����GrammarGrammarGrammarGrammar ((((หลกัภาษาหลกัภาษาหลกัภาษาหลกัภาษา)))) ถาเราไมเขาใจหลักการใช เราก็ไป

ไหนไมถกูเหมือนภาษาไทยเลยคะสิง่แรกที่ตองรูจกักค็อื สิง่แรกที่ตองรูจกักค็อื สิง่แรกที่ตองรูจกักค็อื สิง่แรกที่ตองรูจกักค็อื Parts of Parts of Parts of Parts of

speech speech speech speech หมายความวาหมายความวาหมายความวาหมายความวา คาํตางๆที่เราพดูหรอืเขยีนออกไปนัน้คาํตางๆที่เราพดูหรอืเขยีนออกไปนัน้คาํตางๆที่เราพดูหรอืเขยีนออกไปนัน้คาํตางๆที่เราพดูหรอืเขยีนออกไปนัน้

จะตองเปนอนัใดอนัหนึง่ในสวนแหงคาํพดูนี้ จะเปนคาํมาจากทีอ่ืน่จะตองเปนอนัใดอนัหนึง่ในสวนแหงคาํพดูนี้ จะเปนคาํมาจากทีอ่ืน่จะตองเปนอนัใดอนัหนึง่ในสวนแหงคาํพดูนี้ จะเปนคาํมาจากทีอ่ืน่จะตองเปนอนัใดอนัหนึง่ในสวนแหงคาํพดูนี้ จะเปนคาํมาจากทีอ่ืน่

นอกเหนอืจากสวนแหงคาํพดูนี้ไมได แบงออกเปน นอกเหนอืจากสวนแหงคาํพดูนี้ไมได แบงออกเปน นอกเหนอืจากสวนแหงคาํพดูนี้ไมได แบงออกเปน นอกเหนอืจากสวนแหงคาํพดูนี้ไมได แบงออกเปน 8 8 8 8 ชนดิตามชนดิตามชนดิตามชนดิตาม

ลกัษณะของคาํและการใชดงันี้ลกัษณะของคาํและการใชดงันี้ลกัษณะของคาํและการใชดงันี้ลกัษณะของคาํและการใชดงันี้

1. NounNounNounNoun นามนามนามนาม ไดแก คําที่เราพูดออกไปเพ่ือเรียก คน สัตว

ส่ิงของ สถานที่ คุณสมบัติ สภาพหรืออาการ เชน

man ผูชาย book หนังสือ hen แมไก

Village หมูบาน poverty ความยากจน

kindness ความกรุณา

2. PronounPronounPronounPronoun สรรพนามสรรพนามสรรพนามสรรพนาม ไดแกคําที่ใชพดูหรือเขียนแทนชื่อ

ของนาม ทั้งนีเ้พ่ือปองกันมิใหพูดชื่อของนามนั้นซ้ําๆซากๆ

ซึ่งเปนการฟงไมไพเราะห ู

เชน I ,We , You , She , It , He , They ,

Someone , Something , Anything , Who , Each , This

, That , These , Other เปนตน

3. VerbVerbVerbVerb กรยิากรยิากรยิากรยิา ไดแก คําที่ใชบอกหรือแสดงอาการ

ตางๆของนาม หรือแสดงสภาวะ แสดงความมีอยู องนาม

หรือสรรพนาม เชน

Am เปน อยู คือ has มี go ไป

Washed ซัก ลาง ran ว่ิง will be seen จะถกูเห็น

have spoken ไดพูดแลว เปนตน

4. AdverbAdverbAdverbAdverb กรยิาวเิศษณกรยิาวเิศษณกรยิาวเิศษณกรยิาวเิศษณ หมายถึง คําที่ใชขยายกริยา

ขยายกริยาวิเศษณดวยกันเองและหรือไปขยายทั้งประโยค

เลยกไ็ดเรียกคําทีม่าทําหนาที่ในลักษณะดังกลาวนี้วาเปน

ADVERB เชน fast เร็ว very มาก tomorrow พรุงนี ้

There ที่นัน่ where ที่ไหน slowly อยางชาๆ

Well ด ี sweetly อยางไพเราะ when เมื่อไหร

How much มากเทาไหร

5. AdjectiveAdjectiveAdjectiveAdjective คาํคณุศพัทคาํคณุศพัทคาํคณุศพัทคาํคณุศพัท ไดแกคําที่ใชประกอบ ขายา

หรืออธิบายลักษณะหรือคุณสมบัติของนามหรือสรรพนาม

นั้นวาเปนอยางไร เชน สูงหรือต่าํ ดาํหรือขาว อวนหรือ

ผอม ขยนัหรือขีเ้กียจ ไดแก tall สูง beautiful สวย

clever ฉลาด tired เหนื่อย goodดี bad เลว

6. PrepositionPrepositionPrepositionPreposition คาํบพุบทคาํบพุบทคาํบพุบทคาํบพุบท ไดแก คําที่ใชเชื่อมนาม หรือสรรพ

นาม เขากับคําอ่ืนๆเพ่ือแสดงวาคํานั้นๆมีความสัมพนัธกับ

คําอ่ืนอยางไร เชน

at , in , by , from , toward , behind , on , under ,

after , before , of

7. ConjunctionConjunctionConjunctionConjunction สนัธานสนัธานสนัธานสนัธาน หมายถึง คําที่ใชเชื่อมคํา

กลุมคํา หรืออนปุระโยค เขาดวยกนั เชน since , and

, or , but , so , because , although เปนตน

8. InterjectionInterjectionInterjectionInterjection คาํอทุานคาํอทุานคาํอทุานคาํอทุาน หมายถึง คําที่พดูออกมาดวย

อารมณตางๆ เชน ดีใจ ตกใจ เสียใจ และคําอุทานนี้ไมมี

ความสัมพนัธกับคําอ่ืนแตอยางใด เชน

Oh ! , Ah! , Eh ! . Nonesene! . Bravo! , Shhh ! เปนตน

ในทกุๆประโยคกจ็ะมาสวนแหงคําพูดทั้ง 8 นี้อยูในประโยคเสมอ

แตไมไดครบทั้ง 8 อยางนะคะ พอรูจักส่ิงนี้แลว อันตอไปสําคัญ

สุดๆเลยนั่นก็คือเร่ืองของ Tense Tense Tense Tense คะซึ่งก็เปนเหตุการณตางๆที่

เกิดขึน้ในกาลหรือเวลาที่แตกตางกันไป ในภาษาไทยเราก็มี อดตี

ปจจุบันและ อนาคตใชไหมคะ ภาษาอังกฤษก็มเีหมือนกนัเลย โดย

มันแยกออกเปน 3 Tense ใหญๆ เลย แตละ tense ก็มีอีก 4

Tense ยอยๆตามเหตุการณอีกคะ เรามาทองโครงสรางและการ

ใชกันดีกวานะคะเอาเฉพาะที่เคาใชๆ กันนะคะ เอา พรอมกนัคะ

เร่ิมเลย

1. Present simple ใชเลาหรือเขยีนเหตุการณที่เกิดในปจจุบัน

เกิดเปนประจาํ เกิดตามธรรมชาตใินโลกมกัมีคํายอกความถี่

เชน always , usually , often , sometimes , never ใน

ประโยค

โครงสรางก็คือ S + V. 1 (ประธาน he,she,it V.1 ตอง

เติม s , es ตามกฏการเตมิ)

กฎการเตมิ s , es ทายกริยาชองที่ 1

- กริยาที่ลงทายดวย s , ss , sh ,ch , o ใหเติม es แตถา

หนา o เปนสระเตมิ s ไดเลย

- กริยาที่ลงทายดวย y ใหเปลี่ยน y เปน ies แตถาหนา y

เปนสระเตมิ s ไดเลย

- นอกนัน้เติม s ไดเลย

2. Present Continuous ใชเลาเหตกุารณที่กาํลังเกิดขึ้นใน

ขณะที่พดูหรือเกดิในชวงเวลาหนึ่งๆมักมีคําวา now , at the

moment , right now อยูในประโยค

โครงสรางคือ S + is,am,are+ V.ing (การเติม ing ก็

ตามกฏ)

