Mission Photography Magazine
-
Upload
saivarin-athibai -
Category
Documents
-
view
230 -
download
4
description
Transcript of Mission Photography Magazine
JUST SAY HI !
U ก่อนอื่นก็ต้องขอสวัสดีผู้อ่านทุกคนที่กรุณาเลือกหยิบเลือกซื้อนิตยสารของเราขอขอบคุณอย่างมากๆสำหรับการสนับสนุนค่ะนิตยสารของเราเพิ่งก่อตุ้งขึ้นมาใหม่ถ้าจะเปรียบเทียบก็คงเปรียบเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่พึ่งลืมตาดูโลกพึ่งหัดคลานหัดเดินอาจจะยังคลานไม่ค่อยเป็นยังเดินไม่ค่อยได้แต่แน่นอนว่าทุกอย่างจะต้องมีพัฒนาการเราจะพยายามสร้างสรรค์ผลงานที่ดีขึ้นต่อๆไปเรื่อยๆค่ะติดตามการเจริญเติบโตพวกเราและก็โตไปพร้อมๆกันนะค่ะ
ในเล่มนี้ทุกท่านจะได้พบกับเรื่องราวดีๆสาระดีๆมากมายไม่ว่าจะเป็นวิธีการดูแลรักษากล้องของเราในฤดูฝนหรือบทสัมภาษณ์ของคุณอนุชัยรอดเจริญพู่ทองช่างภาพไทยที่ดังไกลระดับโลกแถมยังได้เรียนรู้วิธีการถ่ายภาพสไตล์ต่างๆอีกมากมายขอให้ทุกท่านสนุกกับนิตยสารของเราค่ะ;)
2
Photography SOCIETYmission
FAT AWARD 2010 18-09-2011 FAT Radio
LIFE ON SET 3-o9-54
BAAC Ananda Averlingham
2 3
RAINYCAMERA IN
ช่วงนี้ก็เป็นช่วงหน้าฝน ช่วงมรสุม ฝนตกเกือบทุกวัน สภาพอากาศชื้นๆแฉะๆ ซึ่งไม่ดีเอาเสียเลย เพราะว่า มันจะส่งผลเสียของกล้องสุดที่รักเราน่ะสิ วันนี้พี่จะมาบอกถึงวิธีเก็บรักษากล้องสุดที่รักของเราไม่ให้เกิดการงอแง เสีย ราขึ้น ช๊อต!! กัน
KEEPING
1เก็บกล้องไว้ที่ที่มีอากาศถ่ายเท
ถ้าพูดถึงสิ่งที่กล้องกลัวมากที่สุดคือเจ้าเชื้อราครับที่สามารถเจริญงอกงามได้ดียิ่งอากาศที่นิ่งๆไม่ถ่ายเทความชื้นสูงเช่นตู้เสื้อผ้าในตู้ไม้สิ่งเหล่านี้คือจุดที่จะทำให้เกิดเชื้อราได้ง่ายๆเลยดังนั้นถ้าไม่ต้องการให้เชื้อรามาเยือนก็ควรหาที่เก็บอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกไม่ใช่เก็บกล้องไว้ในกระเป๋า กล้องตลอดเวลานำออกมาวางรับ อากาศบ้าง
4
ใส่ซิลิกาเจลเพื่อช่วยดูดความชื้น ซิลิกาเจลคือสารดูดความชื้นประเภทหนึ่งที่นิยมใช้ในการรักษาสภาพของสิ่งต่างๆไม่ให้เกิดความชื้นโดยที่โดยทั่วไปจะใช้ประเภทที่มีสีน้ำเงินซึ่งเมื่อดูดซับความชื้นแล้วจะเปลี่ยนสีเป้นสีชมพูและสามารถนำไปใช้ใหม่ได้โดยการนำไปผ่านความร้อนเผื่อไล่ความชื้นออก
2
ทำความสะอาดกล้อง3 หลังจากนำกล้องไปใช้งานแล้วควรที่จะทำความสะอาดทุกครั้งก่อนที่จะเก็บในกระเป๋ากล้องหรือตู้เก็บความชื้นเพราะการที่มีสิ่งสรปรกค้างอยุ่อาจจะทำให้กล้องนั้นเกิดรอยสนิมหรือตำหนิได้เก็บกล้องในกล่อง/ถุง/ตู้ดูดความชื้น4
กรณีงบน้อยสามารถหาซื้อกล่องหรือถุงดูดความชื้นได้ตามห้างสรรพสินค้าโซนเครื่องใช้ในครัวก็ได้ครับสามารถใช้แทนตู้ดูความชื้นได้วิธีใช้ก็เก็บกล้องในกล่อง/ถุงดูดความชื้นพร้อมกับซิลิก้าเจล
หากระเป๋าที่ออกแบบมาให้มีตัวกันฝน 5
สำหรับกระเป๋ากล้องมีอยู่หลายยี่ห้อครับที่ผลิตออกมามีคุณภาพดีและสามารถกันน้ำได้ครับบางรุ่นจะใช้ตัวผ้าที่สามารถกันน้ำได้ระดับหนึ่งเลยครับเช่นน้ำหกใส่น้ำกระเด็นในส่วนบางรุ่นจะออกแบบมาเป็นผ้าร่มพับเก็บไว้ในตัวสามารถนำออกมาห่มปิดตัวกระเป๋าได้ทั้งใบเลยครับสำหรับเรื่องกระเป๋าอย่ามองข้ามเลยนะครับ
หวังว่าทุกคนจะนำวิธีการเก็บรักษากล้องสุดที่รักให้รอดพ้นจากอาการงอแงที่จะมากับฤดูฝนมาใช้กันนะครับเพราะกล้องถือเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายช่างภาพหากขาดไปแล้วคงนอนไม่หลับกันนะครับ แล้วพบกับเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับกล้องถ่ายรูปได้ใหม่ในฉบับหน้าครับ.
