Blueletter01 2557

43
BLUE LETTER จดหมายสีฟ้า Issue1 2557

description

A journal of Silpakorn Arts Alumni - SAA

Transcript of Blueletter01 2557

| 1

B L U E L E T T E R

จดหมายสีฟ้า

Issue12557

| 2

B L U E L E T T E R

จดหมายสีฟ้า

F R E S H Y

4 | สาส์นจากประธานชมรมฯBEGIN...AGAINเฉลิมพร Arts 22

7 | FEATURE...กลับมาท�าไม...ดุสิดา Arts 34

15 | HAPPY EATERอิ่มอร่อย@นครปฐมจุไรรัตน์ Arts 30

19 | TRAVEL NOTEสูดไอดินกลิ่นป่าที่บรูไนเกตุ Arts 23

23 | HEALTHบันทึกสาวออฟฟิศสู่นักวิ่งมาราธอนชนิดา Arts 35

25 | IT GADGETกาลครั้งหนึ่ง แกดเจ็ตรักษ์พงษ์ Arts 28

28 | JOURNEYบันทึกการเดินทางจากไซบีเรียสู่ไอเฟลพล Arts 24

32 | MUSIC REVIEWJake Buggคงกะพัน Arts 32

35 | MOVIE REVIEWFresh = สดชื่น กระชุ่มกระชวย มีชีวิตชีวาทัพพ์เทพ Arts 27

37 | BOOK REVIEWดอกไม้ไม่จ�านรรจ์สกุล Arts 4

40 | HOW ARE YOU?ข่าวคราวความเคลื่อนไหวสมศรี สนามจันทร์

42 | BLUE EDITORคงกะพัน Arts 32

Issue12557 FRESHY

| 3

ไอ้จิ๊บแฟน บก.เบน ถามหลัง

จากไปกินข้าววันถ่ายปกว่า..พี่แป๊ะ

พวกรูปเรากินข้าวและเบื้องหลังที่

หนูถ่ายๆเนี่ยจะให้พ่ีด้วยนะ....เอา

จิส่ง line ให้พี่ก็ได้......inbox ทาง

face ดีก ่าพี หนูว ่าภาพมันคม

กว่านะ

เหรออออออออ.......

เออเนอะ!!!....คนรุ่นใหม่เขา

รู้รายละเอียดของชีวิต online เป็น

อย่างดี คนรุ่นใหญ่ใกล้ 60 อย่าง

พี่ออด ประธานชมรมศิษย ์ เก ่า

คนแรกก็ยังใช้ smartphone ใน

วันมาถ่ายปกแถมยังเคยส่ง line

sticker มาทักผมอีก...............

การมาท�างานตรงนี้ของคน

รุ่น analog คร่อม digital อย่างผม

จึงต้อง balance การใช้ชีวิตของทุก

generation ของคนอักษรให้พอดีๆ

เพื่อให้เป็นไปตามvision ของชมรม

ศิษย์เก่าที่ว่า Connecting genera-

tions

จ�าได ้ว ่าเมื่อก ่อนตอนปิด

เทอมแล้วเขียนจดหมายไปหาใคร

บางคน กว ่ าจะได ้ รับการตอบ

กลับ มุมหนึ่งก็รอคอยอย่างโรแมน

ติกดีครับแต่อีกมุมหนึ่งก็รอโคตร

นานเลย(ฮา) จดหมายสีฟ้าก็เช่นกัน

สมัยที่เป็นสื่อ onprint (หยุดไปหลาย

ปี) กว่าจะจัดหน้า แล้วพิมพ์แล้วรอ

อ่านแล้ว ..โอ้วววววววววว.........

ในวันที่จ�านวนศิษย์เก ่ายัง

ไม่มากเท่าวันนี้ ก็พอจะโอเคมั้ง...

แต ่ในวันที่ทุกอย ่างเปลี่ยนไปทั้ ง

BEGIN...AGAINพร/แป๊ะ เฉลิมพร ภาปราชญ์ Arts 22 ประธานชมรมศิษย์เก่าอักษรศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร

รองเท้าผ้าใบ

สีขาว

| 4

เทคโนโลยีและการใช้ชีวิต ทางชมรม

จึงลงความเห็นร่วมกันว่า การเปลี่ยน

รูปแบบเป็นสื่อ online น่าจะเหมาะ

สมกว่าโดยมีข้อแม้ว ่าหัวจิตหัวใจ

ของจดหมายสีฟ้าที่ตั้งใจจะให้เป็น

ส่ือกลางเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ของ

ศิษย์เก่าอักษรต้องคงไว้อยู่เสมอ

ถ้าตอนปีหนึ่งมีเพลงท่ีพวก

เราร้องร่วมกันชื่อเพลง *แรกเราพบ

กัน* ความรู้สึก freshy แบบนั้น

ก็คือ theme ของฉบับนี้ครับ การ

กลับมาของแผ่นพับท่ีชื่อจดหมาย

สีฟ ้าในครั้งนี้นอกจากจะปรับชื่อ

เป็น blue letter จดหมายสีฟ้า

ที่เป็นเหมือน online magazine

แล้ว เรายังมีการปรับเติมเนื้อหาที่

เป็น lifestyle ให้มากขึ้นอีกด้วยโดย

ทุกคนที่มาช่วยกันท�าก็เป็นพี่ๆน้องๆ

อักษรของเราทั้งนั้น( ขอบคุณครับ)

ในวันที่ ไปถ ่ายปกตรงกับ

วนัทีท่างคณะมกีจิกรรมรบัน้องพอด ี

ภาพน้องๆในบรรยากาศเก่าๆ การ

สนทนากันระหว่างรุ่น.....ผมสัมผัสได้

ถึงมิตรภาพและความเป็นพี่น้องของ

พวกเราชาวอักษรที่มีให้กันเสมอ.....

หลายคน หลายเรื่องราว

หลายสถานที่ที่ ชี วิต เรามีโอกาส

มุ่งไปเจอหรือหลงทางไปพบ อาจ

ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่ก็ไม่น่าเชื่อ

ที่บางครั้ง พระเจ้าก็ได้เขียนสคริปท์

โดยให้เหตุผลเพียงบางๆว่า สิ่งเหล่า

นั้นอาจกลับมาอีกก็ได้...

begin again กับ b l u e l e t t e r จดหมายสีฟ้า กันนะครับ

| 5

| 6

ทันทีที่รับสาย “ศุกร์นี้มีกีฬาน้องพ่ีกลับมอ

กันไหม” เสียงประธานเชียร์รุ่น 34 เอ่ยถามสั้นๆ

แบบไม่ต้องทักทายกันให้เสียเวลา ส่วนปลายสาย

ก็ตอบว่า “ไป” ในทันที

แม้จะไม่ได้กลับบ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่มีคน

ชวนไปมหาวิทยาลัยไม่ว่าในช่วงกิจกรรม เทศกาล

วันอาจารย์ศิลป์ ฯลฯ หรือแค่ชวนไปกินข้าว

องค์พระฯ หมูเวล สโนว์ไวท์ ฯลฯ เราก็ไม่เคย

ปฏิเสธ เว้นแต่จะมีภารกิจติดพันซึ่งเป็นเรื่องงาน

เท่านั้นที่จะรั้งไว้ได้ ขณะที่เพื่อนพี่และที่ท�างาน

จะถามลอยๆ ว่า “ไปทับแก้วอีกแล้วเหรอ ไป

บ่อยเนอะ” พร้อมกับยักไหล่ละค�าพูดไว้ในฐานที่

เข้าใจว่าจบนานแล้วยังจะกลับไปท�าไมนักหนา

นั่นสินะ ท�าไม...

...กลับมาท�าไม...เรื่องเด่นประจ�าฉบับ | ดุสิตา อิ่มอารมณ์ Arts 34

FEATURE

| 7

ค�าถามเหล ่านั้นท�าให ้ เรา

นึ กย ้ อนกลับ ไปสมั ย เข ้ าป ีหนึ่ ง

ครั้ งทับแก ้ว มีถนนทางเข ้ าด ้ าน

หน้า 2 เลน ร ่มร่ืนด้วยต้นไม ้

ใหญ ่ซึ่ งป ัจจุ บันถูกตัดเพื่อขยาย

ถนนไปแล้ว ที่จอดจักรยานตรง

สน ามบอลก็ เ ป ็ น พ้ื นที่ ส� า ห รั บ

จอดจั ก รยานจ ริ งๆ นั กศึ กษา

ยั ง ไม ่ค ่ อยใช ้มอ เตอร ์ ไซค ์ห รือ

สกู ๊ตเตอร์ให ้เห็น ที่ส�าหรับจอด

รถยนต์ก็แทบไม่มีเช่นเดียวกันการ

เดินทางไปกลับกรุงเทพฯ มีแต ่

รถทั วร ์ สายด� า เนินสะดวกหรือ

ราชบุรีที่ต ้องไปข้ึนตรงสายใต้เก่า

ไม่มีวินรถตู้ หอนอกก็มีอยู่น้อยนิด

คนบ้านไกลที่อยู่ชายขอบเมืองหลวง

ด้านทิศตะวันออกอย่างเราจึงได้สิทธ์ิ

เข้าไปอยู่หอใน

มอบตัววันแรกยังไม่รู้จักใคร

ได้เจอพี่เชียร์มาร้องเพลงต้อนรับ

และชวนเล่นเกมเรียกรอยยิ้มและ

เสียงหัวเราะกันเบาๆ เป็นคร้ังแรก

ที่ได้เจอเพื่อนรุ ่นเดียวกันที่มาจาก

สถาบันอื่น ส่วนเรามีเพื่อนมาจาก

โรงเรียนเดียวกัน จับคี่ 3 คนได้

เป ็นรูมเมทอยู ่ที่หอเพชรรัตน์ 2

ยกกระเป๋าขึ้นห้องเรียบร้อยหาข้าว

กินกันก่อนที่จะนอนตีพุง รุ่งขึ้นตื่น

มาเรียนแล้วก็กลับหอกินข้าวอาบน�้า

นอน เป็นอย่างนี้ทุกเช้าค�่า...อย่าง

นั้นหรือ เปล่าเลย ชีวิตเฟรชชี่ไม่

ได้มีแค่นั้นหรอก

เทศกาลรับน ้องใหม ่ เริ่ ม

ต้นข้ึนพร้อมๆ กับการเรียนรู้ชีวิต

นักศึกษามหาวิทยาลัย เลิกเรียน

หาขนมกินแล้วตอนเย็นก็กลับหอ

ไปเปลี่ยนเสื้อเชียร ์ กลัดป้ายชื่อ

และรหัสไว ้ แล ้วก็ขี่จักรยานไป

ใต้ตึก 50 ปี ยืนเข้าแถวเรียงตาม

รหัสกับเพื่อนร่วมรุ ่น นอกจากพี่

เชียร์ที่มาสอนเพลงคณะให้แล้ว ใน

สมัยนั้นยังมีการว้ากอยู่ด้วย

บอกตามตรงว่าการว้ากของ

อักษรฯ ไม่น่ากลัวหรือหนักหนา

เม่ือเทียบกับคณะอื่นๆ อย่างมาก

ก็ เหนื่ อยกับการท� า โทษชุด เล็ ก

| 8

ชุดใหญ่ที่เป็นการลุกนั่ง ซึ่งส่งผล

ให ้เพื่อนหลายคนสะโพกกระชับ

สวยรับชุดนักศึกษาเลยทีเดียว มี

การท�ากิจกรรมละลายพฤติกรรม

ให้เราได้ท�าความรู้จักกับเพ่ือนในรุ่น

ท้ังท่ีรหัสใกล้และไกลกัน ซ้อมร้อง

เพลงเชียร์แล้ว 3 ทุ่มกว่าๆ ผู้หญิง

ก็แยกกลับหอใน ส่วนผู้ชายเขาอยู่

ท�าอะไรกันต่อเราก็เพิ่งมารู ้ทีหลัง

ตอนที่นั่งคุยกันช่วงกีฬาเฟรชชี่

อย่างที่รู ้กันว่าตลอดระยะ

เวลาของการมาซ้อมเชียร์นั้นจะถูก

กดดันจากพี่ว ้ากเสมอ เพราะมี

เพื่อนที่ไม่มาร่วมกิจกรรมเกือบร้อย

บางครั้งลุกนั่งจนเหนื่อยก็ได้แต่มอง

ตาเพื่อนที่รหัสใกล้กันแล้วก็ยิ้มให้กัน

เงียบๆ ค�าของพี่ว้ากที่จิกด่ารุ่นเรา

ไม่รักกัน อ่อนอย่างนั้นอย่างนี้ ใคร

จะรับเป็นรุ่น 34 ฝังความแค้นให้

คุกรุ ่น ‘บิ้ว’ กันไปเร่ือยๆ สลับ

การก้มหน้าก้มตาจัดชุดเล็กชุดใหญ่

ให้ไม่ขาด วันหนึ่งพ่ีเชียร์สอนเพลง

ยาก สอนเท่าไรก็ร้องกันไม่ได้จนพี่

ท่ีมาร้องน�าเสียงหาย พี่ว้ากบุกเข้า

มาล้อมหน้าล้อมหลังแล้วก็ด่าๆจน

พี่เชียร์ร้องไห้วิ่งออกไป พี่ว้ากส่ัง

เก็บป้ายชื่อและรหัสของพวกเรา

ท่ีกลัดไว้ไปหมด ไม่รับรุ ่นเราเป็น

น้อง ให้เพื่อนผู้ชายออกไปข้างนอก

ปิดประตูโรงละคร ปิดไฟ สั่งให้ทุก

คนก้มหน้าแล้วหลับตาลงไป ผู้หญิง

ที่อยู ่ด้านในได้ยินเสียงเพื่อนผู ้ชาย

ถูกท�าโทษ จังหวะกระแทกตัวลงพื้น

เสียงดังสะท้านเข้าไปในหัวใจ แต่ละ

คนน�้าตาไหลเพราะสงสารเพื่อน

ความรู้สึกตอนนั้นพีคมาก รู้ว่าเพื่อน

ผู้ชายโดนว้ากหนักกว่าแต่ไม่คิดว่า

จะขนาดนี้ อยากจะลุกขึ้นมาชี้หน้า

ด่าพี่ว ้ากที่ท�าโทษรุนแรง ถ้าต้อง

พิสูจน์ความเป็นรุ ่นน้องแล้วเพื่อน

ต้องเจ็บอย่างนี้ไม่เป็นมันแล้วรุ่น 34

แ ล ้ ว ป ร ะ ตู โ ร ง ล ะ ค ร ก็

เปิดออก “โอ โอ๊ะ โอ ละเหนอ

เออ เอ่อ น้องเอย... ลา ล้า ลา

ล้า ลา ลา...” ลืมตาเงยหน้า

ขึ้ นมาเห็นพี่ ๆ ถือ เทียนเข ้ ามา

แล้วก็วางล้อมพวกเราไว ้ ทั้งพี่ว ้ากพี่ เชียร ์ร ้องเพลงรับขวัญ ผูกข้อมือ

ให้เต็มแขน วันนั้นเป็นวันที่ได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของพี่ว้ากครั้งแรก

