด้วยการศึกษารวมทั้งพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติ
จากผลการประเมินระดับนานาชาติ เช่นProgramme for InternationalStudentAssessment:PISAพบว่า
ความรู้และทักษะทางวิทยาศาสตร์ของเด็กไทยยังต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยและประเทศไทยยังขาดนักวิทยาศาสตร์และ
วิศวกรที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาซึ่งปัญหานี้ ทั้งภาครัฐ เอกชนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งครูและผู้
ปกครองจำเป็นต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน เพราะการพัฒนาการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ไม่อาจสำเร็จ
ได้โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
งานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่า เด็กปฐมวัย (อายุ3-6ปี) เป็นช่วงที่มีความสำคัญมาก เพราะมีความสามารถ
ในการเรียนรู้และจดจำสูงสุด เป็นวัยที่ต้องวางรากฐานที่ดีเพื่อให้มีทัศนคติและทักษะพื้นฐานที่ดีด้านวิทยาศาสตร์
หากครูผู้สอนในระดับปฐมวัยสามารถถ่ายทอดความรู้มีเทคนิคและกระบวนการสอนที่สอดคล้องและเหมาะสม
กับวัยเสริมเข้าไปในหลักสูตรจะทำให้เด็กมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิทยาศาสตร์และสร้างพื้นฐานการเรียนรู้ความ
อยากรู้อยากเห็นความช่างสังเกตและความสามารถในการจดจำวิชาต่างๆ ในอนาคตได้เป็นอย่างดี
มลูนธิสิมเดจ็พระเทพรตันราชสดุาและบรษิทันานมบีุค๊ส์จำกดัไดศ้กึษาโครงการสง่เสรมิการเรยีนรูว้ทิยา-
ศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยในประเทศเยอรมนีจากโครงการ“HausderKleinenForscher” (หรือบ้านนักวิทยา-
ศาสตร์น้อย)ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่ปลูกฝังนิสัยรักวิทยาศาสตร์ให้กับเด็ก
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยขยายผลไปสู่โรงเรียนอนุบาลจำนวนมากในเวลาอันสั้น และสามารถควบคุม
มาตรฐานได้อย่างดีนอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับพ่อแม่ผู้ปกครองอีกด้วยนับว่าเป็นการส่งเสริมการ
เรียนการสอนวิทยาศาสตร์ในระดับพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุนี้มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯและบริษัทนานมีบุ๊คส์จำกัดจึงได้ร่วมมือกันริเริ่มโครงการ
“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์สำหรับ
เด็กปฐมมวัยโดยอาศัยเครือข่ายความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันสร้างพื้นฐานการเรียนรู้ของเยาวชนไทย
ซึ่งโครงการนี้มุ่งวางรากฐานการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ให้นักเรียนฝึกสังเกตรู้จักตั้งคำถามและค้นหาคำตอบ
ด้วยตนเอง เพื่อเตรียมความพร้อมให้พวกเขาเติบโตขึ้น เป็นนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรหรือเป็นทรัพยากรบุคคล
ที่มีจิตวิทยาศาสตร์และมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
ประโยชน์จากการเข้าร่วมโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย”
ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเข้าร่วมโครงการคือ เด็กปฐมวัย (อายุระหว่าง3-6ปี) โดยเด็กจะได้รับ
การฝึกฝนและสร้างทักษะด้านการสังเกตและเรียนรู้ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างง่ายๆ ตลอดจนการเปิด
โอกาสให้เด็กได้ลงมือทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ด้วยตนเองซึ่งโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศ
ไทย”จะเป็นหน่วยงานที่มีส่วนช่วยทำให้เด็กมีสิทธิและโอกาสทางการศึกษาทัดเทียมกับทุกคนในสังคม ตลอด
จนช่วยสร้างจิตสำนึกที่ดีและความรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย
3
ส่วนผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น (LocalNetwork)จะเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่พัฒนาด้านการเรียนการสอน
วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยอย่างแท้จริง โดยผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นสามารถประชาสัมพันธ์แก่สาธารณชนได้ว่า
เป็นผู้ที่ทำประโยชน์แก่สังคมและสามารถสร้างเครือข่ายกับสถาบันอื่นๆ ในสาขาเดียวกันได้ด้วย เพื่อที่ผู้นำ
เครือข่ายท้องถิ่นจะได้มีพันธมิตรในการขับเคลื่อนและสนับสนุนงานด้านต่างๆ ให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
มากขึ้นและมีความเข้มแข็ง
โรงเรียนอนุบาลที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับคำแนะนำและแนวทางปฏิบัติว่าสามารถนำการเรียนการสอน
วิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันสำหรับนักเรียนปฐมวัยได้อย่างไร
ภาระหน้าที่ของโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”
โครงการ "บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย"จะประสานงานกับโรงเรียนอนุบาลในระยะยาว เพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนอนุบาล
โครงการ "บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย"จะสนับสนุนการทำงานของครูและส่งเสริมการมี ส่วนร่วมของผู้ปกครองในภาคปฏิบัติต่างๆ เช่นการทดลอง
โครงการ"บา้นนกัวทิยาศาสตรน์อ้ยประเทศไทย"จะสรา้งความเขม้แขง็ในการศกึษาดา้นวทิยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย เพื่อเป็นพื้นฐานในการสร้างบุคลากรสำหรับวงการวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์
ในระยะยาว
1.2 กิจกรรมสำหรับโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนอนุบาลที่เข้าร่วมโครงการจะจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้มีโอกาสทดลองวิทยาศาสตร์อย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้การทดลองต่างๆ จะไม่แยกส่วนในการเรียนรู้เพราะจะทำให้เด็กไม่สามารถเชื่อมโยงความรู้ต่างๆ ได้ แต่จะ
เน้นให้การทดลองรวมอยู่ในบริบทของหัวข้อใหญ่ เช่น น้ำ อากาศ พลังงาน ครูควรพัฒนาวิธีการหา
คำตอบสำหรับเหตุการณ์และปัญหาในชีวิตประจำวันร่วมไปกับเด็กและคอยกระตุ้นให้เด็กคิดทบทวนถึงประ-
สบการณ์เรียนรู้ของตัวเอง
เป้าหมายในระยะยาวของ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”คือต้องการสนับสนุนการเพิ่มความรู้ความสามารถ
ของบุคลากรผู้สอน ดังนั้นจึงมีการฝึกฝนให้ครูผู้สอนมีความรู้ความสามารถในการหยิบยกปรากฏการณ์ทาง
ธรรมชาติและความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรอบตัวมาผสมผสานกับงานสอนของตนได้ด้วยตนเอง
โครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”และหน่วยงานผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่
หลากหลาย อาทิเช่นจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ การจัดทำเอกสารแนะนำการทดลอง และแนวทางในการส่งเสริม
การทำโครงงานสำหรับนักเรียน
การอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับครู
ครู (SchoolTeachers)จะได้รับการอบรมอย่างน้อย2ครั้งนั่นคือการอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่ 1และ
การอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่ 2 เพื่อที่จะได้สามารถนำการทดลองที่สนุกสนานมากระตุ้นหรือส่งเสริมให้นักเรียน
4
บทที่ 1
สนใจวิทยาศาสตร์หลังจากนั้นครูจะได้รับการอบรมเชิงปฏิบัติการเฉพาะทางอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อปี เพื่อให้ครู
สามารถสร้างแผนการการสอนได้อย่างต่อเนื่อง โดยโรงเรียนอนุบาลสามารถส่งครูเข้าร่วมการอบรมได้อย่างน้อย
หนึ่งหรือสองคน ขึ้นอยู่กับความพร้อมของโรงเรียนแต่ละแห่งส่วนวิทยากร (LocalTrainer)ที่จะอบรมให้ครูจะ
คัดเลือกมาจากผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นและโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”มีหน้าที่จัดฝึกอบรม
ให้กับวิทยากรที่จะไปจัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับครู
การอบรมเชิงปฏิบัติการมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นความสนใจและถ่ายทอดความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีให้แก่ครู รวมทั้งเทคนิคและวิธีนำการทดลองไปใช้ในการเรียนการสอน นอกจากนี้ โครงการยังสร้าง
เครือข่ายระหว่างครูที่เข้ารับการอบรมให้ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันครูจะได้รับการอบรมเกี่ยวกับ
พื้นฐานด้านการสอนเทคนิคและวิธีการสอนอย่างเข้มข้นซึ่งรูปแบบของการอบรมเชิงปฏิบัติการทั้งหมดสามารถ
ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นได้ตลอดเวลา
การอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่ 1
การอบรมครั้งแรกนี้จะแนะนำหลักสูตรต่างๆ การแนะแนวทางการเรียนการสอนและตัวอย่างการทดลอง
ทางวิทยาศาสตร์ โดยหัวข้อแรกที่จะทำการทดลองคือเรื่อง “น้ำ”ซึ่งใช้ระยะเวลาการอบรม1วัน
การอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่ 2
ภายหลังจากการอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่ 13 เดือนจะจัดให้มีการอบรมขั้นที่ 2 โดยเริ่มจากการให้ครูได้
แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ได้นำความรู้จากการอบรมปฏิบัติการขั้นที่ 1 ไปใช้สอนจริงหลังจากนั้นก็ทำการ
ทดลองทางวิทยาศาสตร์ในหัวข้อ “อากาศ”ควรใช้ระยะเวลาในการอบรมอย่างน้อยครึ่งวัน
การอบรมเชิงปฏิบัติการเฉพาะทาง
ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นและโรงเรียนอนุบาลจะควรร่วมกันจัดอบรมอย่างน้อยปีละ1ครั้งซึ่งสามารถใช้หัวข้อ
การอบรมได้จากใบกิจกรรมการทดลอง
คำแนะนำ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบการอบรมเชิงปฏิบัติการบรรจุอยู่ในบท
“กิจกรรมสำหรับผู้อบรม” ในหัวข้อ2.2
สื่อการเรียนการสอนสำหรับครู
โครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ได้พัฒนาสื่อการการสอนในรูปแบบของใบกิจกรรมการ
ทดลอง เอกสารประกอบการทำงานสำหรับครูผู้สอนไว้หลายหัวข้อ (เช่นน้ำอากาศพลังงาน)ในรูปแบบของใบ
กิจกรรมทดลองและกล่องโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย” เพื่อใช้เก็บใบกิจกรรมทดลองบัตรทดลองแต่ละ
ใบจะนำเสนอการทดลองง่ายๆ ที่คัดเลือกมาแต่ละหัวข้อเพื่อให้ทำความเข้าใจได้ง่ายบัตรทดลองแต่ละใบจะ
ให้ข้อมูลว่าการทดลองนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันอย่างไรใช้วัสดุอุปกรณ์อย่างไรขั้นตอนการทดลองความคิด
ต่อยอดในการทดลองและข้อมูลเพิ่มเติมทางวิทยาศาสตร์
5
ใบกิจกรรมทดลองและแนวทางการทำโครงงานวิทยาศาสตร์จะเป็นเครื่องมือช่วยครูในการจัดการเรียนการ
สอนแต่ไม่ใช่ “ตำรา”ที่ครูจะต้องทำตามและยึดถืออย่างเคร่งครัดแต่ทางโครงการต้องการจะส่งเสริมให้ครูตอบ
คำถามของเด็ก ช่วยเด็กทำโครงงานและการทดลอง ดังนั้นเนื้อหาของโครงงานจึงควรเน้นหัวข้อเรื่องที่เด็ก
สามารถสัมผัสรับรู้และเข้าใจได้ตลอดจนพยายามให้เด็กรู้จักตั้งคำถามเองแม้ว่าครูต้องเป็นผู้คัดเลือกคำถามใน
ขั้นตอนสุดท้ายครูจึงเป็นผู้ที่คอยกระตุ้นและสนับสนุนให้เด็กให้ค้นพบสิ่งที่น่าสนใจใหม่ๆ และเพิ่มพูนความสนใจ
สำหรับเด็กตลอดจนทำให้พวกเขาเข้าใจปรากฏการณ์และสิ่งแวดล้อมรอบตัวเขามากขึ้น
คำแนะนำ โรงเรียนจะต้องหาวัสดุและอุปกรณ์ในการทำการทดลองเอง แต่ส่วนใหญ่อุปกรณ์
จะเป็นของที่ใช้ในชีวิตประจำวันเช่นหลอดดูกขวดพลาสติกเป็นต้น
นักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรพี่เลี้ยง
สำนักงานโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”มีความยินดีที่จะรับการสนับสนุนกิจกรรมจาก
องค์กรต่างๆ โดยการสนับสนุนเหล่านี้จะเป็นแรงจูงใจและจุดประกายให้เด็กๆ ได้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศทาง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีองค์กรสนับสนุนหรือผู้สนับสนุนสามารถกำหนดได้เองว่าจะสนับสนุนอะไรบ้าง เช่น
ช่วยตอบคำถามและให้ความรู้แก่ของครู ไปเยี่ยมโรงเรียนอนุบาล เพื่อเล่าชีวิตการทำงานให้คำแนะนำเกี่ยวกับ
การทดลองเพิ่มเติมทำงานร่วมกับครูในการทำการทดลองพร้อมๆ กับเด็กและช่วยบันทึกโครงงาน โดยการ
ถ่ายรูปบันทึกวีดีโอ เป็นต้น เราอาจพบผู้สนใจจะอาสาเป็นผู้สนับสนุนได้ในสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยบริษัทหรือ
พิพิธภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานที่เกษียณแล้วตลอดจนพ่อแม่ของเด็กๆ ในโรงเรียนอนุบาลที่เข้าร่วม
โครงการ โดยโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”จะจัดเตรียมเอกสารข้อมูลโครงการเพื่อใช้ในการ
ติดต่อหาผู้ที่จะมาเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรพี่เลี้ยง
การรับรอง “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย” ในโรงเรียนอนุบาล
โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย” เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1ปี
การศึกษาและได้นำกิจกรรมทดลองไปใช้ในการเรียนการสอนจำนวน 20 การทดลองมีการทำโครงงาน
วิทยาศาสตร์อย่างน้อย2 โครงงานสามารถกรอกแบบฟอร์มยื่นผลการดำเนินงานเสนอต่อผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น
เพื่อขอรับเกียรติบัตรว่าเข้าร่วมโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทสไทย”อย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นผู้นำ
เครือข่ายท้องถิ่นจะส่งต่อเอกสารทั้งหมดไปยังสำนักงานโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย” เพื่อ
พิจารณารับรองผลการดำเนินงานของโรงเรียนแต่แห่งและมอบ“เกียรติบัตร”และ “ตราบ้านนักวิทยาศาสตร์
น้อย”ให้กับโรงเรียนเหล่านั้นซึ่งการรับรองนี้จะมีผลสองปีนับตั้งแต่วันที่ได้รับเกียรติบัตร
เว็บไซต์
เว็บไซต์ของโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย” คือwww.littlescientists.com ซึ่งมีราย
