ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๑๘ วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓

วารสารรายปักษ์

ชลประทานแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

Address: ๑๙๙ หมู่ ๒ ตำบลแม่แตง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ๕๐๑๕๐ โทร. ๐-๕๓๔๗-๐๘๒๐สารจากบก.

บทบรรณาธิการบรรณาธิการ: นายภัทวี ดวงจิตร ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตง รองบรรณาธิการ: นายรังสิต จันทร์ศิริปิติกุล หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมดร.สุดชาย พรหมมลมาศ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน กองบรรณาธิการ: ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ Fax. ๐๕๓-๔๗๐๘๒๐

(ทุกวันที่ ๑๓ และ ๒๘ ของเดือน)

สารบัญ

• สารจากบก. ๑• วันสาธารณสุข ๒• ตำนานพระปริตรธชัคคปริตร ๓• ภาพกิจกรรม ๔• IQ : EQ : AQ : MQ ๖• มุมสุขภาพ ๗• มุมขำขัน ๗• ตำนานพระมหาชินธาตุเจ้าดอยเกิ้ง ๘

๒๗ พฤศจิกายนวันสาธารณสุข

ชลประทานแม่แตงhttp://www.irrmaetang.net

ข้าพเจ้าขอน้อมนำคำสอนของท่านพระอาจารย์ปัญญานันทะภิกขุ

แห่งวัดชลประทานรังสฤษฏ์ผู้เป็นหัวแรงใหญ่ในการสืบสานพระพุทธศาสนา

โดยเน้นที่ปัญญาสมนามของท่านรวมถึงผลสำเร็จของการสร้างมหาวิทยาลัย

มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยที่อ.วังน้อยจ.พระนครศรีอยุธยาไว้เป็นศูนย์ศึกษา

พระพุทธศาสนานานาชาติอย่างสุดความสามารถก่อนละสังขารไป

ท่านกล่าวถึงเรื่องหน้าว่า.....................

หน้านอก บอก ความงาม

หน้าใน บอก ความดี

หน้าที่ บอก ความสามารถ

หน้านอก..........................แต่งให้พอดี

หน้าใน และหน้าที่............แต่งให้มากๆ

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเจ้าเกล้าอยู่หัว

โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตงสำนักชลประทานที่๑จังหวัดเชียงใหม่หน้า

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงจัดตั้งกรมสาธารณสุขขึ้นในกระทรวงมหาดไทยแทนกรมประชาภิบาล

เมื่อวันที่๒๗พฤศจิกายน๒๔๖๑โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาชัยนาทนเรนทรเป็นอธิบดีกรมสาธารณสุของค์แรก

นับเป็นวาระแรกที่มีการใช้คำว่า“สาธารณสุข”จึงถือว่าวันที่๒๗พฤศจิกายนของทุกปีเป็น“วันสถาปนาการสาธารณสุข”

วันที่๒๗พฤศจิกายน๒๔๖๑พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้รวมกองบัญชาการกองสุขศึกษา

กองสาธารณสุข กองยาเสพติดให้โทษ กองโอสถศาลารัฐบาล กองบุราภิบาล เข้าด้วยกัน แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น กรมสาธารณสุข

และต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นกระทรวงสาธารณสุขจนมาถึงปัจจุบันอีกทั้งทางราชการยังได้กำหนดให้วันที่๒๗พฤศจิกายนของทุกปี

เป็นวันสาธารณสุขด้วย

วันสาธารณสุขแห่งชาติ(ตรงกับวันที่๒๗

พฤศจิกายนของทุกปี)

เดิมทีในสมัยรัชกาลที่ ๕ ประเทศไทยยังคงมีกิจการ ทางด้านการแพทย์

แบ่งออกเป็นหลายฝ่าย เช่น กองบัญชาการ กองสุขศึกษา กองสาธารณสุข

กองยาเสพติดให้โทษ กองโอสถศาลารัฐบาล กองบุราภิบาล ต่อมาในสมัยของ

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวกระทรวงมหาดไทยมีความประสงค์ที่จะ

