“เบเกอรี่”thaifranchisedownload.com/dl/Bakery.pdf ·...

5
72 : November 2010 ที่ไปของเบเกอรี...ยอมรับโดยดุษณีเถิด ว่า ทุกวันนี้ขนมเบเกอรี่ก็ขายดิบขายดีเป ็นที่นิยมไม แพ้ขนมไทยอย่างข้าวต้มมัด ฉะนั้นถ ้าใครจะยึดเป็น อาชีพ ก็น่าสนใจไม่น้อย อีกทั้งในหมวดของเบเกอรี่นั้น ขนมเหล่านี้สามารถดัดแปลงไปได ้ตามความเหมาะสมกับ ปัจจ ัยขับเคลื่อนในแต ่ละบุคคล และหาจุดขายสร้างกำไร จากการทำธุรกิจเบเกอรี่นั้นไม่ยาก ถ ้าคุณรู้สิ่งเหล ่านี้ นั่นคือ การทำ เบเกอรี่เพื่อเป็นอาชีพนั้น มีความจำเป็นต ้องเรียนรู้ในวิธีการต่างๆ มากมาย รวมถึงแหล่งซื้อเครื่องมือ อุปกรณ์ วัตถุดิบ เพราะคนที่จะเข้าสูเส้นทางการทำเบเกอรี่เพื่อจำหน ่ายนั้นต ้องรู้แหล่งที่จะซื้อของด ้วย รวม ไปถึงการเรียนรู้การทำเบเกอรี่ที่ดีและมีคุณภาพด้วย จึงจะขายได้ ทีสำคัญคือการทำขนมนั้นส่วนผสมต่างๆ ต ้องมีเทคนิคเฉพาะตัว ซึ่งหาก จะได้มา คือต้องรู้จักสังเกต และฝึกฝนมาจนช่ำชอง แน ่ใจว่าอร่อย พร้อมขาย... [เร่อง/ภาพ อันชลี] การทำขนมปังเริ่มแพร่หลายเป็นลำดับ โดยชาวกรีกโบราณคือผูริเริ่มคิดค้นทำเตาอบแบบปิดขนาดใหญ่ขึ้น นานวันการทำขนมปังยิ่งทวี ความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ดังที่นักประวัติศาสตร์ได้ค้นพบหลักฐานบางอย่าง ว่า ชาวโรมได้มีการทำขนมปังในลักษณะที่ต่างออกไปโดยเพิ่มส่วนผสม เช่น น้ำมัน น้ำผึ้ง ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า PASTRY นั่นเอง ต่อมาในปี ค.ศ. 1492 ชาวอเมริกัน ได้เพิ่มวิวัฒนาการให้กับ ขนมปังโดยการนำน้ำตาลและโกโก้ใส่ลงไปในพาสทรี สร้างความฮือฮา แก่ผู้คนอย่างมากในศตวรรษที่ 17 และ 18 ในช่วงเวลานี้เองที่เริ่มมี การแบ่งแยกระหว่างคำว่า “พาสทรี” กับ “เบเกอรี่” ออกจากกันอย่าง ชัดเจน โดยมียีสต์กับอุณหภูมิที่ใช้ในการอบเป็นตัวกำหนด อย่างไรก็ตามความหมายของเบเกอรี่ (Bakery) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากแป้งสาลีแปรรูปและทำให้สุกโดยการอบ โดย แบ่งเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ ขนมปัง คุกกี้ เค้ก และพาสทรี สำหรับประเทศไทย เบเกอรี่เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายนั้นก็ จาก ท้าวทองกีบม้า หรือ ดอนญ่า ทอร์ เดอ กีมาร์ ภริยาเจ้าพระยา- วิชาเยนทร์ หัวหน้าห้องเครื่องในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ (พ.ศ.2271-2275) และเรียกขนมเหล่านั้นตามกรรมวิธีทำว่า ขนมผิง สกู๊ปพิเศษ 72 : November 2010 ทีมาของเบเกอรี่…ตามตำนานของขนมเบเกอรี่นั้นว่ากันว่ามีมานานแล้วตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์เมื่อ ประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสกาล โดยเชื่อกันว่าผู้บุกเบิกอาหารชนิดนี้คือชาวสวิสเซอร์แลนด์ ด้วย กรรมวิธีการผลิต คือ นำเมล็ดธัญพืชชนิดต่างๆ มาคั่วก่อน แล้วพัฒนามาเป็นการตำกับครกพอหยาบ ผสมน้ำ นวดเป็นแป้ง จากนั้นจึงนำไปวางบนหินร้อนใกล้เตาจนแป้งสุก ก็ได้แผ่นแป้งที่มีความกรอบ ซึ่งสันนิษฐานกันว่าน่าจะ เป็น “ขนมปัง” ยุคแรก ต่อมาขนมปังได้มีวิวัฒนาการเพิ่มความฟูนุ่มเข้าไปไม่ใช่การคิดค้นแต่อย่างใด ทว่ามันเกิด ขึ้นมาได้เพราะความบังเอิญ เรื่องของเรื่องคือมีเรื่องเล่ากันว่าในวันหนึ่งคนทำขนมปังเกิดลืมแป้งสดทิ้งไว้นานหลาย ชั่วโมง และเมื่อนำมาวางบนหินร้อน ปรากฏว่าแผ่นแป้งนั้นกลับมีเนื้อฟูนุ่มและหอมอย่างไม่น่าเชื่อ... “เบเกอรี่” “เบเกอรี่” “เบเกอรี่” อาชีพหอม หวาน ทานอร่อย สร้างงาน สานฝัน ปั้นเงิน อาชีพหอม หวาน ทานอร่อย สร้างงาน สานฝัน ปั้นเงิน