ในที่สุด... พี่ก็รับพวกเราเป็นน้องแล้ว

ค ว าม สุ ข ในก า ร ใช ้ ชี วิ ตนั ก ศึ กษ าที่ ทั บ แก ้ ว ไ ม ่ ไ ด ้ จ� า กั ด อยู ่

แค่ช่วงรับน้องตอนปี 1 เท่านั้น รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ อ้อมกอด และวีรกรรม

ที่เราท�าร่วมกัน เติมเต็มอยู่ในความทรงจ�าตลอด 4 ปีที่ได้เรียนที่นี่ เพียงแต ่

จุดเริ่มต้นที่ท�าให้เราได้รู้จักและเปิดรับมิตรภาพจากเพื่อนๆ พี่ๆ ในคณะนั้น

มาจากกิจกรรมรับน ้อง เราผ ่านความเหนื่อยความเสียใจ ความดีใจ

ในช่วงเฟรชชี่ด้วยกันมา หากไม่ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาเหล่านั้น เรา

คงไม่ได้เห็นความเป็นเพื่อน ความเป็นพี่ ความเป็นน้อง และเห็นความเป็นเรา

อย่างทุกวันนี้

เราซึ่งต่างผูกหัวใจไว้ในบ้านสีฟ้า ร่วมกันสร้างความทรงจ�าในวันเวลา

จนต้องกลับบ้านมาระลึกถึงความสุขที่เคยมีอยู่เสมอ

ดังนั้นหากจะมีสถานที่ไหนให้นึกถึงจึงเป็นทับแก้ว สถานที่สวยงามซึ่ง

บรรจุด้วยเรื่องราวของผู้คนที่เรารับมาเป็นพ่ีเป็นน้อง...สถานที่ซึ่งเราจะสามารถ

กลับไปพบผู้คนที่เรารัก... ดั่งพี่น้อง

| 9

| 10

ฟ้าสะท้อน... สีน�้าไหล

ค ว า ม ห ม า ย ใ น ก า ร เ ดิ น

ทางกลับมาเยี่ยมเยือนบ้านสีฟ ้า

ขอ งแต ่ ล ะคนอาจต ่ า งกั นตร ง

ประสบการณ์และความทรงจ�าซึ่งได้

รับในช่วงชีวิตที่เป็นนักศึกษา ขณะที่

ความผูกพันและความยินดีที่ได้มา

พบกันนั้นกลับเต็มเป ี ่ยมไม ่ต ่าง

เห็นได้จากรอยย้ิมและการทักทาย

ระหว่าง พี่ออด-รองศาสตราจารย์

ทวีศักดิ์ ปิ ่นทอง อดีตประธาน

ชมรมศิษย์เก่าคนแรก และ พี่แป๊ะ-

เฉลิมพร ภาปราชญ์ ประธานชมรม

ศิษย์เก่าคนปัจจุบัน ซึ่งทั้งคู่พร้อมใจ

เดินทางกลับมาหวนระลึกถึงวันเก่า

สวมเสื้อเชิ้ตขาวผูกไทด์สีเขียวเวอร์

ริเดียนมานั่งคุยกับเราและตัวแทน

ของศิษย์ปัจจุบันเกี่ยวกับกิจกรรม

การรับน้องที่ก�าลังจะเกิดขึ้นวันนี้

อีกหลายมุมนักศึกษาก�าลัง

ด�าเนินกิจกรรม เปิดรั้วทัวร์อักษรฯ

น้องปี 1 ใส่เสื้อสีเข้ม กางเกงขายาว

และรองเท้าผ้าใบ แขวนป้ายชื่อและ

รหัสนั่งกันเป็นกลุ ่มใหญ่กระจาย

ออกไปตามฐานต ่ า งๆ ที่ รุ ่ น พ่ี

เตรียมไว้ ส่งผลให้บรรยากาศบริเวณ

คณะคึกคักเป ็นพิเศษ แล้วน้อง

ต๋อง-วศิน พรจ�าเนียรกุล หัวหน้า

นักศึกษาคณะอักษรศาสตร ์คน

ปัจจุบันและ น้องมิว-ลักษณ์นารา

เปี้ยทา น้องใหม่จากสาขาวิชาเอเชีย

ศึกษา จึงเดินมาสมทบ

ใสๆ สไตล์เฟรชชี่

ขณะฟังพ่ีแป๊ะเล่าถึงวีรกรรม

สมัยที่เขาจบไป 10 ปีแล้วแต่ก็แอบ

มานั่งเนียนกับเฟรชชี่รุ่น 32 เพื่อ

สัมผัสบรรยากาศการรับน้องปีนั้น

ว่าเป็นอย่างไร เราก็หันมาถามมิวว่า

รู ้สึกอย่างไรบ้างที่ก�าลังจะได้สัมผัส

กับกิจกรรมรับน้องใหม่ด้วยตัวเอง

“มีเพื่อนบางคนจะถามรุ ่นพี่หรือพี่

รหัสว่าเขาจะโดนอะไรบ้าง แต่หนู

ไม่ชอบฟังสปอยล์ คิดว่ามาเจอเองดี

กว่าสนุกกว่า เพราะอะไรที่เรารู้อยู่

แล้วมันไม่สนุกหรอกค่ะ อย่างวันนี้พี่

| 11

เขาก็ไม่ได้บังคับให้มา เพื่อนบางคนก็

ไม่มา แต่มิวไม่เอา ต้องมา อยากมา

เพราะหนูรู ้สึกว่ามันเป็นอีกขั้นหนึ่ง

ค่ะ ไม่เหมือน ม.ปลายที่เราอยู่กัน

มา 3 ปีแล้ว นี่คือมหาวิทยาลัย ทุก

คนมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ อาจจะมาจาก

โรงเรียนอื่นที่เราไม่รู้จักเขาเลยด้วย

ซ�้า มันก็เป็นเหมือนสังคมใหม่อีก

สังคมหนึ่งที่เราต้องเรียนรู้ว่ามันเป็น

อย่างไร ถ้าเราพลาดโอกาสที่เราจะ

ได้รู้จักเพื่อนๆ เราก็เสียเปรียบแล้ว

ค่ะ มันย่อมดีกว่าถ้าเราเปิดเทอมมา

แล้วทักทายกัน ‘เฮ้ยแก เป็นไง หวัด

ดี’ กับการที่เราเปิดเทอมไปแล้วค่อย

มาถามว่า เธอชื่ออะไรเหรอ?”

“ มิ ว คิ ด ว ่ า ก า ร รั บ น ้ อ ง

เป็นการท�าความรู ้จักกันระหว่าง

รุ่นพี่กับรุ่นน้อง เป็นการเปิดอะไร

ใหม่ๆ ให้เราได้เจอรุ่นพี่ เราได้เจอ

เพื่อน อย่างเจอพี่ต๋องวันแรกพี่เขา

จะแนะน�าตัวว่าท�าหน้าท่ีอะไร อยู่

ฝ่ายไหน เราก็จะรู้แล้ว คุ้นหน้าพี่เขา

เจอกันก็ทักทายกันได้เหมือนเป็น

การเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่

กับรุ่นน้องด้วย”

คุยกันสักพักมิวก็ขอตัวกลับ

ไปท�ากิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ ตาม

ความตั้งใจ แต่เธอก็ยังไม่วายทิ้งท้าย

ถามพี่ๆ ว่า “ท�าไมพี่ๆ ชอบเล่าเรื่อง

ผีกันคะ” แล้วพี่ออดก็รับหน้าที่เล่า

ความหลังครั้งเจอประสบการณ์ลี้ลับ

กับตัวเองให้ฟัง ก่อนที่มิวจะพูดด้วย

ความโล่งอกว่า “พี่ขาหนูอยู่หอนอก

หนูรอด” แล้วก็ยิ้มหวานไปรวมกลุ่ม

กับเพื่อนๆ

ความรับผิดชอบของรุ่นพี่

ส�าหรับต๋องซึ่งมีส่วนรับผิด

ชอบกิจกรรมรับน้องใหม่ครั้งนี้ก็พบ

ความแตกต่างในการเป็นรุ ่นน้อง

และรุ ่นพี่อย่างชัดเจน “ตอนแรก

ที่มาถึงที่นี่ความรู้สึกของผมในการ

รับน้องคณะอักษรศาสตร์คือการ

ที่ เราได ้ท�าความรู ้จักกันมากกว่า

เพราะต่างคนต่างที่มากัน ต่างพ่อ

แม่ต่างนิสัย ต่างทัศนคติครับ การ

ต๋อง-วศิน พรจ�าเนียรกุล เอกประวัติศาสตร์ โทรัฐศาสตร์ รหัส 05550387

มิว-ลักษณ์นารา เปี้ยทา สาขาวิชาเอเชียศึกษา (ภาษาญี่ปุ่น) รหัส 05570625

| 12

รับน้องเหมือนกับว่าทุกคนมาหลอมรวมกันเพื่อเป็นหนึ่งเดียว”

ขณะที่ผู้ชายอักษรฯ จะมีกิจกรรมเพิ่มขึ้นมาจากกิจกรรมรับน้องรวม

“ส�าหรับผมการมีว้ากผู้ชายคือท�าให้ผู้ชายในรุ่นรู้จักกันเอง ด้วยความที่คณะเรา

ผู้หญิงเยอะก็เหมือนกับเป็นการรวมกลุ่มผู้ชายให้มาช่วยกันท�างานท�ากิจกรรม

ซึ่งถือว่าช่วยได้เยอะนะครับในส่วนนี้ เพราะว่ารับน้องคณะเราค่อนข้างเบา แล้ว

จะเน้นในเรื่องของความสนุกสนานได้รู้จักเพื่อนจากการท�ากิจกรรมตอนปี 1 ซึ่ง

พอเห็นพี่ที่เขาท�ากิจกรรมเราเลยรู้สึกว่าเราอยากเป็นผู้จัดกิจกรรมบ้าง”

บทบาทที่ต ่างไป หน้าที่ก็ต ่างไป

ด้วย “ในมุมผม พอเราเป็นรุ่นพี่ปุ๊บ

เรามีความรับผิดชอบมากขึ้นในเรื่อง

ของการดูแลน้อง ตอนที่เราเป็นน้อง

เราเข้าร่วมกิจกรรมจริงแต่ไม่ได้รับ

ผิดชอบอะไรมากมาย พอเราเป็นพี่

เหมือนเราต้องแบกภาระบางอย่าง

ไว้” และทุกสิ่งที่ท�าก็เพื่อน้องที่ก�าลัง

จะได้รู้จักกันในวันนี้

ที่... ที่เคยยืน

นับจากวันที่ก ้าวเข ้ามาใช ้

ชีวิตในฐานะนักศึกษาในรั้วศิลปากร

จนวันนี้เป็นเวลา 40 ปีแล้ว พี่ออด

เดินผ่านทางเดินและอาคารที่แตก

ต่างจากวันเก่าๆ อย่างกลมกลืน อาจ

เพราะความทรงจ�าส่วนหนึ่งบันทึก

อยู่กับผู้คนและเหตุการณ์ ดังนั้นแม้

สถานที่และบรรยากาศต่างไป แต่

ความรู้สึกที่ได้มาเยือนทุกคร้ังยังคง

เดิม

เมื่อได ้มาเห็นบรรยากาศ

ของกิ จกรรม วันนี้ พ่ี ออด จึง เล ่ า

ถึ งการรับน ้ อ งสมั ยก ่ อนให ้ฟ ั ง

“การรับน้องสมัยนั้นแรงครับ แรง

ชนิ ดที่ ว ่ า ถ ้ า ห ากคุณทน ไม ่ ไ ด ้

ประสาทกินกันไปเลย คือตอนใหม่ๆ

เราจะมีความรู้สึกค้าน ไม่เห็นด้วย

ที่มีคนมาบังคับ ผู ้หญิงก็ถูกตวาด

สั่งให้ ว่ิงกัน ใครจะมาท�าตัวเป็น

คุณหนูไม่ได้ รับน้องผู ้หญิงเสร็จ

3 ทุ่ม ผู้ชายมารับกันต่อ ตอนนั้น

มหาวิทยาลัยเรามี 3 คณะคือ อักษร

ศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ วิทยาศาสตร์

ก็เอาผู้ชายมารับรวมกัน เราก็อยู่กัน

ถึง 5 ทุ่มเที่ยงคืน ตอนหลังเขาก็จัด

3 คณะทั้งหญิงชายมารับร่วมกัน

วันรับน ้องจริงก็ส ่งไปรับกับทาง

ฝ ั ่ ง ท ่ าพระ ท� า ให ้ รู ้ จั ก กั นทั้ ง

มหาวิทยาลัย”

“พอรับเสร็จเราเห็นว่ามัน

ใช่ สมัยก่อนเราอยู่ในสังคมชนบทนะ

ครับไม่มีตึกรามอย่างสมัยนี้ ที่ว่างมัน

มากกว่าคน ฉะนั้นเราจะท�ายังไงให้

คนเต็มพื้นที่ ถ้าต่างคนต่างอยู่มันก็

จะกระจายกันแล้วเราจะพ่ึงพาอาศัย

แป๊ะ / พร-เฉลิมพร ภาปราชญ์ ออด-ทวีศักดิ์ ปิ่นทอง เอกนาฏศาสตร์ โททัศนศิลป์ รหัส 0532020 เอกภาษาไทย โทสังคมศาสตร์ รหัส 0517035

| 13

กันอย่างไร พี่ๆ เขารุนแรงกับเราก็

จริงแต่เขาก็รักและห่วงใยเรา เรา

อยู่ในสังคมชนบทอย่างนี้คุณจะมา

หน่อมแน้มไม่ได้ เราต้องมีความ

เข้มแข็ง”

ประสบการณ์ที่เคยร่วมผ่าน

ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ไม่เคยจางจาก

กัน “คือเราเรียนอักษรเราจะเข้าใจ

ชีวิต เข้าใจคน เข้าใจสังคม เราจะไม่

มองโลกแคบ ค�าว่าเลือดสีฟ้ามันยัง

ติดกับตัวเรา เหมือนเป็นอุดมการณ์

ของเราไปแล้ว เราจะไม่ลืมที่ตรงนี้

ที่หล่อหลอมเรามา ส่วนหนึ่งครูบา

อาจารย์ให้ความรู ้กับเรา แต่ส่วน

หนึ่ง เพื่อน พี่ น้อง ให้สังคมกับเรา

ใช่ไหมครับ”