5
พูดถึง“การถ่ายภาพ”คงเรียกได้ไม่ผิดว่าเป็นหนึ่งในการทำงานศิลปะที่ใกล้ตัวคนทั่วไปที่สุดแขนงหนึ่งแต่ในบรรดาคนมากมายที่ถ่ายภาพเป็นงานอดิเรกกับอีกไม่น้อยที่
มองการถ่ายภาพเป็นเรื่องจริงจังอย่างนักศึกษาถ่ายภาพไปจนถึงช่างภาพอาชีพกลับมีไม่กี่คนที่สามารถ“สร้างเนื้อสร้างตัว”และ“สร้างชื่อสร้างเสียง”จากอาชีพ“คนสร้างภาพ”
การเดินทางในโลกหลังเลนส์ของอนุชัยศรีจรูญพู่ทองเป็นกรณีที่น่าสนใจกับการพากเพียรจนประสบความสำเร็จในอาชีพนักถ่ายภาพแบบAll-in-Oneไม่ว่าจะเป็นในฐานะนักถ่าย
ภาพโฆษณาระดับโลกไปจนถึงการยอมรับในฐานะ“ศิลปินร่วมสมัย”ที่ใช้ภาพถ่ายสื่อสะท้อนความคิดและมุมมองส่วนตัวได้อย่างมีเอกลักษณ์
เริ่มต้นถ่ายรูปได้อย่างไร
ย้อนไปสัก18ปีตอนนั้นเรียนศิลปะเอกภาพพิมพ์ก็ต้องเรียนถ่ายรูป
เป็นวิชาโทพอจบมาแรกๆก็ทำหลายอย่างเป็นอาร์ตไดเรคเตอร์รายการวิก07
ทำหนังไทยกับอาจารย์บรรจงโกศัลยวัฒน์ขายของอยู่สวนจตุจักรแล้วก็อยู่เอ
เจนซี่ช่วงหนึ่งส่งงานแสดงศิลปกรรมแห่งชาติเหมือนอาร์ตติสทั่วไปมีรับเขียน
แอร์บรัชอยู่ที่บ้านตอนนั้นคือใครให้ทำอะไรที่เกี่ยวกับศิลปะทำหมด
ทีนี้พี่ตู่-นฤมิตรสุวรรณบุตรชวนมาทำกราฟฟิคที่บริษัทยูนิอิมเมจก็
ไปเป็นคนทำอาร์ตเวิร์คเขียนเลย์เอาท์ทำหัวจดหมายโลโก้ก็ทำไปแล้วพอดีคุณ
ลัดดาศรีสมวงศ์ลูกคุณสมภพศรีสมวงศ์มีบริษัทขายตรงมาเจอกันก็เรียก
เรามาทำงานคุณลัดดาก็เลยซื้อกล้องมีเดียมฟอร์แมทให้เพื่อไว้ถ่ายสินค้าในบริษัท
ตอนหลังออกจากที่นี่เจ้านายก็ยกกล้องให้ติดตัวไปพร้อมเครื่องวัดแสงอีกตัวมี
แฟลชเล็กอีกตัว
มาเปิดพีเอ็มกราฟฟิคทำกราฟฟิคดีไซน์ทั่วไปก็เริ่มมีปัญหาว่า...อย่าง
ออกแบบโบรชัวร์บ้านมันจะต้องมีแบบเปอร์สเปคตีฟ(Perspective)สมัยก่อนใช้
เขียนด้วยสีหมึกเสร็จแล้วต้องถ่ายก๊อปปี้ด้วยสไลด์เพื่อใช้ในการแยกสีต้อง
ส่งไปก๊อปปี้ชิ้นหนึ่งประมาณ300-500บาทบางทีเรารับงานมาได้ไม่กี่ตังค์เจอ
ค่าก๊อปปี้เป็นหมื่นก็ไม่ไหวที่ออฟฟิศก็เลยซื้อกล้องตัวแรกคือฮอร์สแมน4คูณ5
มาถ่ายมีอแดปเตอร์สำหรับฟิล์ม120มม.ซื้อไฟยี่ห้อแฮนเซลมีหนังสือThe
Studioเป็นไบเบิลในการเรียนกล้อง4คูณ5ก็เรียนรู้จากตรงนี้เป็นหลักเรื่อง
ไลท์ติ้งก็เริ่มเรียนรู้ไปก็เริ่มมีโปรดักต์เข้ามาถ่ายเริ่มส่งให้เอเจนซี่ดู
เริ่มถ่ายรูปแรกๆเสียงตอบรับเป็นอย่างไร
ปรากฎว่าการตอบรับ...เลวมากไม่มีใครเรียกใช้เราเลยเรื่องแปลกยุค
นั้นคือเอเจนซี่จะทำงานกับสตูดิโอใหญ่ๆที่มีอยู่แค่5-6เจ้าตอนหลังแอดที่เรา
ถ่ายลงไทยรัฐก็ตัดเก็บไว้เอาไปโชว์เป็นงานจริงก็เริ่มได้รับการยอมรับ
มาเจอช่วงพฤษภาทมิฬเจอปัญหาการเมืองกันช่วงนั้นออฟฟิศก็มีปัญหางาน
โดนแคนเซิลหมดพอเปิดมาอีกทีเลยคิดว่าไม่ทำกราฟฟิคแล้วยุคนั้น“รีทัช”(การ
ตกแต่งภาพให้ได้องค์ประกอบตามต้องการโดยเฉพาะภาพที่เป็นไปไม่ได้ในความ
จริงเช่นทำให้ดูเหมือนคนกำลังบินฯลฯ)กำลังมาจำได้ว่ามีบริษัทแลนด์แอนด์
เฮาส์ละมั๊งไปจ้างงานที่เมืองนอกบริษัทเซนโทรงานบ้านชิ้นหนึ่งตก4-5แสนบาท
ตรงนี้มันก็เหมือนขนมหวานล่อเราเลยคิดว่าจะทำรีทัชอย่างเดียวส่วนงานถ่าย
รูปตอนนั้นต้องเก็บกล้องเลยเพราะไม่มีลูกค้า
เริ่มเข้าสู่การประกวด
ตอนหลังมารู้ว่ามีรางวัล“B.A.D.Award”ก็ส่งก็ปรากฎว่าได้มา
เป็นรางวัลแรกผมเนี่ยเป็นคนบ้ารางวัลพอสมควรเพราะเชื่อว่ารางวัลสามารถ
เปลี่ยนแปลงคนได้เหมือนสมัยเรียนการได้ติดบอร์ดการได้ที่1ของโรงเรียนมัน
พิเศษนะทำให้ชีวิตของเรามันเปลี่ยนไปในทางบวกมันไม่ได้ตอบโจทย์ทั้งหมดแต่
เป็นการเริ่มต้นที่ทำให้บางอย่างเริ่มเปลี่ยนในชีวิตเราชีวิตมันเปลี่ยนแปลงได้โดยผล
งานพอได้“B.A.D.Award”ชีวิตก็เปลี่ยนคนก็พุ่งเข้ามาหาเราคนก็มองว่าไอ้นี่
มันเก่งอยากให้มันทำ
6
Anuchai Secharunputong
Photographer talk
พอได้รางวัลในประเทศเราก็ไม่เคยรู้เรื่องว่าอ๋อมัน
มีเทศกาลในต่างประเทศด้วยนะมีงานโน้นงานนี้เยอะแยะไปหมด
งานชิ้นที่เราได้รางวัลในเมืองไทยเนี่ยอาร์ตไดเรคเตอร์เขาก็
ส่งไปประกวดเมืองนอก...ก็ได้รางวัลอีกได้รางวัลจากสนามหนึ่ง
แล้วก็ไปวนไปได้รางวัลอื่นอีก
เริ่มจะ“โกอินเตอร์”แล้ว
ก็มีส่งงานไปประกวดที่เมืองคานส์ฝรั่งเศส
(CannesInternationalAdvertisingFestival)ก็ด้วยความ
อยากรู้อยากเห็นนะปีแรกก็ไปแบบอ่อนด้อยปัญญาภาษา
อังกฤษก็ไม่เก่งไปก็แพงค่าเครื่องบินก็3-4หมื่นค่าโรงแรม
2หมื่นค่าเข้างาน8หมื่นบาทมีบูธมีสัมนามีไดเรกเตอร์
ครีเอทีฟระดับโลกมาไปก็ไปยืนดูรูปติดบอร์ดเมื่อก่อนยังไม่
เข้าใจเรื่องไอเดียเห็นทุกอย่างสวยหมดโห...ทำได้ไงวะคนเหาะ
ได้ทำรถทะลุกำแพงโอ้โหชอบแต่ปรากฎว่างานพวกนี้ตกรอบ
หมด
ไปเจออยู่งานหนึ่งเป็นโปสเตอร์ก็จะเขียนว่าตูริน...