Transcript of “เบเกอรี่”thaifranchisedownload.com/dl/Bakery.pdf ·...

Page 1: “เบเกอรี่”thaifranchisedownload.com/dl/Bakery.pdf · ขนมปังธัญพืช ส่วนผสม แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง5

72 : November 2010

ที่ไปของเบเกอรี่...ยอมรับโดยดุษณีเถิด

ว่า ทุกวันนี้ขนมเบเกอรี่ก็ขายดิบขายดีเป็นที่นิยมไม่

แพ้ขนมไทยอย่างข้าวต้มมัด ฉะนั้นถ้าใครจะยึดเป็น

อาชีพ ก็น่าสนใจไม่น้อย อีกทั้งในหมวดของเบเกอรี่นั้น

ขนมเหล่านี้สามารถดัดแปลงไปได้ตามความเหมาะสมกับ

ปัจจัยขับเคลื่อนในแต่ละบุคคล และหาจุดขายสร้างกำไร

จากการทำธุรกิจเบเกอรี่นั้นไม่ยาก ถ้าคุณรู้สิ่งเหล่านี้ นั่นคือ การทำ

เบเกอรี่เพื่อเป็นอาชีพนั้น มีความจำเป็นต้องเรียนรู้ในวิธีการต่างๆ

มากมาย

รวมถึงแหล่งซื้อเครื่องมือ อุปกรณ์ วัตถุดิบ เพราะคนที่จะเข้าสู่

เส้นทางการทำเบเกอรี่เพื่อจำหน่ายนั้นต้องรู้แหล่งที่จะซื้อของด้วย รวม

ไปถึงการเรียนรู้การทำเบเกอรี่ที่ดีและมีคุณภาพด้วย จึงจะขายได้ ที่

สำคัญคือการทำขนมนั้นส่วนผสมต่างๆ ต้องมีเทคนิคเฉพาะตัว ซึ่งหาก

จะได้มา คือต้องรู้จักสังเกต และฝึกฝนมาจนช่ำชอง แน่ใจว่าอร่อย

พร้อมขาย...

[เรีื่อง/ภาพ อันชลี]