กฎการเตมิ ing ทายกริยาชองที่ 1

- กริยาที่ลงทายดวย e ใหตัด e ทิ้งกอนเตมิ ing เชน

take = taking come = coming

- กริยาที่ลงทายดวย ie ใหเปลี่ยน ie เปน y เชน die =

dying lie = lying

- กริยาที่ม ี1 พยางคและออกเสียงส้ัน มีตัวสะกดตัวเดยีว

ใหเพ่ิมตัวสะกดอีกตัวกอนเติม ing

เชน stop = stopping run = running swim =

swimming

3. Present Perfect ใชเลาเหตกุารณที่เกิดขึน้ตั้งแตอดีต

เร่ือยมาจนถึงปจจบุัน หรือมีผลมาถงึปจจุบนันี้อยูมักมี since

, for , just , already , yet

โครงสรางคือ S+ have , has + V.3

4. Past Simple ใชเลาเหตุการณที่เกดิขึน้และจบลงแลวในอดีต

มักมี yesterday , last.. , …ago ในประโยคโครงสรางคือ

S + V.2

กริยาชอง 2 มี 2 แบบคือแบบเติม ed กับแบบเปลี่ยนรูป

(ทองเองในกริยา 3 ชอง)

กฎการเตมิ ed ทายกริยาชองที่ 1

- กริยาที่ลงทายดวย e ใหเติม d ไดเลย

- กริยาที่ลงทายดวย y ใหเปลี่ยนเปน ied

- กริยาที่ออกเสียงส้ัน มีสระและพยญัชนะตัวเดียวใหเพ่ิม

ตัวทายอีกตัวกอนเติม ed

- นอกนัน้เติม ed ไดเลย

5. Past Continuous ใชเลาเหตกุารณที่กําลังเกดิขึน้ในอดีต

หรือชวงเวลาหนึ่งในอดีต

โครงสรางคือ S + was,were + V.ing

6. Past Perfect ใชเลาเหตุการณที่มี 2 เหตกุารณเกดิขึน้ใน

อดีตโดยเหตกุารณที่เกิดกอนใช Past Perfect และ

เหตุการณหลังใช Past simple เสมอ

โครงสรางคือ S+ had + V.3

7. Future simple ใชเลาเหตกุารณที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มักมี

คําวา tomorrow , next…….

โครงสรางประโยคคือ S + will/shall + V. 1 หรือ

S+is,am,are+ going to+ V.ing

ถาเราจาํโครงสราง Tenseเหลานี้ไดเราก็จะมองประโยคออกวา

เกิดเมื่อไหร จะเขยีนเลาเหตุการณตอนไหนก็ใช tense นั้นไดเลย

ที่สําคัญเอาไปใชตอยอดกับเร่ืองอ่ืนๆไดดวยนะคะ วางๆก็ทอง

กริยา 3 ชองดวยนะคะเพราะมันตองใชใหถูกกับ tense ดวยคะ(ดู

ที่ทายคูมือ ) จากนัน้ก็มาดู Grammar เร่ืองอ่ืนๆคะ

Relative ClausesRelative ClausesRelative ClausesRelative Clauses คอื คาํแสดงความสมัพนัธ เปนคาํสรรคอื คาํแสดงความสมัพนัธ เปนคาํสรรคอื คาํแสดงความสมัพนัธ เปนคาํสรรคอื คาํแสดงความสมัพนัธ เปนคาํสรรพนามซึง่พนามซึง่พนามซึง่พนามซึง่

ทาํหนาที ่ทาํหนาที ่ทาํหนาที ่ทาํหนาที ่2 2 2 2 อยางพรอมกนัคอื ใชแทนคาํนามที่อยูขางหนา และ อยางพรอมกนัคอื ใชแทนคาํนามที่อยูขางหนา และ อยางพรอมกนัคอื ใชแทนคาํนามที่อยูขางหนา และ อยางพรอมกนัคอื ใชแทนคาํนามที่อยูขางหนา และ

ใชเชื่อมประโยค ใชเชื่อมประโยค ใชเชื่อมประโยค ใชเชื่อมประโยค 2 2 2 2 ประโยคไปดวย ไดแกประโยคไปดวย ไดแกประโยคไปดวย ไดแกประโยคไปดวย ไดแก

Who = ผูซึ่ง ใชเฉพาะคนเทานัน้

Whose = ผูซึ่ง ใชเมื่อแสดงความเปนเจาของส่ิงหนึง่ส่ิง

ใดในประโยค

Which = อันซึ่ง ใชกับสัตวหรือส่ิงของ

Where = ที่ซึ่ง ใชกับสถานที่

เชน He is the man. He came here yesterday. = He is

the man who came here yesterday.

เขาเปนผูชาย ผูชายที่มาที่นี่เมื่อวานนี้ =

เขาเปนผูชายผูซึ่งมาที่นี่เมื่อวานนี้

The pen. The pen is in your jacket belong to me.

= The pen which is in your jacket belong to me.

ปากกา เปนปากกาที่อยูในกระเปาเส้ือเปนของฉัน=

ปากกาอนัซึ่งอยูในกระเปาเส้ือเปนของฉัน

That is the boy. The boy’s father is a teacher.= That

is the boy whose father is a teacher.

เด็กชายคนนั้น เดก็ชายที่พอเขาเปนครู = เดก็ชายคนนัน้ผู

ซึ่งมีพอเปนครู

Time wordsTime wordsTime wordsTime words คอื คาํทีใ่ชเชื่อมเหตกุารณ คอื คาํทีใ่ชเชื่อมเหตกุารณ คอื คาํทีใ่ชเชื่อมเหตกุารณ คอื คาํทีใ่ชเชื่อมเหตกุารณ 2 2 2 2 เหตกุารณใหทราบวาเหตกุารณใหทราบวาเหตกุารณใหทราบวาเหตกุารณใหทราบวา

เกดิในชวงเวลาใด เกดิในชวงเวลาใด เกดิในชวงเวลาใด เกดิในชวงเวลาใด มดีงันี้มดีงันี้มดีงันี้มดีงันี้

1. whenwhenwhenwhen เมื่อ ใชกับเหตกุารณสองอยางที่เกดิขึ้นพรอมกัน

หรือเกือบพรอมกนั

เชน He eats whenwhenwhenwhen he is hungry.

เขากนิเมื่อเขาหิว

He reached home whenwhenwhenwhen it rained.

เขากลับถึงบานเมื่อฝนตก

2. whilewhilewhilewhile ในขณะที ่ ใชกับเหตกุารณสองอยางที่ตางก็กาํลัง

ดําเนนิอยูพรอมกนัหรือขณะที่เหตุการณหนึง่กาํลังเกดิ

ดําเนนิอยูก็มีเหตกุารณหนึ่งเกิดขึ้น

เชน He was driving whilewhilewhilewhile it was raining.

เขากาํลังขับรถอยูในขณะที่ฝนกาํลังตกอยู

He reached home whilewhilewhilewhile it was raining.

เขากลับถึงบานในขณะที่ฝนกาํลังตกอยู

3. as soon asas soon asas soon asas soon as พอ..ก็ ใชกับเหตกุารณที่เกิดขึ้นตามกันมา

ติดๆ

เชน He greets me as soon asas soon asas soon asas soon as he sees me.

พอเขาเห็นฉันเขาก็ทักทายฉัน

4. afterafterafterafter หลังจาก ใชกับเหตกุารณสองอยางที่เกดิ

กอนแลวอีกเหตุการณเกิดตาม

เชน I usually eat afterafterafterafter I go to school.

ฉันมักจะกินหลังจากไปโรงเรียน

5. untiluntiluntiluntil จนกระทั่ง ใชกับเหตกุารณสองอยางที่เกดิแลวมีผล

ตามเหตกุารณนั้นตอ

เชน She had waited untiluntiluntiluntil he came back.