ละเอียดของโครงการและข้อมูลที่จำเป็นสำหรับครูผู้ปกครองนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นและ
วิทยากรตัวอย่างเช่นมีคำอธิบายเกี่ยวกับการทดลองทุกการทดลองสำหรับครูภาพรวมในการทำงานของผู้นำ
6
บทที่ 1
เครือข่ายท้องถิ่นและปฏิทินกิจกรรม โดยในหัวข้อ 3.1 ของคู่มือนี้จะให้ข้อมูลสั้นๆ เกี่ยวกับบริการต่างๆ บน
เว็บไซต์
1.3 แผนผังองค์กร โครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ประกอบด้วยสำนักงานโครงการและผู้นำเครือข่าย
ท้องถิ่นซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยงานประสานระหว่างสำนักงานโครงการกับโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนอนุบาลทั่ว
ประเทศจึงมีโอกาสทราบข้อมูลกิจกรรมของโครงการผ่านผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นในพื้นที่ของตน
แต่ละเครือข่ายจะมีโรงเรียนอนุบาลในความดูแลประมาณ 30 แห่ง
สำนักงานโครงการ
“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”
หน่วยงานผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น
โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนอนุบาล
หน่วยงานผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น หน่วยงานผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น
หน้าที่ของโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย
สำนักงานโครงการจะมีหน้าที่ผลักดันและดูแลโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ในภาพ
รวมโดยมีทีมงานจะดูแลกำกับทิศทางโครงการทั้งประเทศให้เป็นไปตามนโยบายมีการนำข้อมูลที่ได้รับรายงาน
มาปรับปรุงและพัฒนากิจกรรมอย่างต่อเนื่องสร้างกิจกรรมและหลักสูตรใหม่ๆ และรวบรวมผลดำเนินงาน
โครงการให้เป็นภาพรวมเดียวกันสำนักงานโครงการยังปฏิบัติหน้าที่เสริมคือ เป็นผู้ประสานงานของผู้นำเครือข่าย
ท้องถิ่น รวมทั้งติดตามและประเมินประสิทธิภาพของกิจกรรมโครงการในโรงเรียนอนุบาลทุกแห่งที่เข้าร่วม
โครงการ
หน้าที่ของโครงการได้แก่
สร้างและพัฒนารูปแบบของการอบรมเชิงปฏิบัติการ:ในช่วงโครงการนำร่องสำนักงานโครงการจะ
เป็นผู้พัฒนารูปแบบของการอบรมเชิงปฏิบัติการและนำไปใช้ในการฝึกอบรมวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นและจะได้
พัฒนารูปแบบโดยอ้างอิงจากประสบการณ์ของผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นต่อไป
อบรมวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่น:ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นแต่ละแห่งจะแต่งตั้งวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่น
(LocalTrainers:LT)ของตนจำนวน2คน โดยวิทยากรหลัก (CoreTrainers)จากโครงการจะเป็นผู้จัดการ
อบรมเชิงปฏิบัติการให้ทั้งในเรื่องของกระบวนการเรียนการสอน เนื้อหาและเทคนิคการสอนการทำกิจกรรม
วิทยาศาสตร์กับเด็กซึ่งวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นสามารถให้คำแนะนำเรื่องการอบรมแก่วิทยากรหลักได้ตลอดทั้งป ี
7
สื่อการเรียนการสอน:สำนักงานโครงการมีหน้าที่พัฒนาและผลิตสื่อการเรียนการสอนสำหรับโรงเรียน
อนุบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบกิจกรรมทดลองและกล่องนักวิทยาศาสตร์น้อยที่เก็บรักษาใบกิจกรรมทดลอง
นอกจากนี้สำนักงานโครงการยังรับผิดชอบการจัดพิมพ์คู่มือผู้อบรมแผ่นพับสำหรับนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงหรือ
เอกสารประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ในหัวข้อ2.4จะเป็นภาพรวมเกี่ยวกับเอกสารต่าง ๆ ที่มีไว้ให้โรงเรียนอนุบาลและผู้นำ
เครือข่ายท้องถิ่นและกระบวนการขั้นตอนจัดส่งเอกสาร
การจัดส่งเอกสาร: สำนักงานโครงการจะจัดส่งเอกสารที่จำเป็นไปยังผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น ซึ่งจะ
แจกจ่ายเอกสารไปยังโรงเรียนอนุบาลที่อยู่ในเครือข่ายต่อไป
นักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยง: โครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย” เปิดรับอาสาสมัครเพื่อ
ทำงานในโรงเรียนอนุบาลแต่ละแห่ง โดยทำหน้าที่ในบทบาทของนักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรพี่เลี้ยงในการให้คำ
แนะนำเรื่องการประชาสัมพันธ์และเชิญชวนผู้ที่สนใจมาสนับสนุนโครงการ
ดูแลและพัฒนาเว็บไซต์: www.littlescientists.comมีข้อมูลกิจกรรมการทดลองและข้อมูลเกี่ยวกับ
โครงการและปฏิทินกิจกรรมซึ่งผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นสามารถใช้เว็บไซต์ในการเสนอผลงานของตนเองสามารถ
ประชาสัมพันธ์กิจกรรมได้ด้วย
งานประชาสัมพันธ์: โครงการมีหน้าที่รณรงค์ให้สังคมเห็นถึงความสำคัญของโครงการบ้านนัก
วิทยาศาสตร์น้อยและดูแลภาพลักษณ์ของโครงการที่ปรากฏสู่สายตาสาธารณชนทั่วประเทศอย่างเป็นเอกภาพ
เช่นการจัดงานแถลงข่าวและ/หรือส่งข่าวประชาสัมพันธ์ให้สื่อมวลชนเมื่อมีการก่อตั้งผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นใหม่
(LocalNetwork)ท่านสามารถติดต่อขอข้อมูลประชาสัมพันธ์ได้ที่โครงการ
สร้างเครือข่าย:การประชุมเครือข่ายทำให้ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”สามารถเชื่อมโยง
เครือข่ายและแลกเปลี่ยนคณะกรรมการกันได้ตลอดเวลา
เสริมความแข็งแกร่งทางวิชาการ: “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ร่วมมือกับนักวิชาการนัก
วิจัยการศึกษาและผู้เชี่ยวชาญสาขาอื่น ๆ รับประกันความถูกต้องน่าเชื่อถือของเนื้อหาในโครงการและกิจกรรม
บทบาทของผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น
ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น (LocalNetworks) เป็นหน่วยงานหลักของโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย
ประเทศไทย” ในภูมิภาคต่างๆ มีหน้าที่ดูแลโรงเรียนอนุบาลที่เข้าร่วมโครงการซึ่งจะเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่าง
สำนักงานโครงการและโรงเรียนอนุบาลต่างๆ ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะเป็นที่พบเจอและทำงานร่วมกันของผู้มี
บทบาทในแวดวงการศึกษาที่หลากหลายเช่นชุมชนเจ้าของโรงเรียนอนุบาลโรงเรียนอนุบาลแต่ละแห่งสถาบัน
ศึกษาและสถาบันการฝึกอบรม โรงเรียนอาชีวศึกษาบุคคลที่สนใจพิพิธภัณฑ์และศูนย์วิทยาศาสตร์ต่างๆ
บริษัทและมูลนิธิต่างๆ สถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยภาระงานอย่างหนึ่งของผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นคือพยายาม
เชื่อมโยงให้มีการทำงานในหลายๆ องค์กรสร้างเครือข่ายโรงเรียนอนุบาลทุกแห่งที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมและ
สร้างเครือข่ายอาสาสมัครที่สนใจทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการได้
ในบบที่ 2จะอธิบายบทบาทของผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นอย่างละเอียดอีกครั้งต่อไปนี้เป็นภาพรวมภาระ
หน้าที่ของผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น
การหาโรงเรียนอนุบาล: ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นรับผิดชอบเรื่องการประสานงานและจัดการบริหาร
กิจกรรมต่างๆ ที่โรงเรียนอนุบาลเข้าร่วมในช่วงต้นของการดำเนินการควรจะมีโรงเรียนอนุบาลอย่างน้อย30แห่ง
8
บทที่ 1
ที่แสดงความสนใจเข้าร่วมโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”สำนักงานโครงการจะสนับสนุน
หน่วยงานผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นในการหาโรงเรียนอนุบาลเพิ่มขึ้น โดยการจัดทำเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ
และร่างจดหมายเพื่อการติดต่อกับโรงเรียนอนุบาลโดยท่านสามารถแจ้งให้โรงเรียนเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม
ได้ที่เว็บไซต์www.littlescientists.com
คัดเลือกวิทยากร:ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะแต่งตั้งวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นเพื่อจัดอบรมให้แก่ครู โดย
ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะพิจารณาแต่งตั้งบุคลากรที่เหมาะสมและสามารถจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการในระยะยาว
ได้วิทยากรควรมีความรู้ด้านการเรียนการสอนสำหรับเด็กปฐมวัยและวิทยาศาสตร์มีประสบการณ์ทำงานกับเด็ก
และการจัดอบรมสำหรับครูอนุบาลซึ่งผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นแต่ละแห่งจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนของการ
อบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับครูในเครือข่ายของตน
การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับครู: ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะเป็นผู้จัดกิจกรรมการอบรมเชิง
ปฏิบัติการให้ครูของโรงเรียนอนุบาลตามข้อกำหนดทั้งการอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่ 1 และการอบรมเชิง
ปฏิบัติการขั้นที่2 โดยผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะเป็นผู้กำหนดเวลาและสถานที่และเชิญครูมาเข้าร่วมการอบรมใน
การอบรมแต่ละครั้งโรงเรียนอนุบาลต้องส่งครูเข้าร่วมการอบรมอย่างน้อย2คน เพื่อนำความรู้ไปใช้ในระยะยาว
ยกเว้นในโรงเรียนอนุบาลที่มีขนาดเล็กมากจึงอนุญาตให้มีครูที่เข้าร่วมการอบรมต่ำกว่าที่กำหนดไว้ได้ผู้เข้าอบรม
เชิงปฏิบัติการในแต่ละครั้งจะมีจำนวนตั้งแต่10-15คนและมากที่สุด20คนและทุกๆ ปีจะมีการจัดอบรมเชิง
ปฏิบัติการเฉพาะทางขึ้นอีกหนึ่งครั้ง เพื่อถ่ายทอดเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพิ่มเติม
การส่งมอบสื่อและเอกสารประกอบการเรียนการสอน:สำนักงานโครงการจะจัดสื่อและเอกสาร
ประกอบการเรียนการสอนสำหรับโรงเรียนอนุบาลได้แก่กล่องนักวิทยาศาสตร์น้อยใบกิจกรรมทดลอง,แนวทาง
การสำหรับทำโครงงานคู่มือครูแผ่นพับประชาสัมพันธ์แบบฟอร์มต่างๆ เพื่อใช้ในการทำงานของผู้นำเครือข่าย
ท้องถิ่นหน้าที่ของหน่วยงานประสานงานเครือข่ายคือการประสานงานเพื่อขอสื่อและเอกสารการเรียนการสอนที่
จำเป็นในโครงการสำหรับไปแจกจ่ายครูผู้สอนสำหรับการจัดอบรม
ติดต่อนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรพี่เลี้ยง: โครงการปรารถนาอย่างยิ่งให้โรงเรียนอนุบาลแต่ละแห่ง
มีนักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรพี่เลี้ยงอย่างน้อย1คน เพื่อช่วยเหลือครูในการถ่ายทอดเนื้อหาวิทยาศาสตร์แก่เด็ก
วิธีการคือการไปเยี่ยมเยียนโรงเรียนอนุบาลที่ตนเองเป็นพี่เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอโดยเว้นระยะเวลาอย่างเหมาะสม
ช่วยกระตุ้นครู ช่วยตอบปัญหาและทำการทดลองร่วมกับเด็กผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะร่วมกับโรงเรียนอนุบาล
ค้นหานักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรพี่เลี้ยงจากผู้ปกครองหรือมหาวิทยาลัยสถาบันวิจัยหรือบริษัทต่างๆ ในท้องถิ่น
ของตน
เข้าร่วมกิจกรรมเทศกาลบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย: งานนี้จะจัดขึ้นปีละ1ครั้งตาม
คำแนะนำ เพื่อการแจกจ่ายสื่อและเอกสารประกอบการเรียนการสอน
เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการจัดพิมพ์สูงหน่วยงานผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น
ควรดูแลให้มีการใช้สื่อและเอกสารอย่างประหยัดและประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยสื่อและเอกสารประกอบการเรียนการสอนดังกล่าวจะไม่ได้รับอนุญาต
ให้นำไปจำหน่ายต่อหรือใช้เพื่อการพาณิชย์ใด ๆ ทั้งสิ้น
9
กำหนดการที่สำนักงานโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย” เป็นผู้กำหนดซึ่งทางโครงการจะ
ประชาสัมพันธ์ให้ทราบล่วงหน้างานนี้มีความสำคัญมากและเป็นโอกาสดีที่ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้มาพบเจอกัน
ดังนั้นผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นและโรงเรียนอนุบาลที่เข้าร่วมโครงการไม่ควรพลาดเข้าร่วมงานนี้เป็นอย่างยิ่ง
จัดกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติมให้โรงเรียนอนุบาล: โครงการมีความยินดีให้ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจัดหา
กิจกรรมเพิ่มเติมให้ครู เด็กและผู้ปกครองด้วยตนเองซึ่งอาจจะเป็นการอบรมหรือสัมมนาเพิ่มเติมการจัดประชุม
โดยสม่ำเสมอ วันที่มีกิจกรรมทดลองร่วมกันหรือวันนัดพบผู้ปกครอง โดยกิจกรรมเหล่านี้ต้องไม่ขัดแย้งกับ
แนวทางหลักของ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”
การประเมินคุณภาพและรับรองโรงเรียนอนุบาลเป็น “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”:ผู้นำเครือข่าย
ท้องถิ่นจะร่วมประเมินคุณภาพการอบรม เอกสารการทำงานและการรับรองโรงเรียนอนุบาลโดยจะสุ่มตรวจสอบ
ความสมบูรณ์ของเอกสารที่จำเป็นต่อการรับรองและส่งมอบต่อให้สำนักงานโครงการผู้มอบใบเกียรติบัตรรับรอง
ให้โรงเรียนอาจเป็นผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นหรือผู้สนับสนุนของโรงเรียนอนุบาลจากนั้นทางผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะ
รายงานต่อสำนักงานโครงการปีละครั้ง เกี่ยวกับสถานภาพและผลการดำเนินงานของโรงเรียนอนุบาลที่เข้าร่วม
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการประเมินดูได้ในหัวข้อ2.8
งานประชาสัมพันธ์: ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นสามารถดำเนินการประชาสัมพันธ์กิจกรรมโครงการได้
และแจ้งให้พื้นที่ชุมชนท้องถิ่นได้รับทราบเกี่ยวกับกิจกรรมโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”
นอกจากนี้เครือข่ายยังสามารถหานักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรพี่เลี้ยงได้ในท้องถิ่นขอความอนุเคราะห์จากหน่วย
งานต่างๆ และประชาสัมพันธ์กิจกรรมผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นควรแจ้งให้สำนักงานโครงการทราบเกี่ยวกับกิจกรรม
