ระบบการย่อยอาหารในสัตว์เลียง Pet...
Transcript of ระบบการย่อยอาหารในสัตว์เลียง Pet...
ระบบการย่อยอาหารในสตัวเ์ลี�ยง Pet Digestive System
รศ.ดร.วโิรจน์ ภัทรจินดาภาควชิาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
วตัถปุระสงค ์
� เพื(อใหเ้ขา้ใจชนิดโภชนะที(สําคญั � เพื(อใหส้ามารถเปรียบเทียบระบบการย่อยอาหาร
สตัวแ์ตล่ะชนิดตอ้งการโภชนะที�แตกตา่งกนัออกไป ในสตัวเ์คี �ยวเอื �องเชน่โค กวาง ตอ้งการอาหารที�ไม่ซบัซอ้นเทียบกบัสตัวท์ี�ไม่เคี �ยวเอื �องเชน่ สุกร ไก ่ สนุัข หนู
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
ระบบการย่อยอาหาร (Digestive tract)
ระบบการย่อยอาหารออกได้เป็น 3 กลุ่ม1) สัตว์กระเพาะเดี*ยว 1) สัตว์กระเพาะเดี*ยว 2) สัตว์เคี -ยวเอื -อง 3) สัตว์ไม่เคี -ยวเอื -องที*กนิพชื
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
สัตว์กระเพาะเดี*ยว (Monogastric, Simple nonruminants)
� ไก่ สุกร หนู นก ปลา เป็นสตัว์กระเพาะเดี�ยวหรืออาจเรียกวา่ สตัว์ไมเ่คี &ยวเอื &อง
�กระเพาะสําหรับยอ่ยอาหารเพียงกระเพาะเดียว
�ไมม่ีสว่นขยายของกระเพาะ
�ไมจ่ลุินทรีย์ช่วยยอ่ย
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
กระเพาะอาหารสัตว์กระเพาะเดี*ยว
�อาหารที*อยู่ในกระเพาะจะได้รับการคลุกเคล้าระหว่างอาหาร,เอนไซม์
�กรดที*สาํคัญคือไฮโดรคลอริค (hydrochoric acid)
�pH 1.5-2.5
�ภาวะความเป็นกรดจะมีส่วนช่วยในการย่อยสลายโปรตีนผ่านกระบวนการไฮโดรไลซีส (hydrolysis)
รูปที� 1.1 กายวภิาคทางเดินอาหารของสุกรและไก่รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
� การย่อยและดูดซมึอาหารเกดิที*บริเวณลาํไส้เล็ก
ลําไส้เลก็ประกอบด้วย 3 สว่น �ดโูอดีนมั (duodenum)
�เจจนูมั (jejunum)�เจจนูมั (jejunum)
�ไอเลี�ยม (ileum)
�การยอ่ยอาหารในสว่นลําไส้นี &เกิดจากร่างกายหลั�งเอนไซม์เข้ามาสูส่ว่นลําไส้
� เอนไซม์หลกัที�ถกูสง่มาจากตอ่มในตบัออ่น (pancreas gland) ยอ่ยโปรตีน (trypsin, chymotrypsin) ยอ่ยคาร์โบไฮเดรท (amylase) และไขมนั (lipase)
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
กระบวนการย่อยอาหาร
โปรตีน กรดอะมิโน
คาร์โบไฮเดรท นํ &าตาลกลโูคสคาร์โบไฮเดรท นํ &าตาลกลโูคส
ไขมนั กรดไขมนั (fatty acids)
โมเลกลุโภชนะเหลา่นี &จะได้รับการดดูซมึผ่านเข้าสูร่ะบบเส้นเลือดฝอยในที�สดุ
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
�เลือดช่วยขนสง่โภชนะเข้าสูต่บั (liver) เพื�อเปลี�ยนแปลงโครงสร้างของสารอาหารให้เหมาะสม ก่อนที�จะถกูสง่ตอ่ไปยงัอวยัวะตา่งๆ ตอ่ไป
�สารพิษจากอาหารที�ดดูซมึจากลําไส้ จะได้รับทําลายพษิที�ตบั �สารพิษจากอาหารที�ดดูซมึจากลําไส้ จะได้รับทําลายพษิที�ตบั �ตบัยงัผลตินํ &าดี สง่ไปยงัลําไส้สว่น ดโูอดีนั�ม
�นํ &าดีจะช่วยในการยอ่ยอาหารไขมนัและการดดูซมึไขมนั
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