หลอนไดรอจนกระทั่งเขากลับมา

6. thenthenthenthen จากนัน้ ใชกับสองเหตุการณที่เกิด

ตอเนื่องกนั

เชน She went to the market thenthenthenthen went back

home. หลอนไปตลาดจากนัน้กก็ลับบาน

7. sosososo ดังนัน้ ใชกับสองเหตุการณที่เปนเหตุเปน

ผลกัน

เชน There is raining sosososo he decides to take

a taxi. ฝนตกดังนั้นเขาจึงตดัสินใจขึ้นแทก็ซี่

Conditionals types 1Conditionals types 1Conditionals types 1Conditionals types 1----3333คือ ประโยคเงื่อนไข หรอื ประโยค คือ ประโยคเงื่อนไข หรอื ประโยค คือ ประโยคเงื่อนไข หรอื ประโยค คือ ประโยคเงื่อนไข หรอื ประโยค if if if if

((((ถา หรอื สมมตุิถา หรอื สมมตุิถา หรอื สมมตุิถา หรอื สมมตุิ) ) ) ) ม ีม ีม ีม ี3 3 3 3 แบบใหญๆ คอืแบบใหญๆ คอืแบบใหญๆ คอืแบบใหญๆ คอื

1111.... เงือ่นไขทีแ่นนอน เงือ่นไขทีแ่นนอน เงือ่นไขทีแ่นนอน เงือ่นไขทีแ่นนอน ((((เปนจรงิเสมอเปนจรงิเสมอเปนจรงิเสมอเปนจรงิเสมอ) ) ) ) เชน ถาน้าํเดอืดมนัจะเชน ถาน้าํเดอืดมนัจะเชน ถาน้าํเดอืดมนัจะเชน ถาน้าํเดอืดมนัจะ

กลายเปนไอกลายเปนไอกลายเปนไอกลายเปนไอ

โครงสรางประโยคโครงสรางประโยคโครงสรางประโยคโครงสรางประโยค If + S + V.1 , S + will + V.1If + S + V.1 , S + will + V.1If + S + V.1 , S + will + V.1If + S + V.1 , S + will + V.1

เชนเชนเชนเชน If he hurries , hurries , hurries , hurries , he will catch will catch will catch will catch the train. . . .

ถาเขารบีเขาจะทนัรถไฟถาเขารบีเขาจะทนัรถไฟถาเขารบีเขาจะทนัรถไฟถาเขารบีเขาจะทนัรถไฟ

If you say say say say that again , , , , I will hit will hit will hit will hit you. . . .

ถาเธอพดูแบบนัน้อกีฉนัจะตเีธอถาเธอพดูแบบนัน้อกีฉนัจะตเีธอถาเธอพดูแบบนัน้อกีฉนัจะตเีธอถาเธอพดูแบบนัน้อกีฉนัจะตเีธอ

2222.... เงือ่นไขลอยๆ เงือ่นไขลอยๆ เงือ่นไขลอยๆ เงือ่นไขลอยๆ ((((อาจจรงิหรอืไมจรงิกไ็ดอาจจรงิหรอืไมจรงิกไ็ดอาจจรงิหรอืไมจรงิกไ็ดอาจจรงิหรอืไมจรงิกไ็ด))))เชน ถาฝนตก เชน ถาฝนตก เชน ถาฝนตก เชน ถาฝนตก

ผมจะใหเงนิคณุผมจะใหเงนิคณุผมจะใหเงนิคณุผมจะใหเงนิคณุ

โครงสรางประโยคโครงสรางประโยคโครงสรางประโยคโครงสรางประโยค If + s + V.2 , S + would + V.1If + s + V.2 , S + would + V.1If + s + V.2 , S + would + V.1If + s + V.2 , S + would + V.1

เชนเชนเชนเชน If I werewerewerewere a bird , I would flywould flywould flywould fly to him. . . .

ถาฉนัเปนนกฉนัจะบนิไปหาเขาถาฉนัเปนนกฉนัจะบนิไปหาเขาถาฉนัเปนนกฉนัจะบนิไปหาเขาถาฉนัเปนนกฉนัจะบนิไปหาเขา

If I wonwonwonwon the first prize , I would tourwould tourwould tourwould tour the world.

ถาฉนัถกูรางวลัที่ถาฉนัถกูรางวลัที่ถาฉนัถกูรางวลัที่ถาฉนัถกูรางวลัที่1 1 1 1 ฉนัจะเที่ยวรอบโลกฉนัจะเที่ยวรอบโลกฉนัจะเที่ยวรอบโลกฉนัจะเที่ยวรอบโลก

3333.... เงือ่นไขทีต่รงขามกบัเหตกุารณที่เกดิขึน้ เงือ่นไขทีต่รงขามกบัเหตกุารณที่เกดิขึน้ เงือ่นไขทีต่รงขามกบัเหตกุารณที่เกดิขึน้ เงือ่นไขทีต่รงขามกบัเหตกุารณที่เกดิขึน้ ((((รูวาเหตกุารณรูวาเหตกุารณรูวาเหตกุารณรูวาเหตกุารณ

เปนอยางหนึง่แตเอาพดูสมมตุเิปนอีเปนอยางหนึง่แตเอาพดูสมมตุเิปนอีเปนอยางหนึง่แตเอาพดูสมมตุเิปนอีเปนอยางหนึง่แตเอาพดูสมมตุเิปนอีกอยางหนึง่กอยางหนึง่กอยางหนึง่กอยางหนึง่) ) ) ) เชน ถาเชน ถาเชน ถาเชน ถา

เมือ่วานนีส้มศรไีมโดดรถเมล ขากค็งไมหกั เมือ่วานนีส้มศรไีมโดดรถเมล ขากค็งไมหกั เมือ่วานนีส้มศรไีมโดดรถเมล ขากค็งไมหกั เมือ่วานนีส้มศรไีมโดดรถเมล ขากค็งไมหกั ((((ที่จรงิคอืที่จรงิคอืที่จรงิคอืที่จรงิคอื

สมศรขีาหกัไปแลวสมศรขีาหกัไปแลวสมศรขีาหกัไปแลวสมศรขีาหกัไปแลว))))

โครงสรางประโยคโครงสรางประโยคโครงสรางประโยคโครงสรางประโยค If + S + had + V.3 , S + would have If + S + had + V.3 , S + would have If + S + had + V.3 , S + would have If + S + had + V.3 , S + would have

+ V.3+ V.3+ V.3+ V.3

เชนเชนเชนเชน If I had heardhad heardhad heardhad heard you , I would have answeredwould have answeredwould have answeredwould have answered.

ถาฉันไดยินเธอ ฉันคงจะตอบเธอ

If he had beenhad beenhad beenhad been there , I would have seenwould have seenwould have seenwould have seen him.

ถาเขาไดอยูทีน่ัน่ฉันก็คงไดเห็นเขา

WishesWishesWishesWishes

เปนการ อยากจะได เปนการ อยากจะได เปนการ อยากจะได เปนการ อยากจะได ((((สิง่ที่ยงัไมมีสิง่ที่ยงัไมมีสิง่ที่ยงัไมมีสิง่ที่ยงัไมมี) ) ) ) หรอื อยากจะเปน หรอื อยากจะเปน หรอื อยากจะเปน หรอื อยากจะเปน ((((สิง่ที่สิง่ที่สิง่ที่สิง่ที่

ยงัไมไดเปนยงัไมไดเปนยงัไมไดเปนยงัไมไดเปน))))คอืเปนความตองการในสิง่ที่ตรงขามกบัความคอืเปนความตองการในสิง่ที่ตรงขามกบัความคอืเปนความตองการในสิง่ที่ตรงขามกบัความคอืเปนความตองการในสิง่ที่ตรงขามกบัความ

เปนจรงิเปนจรงิเปนจรงิเปนจรงิ

มี 3 แบบคือ

1. อยากใหเปนในปจจุบัน = S + wish + S + v.2

เชน I wish she werewerewerewere here now.

ฉันอยากใหหลอนอยูที่นี่ตอนนี้

2. อยากใหเปนในอดีต = S + wish + S + had + V.3

เชน I wish she had beenhad beenhad beenhad been here yesterday.

ฉันอยากใหหลอนอยูที่นี่เมื่อวานนี้

3. อยากใหเปนในอนาคต = S + wish + S + would + V.1

เชน I wish she would bewould bewould bewould be there tomorrow.