การทำขนมปังเริ่มแพร่หลายเป็นลำดับ โดยชาวกรีกโบราณคือผู้

รเิริม่คดิคน้ทำเตาอบแบบปดิขนาดใหญข่ึน้ นานวนัการทำขนมปงัยิง่ทวี

ความกา้วหนา้มากยิง่ขึน้ ดงัทีน่กัประวตัศิาสตรไ์ดค้น้พบหลกัฐานบางอยา่ง

ว่า ชาวโรมได้มีการทำขนมปังในลักษณะที่ต่างออกไปโดยเพิ่มส่วนผสม

เชน่ นำ้มนั นำ้ผึง้ ซึง่นบัเปน็จดุเริม่ตน้ของคำวา่ PASTRY นัน่เอง

ต่อมาในปี ค.ศ. 1492 ชาวอเมริกัน ได้เพิ่มวิวัฒนาการให้กับ

ขนมปังโดยการนำน้ำตาลและโกโก้ใส่ลงไปในพาสทรี สร้างความฮือฮา

แก่ผู้คนอย่างมากในศตวรรษที่ 17 และ 18 ในช่วงเวลานี้เองที่เริ่มมี

การแบ่งแยกระหว่างคำว่า “พาสทรี” กับ “เบเกอรี่” ออกจากกันอย่าง

ชัดเจน โดยมียีสต์กับอุณหภูมิที่ใช้ในการอบเป็นตัวกำหนด

อย่างไรก็ตามความหมายของเบเกอรี่ (Bakery) คือ

ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากแป้งสาลีแปรรูปและทำให้สุกโดยการอบ โดย

แบ่งเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ ขนมปัง คุกกี้ เค้ก และพาสทรี

สำหรับประเทศไทย เบเกอรี่เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายนั้นก็

จาก ท้าวทองกีบม้า หรือ ดอนญ่า ทอร์ เดอ กีมาร์ ภริยาเจ้าพระยา-

วิชาเยนทร์ หัวหน้าห้องเครื่องในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ

(พ.ศ.2271-2275) และเรียกขนมเหล่านั้นตามกรรมวิธีทำว่า ขนมผิง

สกู๊ปพิเศษ

72 : November 2010

ที่มาของเบเกอรี่…ตามตำนานของขนมเบเกอรี่นั้นว่ากันว่ามีมานานแล้วตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์เมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสกาล โดยเชื่อกันว่าผู้บุกเบิกอาหารชนิดนี้คือชาวสวิสเซอร์แลนด์ ด้วยกรรมวิธีการผลิต คือ นำเมล็ดธัญพืชชนิดต่างๆ มาคั่วก่อน แล้วพัฒนามาเป็นการตำกับครกพอหยาบ ผสมน้ำ นวดเป็นแป้ง จากนั้นจึงนำไปวางบนหินร้อนใกล้เตาจนแป้งสุก ก็ได้แผ่นแป้งที่มีความกรอบ ซึ่งสันนิษฐานกันว่าน่าจะเป็น “ขนมปัง” ยุคแรก ต่อมาขนมปังได้มีวิวัฒนาการเพิ่มความฟูนุ่มเข้าไปไม่ใช่การคิดค้นแต่อย่างใด ทว่ามันเกิดขึ้นมาได้เพราะความบังเอิญ เรื่องของเรื่องคือมีเรื่องเล่ากันว่าในวันหนึ่งคนทำขนมปังเกิดลืมแป้งสดทิ้งไว้นานหลายชั่วโมง และเมื่อนำมาวางบนหินร้อน ปรากฏว่าแผ่นแป้งนั้นกลับมีเนื้อฟูนุ่มและหอมอย่างไม่น่าเชื่อ...

“เบเกอรี่” “เบเกอรี่” “เบเกอรี่” อาชีพหอม หวาน ทานอร่อย สร้างงาน สานฝัน ปั้นเงิน อาชีพหอม หวาน ทานอร่อย สร้างงาน สานฝัน ปั้นเงิน

Page 2: “เบเกอรี่”thaifranchisedownload.com/dl/Bakery.pdf · ขนมปังธัญพืช ส่วนผสม แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง5