ก้าวไปในความเปลี่ยนแปลง

กลับมาที่ ประธานชมรม

ศิษย ์ เก ่าคนป ัจจุบัน การเชื่อม

สัมพันธ์ระหว่างรุ ่นสู ่รุ ่นจะเป็นไป

ได้อย่างไรหากปราศจากกิจกรรม

รับน้องเราไม่รู้ รู้เพียงกิจกรรมที่คง

อยู ่สามารถปรับเปลี่ยนไปตามยุค

สมัยและสังคมเพื่อที่จะด�าเนินต่อไป

ได้ก็พอแล้ว

“ในมุมที่เราเป็นเฟรชชี่ เรา

ต ้องดูแลตัวเองแล้ว มันมีทั้งแง ่

ท่ีมีอิสระมากกว่าเดิมและแง่ที่ได ้

เรียนรู้ตัวเองว่าเราสนใจอะไร ชอบ

อะไร ทีนี้ในมิติของการมารับน้อง

มันก็สนุก ปีพี่โชคดี ทุกคนลงซ่อม

หมด ไม่หายหน้า อันนี้เป็นสปิริต

ส่วนตัว งานซ่อมน้อง รับน้อง หรือ

เชียร์ช่วงเย็น เรารู้สึกว่าบรรยากาศ

น่ารัก ตกดึกโดยเฉพาะซ่อมผู้ชาย

มันจะมีอะไรที่ระห�่าหน่อย ทะลึ่ง

ทะเล้น มีเรื่องลี้ลับ ลึกลับ แต่ก็ตาม

สูตรพอรับน้องเสร็จปุ ๊บก็ร ้องห่ม

ร้องไห้ รักพี่ใช่ไหม แต่ทุกวันนี้โลกมัน

เปลี่ยนไป คนมันเปลี่ยนไป เรานึกถึง

บรรยากาศน่ารักอย่างที่ เคยเป็น

มีมุมที่เราต้องดูแลตัวเอง มีมุมที ่

การรับน้องหรือซ่อมน้อง มันรู ้สึก

ผูกพันและรู ้สึกว ่าเราลงมาท�ากัน

เถอะ มันเป็นกิจกรรมข�าๆ แต่มัน

ค่อยๆ หล่อหลอมความสัมพันธ์ไปในตัว”

ความหมายของเพื่อน พี่ และน้อง ที่ลึกซึ้งก็ก่อเกิดในช่วงเวลาเหล่านี้เอง

“มันมีความหมายกับพี่ตั้งแต่วันนู้นจนถึงวันนี้ พี่เชื่อว่าการรับน้องมันผูกสัมพันธ์

กันในแง่ของการที่เราได้รู ้จักนิสัยที่แท้จริงของกันและกัน บุคลิกมันต่างกัน

ต่างนิสัย ต่างที่มา อะไรที่จะเชื่อมสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วยกันได้ เราไม่ได้มาวิเคราะห์

วิพากษ์วิจารณ์ว่าการรับน้องโหดไม่โหด เราพูดในแง่ว่าให้มีกิจกรรมนี้เถอะ

ถ้ามาเรียนเสร็จแล้วกลับบ้านก็ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้เรียนรู้ ไม่ได้เป็นเพ่ือนกัน

แต่ถ้าลงมาท�ากิจกรรมรับน้อง มันจะได้เรียนรู้กันอีกแบบ เรียนรู้ความเป็นเพื่อน

ความเป็นมิตรไมตรี ความเอื้ออาทร ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตรงนี้มัน

จะส่งผลให้เราก็จะน�าไปใช้เวลาเราไปท�างานจริงหรือในชีวิตจริง”

เสียงกลองที่ให้จังหวะขณะรุ่นพี่ร้องเพลงน�าในกิจกรรม เปิดรั้วทัวร์

อักษรฯ ยังคงสะท้อนจากอาคารส่งปนมาในอากาศให้ได้ยิน ขณะเดินผ่าน

สะพานข้ามดาวทอดสายตามองไปบนพื้นน�้าพลันเห็นสีฟ้าอ่อนอมเขียวสะท้อน

จากท้องฟ้า เป็นสีน�้าไหลเช่นเดียวกับสีประจ�าคณะอักษรศาสตร์ สีที่งดงาม ซึ่ง

ยังคงอยู่ในบ้านที่งดงามแห่งนี้เรื่อยมา

| 14

การท่องเที่ยวที่มีความสุขนั้น บางครั้ง

อาจต้องมาควบคู ่กับอาหารรสชาติอร่อยที่ เป ็น

เสมือนเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วยกันเสมอ และ

ในวันนี้ถ้าใครได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวแถบตัว

เมืองนครปฐม บ้านเกิดของชาวทับแก้ว รับรอง

ว่าจะต้องเพลิดเพลินกับสารพันอาหารรสเลิศอย่าง

แน่นอน ซึ่งจังหวัดนครปฐมนั้นอยู ่ ไม ่ไกลจาก

กรุงเทพฯ สามารถขับรถไปถึงได้ในเวลาราว 1 ช.ม.

เท่านั้น และนอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย

อย่าง พระปฐมเจดีย์ พระราชวังสนามจันทร์ ฯลฯ

นครปฐมยังมีของกินหลากหลาย เรียกได้ว่าอาหาร

อร่อย ปริมาณเยอะจุใจ และที่ส�าคัญราคายังถูก

สบายกระเป๋า สุดคุ้มกันเลยทีเดียว จะมีที่ไหนบ้าง

ต้องตามไปดูกัน

อ่ิมอร่อย@นครปฐมอาหารการกิน ที่ไหนเด็ด ตรงไหนดี มีมาแชร์ | จุไรรัตน์ สุธรรมโกศล Arts 30

HAPPY EATER

| 15

ร้านฮิ้น

• เริ่มต ้นด ้วยเมนูอิ่มอร ่อย

จะเป็นมื้อเช้าหรือจะเป็นมื้อกลางวัน

ก็ได้ตามสะดวก ต้องท่ีนี่เลย ข้าว

หน้าสัตว์...ร้านฮิ้น “ข้าวหน้าสัตว์”

ฟังชื่อแล้วอาจดูพิกล แต่รับรองว่า

ถ้าใครได้ลองแล้วจะติดใจ ร้านฮิ้นมี

หลากหลายเมนูความอร่อย อาทิ

ข้าวหมูแดง หมูกรอบ ข้าวหน้าไก่

แล้วก็ข้าวหน้าเป็ดย่าง หรือจะสั่ง

แบบรวมมิตรหน้าสัตว ์ ถือเป ็น

จานเด็ดของร้าน อร่อยล�้ากันไปใน

จานเดียว

• เมนูของร้านนี้ดูผ่านๆอาจจะ

ดูเหมือนเมนูธรรมดา แต่ทีเด็ดอยู่ที่

น�้าซอสราดรสเด็ด น�้าราดหมูกรอบ

จะออกเค็มนิดๆ ส่วนน�้าราดเป็ด

จะออกหวานๆหน่อย เป็ดย่างชิ้น

หนา เนื้อแน่น หนังกรอบ ส่วนหมู

กรอบเนื้อนุ่ม หนังกรอบ มันไม่เยอะ

มาก กินแล้วไม่เลี่ยน ไก่ต้มเนื้อแน่น

หมูแดงใช้เนื้อสันนอก เนื้อนุ่ม ชิ้น

พอดีค�า และมีน�้าจิ้มที่ช่วยตัดรสชาติ

เลี่ยนได้อย่างลงตัว

• หากมี โ อกาส ได ้ ผ ่ านมา

จังหวัดนครปฐม อย่าลืมมาลองลิ้ม

อาหารจานด่วนที่ร้านข้าวหน้าสัตว์...

ร้านฮิ้น ราคาสุดคุ้ม และที่ส�าคัญ

รสชาติอร่อยไม่แพ้ที่ใดอย่างแน่นอน

จนหมู ่มวลมหาประชากรทับแก้ว

เพศชายหลายคนอดไม่ได้ที่จะอุทาน

ว่า อร่อยสัตว์สัตว์...

• พิกัดร้านอยู่ที่ซอยอาร์ต ตรง

สี่แยกสนามจันทร์ ตรงข้ามกับประตู

ทางเข้าสาธิตศิลปากร มหาวิทยาลัย

ศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนาม

จันทร์

• ร้านเปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่

8.00 น.-15.00 น.

• ราคาอาหาร 35-50 บาท

| 16

ร้าน SU STEAK

• แล ้ ว ไปต ่อกับ เมนูสบาย

กระเป๋าที่ร้าน “SU STEAK” สเต็ก

รสชาติอร่อย ราคาถูก มีทั้งสเต็ก

หมู สเต็กไก่ สเต็กปลา เฟรนช์ฟ

รายส์ และผักโขมอบชีส ราคาอยู่ที่

ประมาณ 60-100 บาทเท่านั้น ร้าน

นี้โดดเด่นที่ขนาดของสเต็กที่มีช้ิน

ใหญ่ เนื้อนุ่ม หมักเครื่องเทศกลิ่น

หอมชวนหิว และมีไข่ดาวทุกจาน

• ร้านนี้เป็นร้านที่ต้องบริการ

ตัวเอง ที่โต๊ะจะมีใบรายการอาหาร

พร้อมราคา เราก็เลือกเมนู แล้ว

เอาไปให้ที่เคาน์เตอร์ อาหารเสร็จ

แล้ว เค้าก็จะเรียกเราไปรับอาหารที่

เคาน์เตอร์ และชั้นวางช้อน ส้อม มีด

ทิชชู่ อยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ ทาน

เรียบร้อยแล้วก็ช่วยกันเอาจานไป

วางที่จุดส�าหรับวางภาชนะ

• ร้านตั้งอยู ่ที่ซอยจันทรคาม

พิทักษ์ หน้าปากซอยเป็นร้านเจ&เจ

มาร์ท เมื่อเข้าซอยร้านจะอยู ่ทาง

ขวามือ เป ิดบริการทุกวันเวลา

12.00 -24.00 น.

• เมื่อเราได้ลิ้มรสอาหารอร่อย

ในบริเวณพระราชวังสนามจันทร์

แล้ว เลยไปอีกสักพักก็จะถึงองค์

พระปฐมเจดีย์ ช่วงระหว่างผึ่งพุง

พักท้องรออาหารมื้อที่ผ่านมาย่อย

ให้เรียบร้อย สิ่งที่พลาดไม่ได้คือหา

โอกาสมากราบนมัสการองค์พระ

ปฐมเจดีย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง

ของจังหวัดนครปฐม เพื่อความเป็น

สิ ริมงคล และที่นี่ เองในช่วงเย็น

จะมีตลาดโต้รุ ่งที่ร้านอาหารรสเด็ด

ละลานตาให้เลือก ลิ้มลอง ที่ขึ้น

ชื่อก็ไอศครีมลอยฟ้า ขนมหวาน

ก๋วยเตี๋ยว ราดหน้า ฯลฯ

| 17

ร้านหอยทอดนายผอม

• เราจะพาไปชิมร้านท่ีรสชาติ

อร่อยถูกปาก รสชาติติดใจไม่แพ้กัน

เริ่มกันที่ร้าน “หอยทอดนายผอม”

ร้านหอยทอดที่โดดเด่นด้วยรถสีฟ้า

น่ารัก มีกระทะขนาดใหญ่อยู่บนรถ

ในเรื่องหอยทอดก็เด็ดไม่แพ้ใครด้วย

ความกรอบของแป้ง ใช้หอยแมลงภู่

สดใหม่กับน�้าจิ้มสูตรพิเศษที่ออกรส

เปร้ียวหวานพอดี ท�าให้หอยทอด

จานนี้อร่อยเด็ดเลยทีเดียว

• หอยทอดนายผอมมี เมนู

แนะน�าหลาย เมนูอาทิ หอยทอด

40/100 บาท ออส่วน 60/100 บาท

หอยนางรมทอด 60/100 บาท

และหอยทอดปนหอยนางรม 100

บาท พิเศษกับเมนูสุดล�้า หอยทอด

ไม่ใส ่หอย (แล้วมันจะเป็นเยี่ยง

ไร อันนี้ก็มิทราบได้) 30 บาท หอย

ทอดไม่ใส่แป้ง 100 บาท ร้านตั้งอยู่

ที่ตลาดองค์พระปฐมเจดีย์ ร้านแรก

ตรงทางเข้า เปิดบริการทุกวัน เวลา

17.00 - 23.00 น.

บัวลอยแต้จิ๋ว

• ปิดท้ายด้วยของหวานที่ร้าน

“บัวลอยแต้จิ๋ว” มีหลากหลายเมนู

ความหวานอร่อยทั้งร ้อนและเย็น

อาทิ เต้าทึง รสชาติหอมหวาน น�้า

ล�าไย มีส่วนผสมหลากหลายไม่ว่าจะ

เป็น ล�าไยแห้ง วุ้นมะพร้าว แห้ว ลูก

เดือย ถั่วแดง มันเชื่อม พุทราเชื่อม

ลูกเกด ไฮไลท์อยู่ที่ แป้งบัวลอยที่

หั่นเป็นชิ้นบางๆ เหนียวนุ่มเข้ากับน�้า

เชื่อมได้เป็นอย่างดี และยังมีทับทิม

กรอบ สาหริ่มน�้ากะทิให้กลิ่นหอม

ของกะทิที่สดใหม่และกลิ่มหอมจาก

เทียนอบและน�้าแข็ง เกล็ด เมื่อกิน

แล้วรู ้สึกหวานสดชื่นจับใจ เต้าทึง

ถ้วยละ 15 บาท ของหวานน�้ากะทิ

ถ้วยละ 20 บาท ร้านบัวลอยแต้จิ๋ว

ตั้งอยู่กลางซอยของตลาดโต้รุ่ง เปิด

ทุกวัน เวลา 17.00 -23.00 น.

• ถ้าใครมีโอกาสได้มาเที่ยว

นครปฐม แถว อ.เมอืง กอ็ย่าพลาดร้าน

อาหารเด็ดเหล่านี้ เพราะนอกจาก

จะอิ่มอร่อยกับหลากหลายเมนูแล้ว

ยังล้วนแล้วแต่เป็นร้านที่ราคาสุดคุ้ม

และที่ส�าคัญรสชาติอร่อยไม่แพ้ที่ใด

อย่างแน่นอน ติ๋วคอนเฟิร์มค่ะ ;)

| 18

ฟ้ายังคงมืดสนิทขณะท่ีผมผุดลุกจากเตียง

ของอูลู อูลู รีสอร์ทในเขตอุทยานแห่งชาติอูลู เทม

บูรง แล้วเร่งรีบเปลี่ยนชุดเพ่ือให้ออกไปทันเวลา

นัดหมายกับคนน�าทางในเช้าวันนี้ แสงสลัวจาก

ไฟฉายน�าผมมาถึงยังริมตลิ่งพร้อมกับนักท่องเที่ยว

อีกกลุ่มหนึ่ง พวกเราลงเรือกันอย่างเงียบๆ แทบจะ

ไม่มีเสียงสนทนาใดๆนอกจากเสียงน�้าในแม่น�้าไหล

เอื่อยๆ จากนั้น เมื่อเราออกจากรีสอร์ทมาได้เพียง

15 นาทีก็มาถึงจุดท่ีต้องขึ้นจากเรือเพื่อเดินเท้าต่อ

จุดหมายปลายทางของเราคือ Canopy Walk ซึ่ง

เป็นนั่งร้านอลูมิเนียมที่ต่อกันขึ้นไปกว่า 60 เมตร

แล้วมีทางเดินเชื่อมต่อกันอยู่เหนือยอดไม้ เป็นจุดชม

ทัศนียภาพผืนป่าฝนที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะ

บอร์เนียว แต่ก่อนจะไปถึงที่ตั้งของ Canopy Walk

เราต้องเดินแหวกพงหญ้าและขึ้นบันไดไปอีกเกือบ

300 ขั้น

…...

