Minibook full
-
Upload
samard-sompukdee -
Category
Documents
-
view
190 -
download
0
Transcript of Minibook full
คำ�นำ�
สมุดเล่มเล็กนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา1193524โปรแกรมสร้างเว็บเพื่อการศึกษา
(WebProgrammingforEducation)โดยมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาหาความรู้ได้จากเรื่องการ
พัฒนาเว็บไซต์จากแหล่งความรู้และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเว็บไซต์องค์ประกอบของเว็บไซต์
ซึ่งรายงานนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับหลักการและทฤษฎีการสื่อสารการประชาสัมพันธ์การจัดการเรียนการ
สอนผ่านเว็บความหมายของเว็บไซต์การออกแบบและการพัฒนาขั้นตอนการพัฒนาการออกแบบ
โครงสร้างเว็บไซต์ส่วนประกอบของเว็บไซต์กระบวนการพัฒนาประเภทของเว็บไซต์การประเมิน
เว็บไซต์และการโปรโมทเว็บไซต์(Promotewed)
ผู้จัดทำาได้เลือกหัวข้อนี้ในการทำาสมุดเล่มเล็กเนื่องมาจากเป็นเรื่องที่น่าสนในตรงกับจุด
ประสงค์ในการเรียนในรายวิชา1193524โปรแกรมสร้างเว็บเพื่อการศึกษา(WebProgrammingfor
Education)ผู้จัดทำาจะต้องขอขอบคุณท่านอ.ปวริศสารมะโนผู้ให้ความรู้และแนวทางการศึกษา
เพื่อนๆทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอดผู้จัดทำาหวังว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้และเป็น
ประโยชน์แก่ทุกๆท่าน
คณะผู้จัดทำ�
28กรกฎาคม2556
ส�รบัญ
เรื่อง หน้�
หลักก�รและทฤษฎีก�รสื่อส�ร 1-3
ความหมายของการสื่อสาร
ประเภทของการสื่อสาร
ประสิทธิภาพของการสื่อสาร
ทฤษฎีและแบบจำาลองการสื่อสาร
ก�รประช�สัมพันธ์ 4-5
ความหมายของการประชาสัมพันธ์
องค์ประกอบของการประชาสัมพันธ์
ก�รเรียนก�รสอนผ่�นเว็บ (Web-Based Instruction) 5-6
การจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บ
การออกแบบการเรียนการสอนผ่านเว็บ
ประโยชน์ของการจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บ
การประเมินผลการเรียนการสอนผ่านเว็บ
คว�มหม�ยของเว็บไซต์ 6-7
ก�รออกแบบและขั้นตอนก�รพัฒน�เว็บไซต์ 7-11
ขั้นตอนการพัฒนาเว็บไซต์
การออกแบบเว็บไซต์
ก�รออกแบบโครงสร้�งของเว็บไซต์ 12-13
ส่วนประกอบของเว็บไซต์ 14
กระบวนก�รพัฒน�เว็บไซต์ 15-17
ประเภทของเว็บไซต์ 17-19
ก�รประเมินเว็บไซต์
ส�รบัญต่อ
เรื่อง หน้า
ก�รโปรโมทเว็บไซต์ (Promote wed) 20-21
ความหมายของการโปรเมทเว็บไซต์
เครื่องมือที่ใช้ในการโปรเมทเว็บไซต์
เว็บไซต์ยอดนิยมในการโปรโมทเว็บไซต์
บรรณ�นุกรม
1.หลักก�รและทฤษฎีก�รสื่อส�ร
คว�มหม�ยของก�รสื่อส�ร
ได้มีนักวิชาการหลายท่านให้ความหมายของการสื่อสารไว้ในหลายแง่มุมเช่น
จอร์จ เอ มิลเลอร์:เป็นการถ่ายทอดข่าวสารจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
จอร์จ เกิร์บเนอร์ :เป็นการแสดงกริยาสัมพันธ์ทางสังคมโดยใช้สัญลักษณ์วิลเบอร
แรมส์ :เป็นการมีความเข้าใจร่วมกันต่อเครื่องหมายที่แสดงข่าวสาiซึ่งสามารถสรุปให้เข้าใจได้ง่ายๆคือ
การถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารจากบุคคลฝ่ายหนึ่งที่เรียกว่าผู้ส่งสารไปยังยังบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งที่เรียกว่าผู้รับ
สารโดยผ่านช่องทางในการสื่อสารโดยมีองค์ประกอบที่สำาคัญคือผู้ส่งสาร(Sender)สาร(Message)ช่อง
ทาง(Channel)และตัวผู้รับสาร(Reciever)ซึ่งมักเรียกกันว่าSMCR
ประเภทของก�รสื่อส�ร
(1)การสื่อสารภายในบุคคล(IntrapersonalCommunication)การคิดหรือจินตนาการกับตัว
เองเป็นการคิดไตร่ตรองกับตัวเองก่อนที่จะมีการสื่อสารประเภทอื่นต่อไป
(2)การสื่อสารระหว่างบุคคล(InterpersonalCommunication)การที่บุคคลตั้งแต่2คนขึ้นไป
มาทำาการสื่อสารกันอย่างมีวัตถุประสงค์เช่นการพูดคุยปรึกษาหารือในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
(3)การสื่อสารกลุ่มย่อย(Small-group)Communication)การสื่อสารที่มีบุคคลร่วมกันทำาการ
สื่อสารเพื่อทำากิจกรรมร่วมกันแต่จำานวนไม่เกิน25คนเช่นชั้นเรียนขนาดเล็กห้องประชุมขนาดเล็ก
(4)การสื่อสารกลุ่มใหญ่(Large-groupCommunication)การสื่อสารระหว่างคนจำานวนมาก
เช่นภายในห้องประชุมใหญ่โรงภาพยนตร์โรงละครชั้นเรียนขนาดใหญ่
(5)การสื่อสารในองค์กร(OrganizationCommunication)การสื่อสารระหว่างสมาชิกภายใน
หน่วยงานเพื่อปฏิบัติงานให้สำาเร็จลุล่วงเช่นการสื่อสารระหว่าเพื่อนร่วมงานเจ้านายกับลูกน้อง
(6)การสื่อสารมวลชน(MassCommunication)การสื่อสารกับคนจำานวนมากในหลายๆพื้นที่