พฤศจิกายน 2553 : 73

ส่วนผสม เนยสดจืด 100 กรัม

ผงโกโก้ 60 กรัม

ไข่ไก่ 2 ฟอง

น้ำตาลทราย 100 กรัม

น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม

กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

แป้งสาลีโฮลวีท 50 กรัม

ถั่วอัลมอนด์สับหยาบ 80 กรัม

ลูกเกด 60 กรัม

คอร์นเฟลกส์ 80 กรัม

ช็อกโกแลตนมและคอร์นเฟลกส์สำหรับแต่งหน้า

บราวนี่สูตรรักสุขภาพ

วิธีทำ 1. เปิดเตาอบไว้ที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส

เตรียมไว้

2. เตรียมพิมพ์อบแบบวงกลมขนาด 2 ปอนด์

รองพิมพ์ด้วยกระดาษไข

3. นำเนยมาตั้งไฟให้ละลาย ยกลงจากเตาแล้ว

ใส่ผงโกโก้ คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน

4. ตีไข่ น้ำตาลทราย น้ำตาลทรายแดง และ

กลิ่นวานิลลา ด้วยเครื่องตีไฟฟ้าจนขึ้นฟูเล็กน้อย

เทโกโก้ลงผสมให้เข้ากันดี

5. ค่อยๆ โรยแป้งสาลีโฮลวีทลงผสม ตะล่อม

เบาๆ ให้เข้ากัน เติมถั่วอัลมอนด์ ลูกเกด และ

คอร์นเฟลกส์ คนพอเข้ากัน จากนั้นให้เทส่วนผสมใส่

พิมพ์ที่ เตรียมไว้ แต่งหน้าด้วยช็อกโกแลต และ

คอร์นเฟลกส์ นำเข้าเตานานประมาณ 30 นาที นำ

ออกจากเตา รอจนเย็นจึงแกะออกจากพิมพ์

พฤศจิกายน 2553 : 73

ส่วนผสม ไข่ไก่ 3 ฟอง (แยกไข่แดง-ไข่ขาว) น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย หัวกะทิ 1/2 ถ้วย (หรือกะทิผง 30 กรัม + น้ำอุ่น 1/2 ถ้วย คนให้เข้ากัน) แป้งเค้ก 125 กรัม วานิลลา 1/2 ช้อนชา ผงฟู 1/2 ช้อนชา เบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา เกลือป่น 1/4 ช้อนชา ครีมออฟทาทาร์ 1/4 ช้อนชา น้ำตาลทราย (1) 130 กรัม และน้ำตาลทราย (2) 1/2 ถ้วย เนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นชิ้นเล็กๆ 1 ถ้วย (แยกไว้ 2 ส่วน)

วิธีทำ 1. หั่นเนื้อมะพร้าวอ่อน เป็นชิ้นเล็กๆ 2. พมิพถ์ว้ย 2616 รองกระดาษ และอุน่เตาที ่180 องศา ไวก้อ่น 3. ร่อนแป้ง ประมาณ 2 รอบ พักไว้ จากนั้นนำผงฟู + เบคกิ้ง + เกลือ ผสมให้เข้ากันแล้วพักไว้ 4. นำนำ้ตาลทราย 1 มาผสมใสส่ว่นของแปง้ จากนัน้คนใหเ้ขา้กนั 5. นำไข่แดง และกลิ่นวานิลลา น้ำมัน และกะทิ ผสมให้เข้ากัน จากนั้นใช้ตะกร้อตีให้พอเข้ากัน อย่าให้เป็นเม็ดจนน้ำตาลละลายหมด จึงพักไว้ก่อน 6. ตีไข่ขาวให้ขึ้นฟองประมาณ 1 นาที ด้วยความเร็วสูงสุด จากนั้นใส่ครีมทาทาร์ลงไป แล้วตีต่อให้ขึ้นฟองละเอียด (ใช้เวลาตี

ประมาณ 2 นาที ด้วยความเร็วสูงสุด) จากนั้นเติมน้ำตาลทราย (2) ลงไป (ค่อยๆ เติม และตีไปด้วย) 7. ตีจนไข่ขาวตั้งยอดแข็ง คือ ไข่ขาวจะไม่หยดลงมา จากนั้นให้แบ่งไข่ขาวที่ได้ออกเป็น 3 ส่วน ค่อยๆ ตะล่อมในส่วนของไข่แดง ทีละส่วนเบาๆ 8. เติมเนื้อมะพร้าวส่วนที่ 1 ลงไป คนให้เข้ากันเบาๆ 9. ตักใส่พิมพ์ ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ 10. โรยหน้าด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อนส่วนที่ 2 11. เสร็จแล้วจึงนำเข้าเตาอบ ใช้เวลาอบประมาณ 12-15 หากยังไม่สุกก็อาจเพิ่มเวลาได้อีกตามความเหมาะสม

ชิฟฟ่อนเค้กมะพร้าวอ่อน

Page 3: “เบเกอรี่”thaifranchisedownload.com/dl/Bakery.pdf · ขนมปังธัญพืช ส่วนผสม แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง5