สูดไอดินกลิ่นป่าที่บรูไนร่วมท่องเที่ยวกันไปผ่านตัวอักษร | เกตุ พิทยากรศิลป์ Arts 23

TRAVEL NOTE

| 19

ก่อนหน้านี้ 1 วัน ผมออก

เดินทางมาจากบันดา เสรี เบกาวัน

เมืองหลวงของประเทศบรูไน ดารุส

ซาลัม ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิก

อาเซียนที่คนไทยพอรู้จักอยู่บ้าง แต่

คิดว่าคงไม่มีใครตั้งใจเดินทางมาท่อง

เที่ยวมากนัก ถ้าไม่ได้มาท�างานหรือ

ติดต่อธุรกิจ บรูไนก็คงไม่ใช่จุดหมาย

ปลายทางของนักท่องเที่ยวชาวไทย

เพราะไม่ได้มีสิ่งดึงดูดล่อตาล่อใจ

เหมือนเกาะเซ็นโตซ่าของสิงคโปร์

ห รือไม ่ ได ้มีตึ กแฝดสู ง เสียดฟ ้ า

เหมือนมาเลเซีย แต่บรูไนมีผืนป่าที่

อุดมสมบูรณ์และยังได้รับการพิทักษ์

รักษาไว้ในธรรมชาติ บางทีพื้นที่ป่า

ของบรูไนอาจจะเป็นป่าผืนสุดท้ายที่

จะยังคงเหลืออยู่บนเกาะบอร์เนียวก็

เป็นได้

จากบันดา เสรี เบกาวัน ผม

ใช้บริการเรือยนต์โดยสารสาธารณะ

ซ่ึงมีผู ้โดยสารเต็มล�าประมาณ 10

กว่าคน ลัดเลาะไปตามแม่น�้าบรูไน

หากดูจากแผนที่จะเห็นว่าบรูไนถูก

แบ่งแผ่นดินเป็น 2 ส่วน โดยพื้นที่

ป ่าจะอยู ่ในส่วนที่สองซึ่งเรียกว่า

เทมบูรง ดังนั้นเราจึงต ้องผ ่าน

เขตแดนของมาเลเซียและกลับเข้าสู่

ประเทศบรูไนอีกคร้ังหนึ่ง การเดิน

ทางโดยเรือใช้เวลา 45 นาที จากนั้น

เราต้องต่อรถยนต์อีก 25 นาทีเพื่อ

เดินทางมาถึงจุดลงเรือเล็กเพื่อลัด

เลาะไปตามล�าน�้าที่เต็มไปด้วยเกาะ

แก่งอีกเกือบชั่วโมง เราจึงมาถึงที่พัก

ที่ อูลู อูลู รีสอร์ท กิจกรรมวันแรก

เม่ือมาถึงคือการเดินป่า ซึ่งต้องลุย

ทั้งน�้าทั้งโคลนเข้าไปตามล�าธารสาย

เล็กๆโดยมีจุดหมายอยู่ที่น�้าตกเล็กๆ

แห่งหนึ่ง

ทริปเดินป่ากลางวัน ไม่น่า

ต่ืนตาต่ืนใจ (และต่ืนเต้น) เท่ากับ

ตอนกลางคืน เม่ือไกด์พาเราไปท�า

กิจกรรมไนท์ซาฟารี หรือการส่อง

สัตว์ยามค�่าคืน ได้ฟังครั้งแรกผมก็

มโนถึงการนั่งรถรางเข้าไปชมสัตว์

| 20

ในสวนสัตว์ชิลๆ เท้าไม่ต้องสัมผัส

พื้นเหมือนที่ เชียงใหม่ แต ่ความ

เป็นจริงคือการถือไฟฉายเดินลุย

น�้าเข้าไปในป่าจริง เจอสัตว์กลาง

คืน “ของจริง” เจองูตัวใหญ่หวงที่

พร้อมจู่โจมผู้บุกรุก และได้เจอกบ

ตาหนามแห่งบอร์เนียว (Borneo

Horned Frog) ซึ่งเป็นสัตว์เฉพาะ

ถ่ินที่มีโอกาสพบได้ยากมาก แม้ว่า

จะเป็นทริปส�ารวจป่าเล็กๆใช้เวลาไม่

นาน แต่ก็ท�าให้ผมยิ่งตระหนักได้ว่า

ธรรมชาติมีเสน่ห์ในตัวมันเองโดยไม่

ต้องปรุงแต่งใดๆ นึกถึงอุทยานแห่ง

ชาติที่บ้านเราเองซึ่งพร้อมสรรพด้วย

สิ่งอ�านวยความสะดวก ท�าทางเดิน

ให้นักท่องเที่ยวเดินสบาย เพราะ

อุทยานอาจกลัวคนไม่มาเที่ยว หรือ

อาจเป็นเพราะนักท่องเที่ยวไทยชอบ

บ่นเมื่อไม่ได้รับความสะดวกสบาย

ก็สุดแท้แต่ ผมก็อยากให้ได้มาเห็น

แนวคิดในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

ของที่บรูไนเหลือเกิน

…...

ไฮไลท์ของทริปท่องป่าบรูไน

อยู ่ในวันนี้ เบื้องหน้าของผมคือ

Canopy Walk หอคอยอลูมิเนียม

ที่สร้างขึ้นไปสูงราว 60 เมตร แต่ละ

หอคอยมีทางเดินเชื่อมต ่อถึงกัน

การไต ่บันไดขึ้นไปบนโครงสร ้าง

อลูมิเนียมที่มีน�้าหนักเบาท�าได้ทีละ

คน และสามารถเดินบนทางเชื่อม

เพียงครั้งละ 2 คนเท่านั้น ผม

ไม ่กลัวการปีนขึ้นไปบนความสูง

เท่าไหร่ แต่เจ้างูตัวเล็กที่พันเกี่ยว

อยู ่ ข ้ า งบันไดมันชูคอจ ้อง เขม็ ง

| 21

มายังผม ท�าให้ผมลังเล ไกด์บอกว่า

มันตัวเล็ก ไม่สามารถฉกถึงตัวเราได้

ไล่ก็ไม่ไป นักท่องเที่ยวต่างชาติ

บา งคน ถึ งกั บยอมสละสิ ท ธิ์ ใ น

การขึ้นไปชมวิวด้านบนเพราะเจ้า

งูน้อยตัวนั้น แต่ในท่ีสุดผมก็ต้อง

ตัดสินใจยกขาและก้าวข้ามหัวมันไป

แบบเบาที่สุด เฮ้อ... โล่งอก ที่ผ่าน

ด่านมาได้

ทิวทัศน์บนนี้คุ ้มค่ากับการ

เดินทางขึ้นมาจริงๆ ยอดไม้ ทิวเขา

และสายหมอก เป็นภาพเดียวกับ

โปสเตอร์ของการท่องเที่ยวบรูไนที่

ใช้โปรโมทประเทศ แต่เบื้องหน้า

ของผมมันคือของจริ งที่ มิติแห ่ ง

ความงามนั้นต ่ างกันโดยสิ้น เชิ ง

เ พ ร า ะ มั น มี ค ว า ม รู ้ สึ ก แ ห ่ ง

บรรยากาศสัมผัสเพ่ิมขึ้นมาด ้วย

ท้ังเสียงนก เสียงแมลง เสียงลม

และความเย็น เยือกที่ ลมชื้ นพัด

โปรยๆมาเบาๆ พร้อมกับกลิ่นของ

ป่าท่ีสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก จ�าไม่

ได้ว่าผมอยู่บนนั้นนานเท่าไหร่ แต่

เมื่อสายหมอกเลือน ผมจึงกลับลงมา

พร้อมกับความอิ่มสัมผัสเต็มปรี่

อูลู อูลู รีสอร์ท (www.

uluuluresort.com) มีแพคเกจ

ท่ี พักและทัวร ์ ให ้ เลือกใช ้บริการ

หลายแบบ สายการบิน Royal

Brunei บริการเที่ยวบินตรงจาก

กรุงเทพฯ สู่บันดา เสรี เบกาวัน

ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงกว่าๆ

ก็ถึ งที่ หมายสะดวกสบาย แต ่

อย่างที่บอกตอนแรก การเที่ยวป่า

ท่ีบรูไนอาจไม่ดึงดูดนักท่องเที่ยว

ชาวไทยทั่วไป แต่ส�าหรับผู้หลงรัก

ธรรมชาติ ที่นี่เป็นอีกแห่งหนึ่งที่ไม่

ควรพลาดอย่างยิ่ง

| 22

ส า ว ออฟฟ ิ ศ มั น เ กี่ ย ว อ ะ ไร กั บนั ก วิ่ ง

มาราธอน? ท�างานอยู ่หน้าคอมทั้งวันก็เหนื่อย

จะตายอยู ่ แล ้ ว จะ เอา เวลาที่ ไหนไปวิ่ ง อี ก

สู ้ไปแฮงค์เอาท์กับเพ่ือนหรือไม่ก็กลับบ้านนอน

ดีกว่า

...เราเองก็เคยคิดแบบนั้น…

จนเ ม่ือป ีที่แล ้วที่บริษัทที่

ท�างานอยู ่ประกาศว ่าจะออกค่า

สมัครให้ส�าหรับพนักงานคนใดก็ตาม

ที่ต้องการเข้าร่วมงาน Standard

Chartered Bangkok Marathon

2013 เฮ้ย! ของฟรี ใครจะไม่เอา

ไม่รู ้หรอกว่าวิ่งมินิมาราธอน (10

กิโลเมตร) นี่มันไกลแค่ไหน เห็น

เพื่อนๆ ไปกัน ก็ไปกับเขาบ้าง

เซ ลฟ ี ่ กั บ จุ ด เช็ คพอยท ์ ทุ ก จุ ด

อัพขึ้นอินสตาแกรมและเฟสบุค

อย่างภาคภูมิใจ เพื่อนกดไลค์กันรัวๆ

โอ๊ย ปลื้มมากค่ะ แต่ใครเลยจะรู้ว่า

วันรุ ่งขึ้นหลังงานวิ่ง เราเดินแทบ

ไม่ได้ เจ็บร้าวไปทั้งตัว คิดดูแล้ว

กันว ่าจุดปล ่อยตัวนักว่ิงอยู ่หน ้า

กระทรวงกลาโหม เราตายตั้งแต่

ตีนสะพานปิ ่นเกล้าแล้ว ไหนจะ

ต้องวิ่งข้ามสะพานปิ่นเกล้า วิ่งขึ้น

ทางยกระดับบรมราชชนนีแล้วยัง

ต้องวกกลับมาวิ่งข้ึนสะพานพระราม

8 อีก เดินลูกเดียวค่ะ! ปล่อยตัว 6

โมงเช้า แต่กว่าจะกลับมาเข้าเส้นชัย

ก็ปาเข้าไป 8 โมงครึ่ง งานเค้าเกือบ

เลิกแล้วค่ะ อายมั้ย? ไม่อาย เพราะ

ไม่มีใครรู้ ฮ่าๆๆ

มาเร่ิมอายก็ตอนที่นึกยั ง

ไงไม่รู ้ ลองเข ้ากูเกิ้ลค ้นหาเร่ือง

กรุงเทพมาราธอน 2013 แล้วเจอ

กระทู้สาวนางหนึ่งซึ่งอายุอานามก็

น่าจะรุ่นเดียวกับเรา แต่นางวิ่งฟูลมา

ราธอน (42.195 กิโลเมตร) นาทีนั้น

คือ อึ้งว่าท�าไมเขาวิ่งได้ไกลขนาดนั้น

(แถมเข้าเส้นชัยแบบสวยๆ อีก ชวน

ให้ชื่นชมระคนหมั่นไส้ยิ่งนัก) ขณะ

ที่ เรา ว่ิงแค ่กิ โลเดียวก็จะตายอยู ่

แล้ว เฮ้ย! เค้าท�าได้ เราก็ต้องท�าได้สิ

สิ่งที่เราต้องการคือ การฝึกซ้อม ถ้า

เราซ้อมอย่างสม�่าเสมอ เราก็ท�าได้

แบบนั้นเหมือนกัน คิดเอาง ่ายๆ

แบบนี้แหละ

เย็นวันนั้นเรากลับบ้านไป

ร้ือรองเท้าว่ิงคู ่เก่าที่ซื้อไว้นานและ

แทบไม่เคยได้ใช้ โหลดแอพพลิเคชั่น

Endomondo มาใช้แล้วดุ่มๆ ไปวิ่ง

ที่สวนลุมคนเดียว เราเร่ิมหาข้อมูล

บันทึกสาวออฟฟิศ สู ่นักวิ่งมาราธอน

สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องเหนื่อยเอง | ชนิดา ตุลยทิพย์ Arts 35

HEALTH

| 23

จากอินเทอร์เน็ตว่าต้องซ้อมยังไง

ควรใส่รองเท้าแบบไหน ต้องดูแล

ร่างกายยังไง ฯลฯ เพื่อเป้าหมาย

ส�าคัญคือ เราจะกลับไปเอาคืนที่งาน

กรุงเทพมาราธอนคร้ังต่อไป เรา

จะกลับไปวิ่งระยะมินิมาราธอนและ

เข้าเส้นชัยแบบไม่เจ็บ เราจะวิ่งต่อ

เน่ืองโดยไม่หยุดเดินแม้แต่ก้าวเดียว

ให้ได้! ตั้งแต่วันท่ีเร่ิมไปซ้อมวิ่งท่ี

สวนลุม (ราวๆ พฤศจิกายน 2556)