พร้อมกันโดยใช้สื่อมวลชนเช่นหนังสือพิมพ์นิตยสารวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์เป็นสื่อกลาง
เหมาะสำาหรับการส่งข่าวสารไปยังผู้คนจำานวนมากๆในเวลาเดียวกัน
(7)การสื่อสารระหว่างประเทศ(InternationalCommunication)การสื่อสารระหว่างบุคคลที่มี
ความแตกต่างกันในเชื้อชาติภาษาวัฒนธรรมการเมืองและสังคมเช่นการสื่อสารทางการทูตการสื่อสาร
เจรจาต่อรองเพื่อการทำาธุรกิจ
1
2
ประสิทธิภ�พของก�รสื่อส�ร
ตามองค์ประกอบของการสื่อสารทำาให้เห็นว่ามีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของการสื่อสารได้ดัง
นั้นจึงควรต้องทำาความเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบต่างเพื่อช่วยในการวางแผนการสื่อสารโดยสามารถศึกษาได้จากแบบ
จำาลองการสื่อสารของเบอร์โล
ทฤษฎีและแบบจำ�ลองก�รสื่อส�ร
ทฤษฎีคือข้อความเกี่ยวกับการทำางานของสิ่งต่างๆหรือข้อความที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างข้อเท็จจริงต่างๆ
แบบจำาลองเกิดจากความพยายามที่จะอธิบายปรากฏการณ์ทางการสื่อสารแบบต่างๆจึงสร้างแบบจำาลองขึ้น
แบบจำาลองทฤษฎีการสื่อสารมีอยู่4แบบคือ
(1)ทฤษฎีการสื่อสารเชิงระบบพฤติกรรม
(2)ทฤษฎีการสื่อสารเชิงพฤติกรรมการเข้าและถอดรหัส
(3)ทฤษฎีการสื่อสารเชิงปฏิสัมพันธ์
(4)ทฤษฎีการสื่อสารเชิงปริบททางสังคม
2. ก�รประช�สัมพันธ์
คว�มหม�ยของก�รประช�สัมพันธ์
การประชาสัมพันธ์หมายถึงการสื่อสารความคิดเห็นข่าวสารข้อเท็จจริงต่างๆไปสู่กลุ่ม
ประชาชนเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่างหน่วยงานองค์การสถาบันกับ
กลุ่มประชาชนเป้าหมายและประชาชนที่เกี่ยวข้องเพื่อหวังผลในความร่วมมือสนับสนุนจากประชาชน
รวมทั้งมีส่วนช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่หน่วยงานองค์การสถาบันด้วยทำาให้ประชาชนเกิด
ความนิยมเลื่อมใสศรัทธาต่อหน่วยงานตลอดจนค้นหาและกำาจัดแหล่งเข้าใจผิดช่วยลบล้างปัญหา
เพื่อสร้างความสำาเร็จในการดำาเนินงานของหน่วยงานนั้น
องค์ประกอบของก�รประช�สัมพันธ์
องค์ประกอบของการประชาสัมพันธ์หากพิจารณาจากกระบวนการสื่อสารเพื่อการประชาสัมพันธ์
แล้วก็สามารถจำาแนกองค์ประกอบสำาคัญของการประชาสัมพันธ์ออกเป็น4ประการคือ
(1)องค์กรสถาบันหรือหน่วยงาน
(2)ข่าวสารประชาสัมพันธ์
(3)สื่อประชาสัมพันธ์
(4)กลุ่มประชาชนเป้าหมายในการประชาสัมพันธ์
3. ก�รเรียนก�รสอนผ่�นเว็บ
การเรียนการสอนผ่านเว็บ(Web-BasedInstruction)เป็นการจัดสภาพการเรียนการสอนที่ได้รับการ
ออกแบบอย่างมีระบบโดยอาศัยคุณสมบัติและทรัพยากรของเวิลด์ไวด์เว็บมาเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดเพื่อส่ง
เสริมสนับสนุนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพโดยอาจจัดเป็นการเรียนการสอนทั้งกระบวนการหรือนำามา
ใช้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการทั้งหมดและช่วยขจัดปัญหาอุปสรรคของการเรียนการสอนทางด้านสถานที่
และเวลาอีกด้วย
ก�รจัดก�รเรียนก�รสอนผ่�นเว็บ
แบบการจัดการเรียนผ่านเว็บมีลักษณะการเรียนการสอนที่แตกต่างไปจากการเรียนการสอนในชั้นเรียน
ปกติที่คุ้นเคยกันดีซึ่งการจัดการเรียนการสอนดั้งเดิมในชั้นเรียนส่วนใหญ่จะมีลักษณะที่เน้นให้ผู้สอนเป็นผู้ป้อน
ความรู้ให้แก่ผู้เรียนทำาให้ผู้เรียนไม่ใฝ่ที่จะหาความรู้เพิ่มเติมมี5ประการคือ
(1)ในการจัดการเรียนการสอนโดยทั่วไปแล้ว
(2)การจัดการเรียนการสอนควรสนับสนุนให้มีการพัฒนาความร่วมมือระหว่างผู้เรียน
(3)ควรสนับสนุนให้ผู้เรียนรู้จักแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง(ActiveLearners)
(4)การให้ผลย้อนกลับแก่ผู้เรียนโดยทันทีทันใดช่วยให้ผู้เรียนได้ทราบถึงความสามารถของตน
(5)ควรสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนที่ไม่มีขีดจำากัด
ก�รออกแบบก�รเรียนก�รสอนผ่�นเว็บ
ในการออกแบบและพัฒนาเว็บการเรียนการสอนผ่านให้มีประสิทธิภาพนั้นมีแนวทางในการออกแบบการ
เรียนการสอนดังนี้
(1)ศึกษาเกี่ยวกับผู้เรียนและเนื้อหาที่จะนำามาพัฒนาเพื่อกำาหนดวัตถุประสงค์และหาแนวทางในการจัด
กิจกรรมการเรียน
(2)วางแผนเกี่ยวกับการจัดรูปแบบโครงสร้างของเนื้อหาศึกษาคุณลักษณะของเนื้อหาที่จะนำามาใช้เป็น
บทเรียนว่าควรจะนำาเสนอในลักษณะใด
(3)ออกแบบโครงสร้างเพื่อการเข้าถึงข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพโดยผู้ออกแบบควรศึกษาทำาความเข้าใจ