เบอร์ลิน...ลอนดอน...จาการ์ตา...เป็นชื่อเมืองทั้งหมดเลยนะไล่มา
ตามทวีปจนมาถึงสุดท้ายเป็นรูปรองเท้าไนกี้โทรมๆแล้วเขียน
ว่า“NikeRun”เราก็งง...มันได้เหรียญทองได้ไงวะโฟโต้ก็ไม่ได้
สวยเลย์เอาท์ก็เรียบๆง่ายๆตอนหลังมีพี่คนหนึ่งมาอธิบาย
ว่าเนี่ยมันเป็นงานไอเดียมันจะบอกว่ารองเท้ามันเนี่ยวิ่งมาทั่ว
โลกแล้วแล้วมันก็ยังไม่ขาดนะเราก็ถึงอ๋อ...งานครีเอทีฟมันเป็น
อย่างนี้นี่เองเมื่อก่อนเราไปติดกับรูปแบบว่าต้องรูปสวยรูป
ลึกล้ำรูปทำยาก
ทีนี้มีบางประเทศก็เริ่มฉลาดทำเป็นBookอย่าง
BrazilBook,ArgentinaBookรวบรวมเอเจนซี่ทั้งประเทศที่
เคยได้รางวัลในย่านลาตินเพื่อเป็นข้อมูลให้กรรมการดูว่าเออ
เคยได้รางวัลโน้นนี้มันก็ดูหล่อขึ้นมาเราก็คิดเล่นๆว่าน่าทำ
ThaiBookนะก็เริ่มพิมพ์โบรชัวร์ว่าเราส่งงานไปกี่ชิ้นและน่า
จะมีชิ้นไหนบ้างที่ติดรางวัลก็ไปยืนแจกหน้าคานส์ปรากฎว่าได้
ผลไปเข้าตาหนังสือเมืองนอกก็เริ่มมีคนมาสัมภาษณ์จนเรา
ได้รางวัลShotListหลายๆทีก็เริ่มคิดว่าจะทำยังไงให้คนรู้จัก
ก็จะอยู่แถวบอร์ดงานเราเนี่ยละใครมาก็เข้าไปคุยแนะนำตัวว่าเ
มันเหมือนต้นไม้...ต้องหาให้เจอว่าตัวเราคือต้นอะไรถ้าเราเป็นต้นแอปเปิ้ล
แต่มาอยู่กลางกรุงเทพฯมันไม่ออกดอกออกผลแต่ถ้ารู้ว่าเราคือต้นแอปเปิ้ลเราอยู่ตรงนี้ไม่ได้หรอกต้องไปหาอากาศเย็นออกจากกรุงเทพฯไปอยู่เชียงใหม่ไปถึงก็หาต่อไปอีกว่าเราจะไปอยู่ตีนดอยหรือยอดดอยถึง
จะเหมาะกับพันธุ์ของเรา
มันอาจจะออกผลมากบ้างน้อยบ้าง แต่ดีกว่าอยู่ที่เดิมแน่นอน
...