จนถึ ง วั นนี้ เร าผ ่ านสนามมิ นิ

มาราธอนมาแล้ว 3 สนามและก�าลัง

ซ้อมเพื่อไปวิ่งระยะฮาล์ฟมาราธอน

(21.1 กิโลเมตร) ที่งาน Standard

Chartered Marathon Singapore

2014 ในเดือนธันวาคมนี้ ถามว่าไป

วิ่งนี่เหนื่อยมั้ย? เหนื่อยสิคะ แหม

ถามได้! เจ็บแข้ง เจ็บเข่า เป็นมาหมด

แล้ว แต่ No Pain No Gain ค่ะ ฮ่าๆ

ๆ ถ้าเราไม่เจ็บ ไม่เหนื่อย เหงื่อไม่เข้า

ตา เราจะรู้เหรอว่าร่างกายเราแกร่ง

กว่าท่ีคิด เราควรรักชีวิตให้มากๆ

และมีแต่ตัวเราเองเท่านั้นแหละที่

พาให้เราวิ่งไปข้างหน้า

วั นนี้ เร า วิ่ ง เ พื่ อ ตั ว เ อ ง

สุขภาพเราดีขึ้น เดินขึ้นบันได BTS

แล้วไม่เหนื่อยก็ดีใจแล้ว วันไหนที่เรา

เครียดกับงานมากๆ เย็นวันนั้นเรา

จะไปวิ่ง วิ่งไปเรื่อยๆ ระหว่างวิ่งใน

หัวมันจะโล่ง เป็นช่วงเวลาเดียวของ

วันที่เราไม่ต้องคิดอะไรเลย เรื่องใน

ใจที่หนักอึ้งคล้ายถูกโยนหายไปตาม

ทาง เราทิ้งมันไว้เบื้องหลัง และเราไม่

หันกลับไปมอง

หลายคนชมเราว่า เก่งจัง วิ่ง

ได้ไงตั้งไกล เราอยากบอกว่า ใครๆ

ก็วิ่งได้ คุณก็วิ่งได้ แค่ต้องพยายาม

เอาชนะความขี้เกียจสักนิด สละเวลา

นอนสักหน่อย บางคนบอกตัวเอง

อ้วน วิ่งไม่ไหว กลัวเข่าพัง เราก็อยาก

ให้ลองเดินเร็วสัก 15 นาที เดินที่ไหน

ก็ได้ แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลา แล้วพอเริ่ม

อยู่ตัวก็ลองวิ่งเหยาะๆ ค่อยๆ ไม่ต้อง

รีบ ไม่ต้องไปวิ่งมาราธอนก็ได้ แค่

ออกก�าลังกายให้ได้วันละ 30 นาที

ก็พอ

เพราะสุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องท�าเอง ถ้าอ่านจบแล้วอิน ก็ลองลุก

ออกไปเดินเล่นสัก 15 นาทีไหมคะ

นี่อาจจะเป็นจุดเร่ิมต้นและสักวันเราอาจจะได้เจอกันที่สนามใดสนาม

หนึ่งก็ได้...

| 24

นึกย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน ถ้าเอ่ยค�าว่า

แกดเจ็ต (Gadget) ทุกคนคงจะงงเป็นไก่ตาแตกและ

นึกไม่ออกว่ามันคืออะไร

ค�าว ่าแกดเจ็ตนั้นมีมานานนับร้อยปีแล้ว

เพียงแต่ไม่มีใครสามารถระบุที่มาของค�า หรือชี้ชัด

ว่าอะไรคือแกดเจ็ตช้ินแรกในโลก ความหมายของ

มันที่วันนี้ทุกคนรู้กันก็คือ อุปกรณ์ขนาดเล็กๆ ที่พก

ติดตัวได้ มีหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง

ออลอินวัน

ส่วนแกดเจ็ตที่ดูจะมีบทบาทที่สุดในช่วงที่

ผมใช้ชีวิตอยู่ที่คณะฯ คงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้

นอกจาก เพจเจอร์ (Pager: น้องๆ สมัยนี้อาจจะงง

หรือ เงิบเบย) ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารที่ฮิต

ถล่มทลายในหมู่นักศึกษา …...

กาลครั้งหน่ึง แกดเจ็ตอุปกรณ์ นวัตกรรม ร่วมสมัย | รักษ์พงษ์ ฉันท์ภาวัต Arts 28

IT GADGET

| 25

แม้วัตถุประสงค์ดั้งเดิมของ

มันคือการเป็น ‘เครื่องติดตามตัว’

ส�าหรับใช้ในธุรกิจ แต่เมื่อมันตกมา

ถึงมือของวัยรุ่นหนุ่มสาว ก็ไม่แคล้ว

ท่ีมันจะต้องผันตัวเองมาท�าหน้าที่

เป็นกามเทพสื่อรัก ส�าหรับส่งข้อ

ความหวานๆ หยอดกันไปมา

คุณงามความดีของเพจเจอร์

คือช่วยให้เราสามารถส่งข้อความไป

ปลายทางคือผู ้ที่พกพาเพจเจอร์ได้

แทบจะในทันที โดยใช้เทคโนโลยี

‘เสียงสั่งงาน’ และ ‘เหรียญบาท’

หยอดตู้โทรไปที่ศูนย์ บอกหมายเลข

เครื่องเพจเจอร์ของผู้รับ ตามด้วย

ข้อความที่ต้องการส่ง โอเปอเรเตอร์

เสียงหวานๆ ก็จะพิมพ์ข้อความให้

แค่นั้น!

ในยุคแรกเริ่ม เพจเจอร์ มีตัว

เครื่องที่ค่อนข้างใหญ่ และโดยมาก

จะมีพื้นๆ เช่น ด�า เทา รุ่นแรกๆ จะ

มีจอแสดงแค่ตัวเลข จากนั้นพัฒนา

ต่อให้สามารถแสดงข้อความได้ แต่

ด้วยความที่เป็นที่หมายปองของวัย

รุ่นมากขึ้น มันถึงถูกออกแบบให้เล็ก

ลง น�้าหนักเบา มีลวดลาย สีสันทัน

สมัย ผู้ให้บริการก็มีหลายเจ้าให้เลือก

ไม่ว่าจะเป็น 152 โฟนลิ้งค์ 162 ฮัท

ชิสัน 142 เวิลด์เพจ 1144 แพ็คลิ้ง

1500 อีซี่คอล และ 1188 สามารถ

โพสต์เทล ซึ่งค่าบริการก็แตกต่างกัน

ไปตามคุณภาพ

นอกจากความสะดวกสบาย

แล้ว สิ่งที่ผมคิดว่าส�าคัญที่สุดและ

ท�าให้มันได้ใจวัยรุ่นและนักศึกษาทั่ว

ประเทศ คือความไฮเทคแปลกใหม่

แต่ก็สามารถผสมผสาน ‘เทคโนโลยี’

เข้ากับ ‘ความรู้สึก’ ในการสื่อสาร

ของมนุษย์ได้อย่างกลมกล่อม นั่นคือ

การที่มันยังคงเปิดโอกาสให้เราส่ง

‘ใจ’ ไปกับข้อความ หมายความถึง

การใช้ใจในการคิดก่อนท�า (คนนี้แห

ล่ะที่อยากจีบ) ความพิถีพิถัน (เลือก

ข้อความโดนๆ) ความพยายาม (หา

ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญ และถ้า

จะให้ดีต้องไม่มีคนมาต่อคิว) ความ

อ่อนโยน (อ่านข้อความหวานๆ ที่

| 26

ประดิษฐ์ประดอยด้วยถ้อยค�าอ่อน

ช้อย) ฝึกความกล้าหาญ (ไม่อาย

โอเปอเรเตอร์ ^^’) รู ้จักการรอ

คอยอย่างมีจุดหมาย (หัวใจพองโต

ถ้าได้รับข้อความหวานๆ ตอบกลับ)

ทั้ งหมดทั้ งปวงเ พ่ือถักทอความ

สั ม พั น ธ ์ ใ ห ้ แ น ่ น แ ฟ ้ ดั ง จ ะ ย ก

ตัวอย่างพอสังเขปดังนี้

“มาม่าแทนความห่วงใย

ไวไวแทนความคิดถึง

ยูมีแทนความค�านึง

ส่งความคิดถึงภายใน 3 นาที”