ประชาสัมพันธ์ของเครือข่ายตนและส่งตัวอย่างมาเป็นหลักฐาน
1.4 ค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมและระบบการเงินของเครือข่าย
ค่าใช้จ่ายในการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ
ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นมีหน้าที่จัดกิจกรรม“การอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่ 1”และ“การอบรมเชิงปฏิบัติการ
ขั้นที่ 2”สำหรับครูในหัวข้อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามมาตรฐานที่อธิบายมาแล้วก่อนหน้านี้ นอกจากนี้
อาจจะจัดอบรมเพิ่มเติมประจำปีมีการส่งมอบและแจกจ่ายสื่อการเรียนการสอนหมั่นไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนที่
เข้าร่วมโครงการอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งมีการประเมินคุณภาพและเข้าร่วมงานเทศกาลนักวิทยาศาสตร์น้อย
ประเทศไทย
ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นสามารถริเริ่มสร้างสรรค์จัดกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้นได้อย่าง
ไม่มีขอบเขตจำกัดไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจจกรรมการทดลองยามบ่ายสำหรับเด็กวันนัดพบผู้ปกครองหรือร่วมมือ
กับสถาบันวิทยาศาสตร์ในท้องถิ่นในการไปเยี่ยมชมห้องทดลอง โรงงานบำบัดน้ำเสียหรือโรงงานไฟฟ้า เป็นต้น
ซึง่ชว่งเวลาทีเ่หมาะสำหรบัการจดัอบรมเชงิปฏบิตักิารขัน้ที่1และขัน้ที่2ใหก้บัโรงเรยีนอนบุาลประมาณ30แหง่
จะใช้เวลาประมาณ20วันทำการในปีแรกและระยะเวลาสำหรับการจัดงานอบรมเพิ่มเติมจะใช้เวลาประมาณ
2-3วันวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นต้องเผื่อเวลาสำหรับการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการทั้งสองครั้งนี้สำหรับโรงเรียน
อนุบาล30แห่งไว้รวมทั้งหมดประมาณ16วันและวิทยากรต้องใช้เวลาเตรียมงานการอบรมแต่ละครั้งเพิ่มขึ้นอีก
8วันหากผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นใดดูแลโรงเรียนอนุบาลมากกว่า30แห่งก็ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
10
บทที่ 1
การจัดการระบบการเงินของเครือข่ายท้องถิ่น
สำนักงานโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากหน่วย
งานสนับสนุนในรูปเงินบริจาคหรือการบริจาควัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งงบประมาณเหล่านี้นำมาเป็นค่าจัดเตรียมสื่อ
การสอนและเอกสารสำหรับโรงเรียนอนุบาลและเป็นค่าอบรมให้แก่วิทยากรเครือข่ายท้องถิ่น (Local Trainer)
เนื่องจากสำนักงานโครงการไม่ได้มีงบประมาณให้กับผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นดังนั้นจึงขอแนะนำให้ท่านหาผู้
สนับสนุนหรือพันธมิตรสำหรับเครือข่ายท้องถิ่นของท่านซึ่งท่านอาจจะขอการสนับสนุนในรูปของเงินบริจาคหรือ
วัสดุอุปกรณ์ก็ได้ส่วนเจ้าหน้าที่ประจำของผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะรับทำหน้าที่ให้กับเครือข่ายอื่นด้วย ในกรณี
ที่มีหลายๆ เครือข่ายท่านสามารถดูรายละเอียดแนวทางในการหาเงินสนับสนุนเพิ่มเติมในท้องถิ่นได้ในบทB-10
(“การระดมทุน”)
โรงเรียนอนุบาลจะได้รับสื่อการเรียนการสอนในรูปของใบกิจกรรมการทดลองและกล่องนักวิทยาศาสตร์
น้อย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดรวมทั้งแนวทางการทำโครงงานวิทยาศาสตร์สำหรับวัสดุอุปกรณ์ในการ
ทำการทดลองส่วนใหญ่เป็นสิ่งของที่พบเห็นในชีวิตประจำวันและสามารถหาได้ง่ายจึงแทบไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วน
นี้ค่าใช้จ่ายของแต่ละเครือข่ายท้องถิ่นขึ้นอยู่กับค่าสาธารณูปโภคพื้นฐานที่มีอยู่แล้วของแต่ละเครือข่ายซึ่งค่าใช้
จ่ายหลักมักจะเป็นค่าสถานที่สำหรับจัดอบรมค่าตอบแทนวิทยากรค่าอาหารสำหรับผู้เข้าอบรมค่าไปรษณีย์และ
ค่าจัดส่งเอกสารแต่เราสามารถลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ด้วยการใช้วิธีง่ายๆ ดังนี้
ค่าใช้จ่าย วิธีลดค่าใช้จ่าย
ค่าตอบแทนวิทยากร ใช้บุคลากรที่มีอยู่แล้ว
ค่าอาคารสถานที่ ขอสปอนเซอร์หรือหาพันธมิตรเพิ่ม
จัดอบรมเพิ่มเติมในโรงเรียนอนุบาลโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยที่เหมาะสม
ค่าอุปกรณ์อาหาร
และเครื่องดื่ม
ให้ผู้เข้าร่วมนำแก้วพลาสติก,ภาชนะแก้วมาที่งานเอง
ขอสปอนเซอร์ด้านอุปกรณ์
เก็บค่าวัสดุอุปกรณ์จากผู้เข้าอบรมตามจริง
ค่าใช้จ่ายสำนักงานอื่นๆ ให้โรงเรียนอนุบาลเป็นผู้ไปรับใบกิจกรรมทดลองใหม่จากสำนักงานโครงการ
สื่อสารกับโรงเรียนอนุบาลผ่านทางอีเมล์
เบิกค่าใช้จ่ายบางส่วนกับโครงการ(เฉพาะที่เบิกได้)
โครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ไม่ได้จัดสรรงบประมาณสำหรับค่าตอบแทนวิทยากรให้
กับผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นดังนั้นจึงขอให้ทางผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณาและรับผิดชอบเรื่องค่าตอบแทน
วิทยากรตามความเหมาะสม(รายละเอียดการขอสปอนเซอร์จากบริษัทท้องถิ่นได้ในหัวข้อ2.10)
11
1.5 แนวทางการเรียนการสอน
หลักสูตรอบรมเพิ่มเติมและเอกสารประกอบการเรียนการสอนของโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”
ได้พัฒนาและดำเนินการตามแนวทางการสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน (co-construction)และการประเมิน
การคิดของเด็ก (metacognition)หัวข้อวิทยาศาสตร์ต่างๆ ถูกนำมากลั่นกรองในรูปของวิธีทำการทดลองและข้อ
เสนอโครงงานที่ครูจะนำมาใช้สอนได้แนวคิดนี้ได้รับการพัฒนาโดยความร่วมมือของศ.ดร.วาซิลิออสฟเธนาคิด
และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับมูลนิธิDeutschenTelekomดอยท์เชอ เทเลคอมโดยอิงแผนการศึกษาของรัฐ
ต่างๆ ในเยอรมนีแนวคิดนี้มีจุดมุ่งหมายนอกเหนือไปจากการถ่ายทอดความเชื่อมโยงกันของวิทยาศาสตร์แล้วยัง
ต้องการพัฒนานิสัย (ท่าที)การเรียนพื้นฐานด้านบวกในเด็กและส่งเสริมการสร้างแนวคิดทางบวกด้วยตัวเองใน
ฐานะผู้เรียน
กระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน (co-construction):สภาวะแวดล้อมของการเรียนรู้แบบco-constructionจะ
นำไปสู่การเรียนรู้ร่วมกันในการทำงานจริงที่เด็กจะสามารถนำไปเชื่อมโยงความหมายกับโลกของตัวเองได้ เด็ก
และครูจะร่วมกันสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันแนวคิดconstructivismกล่าวว่า เด็กคือผู้เริ่มสร้างความรู้ของ
ตัวเองแนวคิดนี้ได้รับการพัฒนาต่อไปโดยพวก social constructivism (co-construction) ซึ่งเน้นการปฏิ
สัมพันธ์ทางสังคมระหว่างบุคคลว่าเป็นกุญแจหลักไปสู่การสร้างความรู้และสาระสำคัญ(เป้าหมาย)ซึ่งให้ความ
สำคัญกับการเรียนรู้ผ่านการทำงานร่วมกันการวิจัยความหมายผ่านเด็กๆ และลดการเรียนแต่ความรู้ข้อเท็จจริง
ล้วนๆ กระบวนการศึกษาแบบนี้นำไปสู่ข้อสันนิษฐานดังต่อไปนี้ :
เด็กมีศักยภาพ
เด็กน่าจะสามารถพัฒนาศักยภาพของตนได้
เด็กต้องเรียนรู้ศักยภาพใหม่ๆ
แนวคิดเกี่ยวกับการถ่ายทอดความรู้ที่ใช้แต่การถ่ายโอนความรู้จากผู้มีประสบการณ์ไปสู่ผู้เรียนหรือการทำ
กิจกรรมของผู้เรียนฝ่ายเดียวรวมทั้งการสร้างความรู้ด้วยตัวเองนั้น ไม่เหมาะกับยุคสมัยอีกต่อไปและพิสูจน์ให้
เห็นในอดีตแล้วว่าไม่ได้ผลผลจากการวิจัยยืนยันว่าการเรียนแบบco-constructionจะนำไปสู่ผลการเรียนรู้ที่ดี
กว่าวิธีเรียนรู้แบบค้นพบด้วยตัวเองหรือด้วยการให้แต่ละบุคคลสร้างความหมายด้วยตัวเอง (ดูเปรียบเทียบ
Crowley&Siegler,1999)
เด็กเรียนรู้ผ่านการทำงานร่วมกับเด็กด้วยกันและผู้ใหญ่ผ่านคำอาจจะเป็นของคนอื่นผ่านการสืบค้นและ
คิดทบทวนด้วยตัวเอง เนื้อหาใหม่ๆ ที่เด็กพบอยู่ในชีวิตประจำวันเป็นประจำจะถูกนำมาศึกษาและประกอบ
(เชื่อมโยง)ร่วมกัน เด็กจะเรียนรู้มุมมองหลายๆ มุมเพื่อจะแก้ปัญหาร่วมกันผู้อื่นแลกเปลี่ยนความคิดและนำไป
สู่การเปิดโลกทัศน์ของตัวเองให้กว้างขึ้น
เพื่อจะส่งเสริมการหาความรู้ เด็กจะได้รับการสนับสนุนให้เก็บสังเกตและอธิบายข้อมูลตัวเลขและคำ
อธิบายต่างๆ ไปสอบถามผู้อื่นซึมซับความรู้ที่กลั่นกรองมาแล้วและทบทวนแต่เนื่องจากความรู้ที่ได้ไม่ใช่ความรู้
ข้อเท็จจริงล้วนๆ อย่างที่อธิบายมาแล้วเบื้องต้นแต่การค้นหาความหมายของแต่ละคน เด็กๆ จึงได้รับการ
สนับสนุนให้พัฒนาความคิดของตัวเองและแสดงออกแลกเปลี่ยนความคิดและอภิปรายกับผู้อื่นผู้ใหญ่ไม่ได้มี
บทบาทเป็นผู้สอนในชุมชนเรียนรู้นี้ แต่มีหน้าที่ช่วยสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกับเด็กครูจะร่วมกันแก้ปัญหา
พร้อมกับเด็กถ่ายทอดความหมายและความเข้าใจในสิ่งต่างๆ อภิปรายและพูดคุยเรื่องเหล่านี้กับเด็กการเรียน
12
บทที่ 1
รู้ความหมายร่วมกันของผู้ใหญ่และเด็กจะช่วยให้เด็กมองเห็นว่าการเรียนรู้ร่วมกันนั้นน่าตื่นเต้นและสร้างผลดี
มากมายเพียงใด
เด็กได้เรียนรู้ว่าพวกเขาสามารถแบ่งปันความหมายอภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดให้กันและกันได้
ความเข้าใจของพวกเขาจะขยายและลึกซึ้งขึ้นและเด็กได้เรียนรู้ว่า โลกสามารถอธิบายได้หลายแบบปรากฏ-
การณ์และปัญหาต่างๆ ก็สามารถแก้ไขได้หลายวิธีเช่นกัน
กระบวนการเรียนรู้แบบco-constructionจำเป็นต้องอาศัยเงื่อนไขบางอย่าง/หลากหลายในตัวเด็กและครู
เพื่อจะตอบสนองกระบวนการเรียนรู้แบบco-construction เด็กจำเป็นต้องพัฒนาทัศนคติในแง่บวกต่อตัวเองมา
ก่อนแล้วความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเองจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจะได้สามารถกล้าเสนอและยืนยันความคิดและวิธี
มองของตัวเองต่อผู้อื่นได้ นอกจากนี้ เด็กยังต้องสามารถสื่อสารทั้งทางคำพูดและท่าทางกับผู้อื่นได้เหมาะสมตาม
วัย เพื่อจะแสดงความคิดของตัวเองได้
ครูต้องมองและยอมรับเด็กในฐานะผู้ร่วมสร้างความรู้และวัฒนธรรมให้ได้ครูควรให้กำลังใจเด็กเสมอใน
การปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมซึ่งทำให้ครูต้องพร้อมจะสนทนาและสื่อสารกับเด็กต้องสามารถตั้งคำถามและ
คิดทบทวนกระบวนการเรียนรู้ของตัวเองและของเด็กอีกทั้งมีความกล้าที่จะนำคำถามเปิดเผยของตัวเองเข้ามาใช้
ในกระบวนการด้วย
แนวคิด co-construction จะต้องคำนึงถึงเรื่องวัฒนธรรมความแตกต่างทางเพศและเด็กที่มีความ
ต้องการพิเศษ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้มีส่วนในกระบวนการอย่างเท่าเทียมกันครูจะต้องเอาใจใส่และยอมรับทั้งการ
แสดงออกด้วยคำพูดและท่าทางแม้แต่แสดงออกโดยความเงียบของเด็กก็ถือเป็นวิธีการหนึ่งในกระบวนการเรียน
รู้เช่นกัน
เรียนรู้ผ่านโครงงาน (project approach) (Katz & Cuard, 1989)
โครงงานถูกมองเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของหลักสูตรการสอนปฐมวัยแต่ไม่ใช่ในฐานะวิธีการเรียนที่
ละเอียดครอบคลุม โครงงานไม่ใช่รูปแบบการสอนใหม่ในการเรียนการสอนขั้นปฐมวัยและมีหน้าที่ช่วยเติมเสริม
การเรียนการสอนปกติมากกว่า โครงงานคือการศึกษาหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งในระยะยาวซึ่งตามหลักแล้วเป็นหัวข้อที่
ทั้งกลุ่มหรือกลุ่มย่อยเลือกมาศึกษาในการทำโครงงานจำเป็นต้องมีทักษะและศักยภาพทางปัญญาความรู้และ
สังคมมากมายด้วยวิธีนี้เด็กสามารถเรียนความรู้ใหม่แนวคิดใหม่ในหลายสาขากิจกรรมที่อาจทำระหว่างโครง
งานได้แก่การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสังเกตสอบถามทดลองเด็กอาจวาดรูประบายสี เล่าและบันทึกความรู้
ที่รวบรวมมา
สิ่งที่สำคัญในการทำโครงงานคือการกำหนดหัวข้อการเลือกโครงงานต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์บางอย่าง
และได้รับการพิจารณามาอย่างละเอียดดีแล้ว โครงงานต้องทำให้เด็กได้ใช้ความพยายามค้นคว้าวิจัยด้วยตัวเอง
ครูจะร่างโครงงานแบบco-constructionไปพร้อมกับเด็กครูและเด็กจะช่วยกันพิจารณาว่าต้องตอบคำถามอะไร
บ้างทำการทดลองอะไรและต้องทำอะไรนอกเหนือจากนี้หรือไม่ และจะบันทึกกระบวนการทั้งหมดอย่างไร
ดังนั้นหัวข้อกว้างๆ อย่าง “น้ำ”จึงไม่เหมาะกับการศึกษาแต่ควรจะแบ่งเป็นสาขาย่อยที่มีความสำคัญกับเด็ก
ซึ่งมีที่มาและคัดเลือกจากโลกที่เด็กรู้จักหัวข้อโครงงานจึงอาจเป็น “ระบบน้ำประปาในครัวเรือนหรือวงจรน้ำ”
การศึกษาหัวข้อโครงงานที่เด็กสนใจจะเป็นโอกาสทำให้เด็กเข้าใจความรู้สึกที่ได้คิดทบทวนความรู้และค้นพบด้วย
13
ความพยายามของตนเอง ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานความพร้อมในการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้แก่เด็กข้อดีอีกอย่าง
ของการเลือกหัวข้อที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในชีวิตเด็กคือ เด็กจะสามารถใช้ประสบการณ์และความคิด
ของตัวเองในการทำโครงงานได้ดีกว่าทำหัวข้อแปลกๆ ที่ไม่รู้จัก
ยิ่งเด็กอายุน้อย เขาจะยิ่งสร้างความรู้ผ่านกระบวนการที่เน้นการปฏิบัติและมีปฏิสัมพันธ์ เด็กจะได้รับความ
รู้มากมายจากการลงมือทำด้วยตัวเองจากประสบการณ์ตรงและจากปฏิสัมพันธ์ เนื้อหาโครงงานจึงควรมุ่งเน้น
เรื่องทันสมัยหรือเรื่องที่เด็กน่าจะสนใจแม้ว่าสุดท้ายครูจะเป็นผู้คัดเลือกหัวข้อก็ตามครูสามารถสนับสนุนเด็กให้
ค้นพบความสนใจในสาขาใหม่และส่งเสริมความสนใจนั้น เป็นการช่วยให้เด็กเข้าใจสิ่งแวดล้อมของเขาได้มากขึ้น
เด็กเล็กจะไม่แยกความคิดอ่านและความสนใจตามสาขาวิชาดังนั้นโครงงานจึงควรมีลักษณะเป็นสหวิชาที่
ประสานวิชาต่างๆ เข้าด้วยกัน
Katz & Chord (1989)กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้ในการเลือกเนื้อหาโครงงานไว้ดังนี้
หัวข้อโครงงานต้องสามารถสังเกตได้โดยตรงในสิ่งแวดล้อม(ในโลกความจริง)ของเด็ก
เด็กบางคนหรือเด็กส่วนใหญ่(ตามแต่หัวข้อ)เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ มาแล้ว
เด็กสามารถศึกษาค้นคว้าหัวข้อนี้ได้ด้วยตัวเอง(โดยไม่เกิดอันตรายใดๆ )
ทรัพยากรต้องมีอยู่ในท้องถิ่นอย่างเหมาะสมและหาได้ง่ายอยู่แล้ว