ฉันอยากใหหลอนอยูที่นัน่พรุงนี้

Modals (mustModals (mustModals (mustModals (must----have to have to have to have to –––– should should should should –––– can can can can –––– could could could could –––– maymaymaymay----

might) might) might) might) = กริยาพิเศษหรือ กริยาชวย ที่ใชเพ่ือทาํใหกริยาใน

ประโยคมีความสมบูรณขึน้ โดยเราจะวางไวดังนี้

S + S + S + S + กรยิาชวย กรยิาชวย กรยิาชวย กรยิาชวย + v.1+ v.1+ v.1+ v.1 คําที่เราจะเรียนตอไปนี้ เปนกริยาชวยที่

ใชในประโยค obligation (obligation (obligation (obligation (สัญญาวาจะทาํสัญญาวาจะทาํสัญญาวาจะทาํสัญญาวาจะทาํ) , no obligation) , no obligation) , no obligation) , no obligation

((((สญัญาวาไมทาํสญัญาวาไมทาํสญัญาวาไมทาํสญัญาวาไมทาํ)prohibition()prohibition()prohibition()prohibition(คาํสัง่หามคาํสัง่หามคาํสัง่หามคาํสัง่หาม) ,recommendation() ,recommendation() ,recommendation() ,recommendation(

แนะนาํแนะนาํแนะนาํแนะนาํ) , possibility() , possibility() , possibility() , possibility(ความเปนไปไดความเปนไปไดความเปนไปไดความเปนไปได))))

Reported SpeechReported SpeechReported SpeechReported Speech หรอื หรอื หรอื หรอื Indirect SpeechIndirect SpeechIndirect SpeechIndirect Speech คอืการนาํคาํพดูคอืการนาํคาํพดูคอืการนาํคาํพดูคอืการนาํคาํพดู

ของใครไปบอกผูอืน่ของใครไปบอกผูอืน่ของใครไปบอกผูอืน่ของใครไปบอกผูอืน่

โดยเรามีวิธกีารเลาโดยจะตอง 1. เปลี่ยน tense 2. เปลี่ยน

สรรพนาม 3. เปลี่ยนคําแสดงความใกลไกลของเวลา

หลกัทัว่ไปในการเปลีย่นประโยคบอกเลาเปน หลกัทัว่ไปในการเปลีย่นประโยคบอกเลาเปน หลกัทัว่ไปในการเปลีย่นประโยคบอกเลาเปน หลกัทัว่ไปในการเปลีย่นประโยคบอกเลาเปน Indirect SpeechIndirect SpeechIndirect SpeechIndirect Speech

1. ถากริยานาํเปน present เชน He saysHe saysHe saysHe says ไมตองเปลี่ยน

tense.เชน He says , “I have been reading for two

hours.”= He says he has been readinghe has been readinghe has been readinghe has been reading for two hours.

(เราจะเปลีย่นเฉพาะ สรรพนามกับกริยาที่สอดคลองกับสรรพ

นาม)ถากริยานําเปน Past เชน He saidHe saidHe saidHe said โดยตองเปลี่ยน said said said said

เปน เปน เปน เปน said that said that said that said that และ และ และ และ said to said to said to said to เปน เปน เปน เปน told thattold thattold thattold that

2. ตองเปลีย่นกริยาจาก Present เปน past และจาก past

เปน past perfect ดังนี้

ถาประโยคเดมิเปนpresent simple S+ V.1S+ V.1S+ V.1S+ V.1

ใหเปลีย่นเปน past simple S+ V.2S+ V.2S+ V.2S+ V.2

Present continuous S+is,am,are+v.ingS+is,am,are+v.ingS+is,am,are+v.ingS+is,am,are+v.ing

past continuous S+was,were+v.ingS+was,were+v.ingS+was,were+v.ingS+was,were+v.ing

Present perfect S+have,has + V.3S+have,has + V.3S+have,has + V.3S+have,has + V.3

past perfect S+had+V.S+had+V.S+had+V.S+had+V.3333

Past simple S+V.2S+V.2S+V.2S+V.2

past perfect S+had+v.3S+had+v.3S+had+v.3S+had+v.3

Comparative & Superlative formsComparative & Superlative formsComparative & Superlative formsComparative & Superlative forms คอื การเปรยีบเทยีบซึง่ม ีคอื การเปรยีบเทยีบซึง่ม ีคอื การเปรยีบเทยีบซึง่ม ีคอื การเปรยีบเทยีบซึง่ม ี3 3 3 3

ขัน้ ไดแก ขัน้ธรรมดา ขัน้กวา และขัน้ที่สดุซึง่มหีลกัการขัน้ ไดแก ขัน้ธรรมดา ขัน้กวา และขัน้ที่สดุซึง่มหีลกัการขัน้ ไดแก ขัน้ธรรมดา ขัน้กวา และขัน้ที่สดุซึง่มหีลกัการขัน้ ไดแก ขัน้ธรรมดา ขัน้กวา และขัน้ที่สดุซึง่มหีลกัการ

ดงัตอไปนี้ดงัตอไปนี้ดงัตอไปนี้ดงัตอไปนี้

1111.... การเปรียบเทียบ ขั้นธรรมดา คือการเปรียบเทยีบความเทา

เทยีมกนั

โครโครโครโครงสรางคอื งสรางคอื งสรางคอื งสรางคอื S1 + V. +as + Adj/Adv+as + S2S1 + V. +as + Adj/Adv+as + S2S1 + V. +as + Adj/Adv+as + S2S1 + V. +as + Adj/Adv+as + S2

เชนเชนเชนเชน He is as tall as as tall as as tall as as tall as his father.... เขาสงูเทากบัพอของเขาเขาสงูเทากบัพอของเขาเขาสงูเทากบัพอของเขาเขาสงูเทากบัพอของเขา

Linn is as beautiful as as beautiful as as beautiful as as beautiful as Jane.... ลนิสวยเทากบัเจนลนิสวยเทากบัเจนลนิสวยเทากบัเจนลนิสวยเทากบัเจน

2. การเปรียบเทียบขัน้กวา คือการเปรียบเทยีบความมาก นอย

กวากัน

โครงสรางคอื ถาคาํคณุศพัทหรอืคาํวเิศษณม ีโครงสรางคอื ถาคาํคณุศพัทหรอืคาํวเิศษณม ีโครงสรางคอื ถาคาํคณุศพัทหรอืคาํวเิศษณม ีโครงสรางคอื ถาคาํคณุศพัทหรอืคาํวเิศษณม ี1 1 1 1 พยางคพยางคพยางคพยางค

S1 + V. + Adj/Adv. + er + than + S2S1 + V. + Adj/Adv. + er + than + S2S1 + V. + Adj/Adv. + er + than + S2S1 + V. + Adj/Adv. + er + than + S2

2 2 2 2 พยางคขึน้ไป พยางคขึน้ไป พยางคขึน้ไป พยางคขึน้ไป S1 + V. + more + Adj/Adv +than +S2S1 + V. + more + Adj/Adv +than +S2S1 + V. + more + Adj/Adv +than +S2S1 + V. + more + Adj/Adv +than +S2

เชนเชนเชนเชน Nipon is taller thantaller thantaller thantaller than I. นพินธสงูกวาฉนันพินธสงูกวาฉนันพินธสงูกวาฉนันพินธสงูกวาฉนั

She is more clever than more clever than more clever than more clever than her sister. . . .

หลอนฉลาดกวานองสาวของหลอนหลอนฉลาดกวานองสาวของหลอนหลอนฉลาดกวานองสาวของหลอนหลอนฉลาดกวานองสาวของหลอน

กฎการเตมิ กฎการเตมิ กฎการเตมิ กฎการเตมิ er er er er ทายคาํคณุศพัทและคาํวเิศษณทายคาํคณุศพัทและคาํวเิศษณทายคาํคณุศพัทและคาํวเิศษณทายคาํคณุศพัทและคาํวเิศษณ

1. คําที่ลงทายดวย e ใหเติม r ไดเลย เชน large = larger

nice=nicer simple=simpler

2. คําที่ลงทายดวย y ใหเปลี่ยน y เปน ier

เชน happy=happier busy=busier

3. คําทีม่ีสระตัวเดยีว ตัวสะกดตัวเดยีว เพ่ิมตัวสะกดอีกตวั

กอนเติม er เชน big=bigger hot=hotter

thin=thinner

4. คําทีม่ี ly ลงทายใหเติม more ขางหนาแทนเชน

quickly=more quickly newly=more newly

5. คําพิเศษตอไปนี้ใหเปลี่ยนรูปดังนี้

Good.well=better many , much=more

little=less few=fewer Near=nearer

far=farther bad=worse

3. การเปรียบเทียบขัน้ที่สุด คือการเปรียบเทยีบความเปนที่สุด

โครงสรางถาคาํคณุศพัทหรอืคาํวเิศษณม ีถาคาํคณุศพัทหรอืคาํวเิศษณม ีถาคาํคณุศพัทหรอืคาํวเิศษณม ีถาคาํคณุศพัทหรอืคาํวเิศษณม ี1 1 1 1 พยางคพยางคพยางคพยางค

S + V. + the + Adj/Adv + est

2 2 2 2 พยางคขึน้ไปพยางคขึน้ไปพยางคขึน้ไปพยางคขึน้ไป S + V. + the most + Adj/Adv

เชน This is the shortestthe shortestthe shortestthe shortest way to town.