ก่อนยุคของเพจเจอร์ วัยรุ่น

สมัยผม จะใช้การเขียนจดหมาย

ถึงกัน ซึ่งก็ต ้องใช ้ความพิถีพิถัน

เลื อกซองสวยๆ กระดาษลาย

น่ารักๆ (ถ้าใครยังจ�าได้ช่วงนั้นกิจการ

ร้าน ๕๕๕ เข้าขั้นดีมาก) มีการเรียบ

เรียงข้อความในจดหมายเป็นอย่างดี

บางคนถึ งขนาดสวมบทเป ็นกวี

ฝึกหัด แต่งกลอน หรือเขียนเนื้อ

เพลงเพราะๆ ก่อนที่จะโรยแป้งหอม

ปิดท้ายแล้วบรรจงปิดซอง เพื่อผู้รับ

จะได้สัมผัสถึงความตั้งใจ และสดชื่น

เมื่อตอนเปิดอ่าน

ซึ่งถ้าจะบอกว่าเพจเจอร์ ไม่

ได้ส่งผลให้กระบวนการทั้งก่อนและ

หลังการสื่อสารเปลี่ยนแปลงไปก็คง

ไม่ผิดนัก

ปัจจุบัน เราก้าวมาถึงยุคของ

สมาร์ทโฟน ที่มีฟังก์ชันการใช้ต่างๆ

มากมาย จะแชทข้อความ ถ่าย

รูปแลกกัน หรือคุยแบบเห็นหน้า

ทุกอย่างท�าได้อย่าง ‘ฉับไว’ รวดเร็ว

ทันใจ แต ่สิ่ งที่อยากฝากน ้องๆ

ในวันนี้คือ อะไรที่มันเร็วไป บางครั้ง

อาจท�าให้เราขาดสติยั้งคิด ใจเร็ว

ด่วนได้ ไม่มีความอดทนอดกลั้น

หยาบกระด้าง คิดถึงแต่ตัวเอง รู้จัก

ค�าว่ารับมากกว่าค�าว่าให้ เหมือน

หลายกรณีในโซเช่ียลเน็ตเวิร ์กที่

ผู้ใหญ่ออกมาติติงเด็กรุ่นใหม่สมัยนี้

โลกเปลี่ยนไป

แต่ใจของเราต้องพัฒนาขึ้น

ไม่ใช่ถดถอยลง

| 27

ตอนนี้ผมอยู ่บนนกเหล็กยักษ ์ครับบินตรงจาก

กรุงเทพมหานครลัดเลาะฟ้าสู ่ท่าอากาศยานชาล

ส์ เดอโกล ปารีส ประเทศฝรั่งเศสชั่วโมงบินราว11

ชั่วโมง 30 นาทีปาไปครึ่งค่อนวันเลยทีเดียวคืนนี้ใช้

เครื่องแบบจัมโบ้ 747-400 ผู้โดยสารของผมเต็ม

325 ท่านก็น่าดีใจอยู่มากนะครับ เที่ยวบินวันนี้ล้น

ไปถึงชั้นหนึ่งไม่มีที่วางเลยแม้แต่ที่นั่งเดียวเลยล่ะ

ครับ อากาศเริ่มนิ่งขึ้นแล้วครับ เมื่อกี้ช่วงบินข้ามอ่าว

เบงกอลอากาศแย่เล็กน้อยเหมือนบินอยู ่บนคลื่น

เมฆเครื่องสั่นไปมาตลอดเวลาชวนให้น่าเวียนหัว

บันทึกการเดินทาง จากไซบีเรียสู ่ไอเฟล

เพราะชีวิตคือการเดินทาง | พล (โกมลบุตร) สัตย์สงวน Arts 24

JOURNEY

| 28

อย่างที่สุด ตอนนี้ชั่วโมงบินผ่านไปได้

เกือบ 6 ชั่วโมงแล้วผู้โดยสารโซนชั้น

นักท่องเที่ยว (เป็นไงครับ ฟังดูดีกว่า

ชั้นประหยัดเยอะเป็นไหนๆ) ของผม

หลับสนิทแน่นิ่งกัน ทุกท่านเป็นชาว

ฝรั่งเศสล้วนๆ ไม่มีชาวเอเชียหลงมา

ให้บริการเลยครับ

ย้อนกลับไปที่ผมจั่วหัวเรื่อง

ไว้นะครับว่า จากไซบีเรียสู ่ไอเฟล

มหานครปารีส ไม่ต้องงงนะครับว่า

สายการบินของผมมีเที่ยวบินไปยัง

ประเทศไซบีเรียด้วยหรือ จริงๆค�า

ว่า “ไซบีเรีย” เป็นค�าที่พวกเราคิด

กันมาเองครับ ใช้แทนช่วงเวลาการ

ท�างานของเราที่เรียกว่า ช่วงเวลา

สแตนด์บาย (stand by) ใช้ตัวย่อว่า

SB และถ้ามีในตารางบินของเราแล้ว

ละก็ หมายความว่าเป็นช่วงที่เราจะ

ต้องรอเที่ยวบินไปท�างาน ขึ้นอยู่กับ

พี่ๆ แผนกเรียกบินเป็นผู้ลิขิตให้ ส่วน

ใหญ่แล้วช่วงเวลาสแตนด์บายจะ

ตามมาปรากฏหลังการท�างานกลับ

มาจากเที่ยวบินยาวๆ ครับ

เวลาเพื่อนถามว่า เออ ช่วง

วันน้ีเท่านั้นเท่านี้ บินอะไร ถ้าเรา

เป็นช่วงเอสบี เราจะแปโลกน์และ

ตอบไปว่า ไปไซบีเรียครับก็เป ็น

อันเข้าใจกัน พูดถึงเรื่องวันเวลานี้

ผมจะหลงๆ ลืมๆ นับผิดๆ ถูกๆ

อยู่บ่อยครั้ง เนื่องด้วยเวลาในการ

ท�างานของเรานี้ ไม ่แน ่นอนครับ

คือมิ ได ้ เป ็นตารางเวลาแน ่นอน

อย่างคนท�างานออฟฟิศแบบเข้างาน

แปดโมงเช้า เลิกงานห้าโมงเย็น

และหยุดเสาร์อาทิตย์ แต่ของพวก

ผมเป็นเที่ยวบินๆ ไปครับ คือมักจะ

ใช้การจ�ากันมากกว่าว่าเที่ยวบินนี้

ท�างานสองวัน หยุดต่ออีกสองวัน

ไปบินต่ออีกกี่วัน หยุดต่ออีกหนึ่ง

วัน ฉะนั้นถามเรื่องวันที่ เรายังพอ

ไล่นับวันที่กันได้ แต่พอถามว่าคือ

วันอะไรกันละก็ ขอเวลาไปดูตาราง

บินก่อนก็แล้วกันครับเพื่อความชัวร์

เพราะวันหยุดของผู ้โดยสารส่วน

ใหญ่ ตัวผมก็ต้องไปท�างาน แต่พอถึง

วันท�างานของคนอื่น ตัวผมเองอาจ

| 29

นอนตีพุงเอกเขนกเล่นอยู่ที่บ้าน ก็มี

โอกาสเป็นไปได้สูงมากเช่นกันครับ

ฉะนั้น ช่วงสแตนด์บายจึง

เป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอยเป็น

อย่างมากครับ และถึงแม้ว่าเราจะอยู่

บ้านสบายๆ อยู่ แต่ขอบอกต้องท�าตัว

ให้พร้อมนะครับ คือหมายความว่า

ถ้าเกิดกรณีเร่งด่วนอะไรอย่างไรแล้ว

คุณจะต้องไปให้ทันก่อนเครื่องบิน

ออกเดินทางให้จงได้ นั่นคือกระเป๋า

เดินทาง เสื้อผ้าส�าหรับเผื่อมีการ

ให้ค้างคืน ถุงเสื้อผ้าใส่ท�างานและ

ของจ�าเป็นส่วนตัวต่างๆ ให้ครบ

ครันและพร้อมสรรพ ตัวผมเองเคย

ถูกเรียกสแตนด์บายไปบินเพราะมี

การเปลี่ยนเครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้น

และจ�าเป็นต้องใช้ลูกเรือเพ่ิม ผมมี

เวลาเพียง 40 นาทีเท่านั้นเองครับ

กลับจากอาเม่(คืออเมริกา

ครับ) ออกจากบ้านไปราวเจ็ดถึง

เก้าวันเป็นอย่างมากที่สุดครับ และ

ช่วงเวลาสแตนด์บายนี้ก็ขนมเบื้อง

สุดๆ (คือเบื่อมากๆ) คงจะต้องอยู่

กับที่บ ้านและคอยรับหมายเรียก

จากทางกองบิน และถ้าทางบริษัท

โทรฯ ติดต่อกลับมาแล้วสายไม่

ว่างล่ะก็ เราให้โอกาสคุณแค่ 3 ครั้ง

เท่านั้นครับ และจะถือว่าคุณจงใจ

และต้ังใจเพิกเฉยต่อภาระหน้าที่ของ

ตัวคุณเอง

ปุ๊ง...อ้า ผู้โดยสารเรียกครับ

สักครู่นะครับ ผมขอตัวไปดูผู้โดยสาร

ก่อนครับ

ผมแวะไปท�าความสะอาด

ห้องน�้าด้วยครับ เพราะเที่ยวบิน

ในวันนี้ของผมมีหน้าที่หลักเป็นแอร์

โฮสเตสครับ เรียกได้ว่าวันนี้แอ๊คติ้ง

งานแอร์ครับ คงสงสัยกันนิดหน่อย

ใช่ไหมครับ คืองานของผมจะมีการ

จ�าแนกแจกแจงหน้าที่กันไปเป็นหลัก

ใหญ่ๆ ครับ คนนี้ท�าโน่น คนนั้นท�านี่

มาท�างานซ�้าซ ้อนกันไม ่ได ้ ต่าง

คนต่างก็มีต�าแหน่งงานรับผิดชอบ

เป็นของตัวเอง บังเอิญช่วงไซบีเรีย

| 30

ต้องขอขอบคุณทรงผมสกินเฮดเป็น

อย่างมากครับคือวิ่งผ่านน�้า สะบัด

หัวเสร็จแต ่งตัวพร ้อมสรรพก็แค ่

ห้านาที ที่เหลือเป็นเรื่องของเวลา

ในการเดินทางครับ โดยรีบบ่ึงออก

จากที่ซุกหัวนอนผมแถวสามเสน

วันนี้ต ่างคนต่างท�างานกัน

อย่างขยันขันแข็งกันจริงๆ งานใน

วันนี้จึง Smooth as silk ส�าเร็จลุล่วง

ไปได้ด้วยดี โดยได้รางวัลตอบแทน

ของผมนี้ งานแอร์ขาดครับเลยถูก

เรียกมาแทน ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าการ

เรียกบินของกองเรียกบินจะยึดหลัก

flexibility ครับ คือยึดหลักความ

ยืดหยุ ่น สิ่งใดจ�าเป็นก่อนก็ต ้อง

จัดการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก่อน

ครับ โดยยึดหลักความเหมาะสม

ส ่วนผมถึงเค ร่ืองบินก ่อน

เวลาออกห้านาทีครับ คือพอผมมา

ถึงก็ปิดประตูเครื่องออกเดินทางเลย

โดยตรงกลับมาจากผู ้โดยสารเลย

ครับขณะเครื่องร ่อนลงจอด ณ

ท่าอากาศยานชาลส์ เดอโกล คือ

เสียงปรบมือเกรียวกราวเหมือนกับ

จะกล่าวขอบคุณและให้ก�าลังใจต่อ

พวกเรา แมร์ซี่โปกู ขอบคุณมาก

ขอรับ งานนี้ เลยเรียกได ้ว ่าเด็ด

สะระตี่ Smooth as silk มาตั้งแต่

หัวเครื่องยันท ้ายเคร่ืองเลยครับ

ตรงนี้ขอเรียนให้ทุกท่านทราบว่า

เป ็นความสามารถเฉพาะตัวโดย

สามารถลอกเลียนแบบได้ทางเรายิน

เอ (คือมากกว่ายินดีไงครับ)

ถึงแล้วครับจากไซบีเรียมายัง

มหานครปารีส ตอนนี้บ่ายสามโมง

คร่ึงแล้วครับ ผมนั่งกินลมชมวิว

จิบชาร้อนๆ อยู ่บนถนนชองเซลี

เซ่ Champs-Elysées แหม ดูเก๋เท๋

ระเบิดเลยใช่ไหมครับ

| 31

Jake Bugg

ตอนอายุ 18 คุณก�าลังท�าอะไรอยู่ครับ?

ส�าหรับผม ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเพิ่งผ่าน

ไปแค่หนึ่งปี ยังไม่ค่อยรู้อะไรในชีวิตมาก ใช้เวลาส่วน

ใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือและกิจกรรมสร้างเสริม

ประสบการณ์ชีวิตยามค�่าคืน หลายต่อหลายครั้ง

ที่ความสับสน (อันเนื่องมาจากอยู่ในวัยพลุ่งพล่าน

หน้าตาไม่ต่างจาก ไผ่ ฮอร์โมนเท่าไหร่หรอกครับ

ฮิฮิ) ท้ังในเร่ืองการเรียน ชีวิตและความรักประเด

ประดังเข้ามาสั่นคลอนสติสัมปชัญญะจนเป๋ไปเป๋

มา แต่ก็นั่นแหละครับ มันคือเรื่องที่ผ่านไปสิบกว่าปี

แล้ว (ตอนนี้แก่แล้วไม่เป๋ครับ ได้แค่นั่งงงในดงเมือง)

ที่ผมจั่วหัวด้วยค�าถามข้างต้นก็เพื่อที่จะบอกว่า

ในช่วงอายุ 18 นี้ ช่วงเดียวกับที่วัยรุ่นหลายๆคนเพิ่ง

จะเข้ามหาวิทยาลัยและเบิกบานกับเสรีรสแห่งการ

เป็นผู้ใหญ่ เด็กหนุ่มชาวอังกฤษคนหนึ่งได้ท�าสิ่งซึ่ง

ผู้ที่รักในการเล่นดนตรีหลายคนบนโลกได้แต่ฝันถึง

นั่นก็คือการออกอัลบั้มเป็นของตัวเอง และไม่นาน

หลังจากนั้น ผู้คนก็เริ่มเรียกขานเขาว่าเป็น บ๊อบ

ดีแลน คนใหม่

เพลงน่าฟัง | คงกะพัน ไชยมะโน Arts 32

MUSIC REVIEW

| 32

เจค เอดวิน เคนเนดี้ (ไม่ได้เป็นอะไรกับอดีตประธานาธิบดีแห่ง

สหรัฐอเมริกา และก็เป็นคนละคนกับ เจค ศตวรรษ ดุลยวิจิตร อดีตพระเอกเจ็ด

สีที่หันมาเอาดีทางตัวร้ายในปัจจุบัน) คือชื่อเต็มที่พ่อแม่ตั้งให้ แต่ในวงการเพลง

เขาคือ เจค บั๊ก ไอ้หนุ่มหน้ามึนที่คาบบุหรี่ไว้เป็นนิจ แววตาไม่ยี่หระต่ออันใดใน

โลก สะพายกีตาร์ สวมแจ็คเก็ตหนัง น�้าเสียงกร้านเก๋าราวกับผ่านชีวิตมาหลายสิบ

ปี ตามแหล่งข้อมูลมักง่ายในอินเทอร์เนตที่มีชื่อฟังดูน่าเชื่อถืออย่าง Wikipedia

บอกเราว่า เจค เริ่มเล่นกีตาร์และเขียนเพลงตั้งแต่นมเริ่มแตกพาน ได้รับอิทธิพล

ส ่วนใหญ่จากศิลป ินรุ ่นเก ๋ากึ๊กอ

ย่าง The Beatles Johnny Cash

Bob Dylan Don McLean Oasis

Donovan The Everly Brothers

Jimi Hendrix และอื่นๆอีกมากมาย

ในยุคนู้น เล่นดนตรีจนมีโอกาสขึ้นไป

แสดงเวทีใหญ่อย่าง Glastonbury

ตอนอายุ 17 และนั่นเองคือจุดเริ่ม

ต้นของการได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปิน

กับค่ายเพลงมีช่ืออย่าง Mercury

ปัจจุบัน เจคมีผลงานออกมาสอง

ชุดคือ Jake Bugg และ Shangrila

แต่ผมขอเลือกพูดถึงงานชุดแรกของ

เขาซึ่งออกในปี 2012 เพราะเหตุผล

เดียวครับ คือ ส่วนตัว! คือแบบ มัน

ดีอะ มันสด มันเท่ห์ จบปะ – ไม่จบ

ครับ จบไม่ได้เพราะงานชุดนี้ขาย

ดีเป็นเทน�้าเทท่า ทั้งตัวเพลงและ

อัลบั้มพร้อมใจกันเทียวไล้เทียวข่ือ

อยู ่บนชาร์ตเพลงหลายๆชาร์ตจน

ศิลปินคนอื่นๆแนวอื่นๆต้องพร้อมใจ

กันหันมาค้อนเจ้าหนูนี่เสียงดัง ควับ!

งานเพลงชุดแรกของเจคคือส่วนผสม

ของเพลงร็อคโบราณยุค 60s -70s

โครงสร้างไม่ซับซ้อนและดนตรีคัน

ทรี่โฟล์ค บวกกับเสียงเหน่อขึ้นจมูก

แบบเชยๆ เป็นเอกลักษณ์และเชย

จนสัมผัสได้ถึงความจริงใจในการเล่า

เรื่องผ่านทุกๆบทเพลงที่เจคเป็นผู ้

แต่งและร่วมแต่งทั้งหมด โดยเนื้อหา

ส่วนใหญ่ก็มาจากทัศนะอันแหลมคม

ของเจคเองต ่อสิ่ งต ่ างๆรอบตัว

ดังเช่น การก้าวข้ามวัยเด็กด้วยการ

เฝ้ามองความสัมพันธ์อันล่มสลาย

ของพวกผู้ใหญ่ มันเจ็บปวดนะแต่

ก็ ‘แล้วไง’ ชีวิตต้องก้าวต่อไป ...

I drink to remember, I smoke

to forget ...(Two fingers) การน�า

เสนอสภาพชีวิตในเมืองซึ่งความ

รุนแรงดูจะเป็นเรื่องธรรมดาผ่าน

ท ่ วงท� านอง มันๆชวนโยกหั ว . . .

nothing shocks me anymore…

(Seen it all) หรือการออกตาม

หาความหมายของความรักและ

ชีวิตซึ่งผลที่ได้กลับเรียบง่ายแต่กิน

ใจ... memorized the mantra

| 33

Confucius said but it only let

me down...(Simple as this) แต่

เพลงที่ผมยกให ้ เป ็นไฮไลท ์ชนิด

ที่ว ่าต ้องขีดเส ้นใต ้ เอาไว ้แบบพ่ี

กบ ทรงสิทธิ์ เลยนั่นก็คือ Broken

เพลงซึ่งเจคแต่งให ้กับเพ่ือนสาว

คนสนิทที่จากโลกนี้ไปโดยเจตนา

อัตวินิบาตกรรม แทบไม่น่าเชื่อว่านี่

คือเพลงที่แต่ง/ เล่น/ ร้อง โดยเด็ก

หนุ่มที่พึ่งผ่านชีวิตมาแค่ 18 ฝน เจค

เริ่มต้นท่วงท�านองเพลงด้วยเสียง

กีตาร์โปร่งเหงาเศร้าก่อนจะไล่ระดับ

อารมณ์และแผดเสียงแห่งความรู้สึก

ข้างในออกมาได้อย่างแสนรันทดแต่

งดงาม …down by the people if

they let you breath/ don’t give

a damn if you still can’t see/

still my heart beats for you…

พอครับ ขืนผมพูดอะไรเกี่ยวกับหมอ

นี่มากไปกว่านี้ เห็นทีจะมีผู้หวังดีหา

อานมาสวมให้และพาไปเล็มหญ้าอยู่

แถวสนามม้านางเลิ้งเป็นแน่ สรุป

คือ ผู้ที่นิยมเพลงร็อคเก่าๆที่มีท่อน

ฮุคติดหู เนื้อหาที่เรียบง่ายกินใจและ

เจือกลิ่นอายของดนตรีโฟล์ค หรือผู้

ที่เบื่อเพลงตลาดๆ อยากทดลองฟัง

เพลงแนวอื่นบ้าง ต้องไปหางานของ

ไอ้หนุ่มหน้ามึนคนนี้มาลองฟังดูครับ

แล้วคุณอาจจะอยากมาร่วมสมาคม

กับผมที่นางเลิ้งก็ได้ บุญรักษาครับ

ทุกท่าน ;)