หัวข้อโครงงานสามารถปรับให้เข้ากับสื่อนำเสนอได้หลายรูปแบบ(เช่นเล่นละครวาดภาพการทดลองฯลฯ)
ผู้ปกครองสามารถมีส่วนร่วมได้
หัวข้อโครงงานสามารถนำไปบูรณาการกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและทั่วๆ ไปได้
หัวข้อควรเป็นที่สนใจของเด็กในกลุ่มให้ได้มากที่สุดหรือเป็นหัวข้อที่ครูเห็นว่าเหมาะที่จะนำไปพัฒนาต่อยอด
โครงงานต้องสอดคล้องกับเป้าหมายของหลักสูตรการศึกษา
ต้องเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ทักษะพื้นฐาน(ขึ้นอยู่กับอายุของเด็ก)
ต้องกำหนดขอบเขตหัวข้อโครงงานให้ชัดเจนเช่นไม่หนักเกินไปและไม่คลุมเครือเกินไป
โครงงานจะแบ่งออกเป็นหลายระยะ(ระยะเริ่มต้นหรือเตรียมตัวระยะดำเนินการและระยะคิดทบทวน)
Metacognition – เด็กเรียนรู้ที่จะเรียน
ในการพัฒนาศักยภาพในการเรียนอย่างครบวงจรจะมีการพูดถึงระดับในการรู้คิดในการทดลองบ่อยมาก
วิธีการรู้คิดดูจะเป็นแนวทางเหมาะสมที่จะให้เด็กได้มีศักยภาพในการเรียนอย่างเป็นระบบตั้งแต่วัยเด็กซึ่งก็คือ
ศักยภาพที่ส่งเสริมการเรียนหรือรับความรู้กระบวนการเรียนรู้ไม่ได้ถูกมองเป็นเพียงการรับความรู้เท่านั้นแต่เป็น
รูปแบบที่ไม่หยุดนิ่งของการสร้างความรู้สิ่งสำคัญไม่ใช่แต่การเรียนหน่วยความรู้แยกกันแต่เป็นการเรียนความรู้ที่
จัดระเบียบแล้ว“อย่างชาญฉลาด”ด้วยวิธีนี้ เด็กจะสามารถเรียนทั้งเนื้อหาและการเรียนรู้ได้ด้วย
การรู้คิดหมายถึงความรู้ของผู้เรียนเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองรู้ สิ่งที่ตัวเองค้นพบและวิธีหาความรู้ของตนเองผู้
เรียนจะตระหนักถึงความรู้การค้นพบและกลวิธีการเรียนของตัวเอง
14
บทที่ 1
การตั้งคำถามที่มาจากชีวิตจริงในชีวิตประจำวันหรือในแต่ละกรณีเป็นสิ่งสำคัญในการเรียนแทนขั้นตอน
สำเร็จรูปการสร้างความรู้ร่วมกันมีความสำคัญในขณะที่การถ่ายทอดความรู้ลดความสำคัญน้อยลงตั้งแต่ใน
ช่วงปฐมวัย เราก็สามารถแนะนำเด็กให้กลวิธีและเทคโนโลยีแบบรู้คิดนักการศึกษาปฐมวัยชาวสวีเดนอินกริด
พรามลิงศึกษาวิธีการใช้แนวทางแบบรู้คิดในโรงเรียนอนุบาลคำถามว่าเด็กเรียนอย่างไร เด็กคิดอะไรและเด็ก
เรียนรู้อย่างไรทำให้เธอเกิดความคิดว่า เด็กตั้งแต่ปฐมวัยสามารถคิดทบทวนโดยความช่วยเหลือของครูว่าพวกเรา
เรียนรู้และเรียนอย่างไร เพื่อจะส่งเสริมศักยภาพการเรียนรู้ เด็กเรียนรู้จากการลงมือทำเองจากประสาทสัมผัส
จากการคิดไตร่ตรองและจากการฝึกฝน เด็กคิดว่าหลายเรื่องที่ครูสอนทุกวันในโรงเรียนอนุบาลไม่ใช่การเรียน
ความสนุกและแรงจูงใจของเด็กเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับการเรียนแต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการเรียนรู้อย่างมี
ประสิทธิภาพ เด็กต้องเข้าใจความหมายเบื้อหลังกิจกรรมต่างๆ ด้วย
ปัญหาของการเรียนในโรงเรียนอนุบาลอยู่ที่เด็กไม่สามารถเชื่อมโยงกระบวนการเรียนรู้ในโรงเรียนเข้ากับ
โลกภายนอกได้ซึ่งสาเหตุอาจเป็นเพราะความรู้และความเข้าใจดั้งเดิมของเด็กไม่ถูกนำมาเชื่อมโยงกับสิ่งที่เรียน
เด็กมักจะคิดว่าการเรียนคือการลงมือทำและมองเนื้อหาที่ครูถ่ายทอดด้วยคำพูดไม่ใช่การเรียนแนวคิดการเรียน
ของเด็กและครูจึงมักไม่สอดคล้องกันการจัดการเรียนแบบรู้คิดมีเป้าหมายคือให้เด็กพัฒนาความเข้าใจต่อ
ปรากฏการณ์ในโลกรอบตัวและให้พวกเขาตระหนักว่าสิ่งที่ต้องเรียนรู้คือจะได้ศักยภาพเกี่ยวกับวิธีการเรียนได้
อย่างไร
เพื่อจะสร้างกระบวนการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพจะต้องศึกษาสามแง่มุมคือ เนื้อหาโครงสร้างเนื้อหา
และกระบวนการเรยีนรู้ ในทางปฏบิตัจิรงิหมายความวา่ปรากฏการณใ์นโลกรอบตวัทกุอยา่งทีต่อนแรกเดก็อาจมอง
เป็นเรื่องธรรมดาล้วนแล้วสามารถนำมาเป็นหัวข้อศึกษาได้ ไอเดียและความคิดต่างๆ ของเด็กต่อปรากฏการณ์จะ
ถูกนำมาใช้ทำเป็นหัวข้อและใช้ประโยชน์บรรยากาศจะมุ่งเน้นการเรียนและไม่เน้นผลงาน โครงสร้าง (ของ
หัวข้อ)ควรจะทำให้เด็กมองเห็นความสัมพันธ์ทั้งหมดแต่ละแง่มุมของหัวข้อจะถูกนำมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันกับ
ความรู้ที่กว้างขึ้นทำให้สามารถมองเห็นความเชื่อมโยงที่ซับซ้อนการรับรู้ระบบที่ซับซ้อนอาจทำให้เด็กเกิดคำถาม
มากขึ้นซึ่งอาจนำไปสู่การทำโครงงานใหม่ต่อไป
เมื่อจบโครงงานจะมีการสรุปเนื้อหาและกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งอาจทำในรูปการจัดบอร์ดบันทึกภาพถ่าย
งานฉลองจบโครงงานการแสดงจากกลุ่มอื่นๆ และ/หรือของผู้ปกครองสิ่งสำคัญในระยะคิดทบทวนคือ เด็กจะ
ต้องตระหนักว่าพวกเขาเรียนอะไรไปและได้รับความรู้เหล่านี้มาด้วยวิธีใดนอกจากการพูดคุยแล้ว เราสามารถ
บันทึกกระบวนการเรียนรู้ได้ด้วยการบันทึกเอกสารซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้เด็กได้บันทึกประสบการณ์ของตัวเองได้
แต่ยังเป็นการกระตุ้นครูให้คิดไตร่ตรองเกี่ยวกับโครงงานของตัวเอง เป้าหมายการเรียนที่กำหนดมาก่อนหน้านี้จะ
ถูกทบทวนและตรวจสอบอีกครั้ง นอกจากนี้ผู้ปกครองยังได้รับโอกาสที่จะทำความเข้าใจกระบวนการของโครง
งานด้วย
การใช้แนวทางรู้คิดนำไปสู่การเปลี่ยนแนวคิด “การเรียนคือการลงมือทำ”กลายเป็น “การเรียนคือการรู้”
เด็กจะสามารถพัฒนาแนวการเรียนรู้ของตัวเองและปรับตัวเข้ากับสิ่งใหม่ๆ ได้ เด็กจะพัฒนาเทคนิคการตีความมี
การส่งเสริมให้เด็กตระหนักถึงกระบวนการเรียนรู้แนวทางการรู้คิดจะนำไปสู่ความเข้าใจหัวข้อศึกษาที่ลึกซึ้งขึ้น
และจะนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของการเรียนอย่างเป็นระบบ
15
การหาแนวทางนี้มาใช้มีข้อจำกัดตรงที่เด็กจำเป็นต้องเรียนรู้กลวิธีที่จะประเมินตัวเองและการกระทำของตัว
เองเหมือนตัวเองเป็นคนควบคุมให้ได้ก่อนพวกเขาจำต้องเรียนการใช้ความรู้ที่ได้มาและสามารถถ่ายทอดความรู้
ได้ เด็กจะสามารถแก้ปัญหาที่มีพื้นฐานจากประสบการณ์ตัวเองและการพัฒนาด้านการเรียนรู้ของพวกเขาเท่านั้น
ซึ่งหมายความว่าการจัดการเรียนตามแนวทางรู้คิดซึ่งมีเป้าหมายส่งเสริมความรับรู้เกี่ยวกับการเรียนจะสามารถ
ทำได้กับเด็กตั้งแต่ประมาณ5ขวบขึ้นไป เด็กเล็กกว่าก็สามารถได้ประโยชน์จากโครงสร้างของโครงงานแต่อาจ
จะไม่สามารถทบทวนการกระทำของตัวเองจากแง่มุมระดับประเมินตัวเองได้
สรุปแนวทาง
เด็กและครูช่วยกันสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน (co-construction)
ก. ครูจะร่วมหาไอเดียและกระบวนการพร้อมกับเด็ก
ข. เด็กเรียนรู้ร่วมกันและแลกเปลี่ยนความคิด
ค. การทดลองไม่ได้จำกัดเป็นเพียง“การทำตาม”การทดลอง
เด็กรู้ตัวว่าพวกเขากำลังเรียน เรียนเรื่องอะไร และเรียนอย่างไร (metacognition)
ก. ครูและเด็กไม่ได้ศึกษาแต่เนื้อหาและกิจกรรมแต่ศึกษากระบวนการเรียนรู้ด้วย
ข. ปรากฏการณ์มีที่มาจากโลกของเด็กและนำไปสอดใส่ในความเชื่อมโยงที่ซับซ้อน
ค. การบันทึกกิจกรรมจะช่วยส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของเด็ก
1.6 ผู้สนับสนุนโครงการ
หน่วยงานร่วมดำเนินการได้แก่มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาบริษัทนานมีบุ๊คส์จำกัดและสถาบัน
ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
หน่วยงานสนับสนุนโครงการ ได้แก่ สถาบันเกอเธ่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สำนักงานงานเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดที่นำร่องสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.)
องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.)บริษัทB.GRIMGROUPบริษัทในเครือซีพีและกลุ่มบริษัท
การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยจำกัด(มหาชน)
1.7 ติดต่อสอบถาม
โครงการ "บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย"มีหน้าที่จัดทำแผนและแนวทางสำหรับการเรียนการสอน
ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยรวมถึงการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนการประเมินคุณภาพนอกจากนี้จะมี
เจ้าหน้าที่จากโครงการไปติดต่อกับผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นและติดตามผลการอบรมต่างๆ ทั้งจากที่โครงการ "บ้าน
นักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย" เป็นผู้จัดเองและหน่วยงานผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นเป็นผู้จัดขึ้น
16
บทที่ 1
ถ้าท่านมีคำถามต่างๆ เกี่ยวกับโครงการอาทิเช่น
การจัดการอบรมในท้องถิ่น
รายละเอียดโครงการนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยง
อุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอน
การประชาสัมพันธ์ต่างๆ
การจัดอบรมครู
รายละเอียดการอบรมและเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
การประเมินคุณภาพ
ทีมงานโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทยมีความเต็มใจเป็นอย่างยิ่งที่จะตอบข้อสงสัยต่างๆ
ของท่านนอกจากนี้ท่านสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของโครงการที่ www.littlescientists
.com ซึ่งมีรายชื่อเจ้าหน้าที่โครงการซึ่งพร้อมให้คำแนะนำแก่ท่านและที่อยู่ติดต่อ
โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย
อาคารนานมีบุ๊คส์เฮ้าส์
เลขที่11สุขุมวิท31(สวัสดี)ถนนสุขุมวิท
แขวงคลองเตยเหนือเขตวัฒนากรุงเทพฯ10110
โทร.0-2662-3000 โทรสาร.0-2662-0919
e-mail:[email protected]
17
บทบาทของผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น
ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น (Local Network: LN) เป็นหน่วยงานหลักของโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์
น้อย ประเทศไทย” ตามภูมิภาคต่างๆ โดยจะนำกิจกรรมต่างๆ จากโครงการไปสู่โรงเรียนในเครือข่าย
ซึ่งในบทนี้จะอธิบายถึงบทบาทของผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นอย่างละเอียด
หากมีคำถามเพิ่มเติม ท่านสามารถสอบถามได้โดยตรงได้ที่สำนักงานโครงการ “บ้านนัก
วิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย”
2.1 ชักชวนโรงเรียนอนุบาลให้เข้าร่วมโครงการ
ประสานงาน ติดต่อ และให้ข้อมูล
ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะรับผิดชอบในการประสานงานและติดต่อโรงเรียนอนุบาลในภูมิภาคนั้นๆ ให้เข้าร่วม
โครงการ โดยเครือข่ายแต่ละเครือข่ายควรดูแลโรงเรียนอนุบาลที่เข้าร่วมโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย
ประเทศไทย”อย่างน้อย30แห่งขณะเริ่มโครงการเครือข่ายท้องถิ่นสามารถให้ข้อมูลแก่ชุมชนเกี่ยวกับกิจกรรม
ของ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ขอทราบที่อยู่ของผู้รับผิดชอบหรือชักชวนบุคลากรจากหน่วยงาน
เด็กเยาวชนหรือสังคมให้เข้ามามีส่วนร่วมและต้องวางแผนงานด้วยว่าจะขยายเครือข่ายหรือสร้างเครือข่ายใหม่
อย่างไรท่านจะแจ้งข้อมูลให้ผู้อุปถัมภ์โรงเรียนอนุบาลที่มีอยู่มากมายทราบด้วยวิธีการใดและเชิญชวนให้พวกเขา
เข้ามามีส่วนร่วมในเครือข่ายท้องถิ่นของท่านได้อย่างไรท่านสามารถหานักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรพี่เลี้ยงที่จะมา
ช่วยเหลือครูในโรงเรียนอนุบาลได้จากที่ไหน นอกจากนี้ท่านอาจร่วมกับพันธมิตรพัฒนากิจกรรมอื่นๆ ให้โรงเรียน
อนุบาล เช่นจัดวันทัศนศึกษาแต่ก่อนที่จะมาถึงขั้นนี้ท่านควรรอให้การจัดตั้งผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นเสร็จสมบูรณ์
เสียก่อนหมายความว่ามีโรงเรียนอนุบาลเข้าร่วมโครงการครบตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้เสียก่อน
ในช่วงเริ่มต้นผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นควรประสานงานกับโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”
ให้โรงเรียนอนุบาล30แห่งตอบรับเข้าร่วมโครงการเสียก่อนและในการก่อตั้งเครือข่ายควรแจ้งข่าวให้สื่อท้องถิ่น
ทราบด้วย
คำแนะนำ โครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ได้จัดทำเอกสารที่หลากหลาย
เพื่อช่วยท่านในการจัดตั้งผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น (LocalNetwork:LN) โดยเป็นข้อมูล
เบื้องต้นให้แก่หน่วยงานอื่นๆ เช่นชุมชน เจ้าของ โรงเรียนอนุบาล เป็นต้นและเรามี
แผ่นพับข้อมูลประชาสัมพันธ์มอบให้ด้วย นอกจากนี้ โครงการยังมีจดหมายข่าวเพื่อเป็น
ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการสำหรับโรงเรียนอนุบาล
18
บทที่ 2
การรวบรวมข้อมูลโรงเรียนที่สมัครเข้าร่วมโครงการ
ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายท่านควรทำการบันทึกรายชื่อของโรงเรียนอนุบาลและครูที่เข้าร่วมโครงการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรบันทึกใบตอบรับการเข้าร่วมโครงการและการอบรมเชิงปฏิบัติการด้วย รวมทั้งติดตาม
สถานการณ์การทำงานของโรงเรียนอนุบาลแต่ละแห่งและรายงานในภาพรวมของผลการดำเนินโครงการใน
เครือข่ายของท่านให้สำนักงานโครงการรับทราบปีละ1ครั้ง รวมทั้งจำนวนของโรงเรียนอนุบาลที่เข้าร่วมความ
ก้าวหน้าในการดำเนินงานตามหัวข้อต่างๆ ในสถาบันแต่ละแห่งและแผนการรณรงค์สำหรับปีถัดไปโดยการจัด
ทำระบบการบันทึกข้อมูลลงในตารางโดยใช้โปรแกรมExcel เอกสารประชาสัมพันธ์
ทีมงาน“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ได้รวบรวมแฟ้มงานและจัดทำเอกสารประชาสัมพันธ์ไว้
ให้ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นแต่ท่านควรแจกเอกสารอย่างมีเป้าหมายที่แน่นอนซึ่งหากมีปัญหาประการใดหรือ
ต้องการเอกสารอะไรเพิ่มเติมท่านสามารถติดต่อสำนักงานโครงการได้ตลอดเวลา
ขั้นตอนการจัดตั้งผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น (Local Network)
เริ่มแรกคือสอบถามข้อมูลรายละเอียดกับสำนักงานโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”หาโรงเรียนอนุบาลที่มีแนวโน้มจะเข้าร่วมติดต่อโรงเรียนอนุบาลเหล่านั้นและให้ข้อมูลเกี่ยวกับ “บ้านนัก
วิทยาศาสตร์น้อย”
ประสานงานและติดต่อหน่วยงานอื่น ๆ (ชุมชนหน่วยงานเยาวชนผู้อุปถัมภ์โรงเรียนอนุบาล)