นี่คือถนนที่ส้ันที่สุดที่จะไปในเมือง

He did the bestthe bestthe bestthe best of all. เขาทําดีที่สุด

This shirt is the most expensivethe most expensivethe most expensivethe most expensive in this shop.

เส้ือตัวนี้ราคาแพงที่สุดในราน

กฎการเตมิ กฎการเตมิ กฎการเตมิ กฎการเตมิ est est est est ทายคาํคณุศพัทและคาํวเิศษณทายคาํคณุศพัทและคาํวเิศษณทายคาํคณุศพัทและคาํวเิศษณทายคาํคณุศพัทและคาํวเิศษณ

1. คําที่ลงทายดวย e ใหเติม st ไดเลย

เชน large = largest nice=nicest simple=simplest

2. คําที่ลงทายดวย y ใหเปลี่ยน y เปน iest

เชน happy=happiest busy=busiest

3. คําทีม่ีสระตัวเดยีว ตัวสะกดตัวเดยีว เพ่ิมตัวสะกดอีกตวั

กอนเติม est เชน big=biggest hot=hottest

thin=thinnest

4. คําทีม่ี ly ลงทายใหเติม most ขางหนาแทนเชน

quickly=most quickly newly=most newly

5. คําพิเศษตอไปนี้ใหเปลี่ยนรูปดังนี้

Good.well=best many , much=most little=least

few=fewest Near=nearest far=farthest

bad=worst

tootootootoo----enoughenoughenoughenough เปน Adverb (คําวิเศษณ) ใชขยาย adjective

(คําคุณศัพท) หรือ adverb (คําวิเศษณ)ดวยกันเองเรามาดู

วิธีการใช 2 คํานีน้ะคะ

1. การใช too = เกนิไปที่จะ มีโครงสรางคือ

S + V. + too + Adv/Adj + to + V.

เชน This coffee is too hot totoo hot totoo hot totoo hot to drink.

กาแฟนี้รอนเกนิไปที่จะดื่ม

The butterfly flew too quickly totoo quickly totoo quickly totoo quickly to catch.

ผีเส้ือตัวนั้นบินเร็วเกนิไปที่จะจับมนั

2. การใช enough = เพียงพอที่จะ มีโครงสรางคือ

S + V. + Adv/Adj + enough to + V.

เชน He is strong enough to lift that heavy box.

เขาแข็งแรงพอที่จะยกกลองหนักนัน่ได

He ran quickly enough to catch up with him.

เขาว่ิงเร็วพอที่จะไลทันฉัน

Questions Tag = Questions Tag = Questions Tag = Questions Tag = ประโยคที่ผูถามไมแนใจในคาํตอบของผูตอบ ประโยคที่ผูถามไมแนใจในคาํตอบของผูตอบ ประโยคที่ผูถามไมแนใจในคาํตอบของผูตอบ ประโยคที่ผูถามไมแนใจในคาํตอบของผูตอบ

ซึง่ม ีซึง่ม ีซึง่ม ีซึง่ม ี2 2 2 2 สวนคอื สวนแรกคาํกลาว และสวนหลงัเปนคาํถาม มีสวนคอื สวนแรกคาํกลาว และสวนหลงัเปนคาํถาม มีสวนคอื สวนแรกคาํกลาว และสวนหลงัเปนคาํถาม มีสวนคอื สวนแรกคาํกลาว และสวนหลงัเปนคาํถาม มี

หลกัการอยูวาหลกัการอยูวาหลกัการอยูวาหลกัการอยูวา

1. ถาสวนหนาเปนบอกเลา สวนหลังจะเปนปฏิเสธ ถาสวนหนา

เปนปฏิเสธ สวนหลังจะเปนบอกเลา

2. ประธานสวนหนาเปนอะไร สวนหลงัตองเปนสรพนามของ

ประธานนัน้เสมอ

3. กริยาสวนหนาเปนกริยาชวย 24 ตัว

(is,am,are,was,were,do,does,did,have,has,had,will,would,

shall,should , can,could,may,might,dare,used to ,

must,need,ought to) สวนหลังตองเปนกริยาชวยนัน้เสมอ

ยกเวนวาถาสวนหนาเปนกริยาแท สวนหลังจะใช V. to do

(do , does , did)

4. สวนหนาเปน tense ไหน สวนหลังตองเปน tense เดียวกัน

Reflexive PronounsReflexive PronounsReflexive PronounsReflexive Pronouns ==== คาํสรรพนามสะทอนกลบัมายงัประธานคาํสรรพนามสะทอนกลบัมายงัประธานคาํสรรพนามสะทอนกลบัมายงัประธานคาํสรรพนามสะทอนกลบัมายงัประธาน

ไดแกไดแกไดแกไดแก I = myselfI = myselfI = myselfI = myself you = yourself, yourselves you = yourself, yourselves you = yourself, yourselves you = yourself, yourselves

we = ourselveswe = ourselveswe = ourselveswe = ourselves he = himselfhe = himselfhe = himselfhe = himself

She = herselfShe = herselfShe = herselfShe = herself they = themselvesthey = themselvesthey = themselvesthey = themselves it = itselfit = itselfit = itselfit = itself

เชนเชนเชนเชน Sam has cut himself.himself.himself.himself. แซมโดนมดีบาดตวัเอง แซมโดนมดีบาดตวัเอง แซมโดนมดีบาดตวัเอง แซมโดนมดีบาดตวัเอง

I went shopping by myself.myself.myself.myself. ฉนัไปซื้อของดวยตวัฉนัเองฉนัไปซื้อของดวยตวัฉนัเองฉนัไปซื้อของดวยตวัฉนัเองฉนัไปซื้อของดวยตวัฉนัเอง

AAAA----An/theAn/theAn/theAn/the ==== คาํนาํหนานาม โดยเราจะใช คาํนาํหนานาม โดยเราจะใช คาํนาํหนานาม โดยเราจะใช คาํนาํหนานาม โดยเราจะใช a , an a , an a , an a , an นาํหนานามนาํหนานามนาํหนานามนาํหนานาม

นบัไดที่เปนเอกพจนและเปนนามที่เราไมชี้เฉพาะเจาะจง กลาวนบัไดที่เปนเอกพจนและเปนนามที่เราไมชี้เฉพาะเจาะจง กลาวนบัไดที่เปนเอกพจนและเปนนามที่เราไมชี้เฉพาะเจาะจง กลาวนบัไดที่เปนเอกพจนและเปนนามที่เราไมชี้เฉพาะเจาะจง กลาว

ขึน้มาลอยๆ แตเราจะใช ขึน้มาลอยๆ แตเราจะใช ขึน้มาลอยๆ แตเราจะใช ขึน้มาลอยๆ แตเราจะใช the the the the กบันามที่ชี้เฉพาะเจาะจงหรอืมเีพยีงกบันามที่ชี้เฉพาะเจาะจงหรอืมเีพยีงกบันามที่ชี้เฉพาะเจาะจงหรอืมเีพยีงกบันามที่ชี้เฉพาะเจาะจงหรอืมเีพยีง

สิง่เดยีวในโลกสิง่เดยีวในโลกสิง่เดยีวในโลกสิง่เดยีวในโลก

เชนเชนเชนเชน There is a car a car a car a car outside.... มรีถคนัหนึง่อยูขางนอกมรีถคนัหนึง่อยูขางนอกมรีถคนัหนึง่อยูขางนอกมรีถคนัหนึง่อยูขางนอก

((((ไมบอกวารถใคร สีอะไรไมบอกวารถใคร สีอะไรไมบอกวารถใคร สีอะไรไมบอกวารถใคร สีอะไร))))

The tiger The tiger The tiger The tiger is a beautiful animal. . . .