““
6 7
ในระบบที่เราอยู่อะไรที่มันคล้ายๆกันมันจะไม่ประสบความสำเร็จแต่ถ้ามันแปลกโดดเด่นไม่เหมือนคนอื่นเนี่ยจะดี
เป็นช่างภาพโฆษณานะเนี่ย...ได้รางวัลเยอะแยะไปหมด
พอไปต่อเนื่องหลายๆครั้งก็เริ่มมีเครือข่ายไปเจอคนที่เคยรู้จักจาก
ปีก่อนๆก็จะแนะนำต่อๆกันไปนะบางคนบอกเพื่อน...นี่อนุชัยTopPhotog-
rapherinThailandนะ...ก็เริ่มคอนเนกต์ไปเป็นลูกโซ่แล้วพอตอนที่ได้รางวัล
เหรียญทองก็ดังมากเริ่มมีชื่อเสียงในแวดวงถ่ายภาพ
ในที่สุดก็มาคว้าตำแหน่งช่างภาพอันดับหนึ่งของโลก
พอได้รางวัลมากๆก็เริ่มมีการจัดอันดับ(Ranking)คือArchive
Magazineเขาจะจัดอันดับช่างภาพจากรางวัลที่ได้รับก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ได้เป็นที่
หนึ่งคู่กับนาดาฟเคเดอร์ซึ่งเป็นTopPhotographerintheWorldในแง่
ภาพถ่ายAdvertisingนะถ้าดูคะแนนตอนนี้ก็รู้สึกว่ายังเป็นที่หนึ่งของเมืองไทย
อยู่นะ
ขณะที่ทำงานทุกชิ้นเรามองว่าทุกงานเป็นโอกาสเราใส่เกินร้อยในชิ้น
งานนั้นแล้วชีวิตมันก็สอนเราว่าถ้าเราทำดีที่สุดในงานของเราแล้วเดี๋ยวระบบของ
สังคมมันจะจัดการให้เราเองเดี๋ยวจะมีคนเชิญไปอยู่ตรงนั้นตรงนี้เอง
จากภาพถ่ายโฆษณาหันมาสู่การถ่ายภาพเชิงศิลปะได้อย่างไร
ขณะที่เราถ่ายรูปโฆษณาอยู่เนี่ยเราก็ยังถ่ายรูปFineArtบ้างไป
ถ่ายขาวดำกับคุณสุรัตน์โอสถานุเคราะห์เมื่อสัก14ปีที่แล้วแต่ก็ยังไม่คิดจัด
นิทรรศการคิดว่ายังไม่เก่งพอมีคนชวนแสดงก็ส่งไปร่วม1-2รูปเรื่องFine
Artตอนนั้นคิดว่ายังไม่ถึงเวลาเราอยากเอางานอาชีพให้มันExcellentก่อน
จนพร้อมก็เลยคิดว่าจะแบ่งเวลามาทำFineArt
ตอนแรกคนก็จะบอกว่าอนุชัยมันรีทัชได้อย่างเดียวถ่ายรูปไม่เป็นเพราะ
เราไม่ได้ประกาศตัวเป็นPhotographerช่วงหลังๆก็ประกาศตัวเป็นPhotog-
rapherคนก็เอาอีก...ไอ้นี่มันAdvertisingPhotographerไม่ใช่FineArt
Photographerเราก็...แหมกูจะAdvertisingPhotographerหรือFineArt
Photographerมันก็คือPhotographyนั่นแหละมันก็คืองานศิลปะชนิดหนึ่ง
เพียงแต่บั้นปลายมันไปรับใช้ใครเท่านั้นเอง
เราเป็นศิลปินปีๆหนึ่งเราก็อยากมีนิทรรศการเดี่ยวซึ่งมันอาจจะ
ออกมาใช้ได้หรือดีไปเลยหรือไม่ฆ่าตัวตายในระบบที่เราอยู่อะไรที่มันคล้ายๆกัน
มันจะไม่ประสบความสำเร็จแต่ถ้ามันแปลกโดดเด่นไม่เหมือนคนอื่นเนี่ยจะดีก็
มาคิดว่าถ้าทำแบบเจออะไรก็ถ่ายแล้วมาใส่ชื่อว่าความเหงาความเดียวดายการ
พักผ่อนอะไรเรื่อยเปื่อยมันจะต่างอะไรกับหนังสือฝรั่งที่เราซื้อมาดู
มาถึงงานที่คนทั้งประเทศรู้จักอนุชัยในฐานะ“ศิลปินภาพถ่าย”คือ
นิทรรศการ“ภาพเล่าเรื่องพระเจ้าอยู่หัวในดวงใจ”ปลายปี2550
มันมีคำถามในชีวิตผมว่าคนไทยรักพระเจ้าอยู่หัวเนี่ยเรารู้แต่เราไม่
ค่อยได้ยินออกจากปากพอเราทำชุดนี้เราไปสัมภาษณ์มีคำพูดของเจ้าของบ้าน
มาใส่มีวิดีโอเข้ามามันได้ความในใจของผู้คนพอคนมาดูนิทรรศการกลับบ้าน
ไปดูซิบ้านเรามีรูปในหลวงรูปนี้มีที่มาอย่างไรก็เกิดความสัมพันธ์ระหว่างคนใน
ครอบครัวระหว่างคนบ้านใกล้เรือนเคียงเกิดปฏิกริยาเป็นลูกโซ่อยากให้คนลุก
ขึ้นมาพูดว่ารักในหลวงอย่างไร
หลังจากนั้นก็มีนิทรรศการต่อๆมาอีกหลายงานอย่างงานชุด
“หน้ากาก”หรืองานชุด“ความสอดคล้องของความจริง”ที่ใช้สแกนเนอร์ถ่ายแทน
กล้องมันก็ไม่ใหม่หรอกที่ไปแสดงต่างประเทศได้เป็นเรื่องวิธีคิดมากกว่าฝรั่งให้
ความสนใจเรื่องไอเดียมากทุกอย่างมันเคยมีคนทำมาหมดแล้วละเพราะฉะนั้นมัน
ต้องการอะไรที่แปลกใหม่ต้องการอะไรที่มันเป็นInspirationให้คนในโลก
ในแง่ของการขายผลงานเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในช่างภาพไทยที่ขายผลงาน
ภาพถ่ายได้ราคาค่อนข้างสูง
การขายงานแรกๆเลยก็จะมีงานที่ถ่ายภาพชาวมอแกนช่วงสึนามิแล้ว
ในชุดเดียวกันก็มีไปประมูลที่คริสตี้ฮ่องกงงานชุดหน้ากากก็มีคุณบุญชัยเบญจ
รงคกุลซื้อไปมีคนอื่นซื้อไปชิ้นละแสนกว่าบาทสองแสนงานประมูลภาพเอาเงิน
เข้ามหาวิทยาลัยศิลปากรงานดอกไม้ที่ใช้สแกนเนอร์ถ่ายแทนกล้องก็ขายไป5-6