หากเป็นไปได้ ควรจัดทำรายชื่อผู้ที่สามารถติดต่อเป็นนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงและความร่วมมืออื่น ๆ
(พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์บริษัทต่าง ๆ มหาวิทยาลัยสถาบันวิจัย)
บันทึกและเก็บข้อมูลใบสมัครของโรงเรียนอนุบาลที่เข้าร่วมโครงการและหากเป็นไปได้ควรบันทึกลงใน
โปรแกรมExcel (ชื่อผู้รับผิดชอบที่อยู่ครูที่เข้าร่วมโครงการเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ)
หาวิทยากรที่มีศักยภาพติดต่อแต่งตั้งและแจ้งรายชื่อรวมทั้งประวัติให้สำนักงานโครงการทราบ ทำข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานโครงการให้เสร็จสมบูรณ์แจ้งวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่น (LocalTrainer) เกี่ยวกับการอบรม train-the-trainer โดยวิทยากรหลัก
(CoreTrainer)โดยตกลงเรื่องกำหนดการเข้าร่วมและการส่งเอกสารใบตอบรับ
หลังจากรับการอบรม train-the-trainer ร่วมกับวิทยากรหลักจากนั้นก็ตกลงเรื่องกำหนดการสำหรับการ
จัดอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่1สำหรับครู
หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนดำเนินงานต่อ ๆ ไปให้โรงเรียนอนุบาลที่เข้าร่วม(แจ้งกำหนดการอบรมเชิง
ปฏิบัติการครั้งแรกเงื่อนไขการตอบรับฯลฯ)
จัดซื้อวัสดุอุปกรณ์สำหรับการอบรมเชิงปฏิบัติการเพิ่มเติมจัดทำข่าวประชาสัมพันธ์การก่อตั้งเครือข่ายท้องถิ่น (โดยปรึกษากับโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย
ประเทศไทย”และส่งข่าวไปยังสื่อต่าง ๆ )
19
2.2 หน้าที่และการคัดเลือกวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่น การคัดเลือก
หน้าที่ของผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นได้แก่การค้นหาบุคลากรที่มีความสามารถ2คน (ไม่รวมทีมงาน)และ
มอบหมายให้เป็นวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่น (LocalTrainers)อบรมครูในภูมิภาคท่านสามารถตั้งเป้าว่าจะมี
วิทยากร2คนสำหรับโรงเรียนอนุบาล30แห่งและ3คนสำหรับโรงเรียนอนุบาล50แห่งและ4คนสำหรับ
โรงเรียนอนุบาล70แห่ง
“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”จะรับหน้าที่อบรมวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นผู้ที่เหมาะสมกับ
หน้าที่ควรมีความรู้ด้านการสอนปฐมวัยและวิทยาศาสตร์มีประสบการณ์สอนจริงกับเด็กและมีประสบการณ์ด้าน
การศึกษาผู้ใหญ่ซึ่งอาจจะเป็น
ที่ปรึกษาเฉพาะด้านของหน่วยงานเยาวชนและเจ้าของโรงเรียนอนุบาลหรือวิทยากรจากสถาบันการสอน
มหาวิทยาลัยเปิด เป็นต้น
เจ้าหน้าที่การศึกษาพิพิธภัณฑ์จากพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีหรือวิทยาศาสตร์
นักวิทยาศาสตร์หรือนักการศึกษา
ครูเกษียณอายุ
ในบางกรณีเจ้าของโรงเรียนอนุบาลชุมชนหรือพิพิธภัณฑ์อาจพร้อมจะให้เจ้าหน้าที่ของตนมาทำหน้าที่
เป็นวิทยากรในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งทางเลือกอื่นที่ท่านสามารถเสาะหาวิทยากรได้ก็คือการติดต่อผ่านคณะ
ครุศาสตร์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสมาคมครูมหาวิทยาลัยต่างๆ สถาบันวิจัยหรือบริษัทต่างๆ
สิ่งที่สำคัญคือ วิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นควรจะมีแรงจูงใจและความพร้อมที่จะทำงานสูงติดตัวมาด้วย
วิทยากรควรพร้อมจะอบรมครูอย่างสม่ำเสมอในช่วงเวลาอย่างน้อยสองปี เนื่องจากเครือข่ายที่มั่นคงจะนำโรงเรียน
อนุบาลแห่งใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ก่อนอื่นท่านควรพูดคุยคำถามเหล่านี้กับผู้ที่คาดว่าจะเป็นวิทยากร
วิทยากรจะเตรียมและนำการสัมมนาสำหรับครู (ประมาณ50-60คน)ด้วยตนเองได้หรือไม่และเคยอยู่ใน
สถานการณ์ที่ต้องทำหน้าที่เป็นวิทยากรหรือไม่
วิทยากรสามารถถ่ายทอดความสนุกในการทำการทดลองและค้นคว้าให้กับครูที่มีท่าทีไม่มั่นใจในเรื่อง
วิทยาศาสตร์ได้หรือไม่
วิทยากรจะสามารถนำแนวทางการเรียนการสอนของ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”มาใช้ใน
การอบรมครูซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์มากและนำการสนทนาเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้หรือไม่
“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ได้พัฒนาแบบฟอร์มประวัติเพื่อหาข้อมูลล่วงหน้าของบุคคลที่จะ
มาทำงานร่วมกับโครงการ นอกจากนี้เรายังสามารถเตรียมจัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้เข้ากับภูมิหลังที่แตกต่างกัน
ของผู้เข้าอบรมได้ดีขึ้นท่านสามารถส่งแบบฟอร์มประวัติมาพร้อมกับเอกสารตกลงร่วมงานมาที่สำนักงาน“บ้าน
นักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ข้อมูลต่างๆ จะถูกเก็บเป็นความลับและไม่มีการส่งต่อไปยังบุคคลที่สาม
20
บทที่ 2
คำแนะนำในการจ่ายค่าตอบแทนวิทยากร
ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะเป็นผู้ตกลง/ต่อรองเรื่องค่าตอบแทนวิทยากรและเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
เนื่องจากสำนักงานโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ไม่ได้จัดสรรงบประมาณให้ในส่วนนี้
หน้าที่ของวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่น
หน้าที่ของวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นคือการอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่ครูจากโรงเรียนอนุบาลตามหลักสูตรที่
พัฒนาขึ้นโดย“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย” โดยในแต่ละครั้งมีครูเข้าร่วมประมาณ50-60คนโดยการอบรมเชิง
ปฏิบัติการขั้นที่ 1 จะใช้ระยะเวลา1 วันส่วนการอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่ 2 ใช้เวลาอบรมอย่างน้อยครึ่งวัน
เพื่อให้เนื้อหาของการอบรมได้นำไปใช้ในระยะยาวโรงเรียนอนุบาลแต่ละแห่งจึงควรส่งครูมาเข้าร่วมอบรมจำนวน
2คน
รูปแบบการอบรมเชิงปฏิบัติการ
การอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่ 1
หลักสูตรอบรมจำนวน1วันที่พัฒนาขึ้นโดยโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้น
ความสนใจของครูในเรื่องวิทยาศาสตร์ โดยเน้นถ่ายทอดแนวทางการเรียนการสอนและอบรมการทดลองในหัวข้อ
แรกเรื่องคือ“น้ำ
การอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่ 2
ประมาณ3 เดือนหลังจากการอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่1ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ
ขั้นที่ 2ขึ้นซึ่งใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวัน โดยเนื้อหาของการอบรมนั้นให้มีส่วนของการอภิปรายเกี่ยวกับประสบ-
การณ์ของครูจากโรงเรียนอนุบาลต่างๆ ที่ได้นำความรู้จากการอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่ 1 ไปใช้ในการเรียนการ
สอนและเรียนรู้การทดลองหัวข้อที่สองคือเรื่อง“อากาศ”
การอบรมเชิงปฏิบัติการเฉพาะทาง
ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเฉพาะทางเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย1ครั้งทุกปี เพื่อถ่ายทอด
ความรู้ใหม่ๆ ให้แก่ครูปี โดยหัวข้อการอบรมควรสอดคล้องกับแนวทางของ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศ
ไทย”
ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะเป็นผู้แต่งตั้งวิทยากรส่วนสำนักงานโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศ
ไทย”จะรับหน้าที่อบรมวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่น ซึ่งได้จัดทำคู่มือวิทยากรให้กับผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นวิทยากร
เครือข่ายท้องถิ่นส่วนการอบรม train-the-trainerใช้เวลาหลายวันและมีการส่งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานใหญ่ไป
สังเกตการณ์และช่วยเหลือในการอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งแรกวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นจะได้รับเอกสารการ
ทำงานอื่นๆ อีก เช่นชุดโปสเตอร์สำหรับจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ นอกจากนี้ทางสำนักงานโครงการบ้านนักวิทยา-
ศาสตร์น้อยประเทศไทยจะเป็นผู้ดูแลวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นโดยจัดให้มีการประชุมวิทยากรอย่างสม่ำเสมอ
วิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นจะเป็นผู้กำหนดและจัดหาอุปกรณ์ที่ใช้ในการอบรมเชิงปฏิบัติการ โดยผู้นำ
เครือข่ายท้องถิ่นเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นซึ่งในบางครั้งผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นก็สามารถเรียกเก็บ
ค่าใช้จ่ายจากผู้เข้าอบรมได้ตามความเหมาะสม
21
2.3 การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ
หน้าที่ของเครือข่ายท้องถิ่นคือการวางแผนงานสัมมนาและเตรียมจัดงาน เครือจ่ายจะปรึกษากับผู้อบรม
เพื่อกำหนดเวลาและสถานที่ เชิญครูและส่งใบตอบรับ
กำหนดการ
ผู้ประสานงานเครือข่ายพร้อมผู้อบรมจะกำหนดเวลาฝึกอบรมบุคลากรครู อย่าลืมว่าต้องวางแผนระยะยาว
เพื่อให้ครู โดยเฉพาะในโรงเรียนเล็กๆ สามารถจัดเวลามาเข้ารับการอบรมได้โรงเรียนจะได้ไม่มีปัญหาในการขาด
ผู้สอนดังนั้นจึงควรแจ้งโรงเรียนอนุบาลล่วงหน้าก่อนวันสัมมนาอย่างน้อย8สัปดาห์ เพื่อให้การจัดการอบรม
ประสบความสำเร็จและควรระวังไม่ให้มีจำนวนผู้เข้ารับการอบรมเกิน15คนหรือสูงสุด20คน
สถานที่จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ
ในการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับผู้เข้าอบรมจำนวน50-60คนวิทยากรสามารถช่วยผู้นำเครือข่าย
ท้องถิ่นเลือกสถานที่ได้โดยอธิบายถึงความต้องการอย่างละเอียด เช่นควรมีก๊อกน้ำพื้นผิวล้างออกหรือทำความ
สะอาดได้ง่ายพื้นไม่ควรปูพรมระบายอากาศได้ดี เป็นต้นหรืออาจจะไปขอใช้ห้องจัดอบรมสัมมนาของหน่วย
งานต่างๆ เช่น โรงเรียนมหาวิทยาลัยหน่วยงานราชการก็ย่อมทำได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะเห็น
สมควรหรือพิจารณาแล้วว่าเหมาะสม
เคล็ดลับ
สำหรับการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่1ซึ่งจัด1วันเต็มนั้น นอกจากจัดเตรียมอาหารว่างแล้วท่านควร
คิดถึงเรื่องสถานที่รับประทานอาหารกลางวันของผู้เข้าอบรมด้วยซึ่งอาจเป็นโรงอาหารใกล้ๆ มิฉะนั้นคุณควร
แจ้งครูก่อนล่วงหน้าว่าพวกเขาต้องจัดเตรียมอาหารกลางวันเอง
ผู้เข้าอบรมเชิงปฏิบัติการ
ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นมีหน้าที่รับผิดชอบเชิญครูมาเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการแจ้งกำหนดการและสถานที่
ล่วงหน้า เพื่อให้โรงเรียนอนุบาลมีเวลาอย่างน้อย8สัปดาห์ ในการจัดการเรียนการสอนเมื่อครูมาเข้าร่วมการ
อบรมในขณะเดียวกันทางผู้จัดงานก็จะได้มีเวลาบันทึกใบตอบรับและส่งจดหมายยืนยันได้ทันเวลาและเก็บ
ข้อมูลผู้เข้าอบรม ไฟล์งานอำนวยความสะดวก
ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นควรจัดทำตารางExcel เพื่อบริหารจัดการโรงเรียนอนุบาลโดยทำตารางที่ช่วยให้ท่าน
สามารถบันทึกข้อมูลการเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการของครูในแต่ละครั้งได้
ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะได้รับแบบฟอร์มเกียรติบัตรสำเร็จรูปจากโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย
ประเทศไทย”ที่ท่านสามารถพิมพ์ชื่อผู้เข้าอบรมและพิมพ์ออกมาได้ทันที
22
บทที่ 2
2.4 เอกสารการทำงาน
โครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย” ได้พัฒนาเอกสารการทำงานสำหรับโรงเรียนอนุบาล
และเอกสารสำหรับงานบริหารของผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น โดยหน้าที่ของผู้นำเครือข่ายท้องถื่นคือประสานงาน
ติดต่อขอรับเอกสารกับทางสำนักงานโครงการและนำไปแจกจ่ายให้วิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นและโรงเรียนอนุบาล
เท่าที่จะทำได้ โรงเรียนอนุบาลไม่ควรติดต่อขอรับเอกสารต่างๆ จากทางสำนักงานโครงการโดยตรง เพราะทาง
โครงการจะส่งเอกสารผ่านทางผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นเท่านั้น
ในส่วนของการปรับปรุงหลักสูตรการอบรมและเอกสารของโครงการอย่างต่อเนื่องผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น
มีหน้าที่ทำแบบสอบถามอย่างสม่ำเสมอโดยเว้นระยะห่างพอสมควรและร่วมประชุมกับทีมงานโครงการ “บ้าน
นักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย” เพื่อแจ้งผลการดำเนินการหรือชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยพิจารณาตามความ
เหมาะสม
เอกสารสำหรับโรงเรียนอนุบาล
ครูจะได้รับชุดอุปกรณ์พื้นฐาน1ชุดต่อโรงเรียนอนุบาล1แห่งในงานอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่ 1 ซึ่ง
ประกอบด้วย กล่องนักวิทยาศาสตร์น้อย ใบกิจกรรมการทดลองหัวข้อน้ำ1ชุดและแฟ้มเอกสารเพื่อขอการ
รับรอง
ใบกิจกรรมการทดลอง: ในแต่ละหัวข้อเรื่อง (เช่นน้ำอากาศหรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์)จะมีการ
ทดลองประมาณ 8-10 การทดลองจัดพิมพ์ขนาดประมาณA4และเคลือบพลาสติกอย่างดี โดยวิทยากร
เครือข่ายท้องถิ่นจะมอบใบกิจกรรมการทดลองชุดแรกคือเรื่อง “น้ำ” ให้ครูในการอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่ 1
และมอบชุดที่สองคือเรื่อง“อากาศ”ในการอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่ 2ซึ่งผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะติดต่อขอรับใบ
กิจกรรมการทดลองในหัวข้อต่อๆไปจากสำนักงานโครงการอย่างสม่ำเสมอโดยเว้นระยะห่างพอสมควร และจะส่ง
ต่อใบกิจกรรมการให้โรงเรียนอนุบาลที่เข้าร่วมต่อไป
แนวทางการทำโครงงาน: นอกจากใบกิจกรรมการทดลองโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศ
ไทย”ยังได้จัดทำแนวทางการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ให้ด้วยการทำโครงงานนั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะการทดลอง
อย่างเดียว แต่จะกระตุ้นเด็กให้ตั้งคำถามกับปรากฏการณ์ที่พบเห็นในประจำวันด้วย และคิดทบทวน
ประสบการณ์การเรียนรู้ของตัวเองแต่ทางโครงการก็ต้องการสนับสนุนจากครูที่จะพัฒนาโครงงานของท่านเองโดย
ใช้การสังเกตจากชีวิตประจำวันของเด็ก นอกจากนี้ท่านยังสามารถเสนอโครงการที่ได้จากประสบการณ์จริงของ
ครูได้อีกด้วย
กล่องนักวิทยาศาสตร์น้อย:คือกล่องใช้เก็บใบกิจกรรมการทดลองครูจะได้รับกล่องนักวิทยาศาสตร์
น้อยพร้อมใบกิจกรรมการทดลองชุดแรกในการอบรมเชิงปฏิบัติขั้นที่1
แฟ้มเอกสารขอการรับรอง: โรงเรียนอนุบาลสามารถยื่นเรื่องขอการรับรองฐานะเป็น “บ้านนัก
วิทยาศาสตร์น้อย”ได้ที่ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น เมื่อเข้าร่วมการอบรมการอบรมเชิงปฏิบัติการทั้งสองครั้งแล้วและมี
หลักฐานยืนยันว่าได้ทำการทดลอง20ครั้งและทำโครงงาน2โครงงาน
23
เอกสารสำหรับผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น
แผ่นพับประชาสัมพันธ์โครงการ:ในแผ่นพับนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมายและภาระหน้าที่ของโครงการ
ซึ่งท่านสามารถแจกแผ่นพับนี้ให้กับผู้ที่สนใจเช่นผู้ปกครองหน่วยงานที่อาจเครือข่ายพันธมิตร เป็นต้น)
แฟ้มการบริหารเครือข่าย: “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ได้จัดทำข้อมูลในรูปแบบไฟล์งาน
Excelที่จะช่วยในการประสานงานเครือข่ายท่านสามารถบันทึกข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโรงเรียนอนุบาลที่เข้าร่วม
โครงการนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นซึ่งจะช่วยให้ท่านมองเห็นภาพรวมสถานะของเครือข่าย
ได้ตลอดเวลา
แบบฟอร์มจดหมายทั่วไป: เป็นแบบฟอร์มจดหมายทั่วไปที่ท่านสามารถนำไปปรับใช้ได้ด้วยการเติม
ข้อมูลติดต่อและนำไปใช้ในการออกจดหมาย
แบบฟอร์มสั่งเอกสารและสื่อการเรียนการสอน: เป็นแบบฟอร์มสำหรับผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นเพื่อใช้
ในการส่งเอกสารและสื่อการเรียนการสอนกับ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”จึงขอความร่วมมือว่าใน
การติดต่อทุกครั้งโปรดใช้แบบฟอร์มนี้ และส่งทางโทรสาร 0-2662-0919หรือทางอีเมล littlescientists@
nanmeebooks.com
จดหมายเชิญเข้าร่วมการอบรมเชิงปฏิบัติการ: แบบฟอร์มจดหมายเชิญเข้าร่วมการอบรมและ
แบบสอบถาม
จดหมายยืนยันตอบรับการเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ: ผู้ประสานงานเครือข่ายสามารถใช้แบบ
ฟอร์มจดหมายนี้เพื่อแจ้งยืนยันตอบรับการเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการของครูได้
จดหมายถึงผู้ปกครอง: แบบฟอร์มจดหมายเพื่อแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโครงการและข้อมูลรายละเอียด
การเป็นนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยง
แฟ้มงานแถลงข่าว: เครือข่ายท้องถิ่นสามารถขอแฟ้มงานแถลงข่าวเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับพันธมิตร
เจ้าของโรงเรียนอนุบาลหรือสื่อได้ที่ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”
เอกสารสำหรับวิทยากร
หลังจากโครงการนำร่อง “บ้านนักวิทยาศาสตร์ประเทศไทย” ได้รับทราบรายชื่อของวิทยากรเครือข่าย
ท้องถิ่นที่จะทำหน้าที่อบรมครูสำนักงานโครงการจะส่งคู่มือวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นฉบับล่าสุดไปให้ทันที โดยมี
เงื่อนไขว่าวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นทุกคนต้องอ่านคู่มือมาก่อนเข้ารับการอบรมจากวิทยากรหลักคู่มือนี้จะมีการ
ปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยตลอดเวลาและทางสำนักงานโครงการจะสั่งส่วนแก้ไขเพิ่มเติมไปให้วิทยากรเครือข่าย
ท้องถิ่นโดยอัตโนมัต ิ
คำแนะนำสำคัญ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการพิมพ์เอกสารค่อนข้างสูงผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจึง
ควรใช้เอกสารให้มีประสิทธิภาพที่สุด เอกสารที่จัดเตรียมโดยโครงการไม่สามารถนำ
ไปจำหน่ายหรือใช้เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ
24
บทที่ 2
สรุปคำแนะนำสำหรับกระบวนการสั่งเอกสาร ใช้แบบฟอร์มทุกครั้งที่สั่งเอกสาร
เราจะส่งคู่มือวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นให้แก่ทุกคนทันที เมื่อได้รับการยืนยันจากผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น
หลังจากผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นยืนยันกำหนดการอบรมเชิงปฏิบัติการก็สามารถจัดอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่
1 ได้ในทันทีและหลังจากผ่านการอบรมครั้งแรกแล้ววิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นจะมีความสามารถในการ
จัดอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่2ได้เป็นอย่างดี
วิทยากรควรสั่งอุปกรณ์พื้นฐานจากสำนักงานโครงการเรียบร้อยอย่างน้อย14วันก่อนวันที่จะจัดอบรมเชิง
ปฏิบัติการ โรงเรียนอนุบาลทุกแห่ง (ไม่ใช่ครูทุกคน!)จะได้รับอุปกรณ์พื้นฐานจากวิทยากรในวันอบรมเชิง
ปฏิบัติการ
วิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นจะแจกใบรับรองการเข้าร่วมอบรมให้แก่ครูในการอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งที่ 2
ซึ่งครูทุกคนจะได้ใบรับรอง2ฉบับฉบับแรกสำหรับการเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งที่ 1และอีกฉบับ
สำหรับการเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งที่ 2 ดังนั้น วิทยากรจึงต้องเตรียมแบบฟอร์มเปล่า2ฉบับ
สำหรับครู1คน บทบาทของนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยง นอกจากนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของครูแล้วบทบาทที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการ
หาโอกาสไปเยี่ยมโรงเรียนอนุบาลในเครือข่ายของตนเพื่อทำการทดลองร่วมกับเด็กหรือเล่าประสบการณ์ในการ
ทำงานของตนให้เด็กๆฟังหรือชักชวนเด็กๆให้ไปเที่ยวยังที่ทำงานของตนหรือเข้าร่วมงาน“วันนัดพบผู้ปกครอง”
(parents’night) โดยนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงสามารถพิจารณาได้เองว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมไหนถึงระดับใดซึ่งควร
จะตกลงกับโรงเรียนอนุบาลให้ชัดเจนตั้งแต่เริ่มเข้ารับหน้าที่นี้และนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงควรจะต้องตกลงกับครู
ในการทำกิจกรรมแต่ละกิจกรรมล่วงหน้าก่อนเสมอ
การสรรหานักวิทยาศาสตรพ์ี่เลี้ยง
หน่วยงานที่ท่านสามารถติดต่อหาผู้ที่สนใจจะมาเป็นนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงได้นั้น ได้แก่มหาวิทยาลัย
สถาบันวิจัยบริษัทต่างๆ หรือพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เป็นต้นบุคคลเหล่านั้นอาจจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือพนักงานใน
ปัจจุบันหรือพนักงานที่เกษียณอายุแล้ว นอกจากนี้ผู้ปกครองที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน
สนับสนุนก็สามารถเป็นนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงได้ ไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอนตายตัวในการคัดเลือกนักวิทยาศาสตร์
พี่เลี้ยงแต่ควรจะเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์หรือรู้จักกับนักวิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะสามารถตอบคำถามของ
ครูได้นักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงไม่จำเป็นต้องตอบคำถามทุกข้อได้ในทันทีแต่สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
และติดต่อกับโรงเรียนอนุบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้จากประสบการณ์ของโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยใน
ประเทศเยอรมนีพบว่านักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงจะทุ่มเทแรงกายและแรงใจมากที่สุดเมื่อลูกของตัวเองเรียนอยู่ใน
โรงเรียนอนุบาลแห่งนั้น ดังนั้นทางสำนักงานโครงการจึงเตรียม“จดหมายถึงผู้ปกครอง” เพื่อแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับ
การเป็นนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงให้ผู้ปกครองทราบ ปกติพ่อแม่และผู้ปกครองมักพร้อมที่จะเป็นนักวิทยาศาสตร์
พี่เลี้ยงหากนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงไม่ได้มีความสัมพันธ์กับโรงเรียนอนุบาลนั้นๆ เมื่อจะมีการมอบหมายงานท่านก็
ต้องชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ให้ครบถ้วน
25
ต่อไปนี้คือตัวอย่างวิธีการประชาสัมพันธ์เพื่อหานักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงของผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นแห่งหนึ่ง
ในประเทศเยอรมนี
ที่มา:หนังสือพิมพ์MagdeburgerVolkstimme27072007
พาดหัวข่าว–นักวิทยาศาสตร์น้อย2,700คนฝันอยากมี “นักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงที่จะมาช่วยเรา”
2.5 เทศกาลบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย
โครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”จะจัดงานสำหรับโรงเรียนอนุบาลต่างๆ ที่เข้าร่วม
โครงการขึ้นเป็นประจำทุกปี นั่นคืองาน “เทศกาลบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ซึ่งทางสำนักงาน
โครงการจะแจ้งรายละเอียดและประชาสัมพันธ์ให้ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นทราบล่วงหน้า โดยภายในงานจะเน้นจัด
กิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการทดลองทางวิทยาศาสตร์นิทรรศการด้านการเรียนการ
สอนการสัมมนา เป็นต้นกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้ครูและเด็กๆ รู้สึกชอบวิทยาศาสตร์และยังเป็น
โอกาสดีที่ผู้ปกครองนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงหน่วยงานดำเนินการและหน่วยงานสนับสนุนต่างๆ ได้มาพบเจอกัน
เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการที่ผ่านมาว่ามีสิ่งใดบ้างที่ต้องปรับปรุงแก้ไข
2.6 กิจกรรมเพิ่มเติมและการสร้างเครือข่าย
ตามที่ได้อธิบายไปในบทก่อนหน้านี้แล้วว่ากิจกรรมหลักของโครงการคือการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ
การจัดเตรียมเอกสารทำงานดำเนินการหานักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงจัดทำเว็บไซต์และจัดงาน“เทศกาลบ้านนัก
วิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นสามารถจัดกิจกรรมอื่นๆ นอก
เหนือจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้นได้ตามแต่ที่ท่านจะเห็นสมควรได้ทางโครงการไม่จำกัดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
ของท่านแต่อย่างใด
ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับกิจกรรมที่ท่านสามารถทำได้ในฐานะของผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นในโครงการ
“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”
กิจกรรมเพิ่มเติมสำหรับครู
การแลกเปลี่ยนประสบการณ์: การติดต่อสื่อสารกับครูเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะทำให้ท่านรู้ความ
ต้องการของครูอย่างแท้จริง โดยท่านสามารถจัดกิจกรรมง่ายๆ ได้ เช่นการจัด “ประชุมนักวิทยาศาสตร์น้อย”
เป็นประจำ
จัดกิจกรรม “วันนัดพบผู้ปกครอง”: ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายหรือวิทยากรท่านสามารถ
สนับสนุนครูได้ด้วยการแนะนำโครงการใน“วันนัดพบผู้ปกครอง”ซึ่งท่านสามารถนำใบกิจกรรมการทดลองติดตัว
ไปด้วยและให้ผู้ปกครองลองทำการทดลองเองหรืออภิปรายเกี่ยวกับแนวทางการเรียนการสอนของโครงการกับ
ผู้ปกครอง
26
บทที่ 2
กิจกรรมเพิ่มเติมสำหรับเด็กและผู้ปกครอง
การทดลองยามบ่าย: เด็กส่วนใหญ่จะสนุกสนานกับการทดลองและรู้สึกว่าที่ได้ทำไปยังไม่จุใจ
ท่านสามารถส่งเสริมความกระตือรือร้นนี้ได้ด้วยการจัดการทดลองยามบ่ายสำหรับเด็ก เช่น จัดที่บริเวณ
สนามหญ้าของโรงเรียนโดยจัดเตรียมการทดลองไว้ตามฐานต่างๆและจัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมให้เด็กเลือกเอง
ว่าต้องการจะทำการทดลองเรื่องอะไรซึ่งผู้ปกครองหรือนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงก็คอยดูแลและให้คำแนะนำแก่เด็ก
ในแต่ละฐาน
ทัศนศึกษา: เด็กมักตื่นเต้นกับการทัศนศึกษาครั้งแรกเสมอท่านอาจพาเด็กไปยังพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่มี
ในท้องถิ่นที่ยินดีร่วมมือกับเครือข่ายของท่านในการจัดรายการทัศนศึกษาพิเศษสำหรับเด็กอายุ3-6ขวบ
เชิญชวนพ่อแม่ให้เข้ามามีส่วนร่วม: พ่อแม่เป็นพันธมิตรที่สำคัญของโรงเรียนอนุบาลในการปลูกฝัง
ให้เด็กชอบวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดังนั้นท่านจึงควรเชิญชวนพ่อแม่ให้เข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการ
เช่นการแนะนำโครงการกับสมาคมผู้ปกครอง นอกจากนี้ท่านยังสามารถขอร้องให้ผู้ปกครองให้การสนับสนุน
โรงเรียนด้วยการจัดทัศนศึกษาสร้างห้องทดลองที่ใหญ่ขึ้นให้กับโรงเรียนรวมทั้งการบริจาคอุปกรณ์ที่ใช้ในการ
ทดลอง
การสร้างเครือข่ายกับพันธมิตรอื่น
การส่งเสริมการเรียนการสอนด้านปฐมวัยเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนในสังคม ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่
เชิญชวนหน่วยงานและองค์การต่างๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วมใน“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”โดยหน่วย
งานที่ เหมาะสมมากที่สุดได้แก่ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ สถาบันวิจัย หรือบริษัทที่มีแผนกค้นคว้าวิจัย
มหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยอาชีวะศึกษาประจำภูมิภาคแม้แต่บริษัทที่ใช้กระบวนการเทคโนโลยีซึ่งเกี่ยวข้องกับ
