คณะผู้เขียน - TPAtpa.or.th/publisher/admin/newbook/SampleFileT-1302.pdf ·...
Transcript of คณะผู้เขียน - TPAtpa.or.th/publisher/admin/newbook/SampleFileT-1302.pdf ·...
คณะผู้เขียน
ไพโรจน์ สิงหถนัดกิจ • ชนัตต์ รัตนสุมาวงศ์
ณัฐชา ทวีแสงสกุลไทย • นภดนัย อาชวาคม • ฐิติมา จินตนาวัน
อังคีร์ ศรีภคากร • อลงกรณ์ พิมพ์พิณ
230.-
การเขยีนทางเทคนคิ (Technical Writing)
ในสาขาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์
■ บรรณาธกิารบรหิาร ทวยิา วณัณะวโิรจน์ หวัหน้ากองบรรณาธกิาร แทนพร เลศิวฒุภิทัร บรรณาธกิาร รนิดา คนัธวร ออกแบบปก ภาณุพันธ์ โนวยุทธ ออกแบบรูปเล่ม ดวงกมล แสงทองศรี, ธารินี คุตตะสิงคี ธุรการส�านักพิมพ์ อังคณา อรรถพงศ์ธร ■ พิมพ์ที่ : บริษัท พิมพ์ดีการพิมพ์ จ�ากัด
จดัพมิพ์โดย ส�านกัพมิพ์ ส.ส.ท.
5-7 ซอยสุขุมวทิ 29 ถนนสุขุมวทิ แขวงคลองเตยเหนอื เขตวฒันา กรุงเทพฯ 10110
โทร. 0-2258-0320 (6 เลขหมายอตัโนมตั)ิ, 0-2259-9160 (10 เลขหมายอตัโนมตั)ิ
เสนองานเขยีน • งานแปลได้ที่ www.tpa.or.th/publisher/new
ตดิต่อสั่งซื้อหนงัสอืได้ที่ www.tpabookcentre.com
จดัจ�าหน่ายโดย บรษิทั ซเีอด็ยเูคชั่น จ�ากดั (มหาชน)
อาคารทซีไีอเอฟ ทาวเวอร์ ชั้น 19 เลขที่ 1858/87-90
ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260
โทร. 0-2739-8000, 0-2739-8222 โทรสาร 0-2739-8356-9
www.se-ed.com
ข้อมลูทางบรรณานกุรมของส�านกัหอสมดุแห่งชาติ
ไพโรจน์ สงิหถนดักจิ.
การเขยีนทางเทคนคิ (Technical Writing) ในสาขาวทิยาศาสตร์และวศิวกรรมศาสตร์.-- กรงุเทพฯ : สมาคมส่งเสรมิเทคโนโลย ี
(ไทย-ญี่ปุ่น), 2556.
272 หน้า.
1. การเขยีนทางวชิาการ. 2. การเขยีนโครงการ. I. ชื่อเรื่อง.