กับโครงสร้างของบทเรียนแบบต่างๆโดยพิจารณาจากลักษณะผู้เรียนและเนื้อหาว่าโครงสร้างลักษณะใดจะเอื้อ
อำานวยต่อการเข้าถึงข้อมูลของผู้เรียนได้ดีที่สุด
(4)ทดสอบรูปแบบเพื่อหาข้อผิดพลาดจากนั้นทำาการปรับปรุงแก้ไขและทดสอบซ้ำาอีกครั้งจนแน่ใจว่า
เป็นบทเรียนที่มีประสิทธิภาพก่อนที่จะนำาไปใช้งาน
จากที่กล่าวมาการเรียนการสอนผ่านเว็บเป็นการจัดการอย่างจงใจและนำาเสนอข้อมูลที่มีเป้าหมาย
เพื่อพัฒนาการเรียนรู้โดยเฉพาะดังนั้นการออกแบบเว็บช่วยสอนจึงต้องพิจารณาให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
และการจัดระเบียบของเนื้อหาในบทเรียนที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยให้การเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นไปอย่างมีระบบ
ประโยชน์ของก�รจัดก�รเรียนก�รสอนผ่�นเว็บ
ประโยชน์ของการเรียนการสอนผ่านเว็บมีมากมายหลายประการทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของ
การนำาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนซึ่งเป็นมิติใหม่ของเครื่องมือและกระบวนการในการเรียนการสอน
5
4. คว�มหม�ยของเว็บไซต์
ความรู้เกี่ยวกับเว็บไซต์ความหมายของเว็บไซต์คำาว่า“เว็บไซต์(Website)”มีผู้ให้ความหมายดังนี้
จักรชัยโสอินทร์และอุรุพงษ์กัลยาสิริ(2542:18)กล่าวว่า“เว็บไซต์คือสถานที่อยู่ของเว็บเพจที่
โปรแกรมค้นดูจะสามารถไปดึงข้อมูลมาเปิดให้ดูได้โดยเว็บไซต์นี้จะอยู่ในเครื่องที่ให้บริการที่เรียกว่าเครื่อง
บริการเว็บ”จากความหมายข้างต้นสรุปได้ว่าเว็บไซต์คือแหล่งรวบรวมเว็บเพจขององค์กรหนึ่งๆซึ่งจะ
ประกอบด้วยสื่อประสมต่างๆทั้งข้อความภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหวและเสียงเป็นที่อยู่ของสารสนเทศบน
อินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้โดยผ่านเวิลด์ไวด์เว็บ
ประภาพรช่างไม้(2548:5)กล่าวว่า“เว็บไซต์คือทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นเว็บซึ่ง
หมายความถึงเว็บเพจ(Webpage)ทุกหน้ารูปทุกรูปที่นำาเข้ามาใช้แฟ้มข้อมูลเสียงรูปเคลื่อนไหวและส่วน
ประกอบอื่นๆที่นำามาใช้เช่นโปรแกรมที่เขียนขึ้นสามารถเปรียบเทียบได้ว่าเว็บไซต์เป็นเสมือนหนังสือทั้ง
เล่ม”
5. ก�รออกแบบ
และขั้นตอนก�รพัฒน�เว็บไซต์
ขั้นตอนก�รพัฒน�เว็บไซต์
การพัฒนาเว็บไซต์อย่างมีหลักการดำาเนินการตามขั้นตอนที่ชัดเจนจะทำาให้ผู้สร้างเว็บไซต์สามารถใส่ใจ
รายละเอียดที่จำาเป็นในแต่ละขั้นตอนของการออกแบบซึ่งจะช่วยป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นและลดความ
เสี่ยงที่จะทำาให้เว็บประสบความล้มเหลวให้ผู้สร้างได้เว็บไซต์ที่ตรงกับเป้าหมายตามต้องการมีประโยชน์และ
ให้ความสะดวกแก่ผู้ที่เข้ามาใช้บริการการสร้างเว็บไซต์ที่ดีนั้นต้องอาศัยการออกแบบและจัดระบบข้อมูลอย่าง
เหมาะสม
ดวงพรเกี๋ยงคำา(2549:27)กล่าวถึงกระบวนการพัฒนาเว็บไซต์ไว้เป็นขั้นตอนดังภาพประกอบ2
ภ�พประกอบที่ 2 ขั้นตอนก�รออกแบบและก�รพัฒน�เว็บไซต์
ที่มา:ดวงพรเกี๋ยงคำา.(2549).คู่มือสร้างเว็บไซต์ด้วยตนเอง.หน้า28
(1)กำาหนดเป้าหมายและวางแผนการพัฒนาเว็บไซต์ควรกำาหนดเป้าหมายและวางแผนไว้ล่วงหน้าเพื่อ
ให้การทำางานในขั้นต่อไปมีแนวทางที่ชัดเจน
(2)วิเคราะห์และจัดโครงสร้างข้อมูลเป็นการนำาข้อมูลต่างๆที่รวบรวมได้จากขั้นแรกนำามาประเมิน
วิเคราะห์และจัดระบบ
(3)ออกแบบเว็บเพจและเตรียมข้อมูลเป็นขั้นตอนการออกแบบเค้าโครงและลักษณะด้านกราฟิกของ
หน้าเว็บเพจเพื่อให้ผู้ใช้เกิดอารมณ์ความรับรู้ต่อเว็บเพจตามที่ผู้สร้างต้องการ
4)ลงมือสร้างและทดสอบเป็นขั้นตอนที่เว็บเพจจะถูกสร้างขึ้นทีละหน้าโดยอาศัยเค้าโครงและองค์
ประกอบกราฟิกตามที่ออกแบบไว้และเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมาควรได้รับการทดสอบก่อนที่จะนำาออกเผยแพร่
(5)เผยแพร่และส่งเสริมให้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปการนำาเว็บไซต์ขึ้นเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตจะทำาด้วย
การอัพโหลด(Upload)แฟ้มข้อมูลทั้งหมดคือเอชทีเอ็มแอลและแฟ้มข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องขึ้นไปเก็บบน
เครื่องบริการที่เปิดบริการไว้
(6)ดูแลและปรับปรุงต่อเนื่องหลังจากที่เว็บไซต์ได้รับการเผยแพร่ไประยะหนึ่งควรปรับปรุงเพื่อให้
ผู้ใช้รู้สึกว่ามีความเปลี่ยนแปลงมีความใหม่ทันสมัย
ก�รออกแบบเว็บไซต์
การออกแบบเว็บไซต์อย่างมีประสิทธิภาพไว้ดังนี้(จิตเกษมพัฒนาศิริ.2539;ธวัชชัยศรีสุเทพ.