ชีวิตประจำวันของเด็ก (เช่น โรงงานผลิตไฟฟ้า) ก็อาจจะเป็นพันธมิตรได้ หน่วยงานเหล่านี้สามารถให้การ
สนับสนุน“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ได้หลายวิธี เช่นส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของตนให้
เป็นนักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรพี่เลี้ยง เสนอตัวเป็นสถานที่จัดทัศนศึกษาให้กับโรงเรียนอนุบาลบริจาควัสดุ
อุปกรณ์หรือสนับสนุนด้านการเงินให้ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น เป็นต้น
บางทีในละแวกเครือข่ายท้องถิ่นของท่านอาจมีสมาคมหรือโครงการที่มีเป้าหมายคล้ายกันอยู่แล้ว (เช่น
สถาบันเพื่อการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมและบริษัทเอกชนต่างๆ )ท่านก็สามารถติดต่อเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์
และร่วมพิจารณาว่าจะร่วมมือกันส่งเสริมการเรียนการสอนด้านปฐมวัยได้อย่างไร
สร้างเครือข่ายภายในโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย” ทั่วประเทศ
สำนักงานโครงการพยายามส่งเสริมให้การติดต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลในบรรดาผู้ที่ทำงานด้วยกันทั้ง
วิทยากรเครือข่ายท้องถิ่นและผู้ประสานงานเครือข่าย เพื่อจะได้มีโอกาสทำความรู้จักกันในการประชุมที่จัดขึ้นทุกปี
และแลกเปลี่ยนความรู้ในเชิงวิชาการให้ความเห็นและคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ กับทางสำนักงานโครงการ
ซึ่งการประชุมนี้อาจจัดในช่วงเวลาเดียวกับที่มีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเฉพาะทางก็ได้
27
2.7 การประเมินคุณภาพและรับรองโรงเรียนอนุบาลเป็น “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”
“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ต้องการนำกิจกรรมที่มีคุณภาพสูงมานำเสนอให้แก่โรงเรียน
อนุบาลที่เข้าร่วมโครงการทุกแห่งกิจกรรมที่ช่วยให้ครูนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปสอนเด็กด้วยวิธีง่ายๆ
ดังนั้นสำนักงานโครงการจึงจำเป็นต้องขอความเห็นจากผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น (LocalNetwork)และโรงเรียน
อนุบาลในกิจกรรมแต่ละรูปแบบรวมทั้งรูปแบบของการอบรมเชิงปฏิบัติการรวมทั้งเอกสารการทำงานในขณะ
เดียวกันทางโครงการก็ต้องการตรวจสอบว่ากิจกรรมที่จัดให้โรงเรียนอนุบาลนั้นมีการนำไปใช้ได้จริงและมีผลตอบ
รับเป็นอย่างไรบ้างซึ่งโรงเรียนอนุบาลที่เข้าร่วมโครงการสามารถยื่นเรื่องขอรับตรา“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”ได้
ก็ต่อเมื่อทำกิจกรรมต่างๆตามหลักเกณฑ์ที่ทางโครงการกำหนดตามหลักแล้วโรงเรียนอนุบาลจะใช้เวลาน้อยที่สุด
1ปีการศึกษานับตั้งแต่เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นที่ 1ซึ่งเงื่อนไขของการจะเป็น “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย
ประเทศไทย”ได้นั้นมีดังนี้
เข้าร่วมการสัมมนา:ครูอย่างน้อยหนึ่งคนเข้าร่วมงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการของ“บ้านนักวิทยาศาสตร์
น้อย”อย่างต่อเนื่องการสัมมนาขั้นต้นและเชิงลึก เป็นการอบรมบังคับซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการนำการทดลองและ
โครงงานมาสอนในโรงเรียนอนุบาล
ทำการทดลองอย่างน้อย 20 การทดลอง: สำนักงานใหญ่ได้จัดเอกสารบันทึกและทบทวนพร้อมแฟ้ม
เอกสารรับรองให้ครูแฟ้มเอกสารรับรองเป็นเอกสารหลักในอุปกรณ์พื้นฐานของโรงเรียนอนุบาลซึ่งครูจะได้รับจาก
ผู้อบรมในการสัมมนาขั้นต้นแบบสอบถามมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ครูได้คิดทบทวนและทำให้เป็นความเคยชินทั้ง
เครือข่ายท้องถิ่นและสำนักงานใหญ่เบอร์ลินจะมีสิทธิขอดูเอกสารบันทึกและเอกสารทบทวนของโรงเรียนอนุบาล
ได้ เมื่อโรงเรียนอนุบาลต้องการสมัครเป็น“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”ดูแฟ้มขอใบรับรองในภาคผนวกC
ทำและบันทึกโครงงานอย่างน้อยสองโครงงาน: การบันทึกควรแสดงให้เห็นว่าการทดลองถูกนำ
มาสอดแทรกในโครงงานอย่างไรและเด็กได้เรียนรู้ความเชื่อมโยงทางวิทยาศาสตร์อย่างไรการบันทึกทำได้โดยใช้
แคตตาล็อกคำถามที่สามารถเสริมด้วยรูปถ่ายงานประดิษฐ์ภาพวาดฯลฯ โดยเฉพาะระหว่างการทำโครงงาน
ควรให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดศักยภาพในการเรียนอย่างเป็นระบบให้แก่เด็ก (ดูแบบทดสอบที่ภาคผนวกC)
การทดลองที่ทำในกรอบของโครงงานสามารถนำมารวมในแฟ้มเอกสารรับรองหรือสลับกันได้
ผู้บริหารของโรงเรียนอนุบาลจะกรอกเอกสารการสมัครและส่งไปที่สำนักงานประสานงานเครือข่ายการยื่น
เอกสารการสมัครเป็นการยืนยันของโรงเรียนอนุบาลว่าได้ทำการทดลองและบันทึกกิจกรรมตามที่กำหนดไว้20
การทดลองและโครงงาน2โครงงานไว้แล้ว
เนื่องจากสำนักงานใหญ่เอาใจใส่ต่อการนำไอเดียไปปฏิบัติจริงในโรงเรียนอนุบาลและต้องการควบคุม
คุณภาพสำนักงานจึงจะสุ่มตรวจสอบเอกสารใบรับรองของโรงเรียนอนุบาลแต่ละแห่งที่ยื่นขอป้ายรับรองแม้แต่
เครือข่ายท้องถิ่นก็มีสิทธิ์ขอดูเอกสารของโรงเรียนอนุบาลเพื่อการประกันคุณภาพ
28
บทที่ 2
คำจำกัดความ “การทดลอง”
การทดลองหมายถึงกิจกรรมที่ใช้เวลาไม่นานและจะดำเนินการตามหัวข้อจำนวนหัวข้ออาจเพิ่มขึ้นจาก
ไอความคิกที่เกิดขึ้นในตอนนั้นของเด็กหรืออาจจะเกิดจากการเตรียมตัวอย่างมีเป้าหมายของครูการทดลองจะ
ต้องมีกิจกรรมเชื่อมโยงกันให้เด็กมองเห็นได้เพื่อศึกษาปรากฏการณ์บางอย่างแล้วเด็กจะเป็นคนตัดสินเองว่าจะ
ใช้ความเชื่อมโยงที่ได้พบมานำไปใช้ในกิจกรรมอื่นหรือไม่ เนื่องจากการสังเกตการณ์/คำถามของเด็กและการ
ทดลองจะเกิดต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็ว เด็กจะมีฐานะเป็นเพื่อนร่วมศึกษาและสนุกกับการเรียนรู้
ในสถานการณ์ประจำวันเช่นนี้ครูสามารถค้นหาคำตอบของคำถามไปพร้อมกับเด็กได้เสมอว่าพวกเขา
เรียนรู้อย่างไรค้นพบสิ่งใหม่และจะค้นพบเรื่องนั้นให้มากขึ้นได้อย่างไร
จาก“โครงงานเล็กๆ ” เหล่านี้อาจพัฒนากลายเป็น“โครงการวิจัย”ขนาดใหญ่ขึ้นก็ได้ เด็กจะทำงานเป็นก
ลุ่มในระยะเวลาที่นานขึ้นกับสื่อต่างๆ กันเพื่อศึกษาหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง (ดูโครงงาน)
ตัวอย่าง
เด็กสังเกตบนโต๊ะอาหารเช้าว่าน้ำตาลละลายในน้ำชาครูจะหยิบยกการสังเกตนี้มาเป็นหัวข้อและร่วม
ทดลองพร้อมกับเด็กว่าอะไรบ้างที่ละลายในน้ำ
เด็กขุดหลุมโคลนทิ้งไว้ในสวนวันรุ่งขึ้นพวกเขาอยากไปเล่นที่นั่นต่อแต่ไม่มีน้ำเหลืออยู่ในหลุมอีกแล้วครู
จึงนำการสังเกตนี้มาศึกษาพร้อมกับเด็กโดยให้เด็กทดลองว่าวัสดุใดที่เก็บกักน้ำไว้ได้และต่อยอดความคิดต่อว่า
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ผู้นำเครือข่าย
ท้องถิ่น
โรงเรียน
อนุบาล
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
รวบรวมใบสมัครและส่งต่อไปยังโครงการบ้าน
นักวิทยาศาสตร์น้อย
ตรวจสอบความถูกต้องของเกียรติบัตรสำหรับ
โรงเรียนอนุบาล
แต่ละแห่ง
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
การเข้าร่วมการอบรมเชิงปฏิบัติการอย่างน้อย2ครั้ง
กรอกข้อมูลต่างๆ ในแบบฟอร์มทำการทดลอง
20การทดลอง
ทำโครงงาน2โครงงานกรอกรายละเอียดในใบสมัครและตอบคำถาม
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ
ตรวจสอบใบสมัครตรวจสอบความถูกต้องของเกียรติบัตรสำหรับ
โรงเรียนอนุบาล
แต่ละแห่ง
ออกเกียรติบัตร
ส่งและแจกจ่ายเกียรติบัตร
กรอกข้อมูล
และส่งใบสมัคร
ส่งเกียรติบัตร
ส่งใบสมัคร
โครงการบ้าน
นักวิทยาศาสตร์น้อย
ขั้นตอนต่าง ๆ สู่การเป็นบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย
29
บนฐานก่อสร้างมีจัดการประกวดการก่อสร้างว่าใครสามารถสร้างหอคอยได้สูงที่สุดครูจะกระตุ้นให้เด็ก
ช่วยกันคิดว่าหอคอยแบบไหนที่ตั้งได้มั่นคงที่สุดและมันมีอะไรแตกต่างจากหอคอยอื่นๆ
คำจำกัดความ “โครงงาน”
โครงงานในโรงเรียนอนุบาลหมายถึงการศึกษาระยะยาวที่เกี่ยวกับหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งที่ครูและเด็กช่วยกัน
วางแผนการคัดเลือกหัวข้อควรเป็นไปตามความสนใจของเด็กแต่เป็นเรื่องที่ครูเห็นว่าเหมาะแก่การนำมาศึกษา
โครงงานอาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ทำให้เกิดการทุ่มเทศึกษาไม่ใช่เฉพาะกับเนื้อหาเท่านั้นแต่ยังก่อ
ให้เกิดการคิดทบทวนตามแนวทางการประเมินการคิด (Metacognition)ซึ่งเด็กจะมีส่วนร่วมโดยตรงในการ
พัฒนาและคิดรูปแบบโครงงานโครงงานสามารถทำได้หลายรูปแบบและใช้กิจกรรมต่างๆ เช่นการพูดคุยการ
ค้นคว้าและการทดลองสัมภาษณ์หรือทัศนศึกษาเป็นต้น
หนึ่งในเป้าหมายของทุกโครงงานคือการที่เด็กมีโอกาสจะใช้ทักษะและแนวคิดหลากหลายและได้เรียนรู้
สิ่งที่เขาสนใจเป็นการส่วนตัว (Katz&Chard,2000น.210)
การศึกษาโครงงานที่วางแผนระยะยาวจะเปิดโอกาสให้เด็กเข้าใจหัวข้อนั้นอย่างลึกซึ้ง เข้าใจความสัมพันธ์
และได้รับความรู้ที่พวกเขาจะนำไปใช้ในกิจกรรมในอนาคตได้ประสบความสำเร็จระหว่างทำงานโครงงานครูควร
กระตุ้นให้เด็กคิดไตร่ตรองทบทวนเกี่ยวกับความคิดของตัวเองที่มีต่อหัวข้อโครงงานนั้นและแลกเปลี่ยนความคิด
กันกับเด็ก เด็กจะเห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ามีความคิดหลากหลายรูปแบบ เด็กแต่ละคนต่างก็มีวิธีของตัวเองในการ
มองของสิ่งหนึ่งครูจะช่วยให้เด็กตระหนักถึงการเรียนรู้ของตัวเองและคิดทบทวนในระดับรู้คิดไปพร้อมกับเด็ก
ตัวอย่าง
จากการสังเกตน้ำตาลละลาย เราสามารถใช้หัวข้อเรื่องการละลายมาศึกษาอย่างละเอียด เพื่อให้เด็กได้
เรียนรู้เกี่ยวกับความเชื่อมโยงทางวิทยาศาสตร์ มีสิ่งของอะไรบ้างที่ละลายในน้ำได้หมดและทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
แล้วมันสามารถละลายในของเหลวอย่างอื่นได้หรือไม่นอกจากความสามารถในการละลายของวัตถุสถานะของ
สสาร(ของแข็งของเหลวก๊าซ)ก็สามารถใช้เป็นหัวข้อโครงงานวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ขึ้นได้
อาจมีโครงงานหนึ่งที่การทดลองเรื่องการละลายเป็นแค่หัวข้อย่อยและถูกนำไปสอดแทรกในโครงงาน
ต่อยอด เช่น เรื่องการรับประทานอาหารอย่างถูกสุขอนามัยน้ำตาลอยู่ที่ไหนบ้างน้ำตาลมากแค่ไหนจึงดีต่อ
สุขภาพแล้วเราจะได้น้ำตาลมาได้อย่างไรและมีน้ำตาลอยู่แล้วตลอดเวลาหรือเปล่ามีรสหวานชนิดอื่นอีกไหม
และมีรสชาติแบบอื่นอีกหรือไม่ เด็กๆ ชอบรสไหนมากที่สุดทำไมต้องแปรงฟันหลังจากรับประทานทานของหวาน
เป็นต้น
การสังเกตหลุมในวันที่มีแดดอาจทำให้เด็กเห็นว่าน้ำไม่เพียงแต่ซึมลงไปในพื้นดินได้เท่านั้นแต่ยังระเหย
กลายเป็นไอได้อีกด้วยจากจุดนี้ทำให้เกิดโครงงานเกี่ยวกับวัฏจักรของน้ำในธรรมชาติและยังศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยว
กับระบบนิเวศได้อีกด้วย
หอคอยบนฐานก่อสร้างอาจขยายผลกลายเป็นโครงงาน“เราจะสร้างบ้านได้อย่างไร”ครูสามารถอภิปราย
กับเด็กว่าสิ่งใดที่ทำให้เกิดเป็นบ้านขึ้นได้แล้วลองไปสำรวจอาคารหลายๆ แห่งบริเวณรอบๆ โรงเรียนสอบถาม
สถาปนิกว่าการสร้างบ้านหอคอยหรือตึกสูงต้องคำนึงถึงอะไรบ้างและไปดูสถานที่ก่อสร้างจริง เป็นต้น
30
บทที่ 2
2.8 งานประชาสัมพันธ์
สำนักงานโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”พยายามสร้างรากฐานการศึกษาปฐมวัยเรื่อง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและดูแลภาพลักษณ์ของโครงการต่อสาธารณชนให้เป็นเอกภาพ นอกจากนี้ยังเป็น
ผู้ดูแลงานประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ
ส่วนผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์และติดต่อสื่อในภูมิภาคของตนตามกำลังความ
สามารถผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นจะแจ้งให้สำนักงานโครงการทราบเกี่ยวกับกิจกรรมประชาสัมพันธ์ของตนและ
ส่งตัวอย่างเป็นหลักฐานไปให้หากมีการสัมภาษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการถ่ายภาพยนตร์ทีวี “บ้านนัก
วิทยาศาสตร์น้อย”ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมทุกครั้ง
เครือข่ายท้องถิ่นควรใช้ชื่อและโลโก้ของโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”และมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎที่
อธิบายไว้ต่างหาก(StyleGuide) เมื่อใช้เครื่องหมาย
โอกาสในการประชาสัมพันธ์
การก่อตั้งเครือข่าย/ความร่วมมือ การรับมอบเงินสนับสนุน เริ่มดำเนินโครงงานในโรงเรียนอนุบาลเป็นครั้งแรก “เทศกาลบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยแห่งประเทศไทย” การรับรองโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการเป็น“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”
ผู้นำเครือข่ายทุกเครือข่ายจะทำงานอย่างเป็นเอกเทศดังนั้นจึงยังมีวิธีการประชาสัมพันธ์อื่นๆ อีกมากมาย
2.9 การระดมทุนช่องทางอื่น ๆ
หน้าที่หลักของผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นคือทำให้โรงเรียนอนุบาลรู้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของ “บ้านนัก
วิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย” นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ดูแลโรงเรียนอนุบาลติดต่อและแต่งตั้งวิทยากรเครือข่าย
ท้องถิ่นที่จะมาหน้าที่อบรมครูบ่อยครั้งที่เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการหรือชุมชนเป็นคนรับหน้าที่ผู้
ประสานงานโครงการ โดยที่หน่วยงานต้นสังกัดอนุญาตให้ใช้เวลานอกเหนือจากงานประจำอื่นๆ วิทยากรของ
โรงเรียนอนุบาลที่เข้าร่วมอาจเป็นเทรนเนอร์ และสามารถรับหน้าที่นี้ในกรอบงานของตนเองได้ แม้แต่บุคคล
ธรรมดาเช่นผู้เกษียณอายุก็อาจเป็นอาสาสมัครทำงานนี้ได้
แต่ในบางกรณี เครือข่ายท้องถิ่นอาจจำเป็นต้องจ่ายค่าจ้างให้ผู้อบรมจากภายนอกสำหรับการทำงานใน
กรอบของโครงการ นอกจากนี้ ในเวลาที่มีปัญหาก็อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เช่นค่าเช่าและค่าโทรศัพท์สำหรับกรณีนี้