� สัตว์กระเพาะเดี*ยวจะมีหลายลักษณะที*เหมือนกัน แต่ก็มีส่วนแตกต่างกันเช่น
� สัตว์ที*กินเนื -ออย่างเดยีวเช่น แมวและ มิงค์� มีลาํไส้เล็กสั -น อาหารอยู่ในทางเดนิอาหาร� มีลาํไส้เล็กสั -น อาหารอยู่ในทางเดนิอาหาร�ใช้เวลาน้อย �อาหารเนื -อสัตว์จะย่อยได้ง่ายกว่าเยื*อใยพืช
� ส่วนสัตว์ที*กนิได้ทั -งอาหารที*มาจากพืชหรือสัตว์ เช่น สุกร จะมีลาํไส้ยาวและอาจมีส่วนขยายส่วนหลัง เพื*อให้จุลินทรีย์สามารถช่วยย่อยอาหารพวกเยื*อใยได้
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
� สตัว์ปีก เช่น นก ไก่ ทางเดินอาหารส่วนหน้าจะพฒันา มีส่วนเพิ�มที�เรียกว่า crop, proventiculus และ gizzard ทดแทนสว่นฟันและกระเพาะที�หายไป
� เมื�อกินอาหารเข้าไป อาหารผ่านสู่ ถุงเก็บ (crop) เพื�อเพิ�มความชื &น เคลื�อนตวัไปย่อยที� proventiculus(กระเพาะจริง) มีการหลั�งเอนไซม์และเคลื�อนตวัไปย่อยที� proventiculus(กระเพาะจริง) มีการหลั�งเอนไซม์และกรดไฮโดรคลอริค (hydrochoric) เข้ามาช่วยในการยอ่ยอาหาร
� จากนั &นมาที� สว่นพกัอาหาร (gizzard) ที�สว่นนี &จะมีโครงสร้างเป็นมดักล้ามเนื &อที�แข็งแรง เพื�อช่วยในการบดยอ่ยชิ &นอาหารให้เป็นชิ &นเลก็ ทําหน้าที�ทดแทนฟันที�หายไปนั�นเอง
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
สัตว์เคี -ยวเอื -อง (Ruminants)
โค กระบือ แพะ แกะ มีความแตกตา่งจากสตัว์กระเพาะเดี�ยว คือ
�1 กระเพาะมีขนาดใหญ่ที�เกิดจากสว่นขยายของกระเพาะ (compartment) แบง่เป็น กระเพาะหมกั กระเพาะรังผึ &ง กระเพาะผ้าขี &ริ &วหรือสามสบิกลีบ กระเพาะจริง� 2 การย่อยอาหารเป็นการทาํงานร่วมกับจุลินทรีย์ในกระเพาะหมกั�มากกวา่เป็นการทํางานร่วมกบัเอนไซม์
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
1. กระเพาะหมัก (rumen)
�เป็นสว่นขยายแรกและใหญ่ที�สดุ มีผิวด้านในของกระเพาะมี papillae ทําหน้าที�ช่วยเพิ�มพื &นที�ของผนงักระเพาะหมกัในการดดูซมึสารอาหารผา่นผนงักระเพาะ
papillae ผนงักระเพาะ
papillae
�ทําหน้าที�หมกัอาหารที�สตัว์กินเข้าไปร่วมกบัการทํางานของจลุินทรีย์ชนิดตา่งๆ ในกระเพาะ (แบคทีเรีย โปรโตซวั เชื &อราและยีสต์)
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
�ผลพลอยได้จากการหมกัยอ่ยอาหารของจลุนิทรีย์ สว่นมากเป็นกรดไขมนัระเหยง่าย (volatile fatty acids, VFA)VFA ซึ�งจดัเป็นแหลง่พลงังานหลกัที�สําคญั ขณะที�กลูโค้สคือแหลง่พลงังานหลกัของสตัว์กระเพาะเดี�ยว
�นอกจากนั &นยงัมีก๊าซตา่งๆ ที�มีการผลติมากสดุคือคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ (CO2) และมีเทน (CH4) ก๊าซจะถกูขจดัออกจากร่างกายจากการเรอ (eructation)
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
การย่อยอาหารในกระเพาะหมัก
�อาหารที�กินเข้าไปในกระเพาะหมกันั &น จะมีทั &งสว่นที�เป็นขนาดชิ &นเลก็ (อาหารข้น,concentrate) และ อาหารชิ &นใหญ่(อาหารหยาบ, roughages)