2544:16;วิเศษศักดิ์โครตอาษา.2542:184)
1)ความเรียบง่ายหมายถึงการสื่อสารเนื้อหาถึงผู้ใช้ให้อ่านเข้าใจง่ายโดยจำากัดองค์ประกอบเสริม
ที่เกี่ยวข้องกับการนำาเสนอให้เหลือเฉพาะสิ่งที่จำาเป็นเท่านั้น
2)ความสม่ำาเสมอหมายถึงสามารถสร้างความสม่ำาเสมอให้กับเว็บไซต์ได้นำาเสนอเว็บไซต์ในรูป
แบบเดียวกันตลอดทั้งเว็บไซต์เนื่องจากผู้ใช้จะรู้สึกกับเว็บไซต์ว่าเป็นเสมือนสถานที่จริงถ้าลักษณะของ
แต่ละหน้าในเว็บไซต์เดียวกันนั้นแตกต่างกันมากผู้ใช้ก็จะเกิดความสับสนและไม่แน่ใจว่ากำาลังอยู่ในเว็บเดิม
หรือไม่ดังนั้นรูปแบบของหน้าเว็บรูปแบบของกราฟิกระบบนำาทางและกลุ่มสีที่ใช้ควรจะมีความคล้ายคลึง
กันตลอดทั้งเว็บไซต์
3)ความเป็นเอกลักษณ์การออกแบบต้องคำานึงถึงลักษณะขององค์กรเนื่องจากรูปแบบของ
เว็บไซต์สามารถสะท้อนถึงลักษณะขององค์กรนั้น
ได้การใช้ชุดสีชนิดตัวอักษรรูปภาพและกราฟิกจะมีผลต่อรูปแบบของเว็บไซต์อย่างมากผู้ออกแบบจึงต้อง
เลือกใช้องค์ประกอบเหล่านี้อย่างเหมาะสม
4)เนื้อหาที่มีประโยชน์เนื้อหาถือเป็นสิ่งที่สำาคัญที่สุดในเว็บไซต์ดังนั้นในเว็บไซต์ควรจัดเตรียม
เนื้อหาและข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการให้ถูกต้องและสมบูรณ์โดยมีการปรับปรุงและเพิ่มเติมให้ทันต่อเหตุการณ์อยู่
เสมอเนื้อหาที่สำาคัญที่สุดคือเนื้อหาที่สร้างขึ้นมาเองและไม่ซ้ำากับเว็บอื่นเพราะจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดผู้ใช้ให้เข้า
มาในเว็บไซต์อยู่เสมอต่างจากเนื้อหาที่เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่นซึ่งเมื่อผู้ใช้รู้ถึงแหล่งข้อมูลจริงๆแล้วก็ไม่จำา
เป็นต้องกลับมาที่จุดเชื่อมโยงเหล่านั้นอีก
5)ระบบนำาทางที่ใช้งานง่ายระบบนำาทางเป็นองค์ประกอบที่สำาคัญมากของเว็บไซต์ต้องออกแบบ
ให้ผู้ใช้เข้าใจได้ง่ายและใช้งานสะดวกโดยใช้กราฟิกที่สื่อความหมายร่วมกับคำาอธิบายที่ชัดเจนรวมทั้งมีรูป
แบบและลำาดับของรายการที่สม่ำาเสมอเช่นวางไว้ในตำาแหน่งเดียวกันของทุกๆหน้านอกจากนั้นถ้าใช้
ระบบนำาทางแบบกราฟิกในส่วนบนของหน้าเว็บแล้วอาจเพิ่มระบบนำาทางที่เป็นตัวอักษรไว้ที่ตอนท้ายของ
หน้าเว็บเพื่อช่วยอำานวยความสะดวกให้กับผู้ที่ใช้โปรแกรมค้นดูอีกทางหนึ่ง
6)มีลักษณะที่น่าสนใจเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินว่าลักษณะหน้าเว็บของเว็บไซต์จะมีความน่าสนใจ
หรือไม่เพราะเกี่ยวข้องกับความชอบของแต่ละบุคคลอย่างไรก็ดีหน้าเว็บของเว็บไซต์จะมีความสัมพันธ์กับ
คุณภาพขององค์ประกอบต่างๆเช่นคุณภาพของกราฟิกที่จะต้องสมบูรณ์ไม่มีร่องรอยของความเสียหาย
เป็นจุดด่างหรือมีขอบเป็นขั้นบันไดให้เห็นการใช้ชนิดตัวอักษรที่อ่านง่ายสบายตา
8
7)การเข้าใช้งานได้ไม่จำากัดควรออกแบบเว็บไซต์ให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่เข้าถึงได้มากที่สุดโดยไม่มีการ
บังคับให้ผู้ใช้ต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆเพิ่มเติมหรือต้องเลือกใช้โปรแกรมค้นดูโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่ง
จึงจะสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้สามารถแสดงผลได้ในทุกระบบปฏิบัติการและที่ความละเอียดหน้าจอต่างๆ
กันอย่างไม่มีปัญหาสิ่งเหล่านี้จะยิ่งมีความสำาคัญมากขึ้นสำาหรับเว็บที่มีผู้ใช้บริการจำานวนมากหรือมีกลุ่ม
เป้าหมายที่หลากหลาย
8)มีคุณภาพในการออกแบบมีความสำาคัญกับการออกแบบเว็บไซต์เช่นเดียวกับสื่อประเภท
อื่นๆที่ต้องออกแบบและเรียบเรียงเนื้อหาอย่างรอบคอบเว็บที่ทำาขึ้นอย่างไม่มีมาตรฐานในการออกแบบ
และการจัดระบบข้อมูลนั้นเมื่อมีข้อมูลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็จะเกิดปัญหาข้อมูลสับสนไม่เป็นระบบและไม่
สามารถสร้างความน่าเชื่อถือจากผู้ใช้ได้
9)ระบบใช้งานได้ถูกต้องระบบการทำางานต่างๆในเว็บไซต์จะต้องมีความแน่นอนและทำาหน้าที่
ได้อย่างถูกต้องเช่นถ้ามีแบบฟอร์มสำาหรับให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลต้องแน่ใจว่าแบบฟอร์มนั้นสามารถใช้การ
ได้จริงหรืออย่างง่ายที่สุดก็คือจุดเชื่อมโยงต่างๆที่มีอยู่นั้นจะต้องเชื่อมโยงไปยังหน้าที่มีปรากฏอยู่จริง
และถูกต้องด้วยความรับผิดชอบของผู้จัดทำาเว็บคือการทำาให้ระบบเหล่านั้นใช้งานได้ตั้งแต่แรกและยัง