เสอืเปนสตัวทีส่วยงามเสอืเปนสตัวทีส่วยงามเสอืเปนสตัวทีส่วยงามเสอืเปนสตัวทีส่วยงาม ((((เจาะจงวาเปน เสอืไมใชสตัวอื่นเจาะจงวาเปน เสอืไมใชสตัวอื่นเจาะจงวาเปน เสอืไมใชสตัวอื่นเจาะจงวาเปน เสอืไมใชสตัวอื่น))))

หมายเหตุหมายเหตุหมายเหตุหมายเหตุ

1. เราจะใช the นําหนานามที่มีเพียงส่ิงเดียวในโลก

เชน the Earth , ชื่อทะเล เชน The black Sea , ชื่อ

แมน้ํา เชน The Nile , ชื่อเทือกเขา เชน The Alps , ชื่อ

ทะเลทราย เชน TheSahara , ชื่อมหาสมทุร เชน The

Pacific Ocean

2. เราไมใช the นําหนานามตอไปนี้ ชื่อทวีป

เชน Asia , ชื่อเมือง เชน Madrid

ชื่อถนน เชน Oxford street, ชื่อ ภูเขา เชน Everest .

ชื่อทะเลสาบ เชน Lake Geneva และชื่อประเทศเชน

Egypt ยกเวน (The USA และ The UK)

The passive = The passive = The passive = The passive = คือประโยคที่เรานาํกรรมมาเปนประธานของคือประโยคที่เรานาํกรรมมาเปนประธานของคือประโยคที่เรานาํกรรมมาเปนประธานของคือประโยคที่เรานาํกรรมมาเปนประธานของ

ประโยคเพือ่เนนกรรมประโยคเพือ่เนนกรรมประโยคเพือ่เนนกรรมประโยคเพือ่เนนกรรม

Active Active Active Active คือประโยคทีป่ระธาคือประโยคทีป่ระธาคือประโยคทีป่ระธาคือประโยคทีป่ระธานเปนผูกระทาํนเปนผูกระทาํนเปนผูกระทาํนเปนผูกระทาํ เชนเชนเชนเชน

The cat saw saw saw saw the rat.... แมวเหน็หนูแมวเหน็หนูแมวเหน็หนูแมวเหน็หนู

Passive Passive Passive Passive คอืประโยคทีป่ระธานเปนผูถกูกระทาํ เชนคอืประโยคทีป่ระธานเปนผูถกูกระทาํ เชนคอืประโยคทีป่ระธานเปนผูถกูกระทาํ เชนคอืประโยคทีป่ระธานเปนผูถกูกระทาํ เชน

The rat was seen by was seen by was seen by was seen by the cat. . . . หนถูกูเหน็โดยแมวหนถูกูเหน็โดยแมวหนถูกูเหน็โดยแมวหนถูกูเหน็โดยแมว

หลกัการทาํประโยค หลกัการทาํประโยค หลกัการทาํประโยค หลกัการทาํประโยค Active Active Active Active ใหเปนประโยค ใหเปนประโยค ใหเปนประโยค ใหเปนประโยค Passive Passive Passive Passive มดีงันี้มดีงันี้มดีงันี้มดีงันี้

1. สลับที่ประธานและกรรม

2. เปลี่ยนกริยาเดมิโดยใช V. to be + V.3 (แลวแตวาเปน

tense ไหน)

3. เติม by (โดย) หลังกริยา

เชน Active :Active :Active :Active : She writes a letter.She writes a letter.She writes a letter.She writes a letter.

PassivePassivePassivePassive

presentpresentpresentpresent simplesimplesimplesimple = S + is,am,are+ V.3

: A letter is writtenis writtenis writtenis written by her.

Present PerfectPresent PerfectPresent PerfectPresent Perfect= S+ has,have+been+V.3

: A letter has been writthas been writthas been writthas been writtenenenen by her.

Past simplePast simplePast simplePast simple = S + was,were + V.3

: A letter was writtenwas writtenwas writtenwas written by her.

Future simpleFuture simpleFuture simpleFuture simple= S + will be + V.3

: A letter will be writtenwill be writtenwill be writtenwill be written by her.

The CausativeThe CausativeThe CausativeThe Causative คอื ประโยคที่เราทราบวาอะไรถกูกระทาํแตคอื ประโยคที่เราทราบวาอะไรถกูกระทาํแตคอื ประโยคที่เราทราบวาอะไรถกูกระทาํแตคอื ประโยคที่เราทราบวาอะไรถกูกระทาํแต

ไมทราบวาใครเปนผูกระทาํ ไมทราบวาใครเปนผูกระทาํ ไมทราบวาใครเปนผูกระทาํ ไมทราบวาใครเปนผูกระทาํ คอืไมบอกวาเปนใครทาํกริยานัน้คอืไมบอกวาเปนใครทาํกรยิานัน้คอืไมบอกวาเปนใครทาํกรยิานัน้คอืไมบอกวาเปนใครทาํกรยิานัน้

โครงสรางประโยคโครงสรางประโยคโครงสรางประโยคโครงสรางประโยค S + have ,has , had + S + have ,has , had + S + have ,has , had + S + have ,has , had + กรรม กรรม กรรม กรรม + V.3+ V.3+ V.3+ V.3

เชนเชนเชนเชน He has has has has his car washed washed washed washed every week....

เขาใหรถเขาถกูลางทกุสปัดาหเขาใหรถเขาถกูลางทกุสปัดาหเขาใหรถเขาถกูลางทกุสปัดาหเขาใหรถเขาถกูลางทกุสปัดาห

I had had had had my shoes mended mended mended mended yesterday....

ฉนัใหคนซอมรองเทาใหฉนัเมื่อวานนี้ฉนัใหคนซอมรองเทาใหฉนัเมื่อวานนี้ฉนัใหคนซอมรองเทาใหฉนัเมื่อวานนี้ฉนัใหคนซอมรองเทาใหฉนัเมื่อวานนี้

NOUNS NOUNS NOUNS NOUNS –––– SINGULAR &SINGULAR &SINGULAR &SINGULAR &PLURAL = PLURAL = PLURAL = PLURAL = คาํนาม ซึง่แบงออกเปน คาํนาม ซึง่แบงออกเปน คาํนาม ซึง่แบงออกเปน คาํนาม ซึง่แบงออกเปน 2 2 2 2

ชนดิคอื นามเอกพจน และ นามพหพูจนชนดิคอื นามเอกพจน และ นามพหพูจนชนดิคอื นามเอกพจน และ นามพหพูจนชนดิคอื นามเอกพจน และ นามพหพูจน

----SingularSingularSingularSingular คอืนามเอกพจน เปนนามที่มเีพยีง คอืนามเอกพจน เปนนามที่มเีพยีง คอืนามเอกพจน เปนนามที่มเีพยีง คอืนามเอกพจน เปนนามที่มเีพยีง 1 1 1 1 ถาเปนนามนบัไดถาเปนนามนบัไดถาเปนนามนบัไดถาเปนนามนบัได

จะม ีจะม ีจะม ีจะม ีa , an a , an a , an a , an นาํหนานาม แตถาเปนนามนบัไมไดจะไมม ีนาํหนานาม แตถาเปนนามนบัไมไดจะไมม ีนาํหนานาม แตถาเปนนามนบัไมไดจะไมม ีนาํหนานาม แตถาเปนนามนบัไมไดจะไมม ีa ,an a ,an a ,an a ,an

นาํหนาเดด็ขาด เชนนาํหนาเดด็ขาด เชนนาํหนาเดด็ขาด เชนนาํหนาเดด็ขาด เชน a tiger ,an idea , soap , tea , water

---- PluralPluralPluralPlural คืคคืืคือนามพหพูจน เปนนามที่มตีัง่แต อนามพหพูจน เปนนามที่มตีัง่แต อนามพหพูจน เปนนามที่มตีัง่แต อนามพหพูจน เปนนามที่มตีัง่แต 2 2 2 2 ขึน้ไป และขึน้ไป และขึน้ไป และขึน้ไป และ

มกัเปนนามนบัไดเสมอ เพราะนามพหพูจนจะมกีารเตมิ มกัเปนนามนบัไดเสมอ เพราะนามพหพูจนจะมกีารเตมิ มกัเปนนามนบัไดเสมอ เพราะนามพหพูจนจะมกีารเตมิ มกัเปนนามนบัไดเสมอ เพราะนามพหพูจนจะมกีารเตมิ s , es s , es s , es s , es