�กระบวนการเคี -ยวเอื -อง (rumination) คือการเคี &ยวใหม ่ด้วยการสร้างก้อนอาหารหยาบ (bolus) ด้วยกล้ามเนื &อของหลอดคอ และขย้อนขึ &นมาที�ปากเพื�อนํามาเคี &ยว (chew) ใหมอ่ีกรอบ จนกวา่จะได้ชิ &นอาหารที�มีขนาดเลก็
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
2. กระเพาะรังผึ -ง (recticulum)
�เป็นกระเพาะสว่นที�ขยายตอ่มาจากสว่นกระเพาะหมกั มีลกัษณะผิวผนงัคล้ายรังผึ &ง
�ทําหน้าที�กรอง กกัเก็บสิ�งแปลกปลอมตา่งๆ เช่น ตะป ูลวด เศษหิน ที�ถกูกกัเก็บไว้ เพื�อป้องกนัการไหลผา่นไปทําให้ผนงัลําไส้ทะลแุละอนัตรายแก่ระบบทางเดนิอาหาร
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
3. กระเพาะผ้าขี -ริ -ว (omasum)หรือกระเพาะสามสิบกลีบ
� กระเพาะสว่นนี &จะมีขนาดเลก็ ประกอบด้วยชั &นผนงับางๆ เรียงรายเป็นแผน่ริ &วๆ
� ทําหน้าที�เป็นเสมือนแผน่กรองขนาดชิ &นของอาหาร
� อาหารที�มีขนาดเลก็เท่านั &นที�จะสามารถไหลผา่นไปได้ รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
ส่วนกระเพาะจริง (abomasums)�อาหารที�หมกัและเลก็จะไหลมาที�นี�
�มีเอนไซม์ยอ่ยโปรตีนและกรดไฮโดรคลอริกหลั�งมายอ่ย
�pH 2 จะช่วยในการฆา่จลุนิทรีย์ที�ไหลมากบัชิ &นอาหาร และเอนไซม์โปรตีนจะยอ่ยโปรตีนและจลุนิทรีย์ เป็นแหลง่กรดอมิโนที�สําคญั
� ในสตัว์เคี &ยวเอื &องจะอาศยัการทํางานของจลุนิทรีย์ ที�มีเอนไซม์ cellulase ผลิตออกมายอ่ยสลายเยื�อใยให้กลายเป็นกรดไขมนัระเหยง่าย(volatile fatty acid, VFA) และ แหลง่พลงังาน
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
สัตว์กระเพาะเดี*ยวที*กินพชื (Nonruminant Herbivores)
� สัตว์เหล่านี - ได้แก่ ม้า กระต่าย หนูกินนีพกิ (Guinea pig) และในพวกสัตว์ป่า เช่น ม้าลาย ช้าง ฮปิโปโปเตมัส
� มีระบบทางเดนิอาหารบางสว่นที�ขยายขึ &น เพื�อให้จลุนิทรีย์เจริญช่วยยอ่ยได้เหมือนสว่นกระเพาะหมกัในโค ทําให้ความต้องการอาหาร จงึกึ�งกลางระหวา่งสตัว์ทั &งสองชนิด
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
สัตว์เหล่านี -สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม
� กลุ่มที*มีกระเพาะส่วนหน้าขยายใหญ่
� กลุ่มที*มีลาํไส้ใหญ่ส่วนต้นขยาย
� กลุ่มที*มีไส้ติ*งขยาย
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
รูปที� 1.4 เปรียบเทียบทางเดินอาหารสตัว์เสือกบักระตา่ยที�มีสว่นขยายตา่งกนั
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
สัตว์ที*กระเพาะส่วนหน้าขยาย (Foregut Fermentors)
สัต ว์ ในก ลุ่ม นี - เ ช่น จิ ง โ จ้ วอลลา บี - (Wallaby) ฮิปโปโปเตมัส หมูป่า ลิง (Colobus monkey) นกฮอร์ซีน (Hoatzin) (Colobus monkey) นกฮอร์ซีน (Hoatzin)
สัต ว์จะมี ส่วนหน้าของกระเพาะจริง (stomach) อย่างน้อยถุงหนึ*งหรือมากกว่าขยายโตขึ -น เพื*อเป็นส่วนหมักย่อยอาหารจากพืช มักเป็นสัตว์ป่าส่วนใหญ่