ต้องคอยตรวจสอบอยู่เสมอเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งเหล่านั้นยังทำางานได้ดีโดยเฉพาะจุดเชื่อมโยงที่เชื่อมโยงไป
ยังเว็บอื่นซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นจะมีคุณภาพดีหรือไม่นั้นผู้ใช้เป็นผู้
ตัดสินโดยเริ่มตั้งแต่ผู้ใช้เห็นเว็บไซต์เป็นครั้งแรกเพราะฉะนั้นจึงต้องสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้งาน
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้งานเพื่อให้ผู้ใช้กลับมาใช้เว็บไซต์อีกครั้ง
6. ก�รออกแบบโครงสร้�งของเว็บไซต์
การที่จะออกเว็บไซต์ให้ได้ผลตามวัตถุประสงค์นั้นจากที่กล่าวมาแล้วในเรื่องของเว็บไซต์เว็บไซต์และโฮมเพจ
จะเห็นได้ว่าแต่ละเว็บไซต์จะประกอบไปด้วยเว็บไซต์ตั้งแต่1หน้าไปจนกระทั่งไม่มีขีดจำากัดและโฮมเพจก็คือเว็บไซต์
หน้าแรกของเว็บไซต์ดังนั้นในส่วนของการออกแบบเว็บไซต์เป็นสำาคัญซึ่งนักออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์หลายท่านได้
ให้คำาแนะนำาไว้ดังนี้
จิตเกษมพัฒนาศิริ(2539)ได้เสนอแนะถึงการออกแบบเว็บไซต์ที่ดีว่า
1.มีรายการสารบัญแสดงรายละเอียดของเว็บไซต์
2.มีการเชื่อมโยงข้อมูลไปยังเป้าหมายได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด
3.เนื้อหากระชับสั้นและทันสมัยอยู่เสมอ
4.สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้อย่างทันท่วงที
5.เลือกใช้รูปภาพทำาหน้าที่แทนคำาบรรยายที่ยาวเกินไป
6.เข้าสู่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง
7.การสร้างและการออกแบบเว็บไซต์ง่ายต่อการใช้งานและตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้หมาย
8.มีการกำาหนดข้อมูลให้เป็นมาตรฐานเดียวกันโดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วนๆและจัดเป็นกลุ่ม
เป็นหมวดหมู่เพื่อความเป็นระเบียบทำาให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์สะดวกในการใช้งาน
จากหลักการและกระบวนในการออกแบบเว็บไซต์จะเห็นว่านอกจะต้องอาศัยความรู้และทักษะทางด้าน
คอมพิวเตอร์แล้วยังต้องอาศัยทักษะและความชำานาญทางด้านศิลปะควบคู่กันไปด้วยเช่นด้านการจัดวางข้อความ
ภาพรวมไปถึงเสียงและบางเว็บไซต์ที่ผู้ออกแบบมีความสามารถสูงก็อาจจะมีสื่อประสมประกอบด้วยเพื่อให้เว็บไซต์มี
ความน่าสนใจและน่าติดตามยิ่งขึ้นดังนั้นงานทางด้านศิลปะที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์หรือคอมพิวเตอร์กราฟิกและงาน
ด้านสื่อประสมที่อาศัยคอมพิวเตอร์จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้โดยที่งานดังกล่าวมีองค์ประกอบโดยสังเขปดังนี้
(1)การเกิดสีและภาพบนจอคอมพิวเตอร์จอภาพคอมพิวเตอร์ที่เราเห็นแสดงสีสันได้สวยงามนั้นก็มาจากการ
ผสมกันของแม่สี3สีโดยแต่ละสีจะมีความเข้มได้256ระดับคือตั้งแต่0-255และเมื่อผสมกันทั้ง3สีจำานวนสี
ที่สามารถแสดงได้ก็คือ256x256x256หรือประมาณ16.7ล้านสีหรือเรียกว่าความคมชัด24บิตการแสดงสีของ
ภาพที่ปรากฏจะชัดเจนหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความละเอียดของจอภาพ(resolution)และความสามารถของการ์ด
แสดงผลจอภาพ(VGACard)(วงศ์ประชาจันทร์สมวงศ์,2543)
(2)กราฟิกในเว็บไซต์แฟ้มรูปภาพหรือกราฟิกหมายถึงภาพที่ได้จากการสร้างดัดแปลงหรือภาพถ่ายภาพ
วาดลายเส้นภาพระบายสีหรือตัวอักษรที่นำามาใช้ในเว็บไซต์สามารถเรียกได้ว่ากราฟิกเช่นกันซึ่งการใช้กราฟิกบน
เว็บนั้นทำาได้3แบบดังนี้(กิดานันท์มลิทอง,2542)
(2.1)ภาพแทรกเป็นภาพที่แสดงบนเว็บ
(2.2)ภาพเข้าถึงด้วยการเชื่อมโยงภาพลักษณะเดียวกันแต่มีรายละเอียดและขนาดภาพน้อย
(2.3)ภาพกราฟิกพื้นหลังเมื่อต้องการตกแต่งเว็บไซต์ให้ดูสวยงามอาจจะใช้กราฟิกเป็นพื้นหลังแทนที่จะเป็นสีพื้นแต่
เพียงอย่างเดียว
(3)สื่อประสมในเว็บไซต์การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของซอฟต์แวร์ที่ใช้สร้างเว็บไซต์นอกจากจะทำาให้ผู้สร้าง
สามารถบรรจุภาพต่างๆลงไปในเว็บไซต์แล้วยังสามารถบรรจุสื่อประสม(multimedia)ได้อีกด้วยอาทิแฟ้มเสียง
ภาพเคลื่อนไหวภาพจากวีดิทัศน์ฯลฯเป็นต้นทำาให้เว็บไซต์มีความสวยงามน่าสนใจและน่าติดตามมากขึ้น
7. ส่วนประกอบของเว็บไซต์
ภายในเว็บไซต์หนึ่งๆมีเว็บเพจจำานวนหลายหน้าในแต่ละหน้ามีทั้งข้อความและสื่อประสมรวมกัน