ทายคาํนามเอกพจนนบัได นามนบัไมไดไมสามารถเตมิ ทายคาํนามเอกพจนนบัได นามนบัไมไดไมสามารถเตมิ ทายคาํนามเอกพจนนบัได นามนบัไมไดไมสามารถเตมิ ทายคาํนามเอกพจนนบัได นามนบัไมไดไมสามารถเตมิ s ,s ,s ,s , es es es es ไดไดไดได

เชน เชน เชน เชน friends , children , people , bananas

เราสามารถทาํใหนามนบัไดเอกพจนเปนนามพหพูจนไดโดยการเราสามารถทาํใหนามนบัไดเอกพจนเปนนามพหพูจนไดโดยการเราสามารถทาํใหนามนบัไดเอกพจนเปนนามพหพูจนไดโดยการเราสามารถทาํใหนามนบัไดเอกพจนเปนนามพหพูจนไดโดยการ

เตมิ เตมิ เตมิ เตมิ s s s s ซึง่มกีฎดงันี้ซึง่มกีฎดงันี้ซึง่มกีฎดงันี้ซึง่มกีฎดงันี้

1. นามเอกพจนที่ลงทายดวย s ,ss ,sh , ch ,x , o ใหเติม es

ตอทายเชน bus=buses , kiss=kisses , brush=brushes

, watch=watches , box=boxes , mango=mangoes แตถา

หนา o เปนสระกเ็ติม s ไดเลยเชน radio=radios

2. นามเอกพจนที่ลงทายดวย y ใหเปลี่ยน y เปน ies เชน

lady=ladies , baby=babies , city=cities

แตถาหนา y เปนสระก็เติม s ไดเลย เชน monkey=monkeys

, boy=boys , day=days

3. นามเอกพจนที่ลงทายดวย f , fe ใหเปลี่ยน f , fe เปน ves

เชน wife = wives , knife=knives , leaf=leaves ยกเวน

roof = roofs

4. นามเอกพจนบางคํามีการเปลี่ยนรูปเชน man=men ,

woman=women , foot=feet , child=children , mouse=mice

, goose=geese , tooth=teeth , fish=fish , deer=deer,

sheep=sheep , person=people

5. นามเอกพจนที่เหลือเติม s ไดเลย เชน book=books ,

flower=flowers

หมายเหตุหมายเหตุหมายเหตุหมายเหต ุคํานามตอไปนีใ้หใชเปนเอกพจนเสมอ ไดแก

- Mass nouns (นามวัตถ)ุ เชน butter , air , flour

- School subjects (ชื่อวิชา) เชน Math , English ,

French , History

- Games (เกม)เชน darts , billiards , football

- Diseases (โรค) เชน flu , mumps . measles

- Other (นามธรรมตางๆ) เชน accommodation ,

advice , homework , hair , information ,

news , seaside , traffic , work , furniture , money

, rubbish , jewellery

และคํานามตอไปนี้ใหใชเปนพหูพจนเสมอ ไดแก

- ส่ิงของที่มี 2 สวนไดแก trousers , pyjamas ,

binoculars , scissors

- อ่ืนๆ เชน people , police , clothes , stairs

Countable Countable Countable Countable –––– Uncountable Nouns = Uncountable Nouns = Uncountable Nouns = Uncountable Nouns = คาํนามนบัได และนามนบัคาํนามนบัได และนามนบัคาํนามนบัได และนามนบัคาํนามนบัได และนามนบั

ไมไดไมไดไมไดไมได

- Countable Nouns = Countable Nouns = Countable Nouns = Countable Nouns = คาํนามนบัได คอื นามที่สามารถคาํนามนบัได คอื นามที่สามารถคาํนามนบัได คอื นามที่สามารถคาํนามนบัได คอื นามที่สามารถ

นบัเปนหนวยตางๆได ถาม ีนบัเปนหนวยตางๆได ถาม ีนบัเปนหนวยตางๆได ถาม ีนบัเปนหนวยตางๆได ถาม ี1 1 1 1 กจ็ะม ีกจ็ะม ีกจ็ะม ีกจ็ะม ีa , an a , an a , an a , an นาํหนา ถานาํหนา ถานาํหนา ถานาํหนา ถา

เยอะกเ็ตมิ เยอะกเ็ตมิ เยอะกเ็ตมิ เยอะกเ็ตมิ s s s s ตอทายตามกฎ ตอทายตามกฎ ตอทายตามกฎ ตอทายตามกฎ หรอืสามารถนบัเปน ชิน้ หรอืสามารถนบัเปน ชิน้ หรอืสามารถนบัเปน ชิน้ หรอืสามารถนบัเปน ชิน้

อนั แทง เลม ตวั คน คนั ฯลฯอนั แทง เลม ตวั คน คนั ฯลฯอนั แทง เลม ตวั คน คนั ฯลฯอนั แทง เลม ตวั คน คนั ฯลฯ เชน เชน เชน เชน a tree , trees ,

flowers , an apple , umbrellas , houses , cars , a

notebook

- Uncountable Nouns Uncountable Nouns Uncountable Nouns Uncountable Nouns คือ คาํนามนบัไมได เราไมคือ คาํนามนบัไมได เราไมคือ คาํนามนบัไมได เราไมคือ คาํนามนบัไมได เราไม

สามารถนบัเปนหนวยตางๆได ตองอาศยัการ ชัง่ ตวง สามารถนบัเปนหนวยตางๆได ตองอาศยัการ ชัง่ ตวง สามารถนบัเปนหนวยตางๆได ตองอาศยัการ ชัง่ ตวง สามารถนบัเปนหนวยตางๆได ตองอาศยัการ ชัง่ ตวง

วดั หรอืบรรจภุาชนะ มลีกัษณะเปวดั หรอืบรรจภุาชนะ มลีกัษณะเปวดั หรอืบรรจภุาชนะ มลีกัษณะเปวดั หรอืบรรจภุาชนะ มลีกัษณะเปนผง เมด็ เสน นผง เมด็ เสน นผง เมด็ เสน นผง เมด็ เสน

ของเหลว แกส แรธาต ุวตัถหุลอหลอมตางๆ เชน ของเหลว แกส แรธาต ุวตัถหุลอหลอมตางๆ เชน ของเหลว แกส แรธาต ุวตัถหุลอหลอมตางๆ เชน ของเหลว แกส แรธาต ุวตัถหุลอหลอมตางๆ เชน water

, tea , coffee , milk , juice , noodle , hair , rice ,

salt , sugar , powder , flour , tooth past , soap ,

soup , shampoo , oil , gold , money , silver , tin ,

bread , paper

- การใชคาํบอกปรมิการใชคาํบอกปรมิการใชคาํบอกปรมิการใชคาํบอกปรมิาณาณาณาณ((((QuantifierQuantifierQuantifierQuantifier))))กบันามนบัไดและกบันามนบัไดและกบันามนบัไดและกบันามนบัไดและ

นามนบัไมได มวีธิกีารใชดงันี้นามนบัไมได มวีธิกีารใชดงันี้นามนบัไมได มวีธิกีารใชดงันี้นามนบัไมได มวีธิกีารใชดงันี้

Countable NounsCountable NounsCountable NounsCountable Nouns Uncountable NounsUncountable NounsUncountable NounsUncountable Nouns

A lot of (จํานวนมาก) เชน I

eat a lot of biscuitsbiscuitsbiscuitsbiscuits.

A lot of (จํานวนมาก) เชน I

drink a lot of milkmilkmilkmilk.

How many(จํานวนเทาไหร)เชน

How many applesapplesapplesapples do you

want?

How much(จํานวนเทาไหร)เชน

How much moneymoneymoneymoney do you

want?

Too many(มากเกินไป)เชน

There are too many peoplepeoplepeoplepeople

here.

Too much(มากเกนิไป)เชน

There is too much salt in

this soup.soup.soup.soup.

A lot of/lots of(มากมาย)เชน

She has lots of fishfishfishfish.

A lot of/lots (มากมาย)เชน

She has lots food.food.food.food.

Some/a few (จํานวนหนึ่ง)เชน

I want a few cakescakescakescakes

Some/a little (จํานวนหนึ่ง)

เชน I want a little oiloiloiloil

Not many/very few(มีนอย)

เชน There are not many

cookies.cookies.cookies.cookies.

Not much/very little (มีนอย)

เชน There is not much

sugar.sugar.sugar.sugar.