ชิ้นชิ้นละ50,000บาทแล้วก็มีขายชิ้นเล็กๆน้อยๆเรื่อยๆ
งานพระเจ้าอยู่หัวในดวงใจก็ขายไป30กว่าชิ้นชิ้นละแสนตอนนี้ก็ยัง
มีคนซื้ออยู่เรื่อยๆก็กำลังรวบรวมเงินตรงนี้เพื่อทูลเกล้าฯถวาย
ประสบความสำเร็จเพราะ”คิดต่าง”
เมื่อก่อนตอนถ่ายโฆษณาจะถ่ายตามReferenceที่ลูกค้าถือมาหยิบ
นิตยสารมาให้ดูบอกอยากได้แบบนี้เราก็อ่อนด้อยทางปัญญาคิดว่าการทำให้
เหมือนฝรั่งได้คือเจ๋งจนวันหนึ่งเราเริ่มมาคิดว่าแล้วช่างภาพที่ได้ที่1ของโลกมัน
จะลอกใครวะช่างภาพระดับโลกทั้งหลายมันมีความเป็นตัวเองมากเลยไม่ได้ลอก
ใครแล้วทำไมเรายังลอกมันอยู่ก็เลยเป็นว่าอนุชัยทำอะไรต้องไม่เหมือนชาวบ้าน
มันเหมือนต้นไม้...ต้องหาให้เจอว่าตัวเราคือต้นอะไรถ้าเราเป็นต้น
แอปเปิ้ลแต่มาอยู่กลางกรุงเทพฯมันไม่ออกดอกออกผลแต่ถ้ารู้ว่าเราคือต้น
แอปเปิ้ลเราอยู่ตรงนี้ไม่ได้หรอกต้องไปหาอากาศเย็นออกจากกรุงเทพฯไปอยู่
เชียงใหม่ไปถึงก็หาต่อไปอีกว่าเราจะไปอยู่ตีนดอยหรือยอดดอยถึงจะเหมาะกับ
พันธุ์ของเรา
มันอาจจะออกผลมากบ้างน้อยบ้าง...แต่ดีกว่าอยู่ที่เดิมแน่นอน
จนวันหนึ่งเราเริ่มมาคิดว่าแล้วช่างภาพที่ได้ที่1ของโลกมันจะลอกใครวะช่างภาพระดับโลกทั้งหลายมันมี
ความเป็นตัวเองมากเลยไม่ได้ลอกใครแล้วทำไมเรายังลอกมันอยู่ก็เลยเป็นว่าอนุชัย
ทำอะไรต้องไม่เหมือนชาวบ้าน
“
“
9
F A S H I O N
I N S T U D I O T E C H N I Q U E S
Photography techniquesmission
การถ่ายภาพในสตูดิโอแฟชั่นแบบมืออาชีพเขามีกระบวนการการทำ งานในการถ่ายทำ แฟชั่นในสตูดิโอกันยังไงบ้าง
เนื่องด้วยผมได้มีโอกาสได้ทำ งานชุดหนึ่งให้ห้องเสื้อที่ New York แห่งหนึ่งซึ่งเป็นการถ่ายแฟชั่นในสตูดิโอเพื่อใช้ในการโฆษณา
จึงมีโอกาสเห็บเทคนิคดีๆมาแบ่งปันกัน
10
F A S H I O N
การทำ งานของชุดนี้เริ่มต้นด้วย pre production ซึ่งเป็นการวางแผนการทำ งานก่อนเริ่มถ่ายโดยการกำ หนด concept และ theme ของงานชุดนี้ก่อน ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นส่วนที่สำ�คัญมากส่วนหนึ่ง�เพราะเป็นการควบคุมการทำ�งานทั้งหมด�ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย�เวลาในการถ่ายทำ��และอื่นๆ�ถ้าเกิดมีการวางแผนในการทำ�งานที่ดีก็จะส่งผลทำ�ให้เราสามารถทำ�งานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย�ผลลัพธ์ของงานถ่ายภาพก็จะออกมาดีเช่นกัน� ���กระบวนการของ�pre�production�เริ่มต้นจากการสรุป concept ที่จะนำ เสนอและถ่ายทอดออกมาบนภาพถ่าย�โดยการดูจากเสื้อผ้าที่จะนำ�เสนอโดยชุดนี้ค่อนข้างจะเป็นในรูปแบบของเสื้อผ้าที่ทันสมัยนำ�แฟชั่น�ดังนั้นแล้ว�concept�ที่นำ�เสนอของชุดนี้จะเป็น�Trendy�style�เพราะว่าเสื้อผ้าที่นำ�เสนอเป็นเสื้อผ้าที่มีความแปลกใหม่บนความเรียบง่ายของเสื้อผ้า�ซึ่งเสื้อผ้าแต่ละชุดก็มีจุดเด่นในตัวมันเองอยู่แล้ว�ดังนั้นจึงเป็นส่วนที่ทำ�ให้เราสามารถถ่ายภาพออกมาได้ง่ายขึ้น�ส่วนต่อมาคือเรื่องของนางแบบที่จะนำ�เสนอเสื้อผ้า�งานชุดนี้นำ�เสนอเฉพาะเสื้อผ้าของผู้หญิงดังนั้นแล้วจึงใช้นางแบบเพียงอย่างเดียว�โดยมีการเลือกนางแบบที่มีสัดส่วนที่ดีและมีความเป็นสากล�เช่นนั้นแล้วทางทีมงานจึงเลือกนางแบบซึ่งเป็นผู้หญิงจากประเทศรัสเซียเพราะว่ารูปชุดนี้ต้องการจะนำ�เสนอความเป็นสากล�และเป็นห้องเสื้อที่ New York ด้วย รวมถึงนางแบบต่างประเทศจะมีสัดส่วนที่สูงโปร่งและเหมาะสมแก่การนำ เสนอของเสื้อผ้าชุดนี้มาก�ๆ