808.066
ISBN 978-974-443-538-5
สงวนลขิสทิธิ์ตามพระราชบญัญตัลิขิสทิธิ์ พ.ศ. 2537 โดย สมาคมส่งเสรมิเทคโนโลย ี(ไทย-ญี่ปุ่น)
ห้ามลอกเลยีนไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของหนงัสอืเล่มนี้ ไม่ว่าในรูปแบบใด ๆ
นอกจากจะได้รบัอนุญาตเป็นลายลกัษณ์อกัษร
“ถ้าหนงัสอืมขี้อผดิพลาดเนื่องจากการพมิพ์ ให้น�ามาแลกเปลี่ยนได้ที่สมาคมฯ” โทร. 0-2258-0320 ต่อ 1560, 1570
พมิพ์ครั้งที่ 1 มถิุนายน 2556
โดย...ไพโรจน์ สิงหถนัดกิจ และคณะ
ราคา 230 บาท
3.1บทน�ำ
เนื้อหาใน 2 บทแรกเป็นการเตรียมตัวและเตรียมข้อมูลส�าหรับการเขียน บทนี้จะ
กล่าวถงึขัน้ตอนในการเขยีนรวมทัง้แสดงตวัอย่างการเขยีนในขัน้ตอนต่างๆ หวัข้อที่3.2แนะน�า
กระบวนการเขียนเริ่มต้นตั้งแต่การเตรียมตัวส�าหรับการเขียนการหาข้อมูลการเขียนโครงร่าง
การปรับปรุงโครงร่าง การเขียนร่างแรก การปรับปรุงแก้ไขร่างแรกจนได้เป็นร่างสุดท้าย และ
การพิสูจน์อักษรจนได้งานเขียนฉบับสมบูรณ์ หัวข้อที่ 3.3 แสดงตัวอย่างการเขียนโครงร่าง
ของงานเขยีนการเขยีนร่างแรกและการปรบัปรงุแก้ไขงานเขียนซึง่ท�าได้จนกว่าผูเ้ขียนจะพอใจ
หัวข้อที่3.4น�าเสนอโครงสร้างของงานเขียนทางเทคนิคทั่วไปประกอบด้วยส่วนเริ่มต้นส่วน
กลาง และส่วนท้าย นอกจากนี้ยังน�าเสนอรูปแบบบทความวิชาการทางวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีตามแบบ IMRaD อีกด้วย ในหัวข้อสุดท้ายน�าเสนอตัวอย่างการเขียนบรรยายทาง
เทคนิคซึ่งผู้เขียนจะต้องอธิบายถึงลักษณะของชิ้นงานกระบวนการหรือวิธีการ
บทท่ี
3ไพโรจน์ สิงหถนัดกิจ
กระบวนการและโครงสร้าง
Process and Structure
38 การเขียนทางเทคนิค (Technical Writing) ในสาขาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์
3.2กระบวนกำรเขียน
บทที่ 2 ได้แสดงวิธีการเตรียมตัวของผู้เขียนก่อนเริ่มเขียนงานเขียนทางเทคนิค
ซ่ึงประกอบด้วยเนื้อหาหลัก ๆ คือ การวิเคราะห์ผู้อ่านและการตั้งวัตถุประสงค์ของงานเขียน
ในหัวข้อนี้จะแสดงกระบวนการเขียนตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนเขียนจนกระทั่งได้ต้นฉบับที่
สมบูรณ์ ในที่นี้จะแบ่งขั้นตอนการเขียนออกเป็น 6 ขั้นตอนคร่าว ๆ ดังแสดงในรูปที่ 3.1
รายละเอียดของแต่ละขั้นตอนมีดังนี้
5. revise 1
1. pre-write
2. outline your writing
3. gather additional information
4. draft #1
revise
revise
draft #2
draft #3
revise 2
draft #n
final revise
final draft
6. proof reading
final manuscript
revise
รูปที่ 3.1 กระบวนการเขียน
3.2.1 pre-write
ขั้นตอนแรกของการเขียน คือ การเตรียมตัว และการเตรียมข้อมูลส�าหรับการเขียน
ขัน้ตอนนีไ้ด้อธบิายอย่างละเอยีดไว้ในบทก่อนหน้าแล้วในกระบวนการเตรยีมตวัผูเ้ขียนจะต้อง