ปรับปรุงกิจการของกรมพยาบาลให้กว้างขวาง โดยการขอพระบรมราชานุญาต

เปลี่ยนจากกรมประชาภิบาลมาเป็นกรมสาธารณสุข ซึ่งพระองค์ทรงมีพระบรม

ราชานุญาตให้สามารถจัดตั้งได้ ในวันที่๒๗พฤศจิกายนพ.ศ.๒๔๖๑

นอกจากนี้พระองค์ยังทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นชัยนาทนเรนทร อธิบดีกรมมหาวิทยาลัย

เป็นอธิบดีกรมสาธารณสุขอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทยเรื่อยมาจนถึงพ.ศ.๒๔๘๕จึงได้มีการสถาปนากรมสาธารณสุขขึ้น

เป็นกระทรวงสาธารณสุขโดยถือเอาวันที่ ๑๐ มีนาคม เป็นวันสถาปนา “กระทรวงสาธารณสุข”

ต่อมากระทรวงสาธารณสุขได้เปลี่ยน วันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข เป็นวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ซึ่งเป็น

วันสถาปนากรมสาธารณสุข ในกระทรวงมหาดไทย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๑ และได้นำเรื่องเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณา

แล้วเห็นชอบด้วยจึงเป็นอันว่าวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข ได้เปลี่ยนจากวันที่ ๑๐ มีนาคม เป็นวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน

ตั้งแต่พ.ศ.๒๕๐๙เป็นต้นมาโดยจัดหาที่ตั้งกระทรวงสาธารณสุขใหม่คือวังศุโขทัยและต่อมาก็ย้ายมาที่วังวังเทวะเวสม์

เมื่อได้จัดตั้งกระทรวงสาธารณสุขขึ้นแล้วทางราชการได้กำหนดรูปคบเพลิงมีปีก

และมีงูพันคบเพลิงเป็นเครื่องหมายของกระทรวงสาธารณสุขโดยมีเครื่องหมายที่

แสดงถึงอาชีพอยู่๒ชนิดคือ

๑.คธากับงูของเอสกูลาปิอุส(Esculapius)เทพเจ้าแห่งแพทย์สมัยกรีก

๒.ไม้ศักดิ์สิทธิ์หรือCadkuccusของเทพเจ้าอะพอลโล(Appollo)

๒

โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตงสำนักชลประทานที่๑จังหวัดเชียงใหม่หน้า

ตำนานพระปริตรธชัคคปริตร (ธะชัคคะประริตตัง)โดย.......บะเกี๋ยงหลวง

ในสมัยพุทธกาลพระผู้มีพระภาคประทับณพระเชตวันมหาวิหารเมืองสาวัตถีทรงตรัสเล่าเรื่องราวดึกดำบรรพ์

เกี่ยวกับสงครามระหว่างเผ่าเทวะกับชนเผ่าอสูรซึ่งมีร่างกายบึกบึนทำให้เหล่าเทวะเกิดความหวาดหวั่นอินทราชผู้เป็นราชา

จึงกล่าวแก่บริวารว่าให้แลดูชายธงของเราชายธงของแม่ทัพปชาบดีแม่ทัพวรุณแม่ทัพอีสานเมื่อท่านทั้งหลายได้เห็นชาย

ธงเหล่านี้แล้วความเกรงกลัวหวาดหวั่นทั้งหลายก็จะหายไป

เฉกเช่นเดียวกับเหล่าภิษุสงฆ์ทั้งหลายหากเกิดความหวาดกลัวอันใดหากเกิดจิตหวั่นไหวก็ให้ระลึกถึงธงชัย

พระอรหัตน์อันได้แก่พระพุทธคุณพระธรรมคุณและพระสังฆคุณเมื่อได้ระลึกถึงดังนี้แล้วความกลัวต่างๆจะหายไป

เพราะท่านทั้งหลายเหล่านั้นเป็นผู้สิ้นกิเกสเป็นพระอริยบุคคลเป็นผู้ไม่กลัวไม่พ่ายแพ้ไม่หนีจะไม่บาดเจ็บ