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
สัตว์ที*ลาํไส้ใหญ่ส่วนต้นขยาย (Colon Fermentors)
�สตัว์ในกลุม่นี & เช่น ม้า ม้าลาย ลา ลอ่
�สตัว์เหลา่นี &จะมีลําไส้ใหญ่สว่นต้นขยายใหญ่ขึ &นเป็นที�อยูข่องจลุนิทรีย์ที�ช่วยยอ่ยอาหาร ที�ช่วยยอ่ยอาหาร
�อาหารที�ยอ่ยงา่ยเช่น โปรตีน แป้ง นํ &าตาล ไขมนั จะได้รับการยอ่ยสลายในสว่นลําไส้เลก็จนหมดเช่นเดียวกบัสตัว์กระเพาะเดี�ยวทั�วไป
� สว่นอาหารที�ยอ่ยยาก เช่น หญ้าจะเคลื�อนตวัไปยอ่ยที�ทางเดนิอาหารสว่นท้าย ณ ลําไส้ใหญ่
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
สัตว์ที*มีส่วนไส้ติ*งขยาย (Cecal Fermentors)
�สตัว์กินพืชขนาดเลก็ เช่นกระตา่ย �มีการพฒันาระบบทางเดินอาหารที�ไส้ติ�งใหญ่ยาวขึ &น เพื�อ ให้ช่วยหมกัเพิ�มและกําจดัสว่นที�ยอ่ยไมไ่ด้ออกไปก่อน เรียกมลูแข็ง ให้ช่วยหมกัเพิ�มและกําจดัสว่นที�ยอ่ยไมไ่ด้ออกไปก่อน เรียกมลูแข็ง
�ในไส้ติ�ง มีจลุินทรีย์ช่วยการหมกัยอ่ยและดดูซมึกลบัไปใช้ และขบัออกมาเป็นมลูเหลว �แตใ่นกระตา่ยจะเลียกินมลูเหลวนี &ในเวลากลางคืน
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
การวเิคราะห์อาหาร (Feed Analysis)Proximate analysis ประกอบด้วย
1 การหานํ3าหนักแห้ง (dry matter)2 โปรตนีรวม (crude protein)
1 การหานํ3าหนักแห้ง (dry matter)2 โปรตนีรวม (crude protein)
3 ไขมนั (ether extract)4 เถ้า (ash)5 เยืDอใยรวม (crude fiber)6 แป้ง (nitrogen – free extract, NFE)
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
สิDงแห้ง (Dry Matter, DM)เป็นการนาํอาหารไปทาํใหแ้หง้ในตูอ้บ
จนไดน้ํ$ าหนกัแหง้ของอาหารที�คงที� จึงถือวา่อาหารนั�นแหง้ 100% จึงถือวา่อาหารนั�นแหง้ 100%
โปรตนีรวม (Crude Protein, CP) มาจาก ปริมาณไนโตรเจนทีDมใีนอาหาร คูณด้วยค่า 6.25 โปรตนีส่วนใหญ่ จะมีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบอยู่ 16% ( 1ไนโตรเจน= 6.25)
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
ไขมนั (Ether Extract, )การหาไขมนัในอาหาร ทาํดว้ยการใชส้ารละลายอีเทอร์
สกดัไขมนัออกมาสกดัไขมนัออกมา
เถ้า (Ash)การหาเถ้า ทีDมใีนอาหารนั3น ทาํได้ด้วยการนําตวัอย่าง
มาเผาในตู้เผาไฟแรงสูงทีD 600oCรศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
เยืDอใย (Crude Fiber) นําตวัอย่างมาต้มด้วยอเีทอร์, กรดเจือจาง และด่างเจือจาง แล้วนําตวัอย่างสุดท้ายไปเผาในเตาเผาค่านํ3าหนักทีDหายไป ระหว่างก่อน-หลงัเผาคอืค่าปริมาณเยืDอใยรวม ค่านํ3าหนักทีDหายไป ระหว่างก่อน-หลงัเผาคอืค่าปริมาณเยืDอใยรวม
คาร์โบไฮเดรท (Nitrogen – Free Extract)การหาปริมาณ ไดจ้ากการนาํค่า 100 ลบดว้ยค่าที�วเิคราะห์ได้∴ NFE = 100 – (%ความชื$น + %CP + %EE + %Ash + %CF)
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.
รศ.ดร.วโิรจน์ ภทัรจินดา ภาควิชาสตัวศาสตร์ คณะเกษตร มข.