| 34

Fresh = สดชื่น กระชุ ่มกระชวย มีชีวิตชีวา

ภาพยนตร ์ที่ท� า ให ้ผมนึก ถึงกลิ่นอายของการ

รับน้องปรากฏขึ้นชัดจากหนังเรื่อง รักออกแบบ

ไม่ได้หรือ O-Negative หนังเร่ืองนี้ออกฉายในป ี

2541 ก�ากับการแสดงโดย ภิญโญ รู ้ ธรรม

เ ป ็ นหนั งที่ เ กี่ ย วกั บ ตั วละครซึ่ ง เ รี ยนที่ คณะ

มัณฑนศิลป ์ ปริม อาท ป ืน ฝุ ่นและชมพู ่

เป็นเพื่อนสนิทที่รวมกลุ ่มกันในชื่อ โอเนกาทีฟ

เนื่องจากทั้ง 5 คนมีเลือดกรุ๊ป o เหมือนกัน

ยกเว้นปริมกับฝุ่นเท่านั้นที่เป็น Rh ลบ

หนังเล่าเร่ืองระหว่างความรักของเพ่ือนใน

กลุ่ม ทั้งความรักแบบเพื่อน ความรักแบบหนุ่ม

สาวและการพัฒนาจากเพื่อนไปเป็นคนรัก

แต ่ที่ผมหยิบยกหนังเร่ืองนี้มาพูดถึงนั่น

ก็เพราะความประทับใจที่มีต่อ ฉากรับน้องแบบ

สไตล์ศิลปากร ซึ่งถูกเผยแพร่ผ่านสื่อภาพยนตร์

เรื่องนี้ การว้ากน้องที่ดูสมจริงและลีลาท่าทาง

ยียวนกวนใจแต่มีเสน่ห์เหลือหลายในการต้องเต้น

เพราะโดนรุ่นพี่บังคับทั้งๆ ที่ไม่ค่อยเต็มใจ ซึ่งใน

ยุคนั้นคงพบเห็นได ้ เฉพาะที่ศิลปากรเท ่านั้น

หนังน่าดู | ทัพพ์เทพ ภาปราชญ์ Arts 27

MOVIE REVIEW

| 35

ทะลักล้นจากหนังเรื่องนี้ ซึ่งท�าให้

ผมพาลนึกถึงหนังเรื่องเพื่อนสนิท

เรื่องราวความรักของเพื่อนสนิท

คณะวิจิตรศิลป ์ มหาวิทยาลัย

เชียงใหม่ ซึ่งก�ากับโดย เอส คมกฤษ

ตรีวิมล ในยุคถัดมา (ภาพยนตร์

ที่ก�ากับเองคนเดียว ต่อจากแฟน

ฉัน)และท�าให้ซันนี่กับ นุ่น ศิรพันธ์

รวมถึงอุ๋ย มณีรัตน์ แจ้งเกิดในวงการ

บันเทิงอย่างเต็มตัว

หนัง เรื่ องนี้ครบเครื่องไป

ด้วยบรรยากาศของชีวิตนักศึกษา

เช่นเดียวกัน เพียงแต่ต่างสถานที่

ส�าหรับคนรุ่นใหม่แล้ว ผมเช่ือมั่นว่า

เพื่อนสนิท อาจเป็นหนังคลาสสิคที่

ท�าให้พวกเขานึกถึงขึ้นมาก่อนหากมี

โจทย์จากค�าว่า freshy เพราะร่วม

สมัยกับพวกเขามากกว่า แต่โดยส่วน

ตัวผู ้เขียน จริตและกลิ่นอายแบบ

ศิลปากรในโอเนกาทีฟ ก็มีมิติความ

เรียบเท่ห์ที่แสบสันต์กว่าบรรยากาศ

แบบเพื่อนสนิท อาจเพราะเพื่อน

สนิทเลือกตามความรักเป็นหลัก แต่

โอเนกาทีฟ เลือกที่จะตามเพื่อนและ

ตามหาความรักไปพร้อม ๆ กัน

คงอยู่ที่ว่าชีวิตวัยรุ่น สัดส่วน

ระหว่างเพื่อนกับความรัก คุณให ้

น�้าหนักไปกับอะไรมากกว่ากัน

สุดท้ายนี้ ความ fresh ที่เกิด

จากหนังเรื่องโอเนกาทีฟที่อยากจะ

กล่าวถึงก็คือ เครดิตจากการแจ้งเกิด

ของ ยุทธเลิศ สิปปภาค ที่เป็นคน

เดินหน้าเข้าไปเสนอบทภาพยนตร์

ฉบับร่างกับแกรมมี่ แต่ไม่มีโอกาสได้

ก�ากับหนังเรื่องนี้ ซึ่งต่อมาพี่ต้อมได้

พิสูจน์ให้วงการภาพยนตร์เห็นแล้ว

ว่า freshy ของความเป็นคนท�าหนัง

หน้าตาเป็นยังไง

ใครที่ยังเรียนอยู่ขอแนะน�า

หนัง 2 เรื่องนี้ เพื่อเติมเต็มความรัก

แบบชายหนุ่มหญิงสาวและเพื่อนฝูง

ส่วนใครที่จบไปสักพักแล้ว

และ/ หรือ ก�าลังประสบภาวะแห้ง

แล้งในจิตใจ หนัง 2 เรื่องนี้อาจเติม

ความชีวิตมีชีวาได ้ไม ่มากก็น ้อย

ลองดูซิครับ

ห ลั ง จ า ก นั้ น ก ร ะ บ ว น ก า ร

น้ี ก็ เ ริ่ ม แ พ ร ่ ก ร ะ จ า ย ไ ป ยั ง

มหาวทิยาลยัต่างๆ เพราะกว่า 10 ปี

ที่ผ ่านมาผมมั่นใจว่าลีลาการเต้น

รับน ้องแบบนี้ ณ เวลานี้ผมเห็น

ได้ในทุกๆ คณะไม่เฉพาะเจาะจง

กับเด็กคณะอาร์ทเท่านั้น และรวมถึง

ทุกๆมหาวิทยาลัย

หากภาพยนตร์เป็นสื่อแขนง

หนึ่ง อิทธิพลจากหนังเรื่องนี้ได้ส่ง

ผ่านการรับน้องอันสนุกสนานปน

ความน่ารักไปยังเฟรชชี่ทั่วประเทศ

ได้อย่างไม่เคอะเขิน และถ้าเฟรชชี ่

ตามนัยความหมายของรากศัพท์

(Fresh) คือความมีชีวิตชีวาแล้ว นัก

แสดงที่มารับบทในหนังเรื่องนี้ ไม่

ว่าจะเป็นทาทายัง เรย์ แมคโดนัลด์

ชาคริต แย้มนาม หลิว มนัสวีร์ และ

สุดท้ายคือ อ้น ศรีพรรณ ต่างก็ได้เปิด

เผยความสดใหม่ของพวกเขาออก

มาจากหนังเรื่องนี้ เพราะจุดเปลี่ยน

ทางการแสดงและชื่อเสียงของพวก

เขาในวงการบันเทิง ต่างไหลมาอย่าง

| 36

ดอกไม้ไม่จ�านรรจ์ (A Flower Does Not Talk)“ค�าจ�านรรจาแห่งดอกไม้...คือสัจจะแห่งการเบ่งบานของชีวิตนิรันดร์”

“…ณ ขณะที่สังคมประเทศของเราก�าลังเต็ม

ไปด้วยบริบทของความขัดแย้งอันร้อนร้ายทางด้าน

ทัศนคติ...กระทั่งบังเกิดเป็นสงครามแห่งเจตจ�านง

ที่รุนแรงและท�าท่าจะไม่มีจุดจบ...ชีวิตของผู้คนใน

บริบทที่มืดมนนี้ เต็มไปด้วยเงื่อนไขอันเจ็บปวดของ

ความเป็นศัตรูระหว่างกัน...เบื้องหน้าของการด�ารง

อยู ่...มักจะกลายเป็นสนามรบของอารมณ์ความ

รู้สึกที่โถมเข้าใส่กันด้วยการประหัตประหาร ความ

สงบสันติ...ดูเหมือนว่าจะไกลห่างออกไปจากมิติ

ของความเป็นจริงของการด�ารงอยู่...ภาวะดั่งนี้จึง

น�ามาซ่ึงหุบเหวของความบาดหมาง อันหมายถึง

โอกาสอันยากล�าบากต่อการก่อเกิดสายสัมพันธ์แห่ง

มิตรไมตรีที่มีหัวใจอันใสสะอาด เป็นศูนย์กลางของ

การขับเคลื่อน หลายๆขณะที่ค�าพูดอันประเสริฐ

ทั้งหลายทั้งปวง...เป็นได้แค่เพียงถ้อยค�าแห่งการ

ลืมเลือน...ท่ามกลางลมหายใจที่แข็งกระด้างและ

หนังสือน่าอ่าน | สกุล บุณยทัต Arts 4

BOOK REVIEW

เต็มไปด้วยความขุ ่นมัว...ธรรมชาติของความเป็น

ตัวตนจึงตกอยู่กับความเงียบงันอันน่าเคลือบแคลง

ของฝันร้ายที่ไม่รู ้จบ...และนั่นคือบทสะท้อนอัน

พร่ามัวของภาวะการณ์ที่ไม่อาจระงับได้...”

| 37

‘ดอกไม ้ไม ่จ�านรรจ ์’ (A

Flower Does Not Talk) ผลงาน

เขียนของ ‘เซนไค ชิบายามะ’

พระอาจารย์เซน...สมภารเจ้าอาวาส

แห่งอารามนันเซนจิ ณ กรุงโตเกียว

ผู้เป็นอาจารย์เซนที่ดี...อาจารย์ที่ทั้ง

พูดทั้งเขียน...ทั้งๆที่รู้ดีว่าดอกไม้นั้น

ทั้งไม่เขียนและไม่จ�านรรจ์...

“ดอกไม้เบ่งบานขึ้นอย่างเงียบงัน

และจะหลุดร่วงไปโดยไร้ส�าเนียง

มาบัดนี้ ณ กาลนี้ และ ณ สถานที่นี้

ดอกไม้ทั้งหมด โลกทั้งหมด

ล้วนเบิกบานขึ้น

นี่คือค�าจ�านรรจาแห่งดอกไม้

คือสัจจะแห่งการเบ่งบาน

แสงอันเรืองรองแห่งชีวิตนิรันดร์

ได้ฉายฉานลง ณ ที่นี้แล้ว...”

อย่างไรก็ตาม...แม้ว่าท่าน

‘เซนไค ชิบายามะ’ จะได้สิ้นชีวิต

ไปแล้ว แต่ผลงานของท่านก็ยัง

เป็นที่ประจักษ์ถึงความเข้าใจในชีวิต

ท่ีลึกซึ้ง อันเป็นมรดกตกทอดมา

ถึงคนรุ ่นหลัง จุดที่น ่าสนใจที่สุด

ก็คือ...ท่านเป็นผู ้มีชีวิตเกี่ยวเนื่อง

อยู่ในช่วงต่อแห่งการเปลี่ยนแปลง

ระหว่างเก่ากับใหม่...ระหว่างอนุรักษ์

กับการพลิกกลับระหว่างตะวันออก

กับตะวันตก...ระหว่างจิตวิญญาณ

กับเทคโนโลยี...ซึ่งเห็นจะไม่มียุค

สมัยใดที่มีการเผชิญหน้ากันอย่าง

ท้าทายและจริงจัง...ระหว่างกระแส

อารยธรรมตะวันออกและตะวันตก

ดังเช่นในยุคสมัยที่ท่านได้ผ่านวัน

เวลาในชีวิตมา

ห นั ง สื อ เ ล ่ ม นี้ ถู ก แ ป ล

ถ่ายทอดเป็นภาษาไทยโดย ‘พจนา

จันทรสันติ’ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2520

มาแล้วเสร็จเอาในช่วงตอนต้นๆ

ของปี พ.ศ. 2521... 37 ปีล่วงมา

แล้ว...ซึ่งก็มีเหตุการณ์ 6 ตุลาคม ปี

2519 เป็นส่วนผลักดัน แรงกระตุ้น

ผลงานในภาคภาษาไทยชิ้นนี้บอก..

เหตุการณ์ที่ ‘พจนา’ ได้ยืนยันถึงว่า..

มันเป็น “ภาพสะท้อนแห่งความ

สับสนในจิตวิญญาณของมนุษย์ทั้ง

อคติ มายาคติ และภยาคติ ที่ได้

เข้ามาบดบัง จนท�าให้คนสามารถ

กระท�าในสิ่งที่ไม่มีใครคาดฝันว่า...

คนจะสามารถท�าต ่อคนด ้วยกัน

ได้”...นั่นจึงเป็นเหตุให้...ปัญญาชน

เป็นจ�านวนมากพากันสูญสิ้นความ

ศรัทธาในตัวคนด้วยกัน รวมทั้งได้

เกิดค�าถามต่างๆข้ึนมากมาย โดย

เฉพาะค�าถามที่มุ่งถามถึงว่า...ความ

ถูกต้องนั้นหายไปไหน...มนุษยธรรม

หายไปไหน หรือในอีกความหมาย

หนึ่ง...มนุษยธรรมและคุณธรรมได้

สูญสิ้นไปจากใจของมนุษย์ โดย

เฉพาะในจิตใจของคนไทย ซึ่งถือว่า

เป็นชาวพุทธกระนั้นหรือ... ‘พจนา’

ได้ยืนยันถึงว่า...ประเด็นดังกล่าวนี้

เป็นค�าถามที่ท ้าทาย โดยเฉพาะ

อย่างยิ่งต่อสถาบันศาสนา...ที่ถือกัน

ว่าเป็นหลักแห่งความสะอาด สว่าง

และสงบ...โดยเนื้อแท้ศาสนาจะต้อง

ตอบค�าถามเหล่านี้ คนในสถาบัน

ศาสนาเองก็ต้องตอบ...พระสงฆ์และ

คนทุกคนที่ถือตัวเองเป็นชาวพุทธก็

| 38

ต้องตอบ...เหตุการณ์เมื่อ 6 ตุลาคม

2519. . .อาจมีความพ ้องเหมือน

ในวิถีแห ่งความขัดแย ้ง ท่ี รุนแรง

ของยุคสมัยปัจจุบันท่ีชวนขบคิด...

เหตุทั้ งหลายที่ เกิดขึ้นอาจน�าไป

สู ่ ภ าวะที่ บ านปลายอันยากจะ

ควบคุม...ดั่งในอดีต และนั่นคือเบ้า

หลอมแห่งโศกนาฏกรรมของอุบัติ

การณ์ที่เต็มไปด้วยความผิดบาปสูญ

สิ้น...

‘ดอกไม ้ไม ่จ�านรรจ ์’ (A

Flower Does Not Talk)...คือ

หนังสือที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่งที่คนใน

สังคมของเราจ�าเป็นต้องแสวงหา

เพ่ือการสัมผัสอย่างลึกซึ้งในยามนี้...

ยามที่ มี ค ว ามจ� า เป ็ นที่ จ ะต ้ อ ง

ทบทวนกันในเชิงภูมิปัญญา...เพื่อ

ความอยู ่รอดทางสังคม...ที่เต็มไป

ด้วยความขัดแย้งและผู ้คนจ�านวน

ไม ่น ้อยก�าลังยึดติดอยู ่กับคุณค ่า

อันจอมปลอมของระบบสังคมที่มี

อ�านาจแห่งเงินตราและอ�านาจของ

การข่มเหงรังแกเป็นแรงกระตุ ้น...

กลุ่มคนที่มีวงจรชีวิตในลักษณะนี้...

ต่างกระหายที่จะเบียดเบียนเพื่อน

มนุษย์และสรรพสัตว ์ทั้งหลายใน

คราบร่างของความเจริญ ความมั่นคง

หรือความม่ังคั่ง...ก่อเกิดเป็นความ

โลภโมโทสันที่พุ ่งเป้าสู ่การเอารัด

เอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ด ้วยกัน...

หนังสือเล่มนี้จะกล่อมเกลาจิตใจ

ให้ผู ้สัมผัสสามารถค้นพบรากเหง้า

เดิมทางความคิดและสภาวะแห่ง

จิตวิญญาณที่คาบเกี่ยวอยู่กับภาษา

ส่ือสารอันลึกล�้ า . . .น� าพาให ้ เรา

สามารถกลับไปสู่แก่นรากของชีวิต

และธรรมชาติอันหยั่งลึกของความ

สะอาด สว่าง สงบ ภายใต้นัยความ

หมายแห่งร ่มเงาอันสงบงามและ

แม่นตรงของเซนตลอด...ตลอดไป

“เซนมุ ่งที่จะปลุกปัญญาที่

นอนหลับใหลอยู่ในตัวเรา ภายใต้

เมฆหมอกหนาทึบแห่งอวิชชาและ

กรรมให้ตื่นขึ้น...เพราะทั้งอวิชชา

และกรรมนั้นล้วนเกิดมาจากการที่

เรายอมจ�านนต่อความคิดอ่าน ความ

เฉลียวฉลาดของเราเอง แต่เซนนั้น

เป็นการปฏิวัติต่อระบบความคิดที่

สืบต่อกันมา...เช่นนั้น” นั่นคือปฐม

บทแห่งบทพิสูจน์ที่ยืนยันถึงว ่า...