หรือล้มหายในสงครามทั้งภายนอกและภายในมนต์บทธงชัยพระอรหันต์ก็คือธะชัคคะปะริตตังธะชัคคะสุตตังซึ่งเรียก

ตามภาษาชาวบ้านว่าบทอิติปิโสฯมีดังนี้(ตัดมาเฉพาะส่วนที่ใช้เป็นบทสวดในปัจจุบัน)

ธชัคคะปะริตตัง ธะชัคคะสุตตัง

อิติปิโสภะคะวาอะระหังสัมมาสัมพุทโธวิชชาจะระณะสัมปันโนสุคะโตโลกะวิทูอะนุตตะโรปุริสะทัมมะสาระถิ

สัตถาเทวะมะนุสานังพุทโธภะคะวาติฯ

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐโก อะกาลิโฏ เอหิปัสสิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ

วิญญูหีติฯ

สุปะฏิปันโนภะคะวะโตสาวะสังโฆ

อุชุุปะฏิปันโนภะคะวะโตสาวะสังโฆ

ญายะปะฏิปันโนภะคะวะโตสาวะสังโฆ

สามีปะฏิปันโนภะคะวะโตสาวะสังโฆ

ยะทิทังจัตตาริปุริสะยุคานิอัฏฐะปุริสะปุคคะลาเอสะภะคะวะโตสาวะกะสังโฆ

อาหุเนยโยปาหุเนยโยทักขิเณยโยอัญชะลีกะระณีโยอะนุตตะรังปุญญักเขตตังโลกัสสาติฯ

พุทธมนต์บทนี้ เมื่อนิมนต์พระท่านจะสวดร่วมกับมนต์บทอื่นๆทุกครั้ง เมื่อได้รับนิมนต์ไปสวดเจริญพระพุทธมนต์ใน

งานมงคลต่างๆ แม้เมื่อใดบังเกิดความเกรงกลัวอกสั่นขวัญหาย ให้สวดมนต์บทนี้อาการหวาดกลัวก็จะหายไป แม้ผู้ใดสวด

ภาวนาอยู่เป็นประจำจะไม่เกิดความหวาดกลัวในภัยอันตรายใดๆทั้งสิ้น

๓

โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตงสำนักชลประทานที่๑จังหวัดเชียงใหม่หน้า

1 พ.ย. 53 นายวินัย พงษ์จินดา บรรยายสรุปแผนการพัฒนาแหล่งน้ำและระบายน้ำ สำหรับศูนย์การกีฬาและการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย จ.เชียงใหม่ แก่คณะท่านชุมพล ศิลปอาชา รมต.การกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและท่านบรรหาร ศิลปอาชา

ภาพกิจกรรม

๔

16 พ.ย. 53 นายวินัย พงษ์จินดา ผส.ชป.1 เป็นประธานการประชุมตรวจสอบ PMQA คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐร่วมกับ คณะกพร. กรมชลประทาน ผู้บริหารและคณะทำงานและคณะทำงาน PMQA สชป.1

โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตงสำนักชลประทานที่๑จังหวัดเชียงใหม่หน้า

24 พ.ย. 53 นายภัทวี ดวงจิตร ผอ.คบ.แม่แตงเป็นประธาน การประชุมการปรับแผนโครงการ 1 ล้านบาทตามความต้องการของ เกษตรกร ร่วมด้วยฝจน. แม่แตงฝวศ. แม่แตง ฝสบ.คบ.ที่ 1-4 และกลุ่มผู้ใช้น้ำ ณ ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 ( ห้วยทราย )

๕

18 พ.ย. 53 นายประสิทธ์ สืบชนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง คลังเขตจังหวัดเชียงใหม่และคณะ เข้าตรวจผลงานไทยเข้มแข็ง SP2 ของชลประทานแม่แตง ร่วมกับผู้อำนวยการ ฝวศ.คบ.แม่แตง และฝจน.คบ.แม่แตง

ภาพกิจกรรม

โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตงสำนักชลประทานที่๑จังหวัดเชียงใหม่หน้า