��การเลือกนางแบบนั้นถือเป็นสิ่งที่สำ�คัญอีกสิ่งหนึ่งเลยทีเดียว�เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ทำ�ให้ช่างภาพอย่างเราๆ�สามารถทำ�งานได้ง่ายขึ้น�เพราะนางแบบที่เป็นมืออาชีพนั้นจะมีความสามารถในการนำ�เสนอเรื่องของเสื้อผ้ากับอารมณ์ได้ดี�อีกทั้งสามารถโพสท่าได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็วทำ�ให้เราไม่เหนื่อยมากกับการทำ�งาน ���พอทุกอย่างลงตัวแล้วเราก็มากำ�หนดวันถ่ายทำ��เพื่อนัดกับทางทีมช่างแต่งหน้า-ทำ�ผม�รวมถึง�stylist�ซึ่งทีมงานเหล่านี้ถือว่าสำ�คัญมาก�เพราะพวกเขาคือคนที่เติมเต็มให้ภาพที่เราถ่ายนั้นออกมาสมบูรณ์�การแต่งหน้าทำ�ผมนั้นต้องคำ�นึงถึงหน้าตาของนางแบบและชุดที่จะนำ�เสนอด้วยเพราะไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะส่งผลให้ภาพถ่ายที่เราถ่ายทอดออกดูไม่สมบูรณ์และขัดตาเป็นอย่างมาก�นี่คือสาเหตุที่ทำ�ให้�stylist�ช่างแต่งหน้าทำ�ผมมีความสำ�คัญไม่แพ้ช่างภาพเหมือนกัน�ต่อมาคือส่วนของ�production�ซึ่งถือเป็นช่วงที่นับได้ว่าสำ�คัญที่สุดเพราะเป็นช่วงของการถ่ายทำ��เพราะงานจะออกมาดีหรือไม่ดีอยู่ที่ส่วนนี้เลย ���ในช่วงนี้เราจะต้องคำ�นึงถึงการวางแผนซึ่งเราทำ�เอาไว้ในส่วนของ�pre�production�ให้มากที่สุด�และควรจะต้องทำ�ตามในสิ่งที่เราวางแผนเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
��การเลือกนางแบบนั้นถือเป็นสิ่งที่สำ�คัญอีกสิ่งหนึ่งเลยทีเดียว�เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ทำ�ให้ช่างภาพอย่างเราๆ�สามารถทำ�งานได้ง่ายขึ้น�เพราะนางแบบที่เป็นมืออาชีพนั้นจะมีความสามารถในการนำ�เสนอเรื่องของเสื้อผ้ากับอารมณ์ได้ดี�อีกทั้งสามารถโพสท่าได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็วทำ�ให้เราไม่เหนื่อยมากกับการทำ�งาน ���พอทุกอย่างลงตัวแล้วเราก็มากำ�หนดวันถ่ายทำ��เพื่อนัดกับทางทีมช่างแต่งหน้า-ทำ ผม รวมถึง stylist ซึ่งทีมงานเหล่านี้ถือว่าสำ�คัญมาก�เพราะพวกเขาคือคนที่เติมเต็มให้ภาพที่เราถ่ายนั้นออกมาสมบูรณ์�การแต่งหน้าทำ�ผมนั้นต้องคำ�นึงถึงหน้าตาของนางแบบและชุดที่จะนำ�เสนอด้วยเพราะไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะส่งผลให้ภาพถ่ายที่เราถ่ายทอดออกดูไม่สมบูรณ์และขัดตาเป็นอย่างมาก�นี่คือสาเหตุที่ทำ�ให้�stylist�ช่างแต่งหน้าทำ�ผมมีความสำ�คัญไม่แพ้ช่างภาพเหมือนกัน�ต่อมาคือส่วนของ�production�ซึ่งถือเป็นช่วงที่นับได้ว่าสำ�คัญที่สุดเพราะเป็นช่วงของการถ่ายทำ��เพราะงานจะออกมาดีหรือไม่ดีอยู่ที่ส่วนนี้เลย ���ในช่วงนี้เราจะต้องคำ�นึงถึงการวางแผนซึ่งเราทำ�เอาไว้ในส่วนของ�pre�produc-tion�ให้มากที่สุด�และควรจะต้องทำ�ตามในสิ่งที่เราวางแผนเอาไว้ให้ได้มากที่สุด�เพราะถ้าเราไม่สามารถทำ�ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้แน่นอนที่สุดสิ่งต่างๆ�ที่จะตามมาเลยก็คือเรื่องของการเสียเวลา�เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย�การทำ�งานชุดนี้ผมถ่ายในสตูดิโอและทางลูกค้ามีการหาภาพตัวอย่างแฟชั่นที่ต้องการจะนำ�เสนอ�ซึ่งผมว่าเป็นสิ่งที่ดีมากในการทำ�งาน�เพราะมันทำ�ให้ทั้งช่างภาพและทางลูกค้าทำ�งานกันได้ง่ายขึ้นและเข้าใจได้ตรงกัน�ชุดนี้ผมแบ่งการถ่ายออกเป็นสองช่วง�โดยจัดไฟใหม่สองครั้งเพื่อให้ภาพที่ออกมาแตกต่างในเรื่องอารมณ์ของแสงโดยใช้ไฟทั้งหมด�5�ดวง
11
set1
ชุดแรกที่ผมถ่ายคือนำเสนอออกมาในรูปแบบที่เน้นเรื่องของ
เสื้อผ้าโดยการจัดไฟออกมาให้ค่อนข้างเคลียร์และให้นำเสนอ
เสื้อผ้าออกมาได้อย่างชัดเจนซึ่งผมเองจัดไฟยิงที่ฉากสองดวง
เพื่อให้ฉากสว่างและส่งผลทำให้ตัวแบบลอยออกมาจากฉากได้
อย่างชัดเจนใช้อีกดวงหนึ่งเพื่อสร้างhairlightบริเวณเส้นผม
และอีกสองดวงสุดท้ายใช้กับsoftboxและใช้ยิงด้านข้างทั้ง
สองฝั่งของตัวแบบเพื่อทำให้ภาพเคลียร์และเห็นรายละเอียดให้มาก
ที่สุดส่วนชุดที่สองที่ผมถ่ายนั้นผมใช้ไฟเพียงแค่สองดวงเล่น
กับshadeandshadowมากขึ้นทำให้ภาพดูมีมิติมากขึ้นถ้าเกิด
สังเกตจากการจัดไฟทั้งสองชุดจะทราบได้เลยว่าการจัดไฟนั้นส่ง
ผลต่ออารมณ์ของภาพมากๆเพราะภาพที่ถ่ายมาชุดแรกกับชุดที่
สองนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ชุดที่สองที่ผมถ่ายใช้ไฟดวงหนึ่งเพื่อสร้างhairlight
และอีกดวงหนึ่งใส่softboxใช้เป็นคีย์lightยิงที่ตัวของนาง
แบบสิ่งต่อมาในช่วงของการproductionที่เราจะต้องระลึกไว้