ตั้งวัตถุประสงค์ของงานเขียนให้ชัดเจน ต้องระบุผู้อ่านว่ามีผู้อ่านกลุ่มใดบ้าง ใครเป็นผู้อ่าน
ส่วนใหญ่ที่ผู้เขียนจะต้องให้ความส�าคัญมากกว่า นอกจากนั้น ผู้เขียนจะต้องก�าหนดขอบเขต
ของงานเขียน โดยระบุว่าเนื้อหาส่วนใดจะน�ามารวมอยู่ในงานเขียน ส่วนใดจะไม่น�ามารวมใน
งานเขยีนสดุท้ายผูเ้ขยีนจะต้องเตรยีมใจความหลักหรอืข้อสรปุหลัก(thesisstatements)ของ
งานเขียน ส�าหรับการเขียนเป็นกลุ่มที่มีผู้เขียนหลายคนอาจจะต้องมีการระดมสมอง (brain-
storm) เพื่อให้ได้ใจความหลักของงานเขียน ซึ่งผู้เขียนควรเตรียมแนวคิดหลัก (main idea)
เพื่อสนับสนุนใจความหลักของตนเองไว้ด้วยงานอีกส่วนหนึ่งในกระบวนการเตรียมตัวส�าหรับ
บทที่3กระบวนการและโครงสร้าง 39
การเขียนคือ การหาข้อมูลส�าหรับการเขียน ถึงแม้ผู้เขียนจะเขียนเกี่ยวกับการศึกษาหรือการ
ทดลองที่ตนเองท�า ก็ต้องมีข้อมูลเพิ่มเติมที่ใช้เพื่อประกอบการเขียน ดังนั้น การหาข้อมูลจึง
เป็นงานหลักอีกอย่างหนึ่งในกระบวนการเตรียมตัวก่อนการเขียน
3.2.2 การเขียนโครงร่าง (outline)
การเขียนโครงร่างของงานเขียนจะช่วยควบคุมให้งานเขียนอยู่ในขอบเขต และเป็นไป
ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และยังช่วยให้ผู้เขียนแน่ใจว่าได้น�าเสนอแนวคิดและข้อสรุปตามที ่
ตั้งไว้ได้อย่างครบถ้วน ตรงตามวัตถุประสงค์ และมีขอบเขตเหมาะสมส�าหรับผู้อ่าน โครงร่าง
ของบทความที่ดีไม่ได้ประกอบด้วยหัวข้อย่อยที่ผู้เขียนต้องการเขียนเท่านั้น ต้องแสดงใจความ
หลกัและข้อมลูส�าคญัทีต้่องการน�าเสนอด้วยตวัอย่างโครงร่างของงานเขียนทางเทคนิคจะแสดง
ในหัวข้อต่อไป
3.2.3 การหาข้อมูลเพิ่มเติมและการปรับปรุงโครงร่าง
เมื่อเขียนโครงร่างได้แล้ว ผู้เขียนมักพบว่าโครงร่างที่ได้จากการเขียนรอบแรกยังไม่
สมบูรณ์ อาจจะขาดข้อมูลบางอย่างที่ท�าให้งานเขียนมีความน่าสนใจมากข้ึน ดังน้ันจึงต้องมี
การหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนข้อสรุปหลักของงานเขียนเมื่อได้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้วผู้เขียน
จะต้องน�าข้อมูลดังกล่าวมารวมในโครงร่างที่เตรียมไว้ และต้องปรับปรุงโครงร่างให้เหมาะสม
โดยอาจจะต้องตัดเนื้อหาบางส่วนออกหรือมีการสลับหัวข้อเพื่อความเหมาะสม
3.2.4 การเขียนร่างแรก (first draft)
หลังจากได้โครงร่างงานที่สมบูรณ์พร้อมทั้งข้อมูลสนับสนุนแล้ว ผู้เขียนก็สามารถเริ่ม
เขียนงานได้ตามโครงร่างที่วางไว้ โดยปกติโครงร่างของงานเขียนจะแบ่งเนื้อหาเป็นหัวข้อหรือ
เป็นบทและแบ่งเป็นหัวข้อย่อยในหัวข้อหลักผู้เขียนสามารถเริ่มเขียนงานในหัวข้อต่างๆ ตาม
ใจความหลักที่ก�าหนดไว้โดยไม่จ�าเป็นจะต้องเขียนเนื้อหาในหัวข้อแรกที่อยู่ในโครงร่างก่อน
งานเขียนหลายประเภทจะมีบทคัดย่ออยู่ในหัวข้อแรก ๆ ซึ่งผู้เขียนไม่จ�าเป็นและไม่ควรเขียน