74 : November 2010

ส่วนผสม เนยสดชนิดจืด 1 ถ้วย

น้ำตาลทรายบดละเอียด 11/3 ถ้วย

ไข่ไก่ 2 ฟอง

โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย

น้ำเลมอน 3 ช้อนโต๊ะ

ผิวเลมอนขูดฝอย 1 ลูก

แป้งสาลีอเนกประสงค์ 21/2 ถ้วย

ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ

เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา

เค้กโยเกิร์ต

วิธีทำ 1. ตีเนยกับน้ำตาลทรายบดในชามผสมจนเนยขึ้นฟูขาว แล้ว

ใส่ไข่ไก่ลงตีให้เข้ากันทีละฟอง พักไว้

2. ร่อนแป้ง ผงฟูและเบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกันพักไว้ ผสม

โยเกิร์ต น้ำและผิวเลมอนให้เข้ากัน จากนั้นเทส่วนผสมแป้งและ

โยเกิร์ตลงในส่วนผสมเนยที่ตีไว้ แล้วตีให้ส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน

3. ตักส่วนผสมใส่พิมพ์ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศา-

ส่วนผสมน้ำเชื่อมเลมอน น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย

น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย

น้ำเลมอน 3 ช้อนโต๊ะ

ผิวเลมอน(หั่นเป็นเส้นยาว) 1 ลูก

เซลเซียส นาน 45 นาที (เมื่อครบเวลาใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มดู ถ้าไม่

มีเศษขนมติดไม้แสดงว่าสุกแล้ว)

4. ใส่ส่วนผสมของน้ำเชื่อมเลมอนทั้งหมดลงในหม้อนำไปตั้ง

ไฟให้น้ำตาลละลายหมดแล้วหรี่ไฟลง เคี่ยวต่ออีก 5 นาที แล้ว

ราดหน้าเค้กที่ยังร้อนอยู่พักไว้อีกประมาณ 10 นาที จึงค่อยๆ แซะ

เค้กออกจากพิมพ์

วิธีทำ 1. ผสมแป้งขนมปังและแป้งโฮลวีท ยีสต์แห้งเข้าด้วยกันใน

อ่างผสมแล้วพักไว้

2. ละลายน้ำตาลทราย เกลือ น้ำตาลทรายแดงในน้ำ

3. เติมส่วนผสมของน้ำตาลและเนยขาวลงในส่วนผสมของ

แป้ง นวดจนกระทั่งเข้ากันดี

4. ใส่ส่วนผสมของธัญพืชลงไปนวดให้เข้ากันอีกครั้ง ใช้

ผ้าคลุม หมักไว้ประมาณ 2 ชม.

5. แบ่งแป้งออกเป็นก้อนๆ หนักก้อนละประมาณ 350

กรัม แล้วปั้นเป็นก้อนกลม

6. คลุมด้วยผ้าขาวบาง และพักไว้อีกประมาณ 15 นาที

7. คลงึแปง้ดว้ยไมค้ลงึ ใหเ้ปน็รปูสีเ่หลีย่มผนืผา้ขนาด 5x5 นิว้

แล้วใช้มือม้วนแบบแยมโรล

8. วางแป้งที่ม้วนแล้วลงในพิมพ์ขนมปังขนาด 3x7 นิ้ว

สูง 3 นิ้ว ที่ทาเนยไว้

9. คลุมด้วยผ้าขาวบาง แล้วพักไว้ประมาณ 1 ชม.

10. นำไปอบไฟ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 30 นาที

หรือจนกระทั่งสุกเหลือง

ขนมปังธัญพืช ส่วนผสม แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง 5 ถ้วยตวง

แป้งโฮลวีท 51/3 ถ้วยตวง

ยีสต์แห้ง 1 ถ้วยตวง

น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง

เกลือ 1 ช้อนชา

น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำ 22/3 ถ้วยตวง

เนยขาว 1/3 ถ้วยตวง

เมล็ดธัญพืชต้มสุก 1 ถ้วยตวง

(ถั่วแดง ลูกเดือย ถั่วลันเตา) รวมกัน

Page 4: “เบเกอรี่”thaifranchisedownload.com/dl/Bakery.pdf · ขนมปังธัญพืช ส่วนผสม แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง5

พฤศจิกายน 2553 : 75

ส่วนผสมเนื้อมะพร้าวสำหรับใส่ระหว่างชั้น เนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นเป็นเส้น 2 ถ้วย