ตามที่วิทยาเรืองพรวิสุทธิ์(2539:46-47)กล่าวถึงส่วนประกอบของเว็บไซต์สรุปได้ว่ามีส่วนประกอบต่างๆที่
จำาเป็นดังนี้
(1)ตัวอักษรเป็นข้อความปกติโดยสามารถตกแต่งให้สวยงามและมีลูกเล่นต่างๆ
(2)กราฟิกประกอบด้วยรูปภาพลายเส้นลายพื้นต่างๆมากมาย
(3)สื่อประสมประกอบด้วยข้อความภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหวเสียงและวีดิทัศน์
(4)ตัวนับใช้นับจำานวนผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บเพจ
(5)จุดเชื่อมโยงใช้เชื่อมโยงไปยังเว็บเพจของตนเองหรือเว็บเพจของคนอื่น
(6)แบบฟอร์มเป็นแบบฟอร์มที่ให้ผู้เข้าเยี่ยมชมกรอกรายละเอียดแล้วส่งกลับมายังเว็บเพจ
(7)กรอบเป็นการแบ่งจอภาพเป็นส่วนๆแต่ละส่วนก็จะแสดงข้อมูลที่แตกต่างกัน
(8)แผนที่ภาพเป็นรูปภาพขนาดใหญ่ที่กำาหนดส่วนต่างๆบนรูปเพื่อเชื่อมโยงไปยังเว็บ
(9)จาวาแอปเพล็ด(Javaapplets)เป็นโปรแกรมสำาเร็จรูปเล็กๆที่ใส่ลงในเว็บเพจสามารถเพิ่ม
ลักษณะพิเศษการโต้ตอบเช่นเพิ่มเกมส์หรือหน้าต่างสำาหรับป้อนหรือดูข้อมูลบนเว็บเซิร์ฟเวอร์ได้
เป็นต้นเพื่อให้การใช้งานเว็บเพจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
8. กระบวนก�รพัฒน�เว็บไซต์
สิ่งแรกที่นักพัฒนาเว็บควรทำาเมื่อเริ่มต้นพัฒนาเว็บไซต์คือกำาหนดกรอบกระบวนการทำางาน
(Framework)ที่แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนของการพัฒนาเว็บและรายละเอียดของงานในแต่ละขั้นตอนตั้งแต่
เริ่มต้นกระบวนการจนกระทั่งสิ้นสุดกระบวนการเพื่อให้การพัฒนาเว็บเป็นไปอย่างมีแบบแผนถึงแม้ว่าการ
กำาหนดกรอบการทำางานจะเป็นขั้นตอนที่มีความยุ่งยากแต่ก็เป็นเครื่องมือสำาคัญที่ช่วยให้การพัฒนาเว็บสำาเร็จ
ลุล่วงตรงตามวัตถุประสงค์ได้เพราะกรอบการทำางานจะช่วยป้องกันความผิดพลาดและความสับสนในระหว่าง
การพัฒนาเว็บโดยนักพัฒนาเว็บสามารถย้อนกลับมาตรวจสอบงานตามกรอบการทำางานในภายหลังได้ดังนี้
(1)กรอบการทำางานหรือแบบจำาลองกระบวนการ(ProcessModel)
(2)การกำาหนดขอบเขตของข้อมูล(ScopePlane)
(3)การสร้างกลยุทธ์ในการออกแบบ(StrategyPlane)
(4)การกำาหนดขอบเขตของข้อมูล(ScopePlane)
(5)การจัดทำาโครงการสร้างข้อมูล(StructruePlane)
(6)การออกแบบโครงสร้างเว็บเพจ(SkeletonPlane)
(7)การออกแบบรูปลักษณ์ของเว็บเพจ(SurfacePlane)
9. ประเภทของเว็บไซต์
เว็บไซต์ที่มีอยู่ในปัจจุบันมีรูปแบบและลักษณะที่แตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้เป็น
เจ้าของเว็บไซต์แต่ละเว็บไซต์จะมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันดังนั้นการออกแบบจึงต้องคำานึงถึง
ความสะดวกในการใช้งานการที่จะสามารถใช้งานเว็บไซต์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้นั้นจำาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง
เข้าใจถึงลักษณะของเว็บไซต์และจำาแนกแยกแยะได้ว่าเว็บไซต์เหล่านั้นมีความแตกต่างหรือเหมือนกันประการใด
รวมถึงมีหน้าที่หลักเฉพาะตัวอย่างไรบ้างประเภทของเว็บไซต์แบ่งตามลักษณะการใช้งานสามารถแบ่งออกเป็น5
ประเภทดังนี้(สมานลอยฟ้า.2544:3;วิเศษศักดิ์โครตอาษา.2542:184)
(1)เว็บไซต์เพื่อการประชาสัมพันธ์เป็นเว็บไซต์ที่จัดทำาโดยองค์กรต่างๆเว็บไซต์เหล่านี้เทียบได้
กับแผ่นพับหรือจดหมายข่าวเพียงแต่เว็บไซต์อาจมีข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่าเช่นข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิดและภารกิจ
ขององค์กรหรืออื่นๆเป็นต้นปกติที่อยู่ของเว็บไซต์เหล่านี้อาจลงท้ายด้วย.org
(2)เว็บไซต์เพื่อธุรกิจและการตลาดเป็นเว็บไซต์ที่จัดทำาโดยบริษัทธุรกิจต่างๆโดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อขายหรือโฆษณาสินค้าและบริการต่างๆในบางครั้งอาจมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เชื่อถือได้และให้
ใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่ในที่สุดก็มักจะถูกขอให้ซื้อสินค้าบางอย่างในการใช้ข้อมูลเหล่านี้ควรวิเคราะห์ด้วยความ
รอบคอบก่อนเนื่องจากธุรกิจการค้าต่างๆมักจะมีความลำาเอียงปกติที่อยู่ของเว็บไซต์เหล่านี้อาจลงท้ายด้วย
.com
(3)เว็บไซต์เพื่อข่าวสารเป็นเว็บไซต์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงและ
เพื่อแลกเปลี่ยนผลการวิจัยข้อมูลบางอย่างมีลักษณะคล้ายจุลสารที่มักพบได้ตามหน่วยงานต่างๆซึ่งมีประโย