Not any (ไมมเีลย) เชน

I have not any dollsdollsdollsdolls

Not any (ไมมเีลย) เชน

I have not any hair.hair.hair.hair.

ing /toing /toing /toing /to----infinitive/infinitive without to/would rather/had infinitive/infinitive without to/would rather/had infinitive/infinitive without to/would rather/had infinitive/infinitive without to/would rather/had

betterbetterbetterbetter

- ing form ing form ing form ing form เราใชตามหลงั กรยิาตอไปนี้จะทาํใหกรยิาเราใชตามหลงั กรยิาตอไปนี้จะทาํใหกรยิาเราใชตามหลงั กรยิาตอไปนี้จะทาํใหกรยิาเราใชตามหลงั กรยิาตอไปนี้จะทาํใหกรยิา

เปนคาํนาม ไดแก เปนคาํนาม ไดแก เปนคาํนาม ไดแก เปนคาํนาม ไดแก enjoy , like , hate , mind ,

suggest , combine , continue , imagine , involve ,

love , prefer . dislike เชนเชนเชนเชน

Do you likelikelikelike swimming ? = swimming ? = swimming ? = swimming ? = คณุชอบการวายน้าํไหมคณุชอบการวายน้าํไหมคณุชอบการวายน้าํไหมคณุชอบการวายน้าํไหม

- totototo----infinitive infinitive infinitive infinitive เราใชตามหลงักรยิาตอไปนี้จะทาํใหกรยิาเราใชตามหลงักรยิาตอไปนี้จะทาํใหกรยิาเราใชตามหลงักรยิาตอไปนี้จะทาํใหกรยิาเราใชตามหลงักรยิาตอไปนี้จะทาํใหกรยิา

เปนคาํนามไดแก เปนคาํนามไดแก เปนคาํนามไดแก เปนคาํนามไดแก want , decide , hope , promise ,

plan , expect , refuse , would like , would love ,

would prefer เชนเชนเชนเชน

I’d like to try d like to try d like to try d like to try parkour.... ฉนัอยากที่จะทาํการลองเลนฉนัอยากที่จะทาํการลองเลนฉนัอยากที่จะทาํการลองเลนฉนัอยากที่จะทาํการลองเลน

ปากอรปากอรปากอรปากอร

- infinitive without to infinitive without to infinitive without to infinitive without to เราใชตามหลงักรยิาชวยทัง้ เราใชตามหลงักรยิาชวยทัง้ เราใชตามหลงักรยิาชวยทัง้ เราใชตามหลงักรยิาชวยทัง้ 24 24 24 24

ตวัเพือ่ใหฟงประโยคเขาใจมากขึน้เชน ตวัเพือ่ใหฟงประโยคเขาใจมากขึน้เชน ตวัเพือ่ใหฟงประโยคเขาใจมากขึน้เชน ตวัเพือ่ใหฟงประโยคเขาใจมากขึน้เชน You might die. might die. might die. might die.

เธออาจตายกไ็ดนะเธออาจตายกไ็ดนะเธออาจตายกไ็ดนะเธออาจตายกไ็ดนะ

- เราใช เราใช เราใช เราใช would rather + V. 1 would rather + V. 1 would rather + V. 1 would rather + V. 1 แปลวา แปลวา แปลวา แปลวา ชอบมชอบมชอบมชอบมากกวา ากกวา ากกวา ากกวา

เชน I ‘d rather go‘d rather go‘d rather go‘d rather go skiing than bike riding.ฉันชอบ

ไปเลนสกีมากกวาไปขี่จกัรยาน

- เราใช เราใช เราใช เราใช had better + V.1 had better + V.1 had better + V.1 had better + V.1 แปลวา ควรจะ เชน แปลวา ควรจะ เชน แปลวา ควรจะ เชน แปลวา ควรจะ เชน You ‘d ‘d ‘d ‘d

better go better go better go better go to bed early tonight.เธอควรจะเขานอน

แตหัวคํ่านะคืนนี้

Prepositions of movement Prepositions of movement Prepositions of movement Prepositions of movement คือ คือ คือ คือ คาํบพุบทการเคลื่อนไหว ไดแกคาํบพุบทการเคลื่อนไหว ไดแกคาํบพุบทการเคลื่อนไหว ไดแกคาํบพุบทการเคลื่อนไหว ไดแก

- across = ขาม along = ไปตามทาง toward =

ตรงไปยงั

- into =เขาไปใน out of = ออกมา over =

เหนือ(ศรีษะ)

- up = ขึ้น down = ลง through =

ทะลุ , ผาน

การใช การใช การใช การใช some / any / No / every + body/one/thing/where some / any / No / every + body/one/thing/where some / any / No / every + body/one/thing/where some / any / No / every + body/one/thing/where

เราใชเราใชเราใชเราใช somebody, someone , nobody, no one , anybody ,

anyone , everybody , everyone กบัคนกบัคนกบัคนกบัคน

- เราใชเราใชเราใชเราใช something , nothing , anything ,

everything กบัสิง่ของกบัสิง่ของกบัสิง่ของกบัสิง่ของ

- เราใชเราใชเราใชเราใช somewhere , nowhere , anywhere ,

everywhere กบัสถานที่กบัสถานที่กบัสถานที่กบัสถานที่

Directions : Choose the correct answeDirections : Choose the correct answeDirections : Choose the correct answeDirections : Choose the correct answer.r.r.r.

1. Doctor Simon is……….expert in surgery.

a. a b. an c. the d. -

2. ………….united states is bordered on the east by Canada

and on the south by Mexico.

a. a b. an c. the d. -

3. I met………………….on the way to the South.

a. An old friend of mine b. an old friend of me

c.my friend of old d. one of old friend

4. Some students are very hard-working…………………are not.

a. others b. anothers

c. another d. the other

5. The boy’s photograph………………you saw was taken a long

time ago.

a. who b. whom

c. whose d. which

6. Our teacher doesn’t like …………………speaking Thai in

class.

a. our b. us

c. we d. ours

7. Most of the work was done by…………..carpenters.

a. us b. ours

c. we d. they

9. Do you think Jack……………….make a success of his new

job?

a. may b. might have

c. must d. had to

10. You…………that part again. I didn’t understand it at all.

a. will explain b. can explain

c. must explain d. must have explained

11. You…………..do your homework tonight.You can leave it

till tomorrow.

s. dare not b. must not

c. needn’t d. can not

12. A pen and a pencil…………lying on the desk.

a. was b. were

c. been c. has

13. The committee ……………. divided opinions about the

issue.

a. have b. has

c. had d. hadn’t

14. Each of the lawyers……………. Ambitious and capable.

a. look b. looks

c. seem d. seems

15. Here…………the clown.

a. came b. didn’t come

c. comes d. come

16. I planned………..at the weekend.

a. to go shop b. to go shopping

c. go shopping d. go to shopping

17. I would rather go shopping than.…………..

a. stay b. stays

c. staying d. to stay

18. Would you mind………..this matter to anyone?

a. not mentioning b. not to mention

c. not mention d. not to mentioning

19. The coach wanted the players………………all period.

a. to exercise b. exercising

c. exercise d. exercised

20. I think most people prefer skiing…………...

a. than skating b. to skating

c. of skating d. better to skating

21. You can buy books here , ……..?

a. don’t you b. could you

c. can’t you d. couldn’t you

22. He stayed there for two weeks , ……………………?

a. don’t he b. didn’t he

c. isn’t he d. aren’t he

23. You teach English , ……………..?

a. don’t you b. doesn’t you

c. teach you d. didn’t you

24. You must stop now ,…………………….?

a. didn’t you b. did you

c. mustn’t you d. must you

25. You dare to tell him the truth , ……………..?

a. do you b. don’t you

c. dare to you d. don’t dare to you

26. Storms at sea are always dangerous, but they are

the………………..of all for fishermen.

a. more dangerous b. more danger

c. most danger d. most dangerous

27. Air fares are not so…………they used to be.

a. cheap as b. cheaper than

c. much cheap as d. a lot cheaper than

28. I work………………….at night.

a. good b. best

c. worse d. hardly

29. Jack is……………than his sister so he does not have

many friends.

a. friendlier b. more friendly

c. less friendly d. friendliest

30. We were prepared for rough weather , but to our

surprise the sea………………was we expected.

a. not so rough as b. less rough as

c. not rough than d. not as rough

……………………………………………………………………………………………………….