ทางโครงการได้รวบรวมเคล็ดลับและคำแนะนำวิธีหาผู้อุปถัมภ์ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย” ในภูมิภาคแม้ว่าจะ
เป็นในระดับท้องถิ่น
31
พื้นฐานของการระดมทุน
คำว่า “ระดมทุน”หมายถึงการหาผู้สนับสนุนภารกิจขององค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรอย่างเป็นระบบเพื่อ
ช่วยสนับสนุนทรัพยากรในการทำงานขององค์กรนั้นๆ ดังนั้นการระดมทุนจึงหมายถึงกิจกรรมทั้งหมดที่ทำให้ได้
รับการอุปถัมภ์ เงินบริจาคหรือสิ่งของหรืออาจเป็นการสนับสนุนที่ไม่ใช่ในรูปวัตถุหมายความว่าเงินไม่จำเป็นต้อง
เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการระดมทุนเสมอไปการสนับสนุนในรูปอื่นก็อาจเป็นประโยชน์ได้เช่นกัน
การบริจาคสิ่งของ(เช่นคอมพิวเตอร์ เพื่อบริหารจัดการโรงเรียนอนุบาลที่อยู่ในความดูแล) เจ้าหน้าที่อาสา
สมัคร (เช่นผู้สนับสนุน) เครือข่ายและข้อมูลติดต่อ (เช่นพิพิธภัณฑ์ที่ยินดีจะทำงานร่วมกับ “บ้านนักวิทยา-
ศาสตร์น้อย” ในท้องถิ่น)หรือแม้แต่ความช่วยเหลือด้านการเมือง (เช่น เพื่อจะได้รับทรัพยากรที่จำเป็นต่อการ
สร้างเครือข่ายท้องถิ่น)
เงื่อนไขสำคัญที่สุดสำหรับความสำเร็จในการระดมทุนคือการประชาสัมพันธ์ที่ดียิ่ง “บ้านนักวิทยาศาสตร์
น้อย” เป็นที่รู้จักและมีความสำคัญในภูมิภาคมากก็จะยิ่งมีโอกาสที่จะได้บริษัทและมูลนิธิต่างๆ มาเป็นผู้
สนับสนุนงานประชาสัมพันธ์และการติดต่อสื่อระดับประเทศเป็นหน้าที่ของสำนักงานใหญ่แต่เครือข่ายท้องถิ่นก็
สามารถสนับสนุนให้โครงการเป็นที่รู้จักมากขึ้นในภูมิภาคของคุณพบคำแนะนำในบทB-9
กลุ่มเป้าหมายหลักของการระดมทุนคือประชาชนทั่วไปบริษัทและมูลนิธิต่อไปนี้คุณจะพบคำแนะนำ
และเคล็ดลับเพื่อหาบริษัทเป็นสปอนเซอร์ แน่นอนคุณสามารถลงมือปฏิบัติการเพื่อหาเงิน/บริจาคหรือการ
ช่วยเหลือจากประชาชนทั่วไป
บริจาคหรือสปอนเซอร์
ในการบริจาคผู้ให้/บริจาคจะไม่ได้รับอะไรตอบแทนจากองค์กรสำหรับทรัพยากรที่ให้
มาตัวอย่างเช่นการลดค่าเข้าร่วมกิจกรรมก็อาจถือเป็นการตอบแทนที่มีค่าเหมือนเงิน ซึ่งจะ
ไม่รวมกับการหักเงินค่าบริจาคแต่หากพูดถึงสปอนเซอร์บริษัทที่ให้ทรัพยากรจะได้รับสิ่ง
ตอบแทนตามที่ระบุไว้ในสัญญาสปอนเซอร์ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือทางการเงินขององค์กรไม่
ค้ากำไรเท่านั้นแต่ยังเป็นช่องทางโฆษณาแบบหนึ่งของบริษัทอีกด้วย
คำแนะนำ ข้อจำกัดทางกฎหมายของเครือข่ายท้องถิ่น ในฐานะเครือข่ายของ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย” เครือข่ายท้องถิ่นส่วนใหญ่
จะไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคลอิสระ แต่ส่วนใหญ่ในเครือข่ายจะมีสถาบันชุมชนหรือ
เจ้าของโรงเรียนอนุบาลที่สามารถรับเงินบริจาคหรือของสปอนเซอร์ได้และนำไปใช้
ในการดำเนินงาน“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”ในท้องถิ่น
32
บทที่ 2
หาสปอนเซอร์
ก่อนที่เครือข่ายท้องถิ่นจะเริ่มติดต่อหาสปอนเซอร์ในภูมิภาคคุณควรวางแผนขั้นตอนของคุณอย่างละเอียด
เพื่อใช้เวลาและทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้อย่างแรกคุณควรทำบัญชีรายชื่อขององค์กร
หรือคนที่มีโอกาสเป็นสปอนเซอร์และเรียงลำดับความสำคัญหลังจากนั้นกำหนดเป้าหมายและมาตรการที่เป็น
รูปธรรมมากที่สุดในการติดต่อ
เกณฑ์ในการรวบรวมรายชื่อและเรียงลำดับความสำคัญของผู้มีโอกาสเป็นสปอนเซอร์ เช่น
บริษัทใดที่เหมาะสมกับโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย” เพื่อจะหาความเหมาะสมคุณควรดูว่า
บริษัทอยู่ในสาขาอะไรนำเสนอภาพลักษณ์ของบริษัทอย่างไรและทำงานสังคมด้านอะไรมาแล้วบ้างจุดเชื่อมโยง
อีกจุดอาจเป็นโครงสร้างพนักงาน เช่นบริษัทอาจมีพนักงานหนุ่มสาวจำนวนมากที่มีลูกอยู่ในโรงเรียนอนุบาลหรือ
โรงเรียนอนุบาล
บริษัทมีศักยภาพที่จะสนับสนุน “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”ในภูมิภาคของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หรือไม่: เกณฑ์ในที่นี้ ต้องพิจารณาจากขนาดและรายได้ของบริษัทหากคุณคาดหวังการสนับสนุนทางการเงิน
มากกว่าแต่สินค้าที่เหมาะสมระดับชื่อเสียง:หรือการได้ข้อมูลติดต่อที่สำคัญก็อาจเป็นประโยชน์สำหรับงานของ
คุณได้
มีสายสัมพันธ์ส่วนตัวกับบริษัทสายสัมพันธ์ส่วนตัว เช่นกับพนักงานในบริษัทสามารถช่วยให้คุณพบ
ผู้รับผิดชอบที่ถูกคนใช้แนวทาง/กลวิธีได้ถูกต้องและหยั่งความเป็นไปได้บางทีคุณอาจได้รับโอกาสให้เข้าไปนำ
เสนอโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”ที่บริษัท
นอกเหนือจากข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเกณฑ์พิจารณาเหล่านั้นแล้วคุณควรหาข้อมูลพื้นฐานเตรียมไว้: เช่นชื่อ
ที่ถูกต้องของบริษัทที่อยู่ผู้รับผิดชอบและวันก่อตั้งบริษัท
การติดต่อจะมีโอกาสไหมและมันจะขึ้นอยู่กับการที่บริษัทเคยมีประวัติเป็นผู้อุปถัมภ์โครงการที่คล้ายคลึง
กันมายาวนานหรือไม่ หากมีสายสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วโอกาสของคุณจะมีมากขึ้นหรือเปล่า คำถามเหล่านี้
ไม่สามารถตอบแบบเหมารวมได้ทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามการติดต่อโดยมีเป้าหมายที่แน่นอนก็เป็นเรื่องสำคัญ
มากที่สุด
ติดต่อสปอนเซอร์
ประเด็นสำคัญสำหรับการติดต่อบริษัทโดยมีเป้าหมายแน่นอน
หาว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ!คุณจะเพิ่มโอกาสให้ตัวเองมหาศาลหากคุณโทรศัพท์ถามล่วงหน้าว่า ใคร
เป็นผู้รับผิดชอบที่คุณควรคิดต่อด้วย และชื่อตำแหน่งชัดเจนของเขาคืออะไร จดหมายที่จ่าหน้าถึง “ผู้จัดการ”
หรือ“ท่านผู้อำนวยการ”แสดงให้เห็นถึงความไม่เอาใจใส่และไม่มีความรู้เกี่ยวกับบริษัท หากคุณไม่สนใจบริษัท
นั้นทำไมเขาต้องมาสนใจคุณด้วย
แนะนำโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”สั้นๆ และชัดเจนคุณควรนำเสนอเป้าหมายและกิจกรรม
ของ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”รวมทั้งบทบาทของคุณในการดำเนินโครงการในภูมิภาคของคุณด้วยคำพูดสั้นๆ
ตรงจุดและเน้นให้เห็นความแตกต่างของโครงการที่แตกต่างจากโครงการอื่นและไม่เหมือนใครแผนกประชา-
สัมพันธ์สามารถช่วยเหลือคุณได้เป็นกรณีไป
33
ทำไมจึงต้องติดต่อบริษัทนี้! การค้นคว้าเกี่ยวกับจุดร่วมจะช่วยคุณได้ยิ่งคุณศึกษาเกี่ยวกับบริษัทอย่าง
ละเอียดคุณจะสามารถอธิบายได้อย่างน่าเชื่อถือว่าทำไมบริษัทนี้จึงเหมาะจะเป็นสปอนเซอร์ของ “บ้านนัก
วิทยาศาสตร์น้อย”มากเป็นพิเศษ
บอกสิ่งที่ต้องการ!อย่าพูดความต้องการของคุณแบบอ้อมๆแต่บอกสั้นๆว่าคุณต้องการการสนับสนุน
แบบไหนมาตรการที่วางแผนอย่างเป็นรูปธรรมและเข้าใจง่าย (เช่นค่าจ้างผู้อบรม,การทัศนาจรของโรงเรียน
อนุบาล,ค่าเช่าที่จัดงานสัมมนาหรือวัสดุสำหรับงานสัมมนาครู)จะช่วยกระตุ้นความสนใจและมีโอกาสประสบ
ความสำเร็จมากที่สุด
อะไรที่คุณจะเสนอให้บริษัทเป็นการตอบแทนได้! การขอสปอนเซอร์ไม่ใช่การเดินเข้าไปอย่าง “ผู้ขอ”
แต่สปอนเซอร์เป็นการให้และรับ ดังนั้นบอกให้ชัดเจนว่าบริษัทจะได้ผลประโยชน์จากการเป็นสปอนเซอร์อย่างไร
บ้าง เช่นคุณอาจจะนำโลโก้ของบริษัทใส่ไว้ในหัวจดหมาย แนะนำเจ้าหน้าที่ให้รู้จักการทดลองและโครงงาน
ต่างๆ ในโรงเรียนอนุบาลหรือประกาศชื่อสปอนเซอร์ในวันรณรงค์หรือในงานกิจกรรมอื่นๆ แต่อย่าลืมทำตามกฎ
การใช้เครื่องหมายและโลโก้ (บทC-4)คุณสามารถประกาศชื่อสปอนเซอร์เวลาส่งข่าวไปให้สื่อแต่เรื่องนี้ต้องมี
การตกลงกับ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”ทุกครั้งสปอนเซอร์สามารถได้ประโยชน์จากภาพลักษณ์ที่ดีและระดับ
ความชื่อเสียงของโครงการเมื่อสาธารณชนรับรู้ว่าบริษัทเป็นผู้สนับสนุนระดับภูมิภาคของโครงการ
การดูแลและเชื่อมสัมพันธ์กับสปอนเซอร์
เมื่อคุณได้บริษัทเป็นสปอนเซอร์แล้วคุณก็ควรดูแลรักษาความสัมพันธ์เพื่อผูกพันสปอนเซอร์ไว้กับโครงการ
“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย” ในระยะยาว เพื่อจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสปอนเซอร์ (และโดยเฉพาะกับผู้บริจาค)
คุณควรแสดงความขอบคุณสำหรับการสนับสนุน และแจ้งให้สปอนเซอร์ทราบเกี่ยวกับความคืบหน้าและข่าวสาร
ใหม่ๆ ของโครงการอย่างสม่ำเสมอหากสปอนเซอร์เรียกร้องให้มีมาตรการพิเศษบางอย่างคุณต้องทำรายงานเพื่อ
แจ้งว่าเสียงตอบรับดีอย่างไรหากสปอนเซอร์ (หรือผู้บริจาค)ไม่ได้กำหนดว่าต้องใช้เงิน (ความช่วยเหลือ) เพื่อจุด
ประสงค์ใดเป็นพิเศษคุณต้องแจ้งให้พวกเขาทราบภายหลังด้วยว่าคุณได้ใช้เงิน (ความช่วยเหลือ)ของเขาอย่างไร
คุณควรเชิญผู้อุปถัมภ์มาถ่ายรูปด้วยกันที่สถานที่จริงเลย!
สุดท้ายสิ่งที่เป็นประโยชน์คือการเตรียมข้อมูลที่ถูกต้องไว้ให้พร้อมเสมออย่ารอให้ถึงวันคริสต์มาส เพื่อใช้
เป็นโอกาสแสดงความขอบคุณต่อสปอนเซอร์ของคุณ แต่ไปแสดงความยินดีในวันครบรอบบริษัทหรือเมื่อบริษัท
ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ แม้แต่ขั้นตอนนี้ก็ยังใช้กฎเดิมคือแสดงความเอาใจใส่บริษัทสปอนเซอร์!
เคล็ดลับ
แม้ว่าความพยายามในครั้งแรกกับบริษัทหนึ่งอาจไม่สำเร็จก็อย่าเพิ่งยอมแพ้หากคำ
ปฏิเสธไม่รุนแรงเกินไปและบริษัทนั้นยังน่าสนใจสำหรับท่านอยู่ก็ควรพยายามต่อไปด้วยวิธีที่
น่าสนใจมากขึ้น
34
บทที่ 3
ภาคผนวก
3.1 เว็บไซต์
ที่เว็บไซต์ของโครงการwww.littlescientists.comมีข้อมูลที่น่าสนใจจำนวนมากเกี่ยวกับโครงการบ้านนัก
วิทยาศาสตร์น้อยสำหรับครูผู้ปกครองนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงและผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นและผู้ที่สนใจโดยมีราย
ละเอียดตามหัวข้อต่างๆ บนหน้าแรกของเว็บไซต์ดังนี้
การทดลองประจำสัปดาห์/การทดลองเพิ่มเติม
โครงการไม่ได้ต้องการเพียงให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองแก่ครูผู้สอนผู้ปกครองและพ่อแม่อุปถัมภ์เท่านั้น
แต่ยังต้องการกระตุ้นให้เกิดการทำการทดลองด้วยตนเองที่บ้านด้วย โดยในหัวข้อนี้จะแนะนำการทดลองประจำ
สัปดาห์ซึ่งมีคำอธิบายการทดลองตามลำดับขั้นตอนอย่างละเอียดรวมถึงหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง
ทีมงานของโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยได้เรียบเรียงการทดลองในหัวข้ออากาศและน้ำส่วนการทดลองใน
หัวข้ออื่นๆ สามารถค้นหาได้จากการทดลองเพิ่มเติมโดยนักเขียนท่านอื่น
การแนะนำโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย
ในหัวข้อนี้จะแนะนำโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยรวมถึงวัตถุประสงค์และข้อเสนอต่างๆ ของโครงการ
นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างของโรงเรียนอนุบาลที่ได้ร่วมทำกิจกรรมของโครงการและรายชื่อของทีมงาน รวมทั้ง
กิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ครูและผู้ปกครอง
ในหัวข้อนี้เป็นรายละเอียดและภาพรวมของการทดลองในสองหัวข้อแรกคืออากาศและน้ำที่สามารถ
ทำการทดลองได้ทั้งที่โรงเรียนอนุบาลและที่บ้านซึ่งในอนาคตอาจเพิ่มการทดลองใหม่ๆ เพื่อต่อยอดความรู้ต่อไป
พร้อมทั้งปรับปรุงการทดลองอยู่เสมอๆ นอกจากนี้ยังเป็นที่รับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการทดลองเรื่องใหม่ๆ อีกด้วย
ถ้าโรงเรียนอนุบาลแห่งใดต้องการเข้าร่วมโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยสามารถเข้าไปอ่านราย
ละเอียดและรายชื่อหน่วยงานผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นที่รับผิดชอบและแจ้งความประสงค์แก่หน่วยงานนั้น
นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งข้อมูลแก่ผู้ปกครองและเครือญาติที่ต้องการเข้าร่วมทำงานกับโครงการบ้านนัก
วิทยาศาสตร์น้อย
นักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยง
พ่อแม่อุปถัมภ์จะเป็นผู้สนับสนุนให้โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยดำเนินไปได้ด้วยดีสำหรับผู้ที่สนใจ
สามารถเข้าไปดาวน์โหลดเอกสารรายละเอียดและกรอกใบสมัครเป็นพ่อแม่อุปถัมภ์ได้ที่เว็บไซต์
ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น
หน่วยงานในท้องถิ่นแห่งใดที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยสามารถอ่านรายละเอียด
เพิ่มเติมได้จากส่วนนี้ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ของหน่วยงานรวมทั้งข้อมูลเครือข่ายว่ามีหน่วยงานใด
ในท้องถิ่นของท่านที่เข้าร่วมกับทางโครงการแล้ว
ข่าวประชาสัมพันธ์
ในส่วนนี้มีทั้งข่าวการประชาสัมพันธ์หน่วยงานผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นแห่งใหม่ โรงเรียนอนุบาลที่ได้รับรางวัล
จากทางโครงการข่าวเกี่ยวกับโครงการจากสื่อต่างๆ และข้อมูลใหม่ๆ ที่น่าสนใจ
35
การสนับสนุนโครงการ
โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์และเงินทุนจากทุกๆ
ท่านรวมทั้งสามารถบริจาคผ่านทางสายด่วนของทางโครงการ
บริการอื่นๆ
เว็บไซต์ของโครงการจะมีรายละเอียดที่ท่านสามารถหาข้อมูลการจัดงานที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ได้จาก
ปฏิทินการจัดงานหรือข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือและภาพยนตร์ รวมถึงห้องแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างวิทยากร
อบรมและครูผู้สอนหรือการส่งความคิดเห็นเกี่ยวกับเว็บไซต์ถึงผู้ดูแลผ่านทางอีเมลเป็นต้น
3.2 แบบฟอร์มเอกสารต่าง ๆ
ทีมงานโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย”ได้จัดทำแบบฟอร์มเอกสารต่างๆ ขึ้นเพื่ออำนวย
ความสะดวกให้แก่ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นในการทำงานตัวอย่างเช่น ใบสมัครเข้าร่วมโครงการจดหมายถึงผู้
ปกครองจดหมายเชิญเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการแบบฟอร์มตอบรับการเป็นนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงแบบฟอร์ม
บันทึกผลการทดลองเป็นต้นซึ่งท่านสามารถติดต่อขอรับได้จากทีมงานโครงการ