IQ มาจากคำเต็มว่า Intelligent Quotient คือ ระดับสติปัญญา ซึ่งได้มาจากการวัดโดยแบบทดสอบทางสติปัญญา

แล้วแปลผลออกมาเป็นตัวเลข ระดับของไอคิวปกติอยู่ในช่วง 90-110 ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้เฉพาะระดับสติปัญญาในบางด้านของเด็กที่สามารถ

วัดออกมาเป็นตัวเลขได้ แต่ไม่ได้เป็นตัวหลักในการบ่งบอกว่าผิดปกติหรือไม่ ต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่นๆ ร่วมด้วยเพิ่มเติม เรื่องของสติปัญญา

มีทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligence Theory) พูดถึงเรื่องของความฉลาด ว่าไม่ได้มีเพียงด้านความคิดด้าน เดียวแต่มีอย่างน้อย 8 ด้าน

คือ 1) ด้านตรรกศาสตร์ - คณิตศาสตร์ 2) ด้านภาษา 3) ด้านมิติสัมพันธ์ 4) ด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย 5) ด้านดนตรี 6) ด้านความสัมพันธ์กับ

7) ด้านการเข้าใจ 8) ด้านธรรมชาติวิทยา แต่ละคนมีความฉลาดด้านต่างๆ แตกต่างกันไป บางด้านมาก บางด้านน้อยผสมผสานกันเป็นสัดส่วน

ที่ลงตัวสำหรับบุคคลนั้นๆ ความฉลาดเหล่านี้ส่วนหนึ่งติดตัวมาตั้งแต่เกิด ถือว่าเป็นต้นทุนของแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน แต่อีกส่วนหนึ่งได้จาก

ประสบการณ์การเรียนรู้เพิ่มเติม โอกาสในการฝึกฝน การให้ความสำคัญ และสภาพสังคม วัฒนธรรม ที่เอื้ออำนวยให้มีการนำ ออกมาใช้

EQ มาจากคำเต็มว่า Emotional Quotient เมื่อแปลเป็นไทย มีชื่อเรียกหลายแบบ เช่น ความฉลาดทางอารมณ์ เชาว์อารมณ์

หรือวุฒิภาวะทางอารมณ์ อีคิว ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางด้วยเหตุผลที่สำคัญอาจเป็นเพราะว่า ไอคิว (IQ) หรือระดับสติปัญญา

เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถตอบคำถามในเรื่องการทำให้บุคคลประสบความสำเร็จ หรือมีความสุขในชีวิตได้

แดเนียล โกลแมน (Daniel Goleman, 1995) นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ได้เขียนหนังสือ “Emotional Intelligence” และให้ความหมายของ อีคิวไว้ว่า เป็นความสามารถหลายด้าน ได้แก่ การนำพาตนเองไปสู่เป้าหมาย การควบคุมความขัดแย้งของตนเอง

การรอคอยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น การจัดการกับอารมณ์ ความไม่สบายใจต่างๆ และการมีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง เขาได้กล่าวถึง ลักษณะของคนที่มีอีคิวสูง ไว้ดังนี้ * การตัดสินใจที่ดี * ควบคุมอารมณ์ตนเองได้ * มีความอดทน อดกลั้น * ไม่หุนหันพลันแล่น *

ทนต่อความผิดหวังได้ * ไม่ย่อท้อ หรือยอมแพ้ง่าย * มีพลังใจที่จะฝ่าฟัน ต่อสู้กับปัญหาในชีวิตได้ * จัดการกับความเครียดได้ * เข้าใจอารมณ์

ความรู้สึกของผู้อื่น * เข้าใจสถานการณ์ทางสังคม

หลักสำคัญในการพัฒนาอีคิว คือ การพัฒนาให้รับรู้และเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก ของตนเอง สามารถจัดการกับอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม

รับรู้และเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก ของผู้อื่น สามารถรักษาสัมพันธภาพที่ดีต่อกันไว้ได้

ผู้ที่มีอีคิวดี ย่อมส่งผลดีต่อตนเอง ครอบครัว และผู้คนรอบข้าง สามารถดำเนินชีวิตอย่างเข้าใจ และมีความสุข สามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อบุคคลร