ชน์สำาหรับเป็นข้อมูลพื้นฐานแต่เนื้อหามักจะขาดความลุ่มลึกปกติที่อยู่ของเว็บไซต์เหล่านี้อาจลงท้ายด้วย.gov
(4)เว็บไซต์ข่าวและเหตุการณ์เป็นเว็บไซต์ที่มีวัตถุประสงค์หลักในการให้ข่าวสารที่เป็น
ปัจจุบันที่สุดในฐานะที่เป็นบริการสาธารณะอย่างไรก็ตามเว็บไซต์เหล่านี้มักจะมีบริษัทหรือองค์กรต่างๆเป็น
ผู้ให้การสนับสนุนดังนั้นจึงมักพบโฆษณาปรากฏบนเว็บไซต์ผู้ใช้พึงระมัดระวังในเรื่องของความลำาเอียงที่อาจ
ปรากฏในข่าวที่นำาเสนอด้วยปกติที่อยู่ของเว็บไซต์เหล่านี้อาจลงท้ายด้วย.com
(5)เว็บไซต์ส่วนบุคคลเป็นเว็บไซต์ของบุคคลเพื่อเสนอแนวคิดหรือเพื่อประชาสัมพันธ์ตัวเอง
ในด้านต่างๆส่วนใหญ่มักเป็นงานที่ไม่ค่อยมีสาระปกติที่อยู่ของเว็บไซต์เหล่านี้อาจลงท้ายด้วย.comและมักจะ
มีเครื่องหมาย~ปรากฏในที่อยู่ด้วยการสร้างเว็บไซต์มีความจำาเป็นอย่างมากในการกำาหนดกรอบและทิศทาง
ของเว็บไซต์นั้นๆให้อยู่ในลักษณะหนึ่งลักษณะใดข้างต้นเพื่อให้การใช้งานที่จะเกิดขึ้นระหว่างเว็บไซต์และผู้
เยี่ยมชมเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้อย่างมีประสิทธิภาพ
10. ก�รประเมินเว็บไซต์
เนื่องจากเว็บไซต์ได้กลายเป็นเครื่องมืออีกชนิดหนึ่งที่ใช้สำาหรับการค้นหาสารสนเทศปัจจุบันแนวโน้มใน
การค้นหาสารสนเทศบนเว็บได้เพิ่มทวีมากขึ้นและผู้ใช้จำานวนไม่น้อยที่เริ่มต้นการค้นสารสนเทศจากเว็บก่อนเป็น
อันดับแรกหลังจากนั้นจึงค่อยค้นหาจากแหล่งสารสนเทศอื่นดังนั้นการประเมินสารสนเทศที่พบบนเว็บจึงเป็นกิจ
กรรมสำาคัญสำาหรับผู้ที่ต้องการใช้สารสนเทศจากเว็บเพื่อการศึกษาค้นคว้าและวิจัยในการประเมินเว็บไซต์ควร
ประเมินเว็บไซต์ตามหัวข้อดังต่อไปนี้(สมานลอยฟ้า.2544:4;วิเศษศักดิ์โครตอาษา.2542:185)
(1)จุดมุ่งหมายและกลุ่มผู้ใช้ได้แก่วัตถุประสงค์ของเว็บไซต์นั้นคืออะไรมีความชัดเจนหรือไม่และสารสน
เทศที่นำาเสนอเป็นที่พึงพอใจกับความต้องการของผู้ใช้หรือไม่
(2)ขอบข่ายได้แก่
(2.1)ความกว้างเช่นครอบคลุมเนื้อหาอะไรบ้าง
(2.2)ความลุ่มลึกเช่นเนื้อหามีความลุ่มลึกเพียงใดระดับของรายละเอียดของ
(2.3)ช่วงเวลาเช่นสารสนเทศที่นำาเสนอได้จำากัดช่วงเวลาไว้แน่นอนหรือไม่เป็นต้น
(2.4)รูปแบบเช่นถ้ามีการเชื่อมโยงไปยังแหล่งสารสนเทศอื่นๆ
(3)เนื้อหาองค์ประกอบสำาคัญที่เกี่ยวกับเนื้อหามีดังนี้
(3.1)ความถูกต้องเช่นสารสนเทศมีความถูกต้องเพียงใดหรือมีข้อผิดพลาดหรือไม่จุดมุ่งหมาย
ของการเขียนเอกสารนั้นคืออะไร
(3.2)หลักฐานในการเขียนเนื่องจากผู้สร้างเว็บไซต์เป็นใครก็ได้ดังนั้นการรู้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้แต่ง
จึงเป็นสิ่งสำาคัญ
(3.3)ความเป็นปัจจุบันเช่นระบุวันเดือนปีแจ้งไว้ที่หน้าโฮมเพจหรือไม่ถ้าไม่มีมีวิธีการที่จะรู้ได้
หรือไม่เอกสารนั้นผลิตขึ้นเมื่อใด
(3.4)ความเป็นปรนัยเช่นมีโฆษณาที่หน้าโฮมเพจหรือไม่
(3.5)ลักษณะเฉพาะเช่นเนื้อหาที่นำาเสนอสามารถหาได้จากสื่อในรูปแบบอื่นและสนับสนุน
แหล่งข้อมูลอื่นด้วยหรือไม่
(3.6)การเชื่อมโยงไปยังแหล่งสารสนเทศอื่นๆเช่นมีการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่นๆหรือไม่
(3.7)คุณภาพในการเขียนเช่นเนื้อหาเขียนดีหรือไม่ข้อมูลที่นำาเสนอมีความชัดเจนและเนื้อหา
เหมาะสมกับระดับของผู้อ่านหรือไม่
(4)กราฟิกและการออกแบบด้านสื่อประสมเช่นการนำาเสนอมีจุดสนใจหรือไม่และมีลักษณะเป็นมือ
อาชีพหรือไม่
(5)ความสามารถในการทำางานประเด็นในการพิจารณาได้แก่
(5.1)ด้านความสะดวกในการใช้งาน
(5.2)ด้านสภาพแวดล้อมเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่ต้องการ
(5.3)ด้านการสืบค้น
(5.5)ด้านการทำางานเชิงโต้ตอบ
(5.4)ด้านความสามารถในการเรียกดูข้อมูล
(6)ความสามารถในการเข้าถึงเป็นองค์ประกอบที่สำาคัญเพราะหากไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์นั้นได้ก็ไม่
สามารถประเมินสารสนเทศบนเว็บได้
(7)การวิจารณ์เว็บโดยผู้อื่นกล่าวคือมีผู้วิจารณ์และพูดถึงเว็บไซต์นั้นเป็นอย่างไร
(8)ค่าใช้จ่ายเป็นองค์ประกอบที่ใช้ในการประเมินน้อยกว่าองค์ประกอบอื่นๆเนื่องจากปัจจุบันอินเทอร์เน็ต
ได้เพิ่มโอกาสในการให้บริการแก่ผู้ใช้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการใช้สารสนเทศอย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายต่างๆยังคง