เสมอคือการนำเสนอเรื่องของเสื้อผ้าออกมาให้ได้ดีที่สุดสิ่งหนึ่ง
ที่ช่วยส่งเสริมจุดนี้คืออารมณ์ของหน้าแบบที่นำเสนอออกมาบน
ใบหน้าเพราะว่าการถ่ายภาพที่มีคนเข้ามาร่วมด้วยนั้นสิ่งที่จะสื่อ
ถึงคนดูได้ก่อนเลยก็คืออารมณ์ของนางแบบเพราะคนที่มาดูภาพ
หรืองานของเรานั้นสิ่งแรกที่สื่อสารระหว่างคนดูกับภาพก็คือตัว
ของนางแบบก่อนที่จะมาเป็นเสื้อผ้าดังนั้นแล้วถ้าเกิดนางแบบของ
เราสามารถที่จะถ่ายทอดอารมณ์ออกมาบนใบหน้าได้จะทำให้คน
ที่ดูภาพเข้าใจและเข้าถึงอารมณ์และสิ่งที่เราอยากจะนำเสนอบน
ภาพถ่ายได้ง่ายขึ้นซึ่งจุดนี้ก็ขึ้นอยู่กับนางแบบและช่างภาพว่าจะ
สามารถทำให้นางแบบนั้นดึงอารมณ์ออกมาได้มากแค่ไหน
set2
ส่วนสุดท้ายก็คือPostproductionเป็น
ส่วนที่เติมเต็มรูปมากที่สุดเพราะการFinish-
ingfileทำให้ภาพเหล่านั้นออกมาสมบูรณ์ที่สุด
เพราะบางภาพเราไม่สามารถจะถ่ายได้ในshot
เดียวจะต้องอาศัยการถ่ายภาพหลายshotแล้ว
มารีทัชกันทีหลังในกระบวนการprocessfile
นั้นมีหลายส่วนไม่ว่าจะเป็นการปรับอุณหภูมิของ
แสงความสว่างcontrastsaturationของสี
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำตามใจของคนปรับไม่ได้ต้องดู
ถึงเรื่องของconceptด้วยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออก
มาตรงตามที่วางเอาไว้
12
ส่วนต่อมาคือเรื่องของการรีทัชงานแฟชั่นส่วนใหญ่
ความสำคัญในการรีทัชอยู่ที่การปรับproportionของ
ร่างกายและการลบริ้วรอยต่างๆบนผิวและใบหน้าเป็น
ส่วนใหญ่
การปรับproportionของร่างกายไม่ว่าจะเป็นการ
ปรับลดต้นแขนต้นขาปรับช่วงขาให้ยาวขึ้นและส่วนอื่นๆ
ซึ่งปัจจุบันนี้มันไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับการใช้photo
shopในการทำเรื่องเหล่านี้แต่สิ่งที่ยากก็คือการปรับออก
มาให้ถูกscaleและทำให้ภาพนั้นไม่หลอกตาส่วนนี้เป็น
ส่วนที่สำคัญมากในการปรับเลยทีเดียวก็ว่าได้
ข้อแนะนำในจุดนี้คือการดูหนังสือเรื่องของสัดส่วนของ
คนเยอะๆดูภาพเยอะๆและต้องอย่าลืมที่จะฝึกฝนบ่อยๆ
ด้วยนะครับเพราะต่อให้เราดูเยอะแค่ไหนแต่ถ้าหากขาด
การฝึกฝนมันก็ศูนย์เปล่าได้เช่นกันต่อมาคือการรีทัชใน
ส่วนของใบหน้าของแบบสิ่งเหล่านี้คงจะเป็นสิ่งที่ทุกๆคน
ถนัดอยู่แล้วแต่บางครั้งแล้วการถ่ายภาพแนวนี้ก็ต้องระวัง
เช่นกันเพราะว่าการที่เรารีทัชจนเนียนใสไร้ริ้วรอยบาง
ครั้งมันไม่เป็นผลดีเท่าไหร่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับConceptของ
งานและสิ่งที่จะนำเสนอเพราะการที่เรารีทัชให้มันไม่เนียน
มากนักมันทำให้งานของเราดูจริงไม่หลอกตาจนเกินไป
ผมหวังว่าเรื่องนี้คงเป็นประโยชน์และช่วยไขข้อสงสัยให้ใครหลายๆคนที่
อยากจะเข้ามาทำงานสายนี้หรือเรียนรู้เกี่ยวกับงานสายอาชีพได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
งานสายนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะละเอียดอ่อนและใช้ประสบการณ์ค่อนข้างจะสูงสิ่ง
หนึ่งที่สามารถจะทำให้เราเรียนรู้ได้เร็วมากขึ้นก็คือการดูนิตยาสารที่เกี่ยวกับการ
ถ่ายแฟชั่นเยอะๆเพราะงานที่ช่างภาพแต่ละคนนำเสนอนั้นก็มีความหลากหลายและ
แตกต่างกันออกไปดังนั้นถ้าเราลองวิเคราะห์จากงานที่ช่างภาพมืออาชีพเหล่านั้นได้
ถ่ายทอดออกมาก่อนถือเป็นการเรียนรู้ที่ดีและเร็วด้วยนะครับ
13
Photography stylemission
การถ่ายภาพขาวดำไม่ใช่เรื่องยากเพียงแค่เรารู้จักวิธีการเริ่มต้นที่ดีก็จะสามารถทำให้ภาพถ่ายที่เราจะนำไปทำเป็นภาพขาวดำให้ออกมาสวยงามได้ง่ายขึ้นการเตรียมภาพที่ดีรู้จักมุมมองรู้จักโทนในการถ่ายภาพรู้จักขั้นตอนต่างๆเท่านี้คุณก็จะได้ภาพขาวดำไปอวดใครต่อใครแล้ววิธีการมีดังนี้
ให้ถ่ายภาพด้วยRAW?อธิบายง่ายๆก็คือให้กล้องมันเก็บรายละเอียดเอามาให้หมดแบบไม่บีบอัดไม่เหมือนไฟล์JPEGที่ลดรายละเอียดลงเยอะเลยสังเกตกันง่ายๆโดยไฟล์rawไฟล์จะใหญ่กว่าฉะนั้นตั้งค่าในกล้องให้เป็นRAWเต็มความจุของกล้องไปเลยง่ายๆแค่นี้ล่ะ
ถ่ายภาพด้วยRAW?