น้ำมะพร้าว 11/2 ถ้วย

น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

แป้งข้าวโพดละลายน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

ใส่เนื้อและน้ำมะพร้าวพร้อมน้ำตาลทรายลงในหม้อ ตั้งไฟให้เดือด หรี่ไฟลง

เติมแป้งข้าวโพดลงไปเพื่อให้ข้นเหนียว รอให้เดือดอีกครั้ง ยกลงจากเตา นำหม้อ

อังน้ำแข็งเพื่อให้เย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว ก่อนใช้ทาเป็นไส้ระหว่างชั้นเค้ก

ส่วนผสม แป้งสาลีร่อน 2 ถ้วย

ผงฟู 2 ช้อนชา

เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

ลูกจันทร์ป่น 1 ช้อนชา

เนย 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทรายเม็ดเล็ก 1/2 ถ้วย

ไข่ไก่ 1 ฟอง

นมสด 1/4 ถ้วย

วิธีทำ 1. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ ลูกจันทร์ป่น รวมกัน 3 ครั้ง

2. ตีเนยกับน้ำตาลทรายจนเข้ากัน ขึ้นเป็นสีนวล

3. ตอกไข่ลงไป ตีให้เข้ากัน

4. ใส่แป้งสลับกับนมสด ตะล่อมให้เข้ากัน จนแป้งปั้น

เป็นก้อนได้

5. คลึงแป้งออกเป็นแผ่นใหญ่ หนาประมาณ 3/4 นิ้ว

6. ใช้พิมพ์กดเป็นวงแหวน

7. ตั้งกระทะใส่น้ำมันท่วม พอร้อนจัด หรี่ไฟอ่อน นำ

ลงทอดจนสุกเหลืองทั้งสองด้าน

8. ชอ้นขึน้วางบนกระดาษซบันำ้มนั โรยนำ้ตาลปน่บนขนม

โดนัท

ส่วนผสม แป้งเค้ก 11/4 ถ้วย

ผงฟู 1 ช้อนชา

น้ำตาลทราย 11/3 ถ้วย

เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย

ไข่แดง 5 ฟอง

กะทิ 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำมะพร้าว 1/4 ถ้วย

ใบเตยหอม 4 ก้าน

เนื้อมะพร้าวอ่อน 1/4 ถ้วย

ไข่ขาว 5 ฟอง

น้ำตาลทราย 21/2 ถ้วย

ครีมออฟทาทาร์ 1/4 ช้อนชา

วิธีทำ 1. อุ่นเตาอบไว้ที่ 180 องศาเซลเซียส เตรียม

พิมพ์ขนาด 3 ปอนด์ จำนวน 2 พิมพ์ ปูกระดาษไขให้

พอดีก้นพิมพ์

2. ร่อนส่วนผสมแป้ง ผงฟู น้ำตาลทราย (1)