ศิลปะของเซนย่อมด�ารงอยู่ ณ จุด

ที่...ทั้งความงามและความน่าเกลียด

ล้วนงดงามเฉกเช่นกัน...เพราะความ

งามตามความหมายแห่งจารีตนิยม

นั้น มิใช่สิ่งใดอื่นนอกจากการตก

เป็นทาสของอคติและความหลง...

แต่ส�าหรับในความเป็นเซน...ความ

งดงามที่แท้คือรหัสนัยแห่งความงาม

และความน่าเกลียด ซึ่งด�ารงอยู่

ร่วมกันอย่างไร้ข้อแตกต่างใดๆ อัน

หมายถึง...ความมีความเป็นของ...

วิญญาณแห่งสุนทรียภาพภายใน

ตน...

ขุนเขาสูงตระหง่าน แมกไม้เขียวขจี

หุบเหวล�้าลึก...ธารน�้าสะอาดใส

สายลมบางเบา ดวงจันทร์สงบล�้า

อย่างสงบงัน ข้าพเจ้าอ่าน

ถ้อยค�าที่แท้ ซึ่งไร้อักษร”

เป็นด่ังนี้...เหตุใดเล่าจึงต้อง

เปลือยให้ชีวิตกลัดกลุ ้ม...จงมองดู

หลิวริมฝั่งน�้า มันด�ารงอยู่ที่นั่น...เฝ้า

มองสายน�้าหลั่งไหล

| 39

How are you?ให้คุณไม่พลาดข่าวคราวความเคลื่อนไหว ของสมาชิกครอบครัวสีฟ้า : สมศรี สนามจันทร์

กลับมาพบกับสมศรี สนาม

จันทร ์ อี กครั้ ง ในรูปแบบของ

จดหมายสีฟ้าฉบับอิเล็กทรอนิกส์

หรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียกนะคะ

แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นสื่อให้เราได้

น�าข่าวคราวของน้องพี่อักษรมาคุย

กัน...ก็ตามสไตล์ของสมศรีนะคะ คง

เป็นข่าวพี่รุ่นแรกๆเป็นส่วนใหญ่ คน

แก่ก็รู้เรื่องคนแก่ น้องๆไม่ว่ากันนะ...

ขอเริ่มที่ข่าวแรกเลยนะคะ#

• ฤดเูกษยีณเวยีนมาแล้ว พีอ่อด ทวศีกัด ิ ป่ินทอง รุน่ 7 อดตีประธานชมรมฯคนแรก เป็นโต้โผใหญ่จดังาน

เกษียณให้รุ่นพี่สุดเลิฟ ผศ.ดร.ประหยัด นิชลานนท์ รุ่น 6 อาจารย์ภาควิชาภาษาฝร่ังเศส ณ ร้านศิริชัยไก่ย่าง

ลาดพร้าว เมื่อวันเสาร์ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา น้องพี่ส่วนใหญ่รุ่น 6-16 กว่า 20 คนมาร่วมงานมีรุ่นน้องๆ อย่างรุ่น 32 และ 41

มาแจมด้วยพร้อมตัวแทนชมรมศิษย์เก่า บรรยากาศเปี ่ยมไปด้วยน�้าตาเมื่อแต่ละคนแสดงความในใจที่มีต่อพี่หยัด

เริ่มต้นจาก Gilles Delouche (อดีตอาจารย์สอนภาษาฝรั่งเศส คณะอักษรฯ) ที่พูดอะไรไม่ออกกอดพี่หยัดร้องไห้ด้วยกัน

ตามด้วย “วัว” นาวาเอก สุกฤต มูลค�า รุ่น 13 พูดถึงความหลังว่าจบมาได้เพราะพี่หยัดและต้องหยุดร้องไห้เป็นระยะๆ

หลังจากนั้น “สิงห์” สารสุข รุ่น 9 แม้พยายามกลั้นน�้าตาไว้ได้ในช่วงแรก แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยออกมาในช่วงมอบดอก

กุหลาบ และคนที่ร้องมากกว่าใครก็คือพี่หยัดที่ได้ระบายความรู้สึกที่อัดอั้นในใจออกมา เป็นงานเลี้ยงที่เปื้อนไปด้วยน�้าตาที่

พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน ประทับใจจริงๆ #

ประหยัดยืนหยัดสู้ อย่างทนง

มั่นอยู่คู่เคียงคง ถูกต้อง

รักเกลียดพูดตามตรง ใจคิด

ประหยัดอยู่คู่พี่น้อง เพื่อนแท้อย่างเรา

(พี่ออด แต่งโคลงบทนี้ให้พี่หยัดในงานเลี้ยงเกษียณ วันเสาร์ 23 ส.ค. 2557)

• พูดถึงการเกษียณอายุงานแล้วต้องถือว่าอยู่ในช่วงของพี่รุ่นเลขตัวเดียว เพราะทยอยเกษียณกันมาตั้งแต่รุ่น 1

มายันรุ่น 5 นี่ก็เริ่มเข้ารุ่น 6 ต่อไปก็ 7 8 9...ตามล�าดับ #

| 40

• รุ่น 5 อีกคู่ที่เกษียณพร้อมกันคือ พี่ Fat อ.ธีรศักดิ์ โอภาสบุตร อดีตอาจารย์ภาคปรัชญา คณะอักษรฯ กับ

ผศ.พ.ท.วิโรจน์ ผดุงสุนทรารักษ์ อดีตอาจารย์ภาคภาษาไทย คณะมนุษยศาตร์ ม.ราม ต่างคนต่างมีไลฟ์สไตล์ต่างกัน

ออกไปพี่ Fat ยังคงวนเวียนอยู่แถวทับแก้ว สนุกกับน้องๆและอาจารย์ในภาค แถมมีหนังสือปรัชญาส�าหรับคนธรรมดา

ลึกแต่อ่านง่ายตามสไตล์พี่ Fat วางจ�าหน่าย ส่วนรายได้มอบให้ภาคปรัชญา น่ารักจริงๆพี่เรา ส่วนพี่วิโรจน์ยังฟิตปั๋ง

ออกก�าลังกายวิ่งทุกวัน ก็จะไม่ให้ฟิตได้ยังไงก็พี่ผ่องพรรณ ภรรยาสุดเลิฟ อาจารย์ ABAC ยังไม่เกษียณนี่นา อิอิ #

• คนนี้ก็รุ่น 5 แต่ยังไม่เกษียณ เพิ่งฉลองวันเกิดวัย 59 เมื่อ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ผศ.ปทุมรัตน์ วงศ์ดนตรี (พี่อุ้ย)

อ. ภาษาฝรั่งเศส ม.ขอนแก่น ไม่รู้งานนี้ฝาละมีพี่สมศักดิ์ คุณเงิน ให้ของขวัญพิเศษเป็นอะไร สุขสันต์วันเกิดนะพี่อุ้ย #

• ส่วนเมื่อ 30 ก.ค.ที่ผ่านมาน้องพี่อักษรต่างวัยต่างรุ่นได้ท�ากิจกรรมร่วมกัน ณ คณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ใน

งานพบนักเขียน 6 เล่มสุดท้าย รางวัลซีไรต์ 2557 โดยมีคณบดี คณะศิลปศาสตร์ ม. ธรรมศาสตร์ รศ. ด�ารง อดุลยฤทธิกุล

(เล้ง รุ่น 20) เป็นเจ้าภาพ พี่ออด ทวีศักดิ์ ปิ่นทอง ในฐานะนายกสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย ประสานงาน

ติดต่อนักเขียน พี่หนู สกุล บุณยทัต รุ่น 4 เป็นวิทยากรให้ทรรศนะเพิ่มเติม อักษรศาสตร์คอนเนคชั่นจริงๆงานนี้ #

• ข่าวงานเกษียณและงานวันเกิดก็อัพเดตกันไปแล้ว คราวนี้ขอมาที่ข่าวงานมงคลกันบ้างนะคะ เม่ือวันจันทร์ที่

4 ส.ค. ที่ผ่านมา น้องน�้าตาลรุ่น 32 ลูกสาวคนเล็กของศิลปินแห่งชาติที่รู้จักกันดีในนามปากกา “โบตั๋น” ก็ตัดสินใจสละ

โสดแต่งงานกับหนุ่มใต้คมเข้มใจดี ได้ข่าวว่าเป็นงานแต่งที่รวบรวมศิลปินแห่งชาติและนักเขียนดังๆไว้อย่างคับคั่งงานหนึ่ง

แล้วก็กลายเป็นงานเลี้ยงรุ่น 32 กลายๆอีกด้วย พี่สมศรีและพี่ๆก็ขอแสดงความยินดีกับน้องน�้าตาลย้อนหลังนะคะ #

เป็นไงกันบ้างคะ พอหาย

คิดถึงกันบ ้างหรือยัง? สมศรีขอ

ทั กท ายแบบหอมปากหอมคอ

ส�าหรับจดหมายสีฟ้าฉบับแรก ไว้

ฉบับหน้าเรามาอัพเดตข่าวสารคน

อักษรกันอีกนะคะ และพ่ีน้องท่าน

ไหนอยากเล่า อยากเมาท์มอยกับ

สมศรีก็ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์

(Email) คุยหลังไมค์กับสมศรีได้

ที่ [email protected]

ขอบคุณและพบกันใหม่ค่ะ#

| 41

สวัสดีครับ

ส่ิงที่พี่น้องชาวคณะอักษร-

ศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ก�าลัง

อ่านอยู่นี้คือ ร่างอวตารแห่งวารสาร

ของชมรมศิษย์เก่า ที่หลายๆท่าน

คงจะเคยคุ้นในชื่อของ จดหมายสีฟ้า

ซึ่งทางคณะผู ้จัดท�าในปัจจุบันได้

ท�าการปรับปรุงโครงสร้างเสียใหม่

โดยเพิ่มเนื้อหาที่น ่าสนใจในด้าน

ต่างๆขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น ด้านบันเทิง

ท่องเที่ยว สุขภาพ เทคโนโลยี หรือ

บทความพิ เศษในประเด็น ท่ีน ่ า

สนใจ ในขณะที่เน้ือหาดั้งเดิมอย่าง

การรายงานสารทุกข์สุขดิบของพ่ี

น้องรุ่นต่างๆก็ยังคงมีอยู่มิได้หายไป

ไหน ด้วยเห็นว่ากลุ่มศิษย์เก่านั้นมี

จ�านวนไม่น้อย ทั้งอยู่ในหลายหลาย

สายอาชีพและช่วงอายุ จึงพยายาม

ท�าเนื้อหาให้ได้ครอบคลุมทุกมิติเพื่อ

เชื่อมโยงศิษย์เก่าทุกๆรุ่นไว้ด้วยกัน

ท่ีส�าคัญที่สุดคือ วารสารฉบับนี้

ด�าเนินการในทุกๆขั้นตอนด้วยฝีมือ

คนอักษรทั้งนั้น ตั้งแต่การวางแผน

ด�าเนินการ ออกแบบเนื้อหาและ

รูปเล่ม สัมภาษณ์ ถ่ายภาพ เรียบ

เรียง เขียนและจัดหน้ากระดาษ ถึง

แม้ว ่าทีมงานและพี่น ้องนักเขียน

กิตติมศักดิ์บางท ่านอาจจะไม ่ใช ่

มืออาชีพโดยตรงในเรื่องของการ

ท�าหนังสือ แต่ก็มิได้แสดงอาการ

อิดออดหรือมีความลังเลใดๆเมื่อถูก

เชื้อเชิญมามาร่วมงาน กลับแสดง

ความยินดีเสียด้วยซ�้าที่จะมาร่วม

หัวจมท้ายกันเพื่อผลิตวารสารเล่ม

นี้ข้ึนมา ด้วยเจตจ�านงเดียวกันคือ

สร้างสรรค์เนื้อหาที่เป็นประโยชน์ให้

กับเหล่าพี่น้องได้เพลิดเพลินเจริญใจ

และคงไว้ซึ่งการเป็นสื่อกลางระหว่าง

เราชาวอักษร

ทางคณะผู ้จัดท�ามีความต้ังใจจะ

เข็นวารสารนี้ออกในวาระทุกๆสาม

เดือน ดังนั้นพี่น ้องท ่านใดมีข ้อ

เสนอแนะเพื่อการพัฒนาวารสาร

หรือสนใจที่จะเขียนบทความใน

หัวข้อใด สามารถส่งข้อความมาได้ที่

[email protected]

ทางเรายินดีต้อนรับบทความและ

ความเห็นของทุกคน

อีกเรื่องที่ต้องรบกวนพี่น้อง

ทุกท ่านคือ ทางชมรมศิษย ์ เก ่า

ต้องการที่จะปรับปรุงเพิ่มเติมฐาน

ข้อมูลของสมาชิกอีกครั้ง เพราะ

หลายท่านมีการย้ายถิ่นฐาน เปลี่ยน

หมายเลขโทรศัพท์หรืออีเมล ดัง

นั้นการรับประกาศข่าวสารอาจจะ

ไม่ทั่วถึง มีการตกหล่นอย่างน่า

เสียดาย ดังนั้นจึงขอความร่วมมือ

ทุกท ่านร ่วมกรอกแบบสอบถาม

ข ้อมูลส ่ วนบุคคลและความคิด

เห็นที่มีต่อวารสาร Blue letter

ตามลิงค์ต่อไปนี้ด้วยครับ

คลิกเพื่อกรอกแบบสอบถาม

สุดท้ายนี้ ในฐานะบรรณาธิการ

ขอขอบคุณทีมงานทุกท่านที่มีส่วน

เกี่ยวข้องกับการจัดท�าวารสารเล่มนี้

รวมไปถึงขอขอบคุณพี่น้องทุกท่าน

ที่กรุณาดาวน์โหลดวารสารไปอ่าน

หากพบว่ามีข้อบกพร่องให้หมองใจ

ทางเราถือโอกาสขออภัยเอาไว้อย่าง

สุดซึ้งมา ณ โอกาสนี้

ขอบคุณครับ

คงกะพัน ไชยมะโน

542015

BLUE EDITORคงกะพัน ไชยมะโน Arts 32

| 42

| 43

Connecting Generations

โรงพิมพ์คนอักษร

บ.แซทโฟร์ ปริ้นติ้งลาดพร้าว 112

สาวิตรี ไทยปรีชาARTS 29

ร่วมสนับสนุนวารสาร BLUE LETTER ติดต่อได้ที่ [email protected]