มีอยู่เช่นการใช้สารสนเทศจากแหล่งที่ต้องเสียค่าบริการซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพย์สินทางปัญญา
หรือค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับแหล่งสารสนเทศเป็นต้น
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการประเมินเว็บไซต์เป็นสิ่งจำาเป็นในการออกแบบเว็บไซต์อันจะทำาให้ทราบว่า
เว็บไซต์ใดเหมาะสมและเป็นประโยชน์ผู้ใช้บริการเว็บและผู้ออกแบบเว็บก็จะได้ประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่ายเว็บไซต์ที่
สร้างขึ้นก็จะมีคุณภาพและเป็นเว็บที่ดีบนอินเทอร์เน็ตต่อไป
11. ก�รโปรโมทเว็บไซต์
คว�มหม�ยของก�รโปรโมทเว็บไซต์
การโปรโมทเว็บไซต์(Promotewed)คือการโฆษณาเผยแพร่เว็บไซต์ที่เราสร้างขึ้นให้เป็นที่รู้จักอย่าง
ทั่วถึงโดยเฉพาะให้เป็นที่รู้จักของผู้ที่ใช้อินเทอร์เน็ตถือเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งสำาหรับใช้แจ้งข่าวสารเพื่อเชิญ
ชวนให้นักท่องเว็บได้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของตน
เครื่องมือที่ใช้ในก�รโปรเมทเว็บไซต์
โดยทั่วไปแล้วนักท่องเว็บมักจะทำาการค้นหาข้อมูลของเว็บไซต์ผ่านทางเครื่องมือประเภทต่างๆที่
สามารถนำามาใช้เป็นช่องทางในการโปรโมทเว็บไซต์และที่ได้รับความนิยมคือ
(1)การโปรโมทเว็บไซต์แบบออฟไลน์เป็นการโฆษณาผ่านทางสื่อหนังสือพิมพ์โดยการลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์
ทั่วๆไปเพื่อให้คนรู้จักและเข้าถึงได้
(2)การโปรโมทเว็บไซต์โดยใช้บริการเว็บไดเรกทอรี่(webdirectory)มีทั้งแบบเสียค่าใช้จ่ายและไม่เสียค่าใช้
จ่ายโดยหากต้องการให้ผลลัพธ์ของการค้นหาปรากฏอยู่ในลำาดับต้นๆอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกได้แก่
yahoo.com,mickinley.comและgoogle.comส่วนกรณีที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายผู้ใช้บริการจะต้องเป็นผู้จัด
ทำาหรือกำาหนดหมวดหมู่ที่ต้องการขึ้นเองโดยผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ปรากฏอยู่ลำาดับต้นๆโดยมีเว็บให้บริการได้แก่
sanook.com,hunsa.com,hotbot.comเป็นต้น
(3)การโปรโมทเว็บไซต์ทางSearchengineการโปรโมทเว็บไซต์ทางSearchengineของgoogleเข้าไป
ที่http://www.google.co.th/addurl
(4)เทคนิคการกำาหนดเพจให้กับเว็บไซต์เพื่อการค้นหาการกำาหนดแท็กไว้ในHTMLได้แก่การจัดทำาแท็กMeta
ของเอกสารHTMLและการกำาหนดคำาหลัก(keyword)ให้กับเว็บไซต์เพื่อให้เครื่องมือประเภทsearchen-
gineมาเรียกใช้เพื่อไปแสดงผลในการค้นหาถือว่าเป็นกลยุทธ์ในการโปรโมทเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมอีกรูปแบบ
หนึ่ง
เว็บไซต์ยอดนิยมในก�รโปรโมทเว็บไซต์
(1)www.overture.com
(2)www.yahoo.com
(3)www.lycos.com
(4)www.altavista.com
(5)www.dmoz.org
(6)www.google.com
(7)www.hotbot.com
(8)www.goto.com
(9)www.norternlight.com
บรรณ�นุกรม
นิติยาบุญรัตน์.(2553).การพัฒนาเว็บไซต์ห้องสมุดโรงเรียนเตรียม
อดุมศึกษาภาคใต้จังหวัดนครศรีธรรมราช.สารนิพนธ์ศศ.ม.(บรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศ
ศาสตร์).กรุงเทพฯ:บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
จักรพงษ์เจือจันทร์:การศึกษาการออกแบบเว็บไซต์ของโรงเรียนในโครงการ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียนไทย(ASTUDYOFWEBSite
DESIGNOFSCHOOLSINSCHOOLNETTHAILAND)อาจารย์ที่
ปรึกษา:รองศาสตราจารย์ดร.กิดานันท์มลิทอง,110หน้า.
ISBN974-13-0817-5
กิดานันท์มลิทอง.(2542).สรรค์สร้างหน้าเว็บและกราฟิกบนเว็บ.กรุงเทพฯ:
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ดวงพรเกี๋ยงคำา.(2549).คู่มือการสร้างเว็บไซต์ด้วยตนเอง.กรุงเทพฯ:
โปรวิชั่น.
ธนพลฉันจรัสวิชัย.(2548).รวมเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อย่างมืออาชีพ.
กรุงเทพฯ:ซีเอ็ดยูเคชั่น
การประชาสัมพันธ์.เข้าถึงได้จาก:
http://www.ipesp.ac.th/learning/thai/chapter7-5.html.
1กรกฎาคมพ.ศ.2556.
การเรียนการสอนผ่านเว็บ.เข้าถึงได้:http://www.kroobannok.com/133.
1กรกฎาคมพ.ศ.2556.
หลักการและทฤษฎีการสื่อสาร.เข้าถึงได้:
www.pirun.ku.ac.th/~agrpct/envelop/com%20theory.doc.
1กรกฎาคมพ.ศ.2556.