เกลือป่น เข้าด้วยกัน พักไว้ในชามผสม

3. ปัน่นำ้มะพรา้วกบัใบเตยเพือ่คัน้เอาสแีละกลิน่ใบเตย

กรองน้ำไว้ ผสมกับน้ำมันพืช ไข่แดง กะทิและเนื้อ

มะพร้าวอ่อน

4. ในชามส่วนผสมแป้ง (ข้อ 2) ทำเป็นหลุมตรง

กลาง ค่อยๆ เทส่วนผสมน้ำมะพร้าวลงไปตะล่อมให้เข้า

กันอย่างเบามือจนเนื้อเนียน พักไว้

5. ตีไข่ขาวครีมออฟทาทาร์และน้ำตาลทราย

ในโถที่สะอาดจนขึ้นฟูตั้งยอด ตะล่อมลงในส่วนผสมแป้ง

(ข้อ 4) แบ่งออกเป็น 2 ส่วน

6. เทใสพ่มิพท์ีเ่ตรยีมไวท้ัง้สองพมิพเ์ทา่ๆ กนั นำเขา้

อบทนัททีี ่180 องศาเซลเซยีส นาน 30 นาทหีรอืจนสกุ

7. นำออกมาพักไว้บนตะแกรงประมาณ 3 นาที

ค่อยๆ คว่ำพิมพ์พักให้เย็นสนิทแล้วจึงถอดออกจากพิมพ์

เพื่อเตรียมแต่งหน้า

เค้กใบเตยมะพร้าวอ่อน

ส่วนผสมสำหรับครีมแต่งหน้าเค้ก ครีมเทียมชนิดวิปปิ้งครีม 1 กล่อง

น้ำมะพร้าว 1/2 ถ้วย

กะทิ 1/4 ถ้วย

วิธีทำ เทครีมลงไปในโถตีที่แช่เย็นจัด ตีจนขึ้นฟู

ตั้ งยอดแข็ง แล้วจึงค่อยๆ เติมส่วนผสมน้ำ

มะพร้าวและกะทิลงไปตีต่อจนเนื้อเนียน แช่ตู้เย็น

ไว้จนกว่าจะใช้แต่งหน้าเค้ก

วิธีประกอบเค้ก หลังจากเค้กหายร้อนแล้วให้ทาส่วนไส้มะพร้าวลงไปตรงกลาง ประกบเค้กอีกชิ้นหนึ่งลงไปแต่งหน้าด้วยครีมมะพร้าวที่เตรียมไว้ แล้วตกแต่งหน้าเค้กด้วยผลไม้สดที่เตรียมไว้ นำไปแช่เย็นจนกว่าจะเสิร์ฟ

Page 5: “เบเกอรี่”thaifranchisedownload.com/dl/Bakery.pdf · ขนมปังธัญพืช ส่วนผสม แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง5

76 : November 2010

ส่วนผสม เนยจืดนุ่มๆ 113 กรัม

น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง

ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 2 ฟอง

กล้วยหอมบด 1 ถ้วยตวง

แป้งสาลีอเนกประสงค์ 13/4 ถ้วยตวง

เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชา

เกลือ 1/2 ช้อนชา

วานิลลาแอ๊คแทรค 1 ช้อนชา

วิธีทำ เปิดเตาอบไว้ที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์

1. ร่อนแป้ง เกลือ เบคกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน พักไว้ก่อน

2. ใช้ตะกร้อไฟฟ้าตีเนยให้เนียนด้วยสปีดกลาง

3. ค่อยๆ ใส่น้ำตาลลงไปตีเนยกับน้ำตาลให้ขึ้นฟู

4. ใส่ไข่ลงไปทีละฟอง ตีส่วนผสมให้เข้ากันดีด้วยสปีดต่ำ

5. ใส่กล้วยหอมบดลงไปตีด้วยสปีดกลาง ตีพอส่วนผสมเข้ากันใส่กลิ่นวานิลลาตามลงไป

6. ค่อยๆ ใส่แป้งลงไปตีส่วนผสมให้เข้ากัน จากนั้นให้ตักหยอดใส่ถ้วยคัพเค้ก ประมาณ

2/3 ของถ้วยกระดาษ ตักใส่ถ้วยแล้วเตรียมอบ

7. นำเข้าเตาอบ อบนานประมาณ 20 นาที หรือจนกว่าเค้กจะสุก

ทำเนียบแหล่งขายวัตถุดิบ-อุปกรณ์เบเกอรี่ ร้านขจรศักดิ์ เครื่องครัว โทร. 0-2221-0572 ร้านตั้งจิบเซ้ง อุปกรณ์ทำเค้ก โทร. 0-2222-1721 ร้านศรีนารายณ์ โทร. 0-2221-2514, 0-2225-8993 บริษัท ก เอ เอฟ อุตสาหกรรม จำกัด โทร. 0-2673-1733-4 บริษัท กล้วยน้ำไท การช่าง จำกัด โทร. 0-2249-4732 ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง 2 โทร. 0-2391-2093 บริษัท กล้วยน้ำไทเทรดดิ้งกรุ๊ป จำกัด โทร. 0-2671-8264 บริษัท กุหลาบเบเกอรี่เทรดดิ้ง จำกัด โทร. 0-2222-9256 บริษัท จักรวาลภัณฑ์ จำกัด โทร. 0-2968-3041-8 บริษัท เจ ซี เบเกอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด โทร. 0-2642-0243