เนื้อหาของบทคัดย่อก่อนแต่ควรเขียนเป็นล�าดับท้ายๆหลังจากแน่ใจว่าเนื้อหาในหัวข้ออื่นมี
ความสมบูรณ์และไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว ผู้เขียนควรตระหนักว่างานเขียนที่เป็นร่างแรก
จะยงัไม่สมบรูณ์ต้องมกีารปรบัเปลีย่นให้เหมาะสมอกีจงึไม่ควรเสียเวลากบัหวัข้อใดหวัข้อหน่ึง
มากจนเกนิไปเนือ่งจากเนือ้หาดงักล่าวอาจถกูปรบัเปล่ียนได้เสมอจงึอาจมองว่าการเขยีนร่าง
40 การเขียนทางเทคนิค (Technical Writing) ในสาขาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์
แรกเป็นการน�าความคิดทั้งหมดของผู้เขียนวางลงในงานเขียนตามโครงร่างที่เตรียมไว้ โดยไม่
ต้องค�านึงถึงความต่อเนื่อง ความเหมาะสมครบถ้วนของเนื้อหา และความถูกต้องของการใช้
ภาษาเท่าไรนัก
3.2.5 การปรับปรุงแก้ไข (revise)
เมื่อได้ร่างแรกของงานเขียนแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ การปรับปรุงแก้ไขร่างแรกให้
สมบูรณ์มากขึ้น อาจถือได้ว่าการปรับปรุงแก้ไขเป็นขั้นตอนที่ส�าคัญที่สุดในการเขียนบทความ
งานเขยีนจะออกมาดไีด้กต้็องมกีารปรบัปรงุแก้ไขอย่างมปีระสทิธภิาพตามข้อพจิารณาดงัต่อไปนี้
1. ตรวจสอบว่าใจความหลักหรือข้อสรุปหลักแต่ละหัวข้อถูกน�าเสนออย่างครบถ้วน
สมบรูณ์หรอืไม่หากมีใจความหลกัใดยงัไม่ชัดเจนผูเ้ขยีนจะต้องแก้ไขให้ชดัเจนยิง่ขึน้
2. พจิารณาว่าแนวคดิในการน�าเสนอตวัอย่างรปูภาพประกอบภาพรวมของย่อหน้า
ลักษณะของประโยคและการใช้ภาษามีความเหมาะสมในการถ่ายทอดใจความหลักที่ต้องการ
น�าเสนอเพียงใดมีสิ่งใดที่สามารถแก้ไขให้เหมาะสมและสมบูรณ์มากขึ้นได้
3. พจิารณาว่าเนือ้หาในแต่ละย่อหน้ามรีายละเอยีดครบถ้วนไม่น้อยเกนิไปจนผูอ่้าน
ไม่เข้าใจและไม่มากเกินไปจนท�าให้เนื้อหาไม่อยู่ในประเด็นที่ต้องการสื่อสาร
4. ตรวจสอบว่าเนื้อหาทั้งหมดไม่ขัดแย้งกันเอง มีความสอดคล้องกัน และมีการ
น�าเสนอเนื้อหาในหัวข้อต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่องไม่มีการเปลี่ยนเนื้อหาหรืออารมณ์ของเนื้อหา
มากจนเกินไป
5. หากส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างแรกมีข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์หรือมีส่วนที่ผู้เขียนต้องการ
เพิ่มเติมหรือปรับเปลี่ยนในรายละเอียด อาจต้องหาข้อมูลเพ่ิมเติมเพ่ือให้งานเขียนมีความ
สมบูรณ์มากขึ้น
6. การปรับปรุงแก้ไขเป็นกระบวนการที่ต้องท�าซ�้าหลายๆ รอบจนกว่าผู้เขียนจะเห็น
ว่าไม่มีข้อแก้ไขแล้ว หรือจนกว่าจะไม่มีเวลาปรับปรุงแก้ไขแล้ว การปรับปรุงแก้ไขรอบสุดท้าย
จึงเป็นการตรวจสอบว่าเนื้อหาในงานเขียนมีความสมบูรณ์และถูกต้องแล้ว รวมถึงตรวจสอบ
ว่าเนื้อหาในแต่ละส่วนสอดคล้องกับใจความหลักในโครงร่างหรือไม่ ไม่มีการโจรกรรมทาง
วรรณกรรม เนื้อหาไม่ขัดแย้งกันและมีความต่อเนื่อง เนื้อหาแต่ละย่อหน้าและแต่ละหัวข้อ