รีบไปซื้อมาใส่เลยโดยเจ้าตัวNDนี้จะได้ใช้เวลาเราถ่ายท้องฟ้ากับพื้นดินที่ค่าแสงมันต่างกันมากแบบว่าเราถ่ายฟ้าพอดีเอ๊ะทำไมพื้นดินมืดถ่ายพื้นพอดีฟ้าขาวอีกนั้นล่ะเอาไปใส่ซะเพื่อให้มันลดค่าแสงให้ออกมาพอดีทั้งท้องฟ้าและพื้นดินเลยง่ายมากส่วนฟิลเตอร์โพลาไรซ์(Polarizerfilter)หรือเรียกง่ายๆว่าPLแล้วกันใส่แล้วทำให้ท้องฟ้าเข็มขึ้นเวลาเราเอามาทำขาวดำมันจะได้ค่าเปรียบต่างกันสวยเชียวล่ะหรือใช้ถ่ายน้ำตกให้มันพลิ้วๆไหวๆอีกอย่างมันลดแสงด้วยก็ดูดิมันมืดขนาดนั้น
ทำไมต้องต่ำก็เพราะเราจะเอาไปแต่งในโปรมแกรมแต่งภาพต่อไปไงและต้องให้กล้องเราถ่ายมาดีที่สุดแบบไม่เอาnoiseเพราะnoiseหรือเกรนในสมัยฟิล์มทำในPSสวยกว่าหลากหลายกว่าด้วยเพราะฉะนั้นอย่าลืมขาตั้งนะจะบอกให้เพื่อความคมชัด
ตั้งค่าISOให้ต่ำถึงต่ำที่สุด
หาฟิลเตอร์NDและC-PLมาใส่ซะ
เราก็ทราบกันดีแล้วว่ากล้องดิจิตอลพอขาวหน่อยจะขาวหมดรายละเอียดแบบเนี่ยไม่ดีเราต้องระวังถ้าเราจะถ่ายลองหัดวัดแสงโดยใช้ระบบวัดแสงแบบเฉพาะจุดหรือเฉพาะส่วนไปเลยที่นี้เราก็เอาหลักวัดแสงโทนสว่างโทนมืดมาปรับง่ายๆถ้าถ่ายแล้วโทนสว่างก็ปรับชดเชยไปทางบวกสัก?หรือ1stopหรือกลับกันถ้ามันโทนมืดเราก็ชดเชยไปทางลบสักครึ่งถึง1stopเช่นกันแต่จะเท่าไรลองมองในจอlcdดูฝึกหลายครั้งครั้งต่อไปนึกแล้วชดเชยตามได้เลยเชียว
ระวังเวลาถ่ายภาพที่สภาพแสงแตกต่างกันเยอะ
ถ้าตอนแรกเราถ่ายเป็นRAWไม่ต้องกลัวเรามาปรับภาพทีหลังในโปรแกรมได้แต่ถ้าเราถ่ายแบบJPEGให้ตั้งให้ถูกตามคำแนะนำในกล้องหรือจำง่ายๆถ่ายกลางแจ้งตั้งเป็นdaylightเลยอันนี้มันจะมีผลต่อโทนเราอีกด้วยน่ะเจ้าไวท์บาลานซ์เนี่ย
ตั้งค่าไวท์บาลานซ์ให้ถูก
14
10 วิธี การถ่ายภาพขาวดำ ด้วยกล้องดิจิตอลให้มีประสิทธิภาพ
โดย ช.ช้าง
ตั้งค่าISOให้ต่ำถึงต่ำที่สุด
อันนี้ห้ามเลยให้ถ่ายด้วยภาพสีธรรมดาเนี่ยล่ะแล้วเราก็ไปปรับแต่งในโปรแกรมแต่งภาพต่อไปที่สำคัญจำไว้ว่าเวลาเราถ่ายเป็นขาวดำภาพจะออกเทากลางๆลองสังเกตดูแบบนี้โทนขาวดำก็ไม่ดีสิอีกอย่างเวลาเราถ่ายสีเรายังนำไปใช้ได้อีก
อย่าถ่ายด้วยโหมดขาวดำในกล้อง
ที่ให้ปรับกลางๆสาเหตุเพราะเราต้องการถ่ายขาวดำให้มีโทนตั้งแต่มืดไปสว่างให้มันมากที่สุดเก็บรายละเอียดมาดีที่สุดเข้าไปเมนูในกล้องแต่ละคนแล้วปรับดังนี้?เริ่มด้วยการปิดระบบSharpeningและระบบลดNoiseในเครื่องเป็นอันดับแรกเลยแล้วเลือกใช้ColourSpaceเป็นAdobe1998(ผลทางด้านรับช่วงสี)และปรับค่าSaturationเป็นค่ากลางแต่ต้องหลีกเลี่ยงการปรับตั้งContrastเพราะมันจะบีบโทนของภาพเราให้แคบ?แค่นี้ก็ได้โทนมาเยอะเลย
ปรับค่าในกล้องให้เป็นโหมดกลางๆ
เวลาถ่ายเสร็จลองดูฮิสโตแกรมไม่ว่าจะถ่ายเป็นRAWไฟล์หรือJPEGมันจะบอกภาพเราว่าถ่ายมืดไปหรือสว่างเกินไปได้ง่ายๆถ้ามันเทไปซ้ายก็อาจจะภาพมืดถ้ามันเทไปขวาก็อาจจะภาพสว่างวิธีดีที่สุดดูให้มันอยู่กลางๆและสม่ำเสมอนั้นล่ะดีที่สุดแล้วได้โทนมาครบด้วยจริงๆมันต้องดูรวมทั้งภาพล่ะ
ดูฮิสโตแกรมในเครื่อง
สำหรับกล้องคอมแพ็คหรือกล้องที่ไม่สามารถปรับเป็นโหมดRAWได้เพื่อความแปลกตาเพื่อโทนที่ดีขึ้นและทำให้ภาพขาวดำเราสวยงามและเป็นเอกลักษณ์และถ้าเราเข้าใจหลักพื้นฐานเรื่องโทนก็จะไปไกลอีกลองหัดใส่แล้วถ่ายดูหลายๆแบบ
ลองใส่ฟิลเตอร์ในตัวกล้อง
ก็คือมองและนึกว่าโลกนี้มันขาวดำมองแบบโทนหรือจำง่ายๆความเข้มที่ไล่จากดำไปเทาไปขาวนั้นล่ะเรียกว่าโทนแล้วดูว่าสีแดงโทนแบบไหนสีเขียวโทนแบบไหนสีนั้นสีนี้โทนแบบไหนเพราะขาวดำน่ะบางที่จากภาพสีที่เราคิดว่าสีจ๊าบๆเวลาแปลงเป็นขาวดำอาจจะโทนเท่ากันเลยก็ได้อันนี้อยู่ที่การฝึกและเรียนรู้กันล่ะครับ
หัดมองเป็นขาวดำ
ทั้ง10ข้อถ้าเรานำไปถ่ายภาพขาวดำน่ะเราก็จะได้ภาพที่ดีขึ้นภาพที่สวยขึ้นและยิ่งเราเอามาแต่งด้วยโปรแกรมขาวดำรู้วิธีและหลักนิดหน่อยภาพขาวดำคุณก็จะสวยขึ้นอีกมากเลยลองทำดูสิครับ1514
A photograph is not an accident – it is a concept. Ansel Adams