ห้างหุ้นส่วนจำกัด ช่งฮวด เทรดดิ้ง โทร. 0-2258-3125 บริษัท ดี เค เบเกอรี่มาร์ทเทรดดิ้ง จำกัด โทร. 0-2881-0619-21 บริษัท ไดนาสตี้ แปซิฟิก จำกัด โทร. 0-2801-6491 ร้านท็อป เบเกอร์มาร์ท โทร. 0-2726-6955 บริษัท ท๊อปควอลิตี้ แมชชีนเนอรี่ จำกัด โทร. 0-2870-0281 ธนบุรีค้าเนย โทร. 0-2472-5440 บริษัท นัทเบเกอรี่อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โทร. 0-2246-9984-5 ห้างหุ้นส่วนจำกัด บิ๊ก เบเกอร์เซ็นเตอร์ โทร. 0-2654-6334-5 บริษัท บูรพาชีพ จำกัด โทร. 0-2662-7667 ร้านปรีดาการช่าง โทร. 0-2466-1743 ร้านป้อม โทร. 0-2672-9978

บริษัท พี-ทู ฟู้ดเซอร์วิส จำกัด โทร. 0-2468-2779 ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส แอนด์ เอส ดิเวลลอปเมนท์ โทร. 0-2332-9301, 0-2742-5398-9 ฟิน เบเกอร์ ช็อป โทร. 0-2454-2770 ยีสต์ กะ เนย โทร. 0-2622-7242 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ร่วมเจริญเมือง โทร. 0-2279-0742 บริษัท วิริยะ บราเดอร์ จำกัด โทร. 0-2258-6574 ส เบเกอร์เฮ้าส์ โทร. 0-2884-4599 บริษัท สากลภัณฑ์ แมชินเนอรี่ จำกัด โทร. 0-2381-4730 โรงงาน อเมริกันเบเกอร์ โทร. 0-2899-0186 ร้านเอส เค เบเกอรี่อีควิปเมนท์ โทร. 0-2513-9653

คพัเค้กกล้วยหอม

ส่วนผสม เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 3/4 ถ้วยตวง

แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง

เกลือป่น 1 ช้อนชา

ผงฟู 2 ช้อนชา

โซดา 1 ช้อนชา

ข้าวโอ๊ต 2 ถ้วยตวง

วานิลลา 2 ช้อนชา

นมระเหย 2 ช้อนโต๊ะ

เนยขาว 1 ถ้วยตวง

น้ำตาลทรายแดง 3/4 ถ้วยตวง

น้ำตาลทรายขาว 3/4 ถ้วยตวง

ไข่ไก่ 2 ฟอง

คุกกี้ข้าวโอ๊ต

วิธีทำ 1. อบเม็ดมะม่วงหิมพานต์ให้เหลืองแล้วบดหยาบๆ

ร่อนแป้งกับเกลือ ผงฟู และโซดา 2 ครั้ง ใส่ข้าวโอ๊ตและ

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่บดไว้ลงในแป้ง ใช้พายยางคนให้ทั่ว

แล้วพักไว้ ใส่วานิลลาลงในนมระเหย แล้วเก็บไว้ในตู้เย็น

2. ตเีนยขาวดว้ยความเรว็สงูจนเปน็ครมี ใสน่ำ้ตาล

ทั้งสองชนิดลงตีจนขึ้นฟ ู ใส่ไข่ไก่ทีละฟอง ตีด้วยความเร็ว

ปานกลางประมาณ 3 นาท ีใสแ่ปง้ทีผ่สมกบัขา้วโอต๊ และ

มะม่วงหิมพานต์ลงแล้วคนด้วยพายยางหรือพายไม้เบาๆ

มือจนหมดแป้ง ระหว่างการผสมใส่นมระเหยลงเป็นระยะ

จนหมด ตักส่วนผสมที่ได้วางบนกระดาษไข คลึงเป็นแท่ง

กลม บดิหวั-ทา้ย แลว้แชแ่ขง็ไวอ้ยา่งนอ้ย 2 ชัว่โมง

3. นำออกจากตู้เย็น ลอกกระดาษไขที่หุ้มออก แล้ว

หั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ 1/4 นิ้ว เรียงลงในถาดสำหรับ

อบ ห่างๆ กัน นำเข้าอบไฟประมาณ 175 องศาเซลเซียส

(350 องศาฟาเรนไฮต์) นาน 25–30 นาที นำออกจาก

เตาอบ แล้วทิ้งไว้ให้เย็นลงอย่างน้อย 5 นาที จึงแซะออก

จากถาด