ครบถ้วนสมบูรณ์ ผู้อ่านไม่น่าจะมีข้อสงสัยใด ๆ ได้อีก เมื่อจบกระบวนการปรับปรุงแก้ไข
ผูเ้ขยีนจะได้งานเขียนทีเ่รยีกว่า“ร่างสดุท้าย(finaldraft)”เป็นอนัเสรจ็ส้ินกระบวนการปรบัปรงุ
แก้ไข
บทที่3กระบวนการและโครงสร้าง 41
3.2.6 การพิสูจน์อักษร (proof reading)
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการปรับปรุงแก้ไขจะได้งานเขียนที่มีเนื้อหาครบถ้วนมีตัวอย่าง
และข้อสนบัสนนุทีน่่าเชือ่ถอืมีการสือ่ความทีเ่หมาะสมตรงตามเจตนาของผูเ้ขยีนอย่างไรกต็าม
งานเขยีนดงักล่าวจะยงัไม่สมบรูณ์ต้องผ่านกระบวนการตรวจทานทีเ่รยีกว่า“การพสูิจน์อกัษร”
โดยปกติการพิสูจน์อักษรมักท�าโดยผู้พิสูจน์อักษร (proof reader) หรือท�าโดยผู้เขียนเอง ใน
ขั้นตอนการพิสูจน์อักษรจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมเนื้อหาอีกแล้ว จะเป็นการตรวจ
สอบเกี่ยวกับตัวสะกด เครื่องหมายวรรคตอน การเว้นวรรค การใช้ภาษา (grammar) และ
รูปแบบ(format)ของงานเขียนเท่านั้นในกระบวนการการจัดท�าสิ่งพิมพ์ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ
หรือวารสารจะมีผู้ที่ท�าหน้าที่เป็นบรรณาธิการ (editor) ซึ่งบางครั้งหน้าที่ของบรรณาธิการ
และผู้พิสูจน์อักษรอาจมีลักษณะคล้ายกันจนท�าให้เกิดความสับสน บรรณาธิการจะท�าหน้าที่
พิจารณาเนื้อหาของงานเขียนหลายๆ งานในหนังสือหรือวารสารเล่มหนึ่งๆ โดยบรรณาธิการ
จะควบคุมเนื้อหาในภาพรวมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสิ่งพิมพ์นั้น ๆ ในขณะที่ผู้พิสูจน์
อักษรจะท�าหน้าที่ในการตรวจทานเรื่องภาษาของงานเขียนชิ้นหน่ึง ๆ ดังน้ัน บุคคลทั้งสอง
จะมีหน้าที่แยกกันอย่างชัดเจน
หัวข้อนี้ได้แสดงขั้นตอนการเขียนที่เริ่มจากการเตรียมตัวก่อนการเขียน จนกระทั่งได้
ร่างสุดท้ายก่อนการพิสูจน์อักษรซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเตรียมต้นฉบับในหัวข้อต่อไป
จะแสดงตัวอย่างการเขียนโครงร่างและการปรับปรุงแก้ไข
3.3ตัวอย่ำงโครงร่ำงและกำรปรับปรุงแก้ไข
3.3.1 โครงร่าง
ในหัวข้อนีจ้ะแสดงตวัอย่างการเขยีนโครงร่าง และข้อแนะน�าส�าหรบัการเขียนโครงร่าง
ของงานเขียนบ่อยครัง้ทีน่สิตินกัศกึษามักเข้าใจว่าการเขยีนโครงร่างคอืการวางแผนว่างานเขยีน
ของตนจะมหีวัข้ออะไรบ้างแต่ความจรงิแล้วผูเ้ขยีนควรระบใุจความหลกัในหวัข้อนัน้ๆ ด้วยโดย
ใจความหลักจะต้องแสดงรายละเอียดพอสมควรเพื่อให้เห็นภาพรวมของงานเขียนทั้งหมด
ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงการเขียนรายงานผลการศึกษาเกี่ยวกับความคุ้มค่าของการใช้แบตเตอรี่
ในรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าขนาดที่ใช้ในปัจจุบัน รวมถึงการแสดงความเห็นของผู้เขียนถึง
ขนาดของแบตเตอรี่ที่ควรใช้