อบข้าง นำมาซึ่งความนับถือตนเอง การยอมรับจากผู้อื่น ความร่วมมือ ความสำเร็จในชีวิต และความสงบ ความสุขในจิตใจ

AQ ย่อมาจาก Adversity Quotient หมายถึง มาตรวัดความสามารถในการควบคุมกำกับและเอาชนะปัญหาอุปสรรคได้ความสามา

รถในการต่อสู้อุปสรรคต่าง ๆ ได้จำแนกมนุษย์เป็น 3 ระดับ คือ 1. ควิตเตอร์ (quitter) เป็นพวกที่ไม่อดทนต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ 2. แคมเปอร์

(camper) เป็นพวกที่ต่อสู้กับอุปสรรคได้บ้าง 3. คลิมเบอร์ (climber) เป็นพวกที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่าง ๆ เพราะมีแรงบันดาลใจที่จะต้องทำให้

ประสบความสำเร็จจึงเป็นผู้ที่มีความอดทนสูงและมีความมานะพยายามอย่างมาก บุคคลเหล่านี้จะประสบความสำเร็จทั้งในด้านการศึกษาเล่าเรียน

หรือการประกอบอาชีพ

MQ ย่อมาจาก Moral Quotient หมายถึง มาตรวัดระดับความมีคุณธรรมจริยธรรม ใน จิตใจ หรืออาจย่อมาจาก

Motor Quotient หมายถึง มาตรวัดระดับความสามารถ ของการเคลื่อนไหวร่างกาย

CQ ย่อมาจาก Creativity Quotient หมายถึง มาตรวัดระดับความคิดริเริ่ม หรือ ความคิดสร้างสรรค์

PQ ย่อมาจาก Professional Quotient หรือ Play Quotient หมายถึง มาตรวัดระดับความสนใจ ของเด็กที่จะเกาะติดกับ

กิจกรรมที่มีประโยชน์ แล้วจะ พัฒนาให้ดีมากขึ้นจนถึงที่สุด

SQ ย่อมาจาก Spiritual Quotient หมายถึง มาตรวัดระดับพัฒนาการ ทางจิตวิญญาณในอันที่จะ เป็นผู้นำรักสถาบัน รักประชาชน

รักประเทศชาติ ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม

แต่ที่ดูจะมีความสำคัญอย่างมากและประชาชนให้ความสนใจได้แก่ ความฉลาดในด้าน ไอคิว(I.Q.) อีคิว ( E.Q. ) เอคิว (A.Q.) จะเห็นได้ว่าคิว(Q) ต่างๆของเด็กพัฒนาขึ้นได้ และความสามารถของเด็กที่จะพัฒนาขึ้น นอกจากขึ้นอยู่กับปัจจัยทางพันธุกรรมแล้ว ที่สำคัญอีก 2

ประการ คือ สิ่งแวดล้อมในการเลี้ยงดูของผู้ปกครอง และ สารอาหารที่เด็กได้รับ

๖

IQ : EQ : AQ : MQ คืออะไร ?

โดย............... Yee Yannava 5!5!5!

โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตงสำนักชลประทานที่๑จังหวัดเชียงใหม่หน้า

เริ่มจาก ‘มะเร็งเต้านม’ ที่สามารถลดความเสี่ยงได้ถ้ากิน วอเตอร์เครส บร็อคโคลี่ และน้ำสกัดจากแครนเบอร์รี่

โดยเฉพาะบร็อคโคลี่ อุดมด้วยสารซัลโฟราเฟน ส่วนแครนเบอร์รี่ มีเปี่ยมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ชนิด EGCG ที่ส่วนใหญ่จะอยู่ชาเขียว

นอกจากเลือกกินพืชผักตามคำแนะนำแล้ว ยังต้องเลี่ยงอาหารหวาน ของอ้วน ๆ อาทิ อาหารขยะ และแอลกอฮอล์ คุมน้ำหนักตัวให้อยู่

ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

ไม่อยากเป็น ‘มะเร็งปอด’ ต้องกินฟักทอง แอปเปิ้ล แครอท มันเทศ แอปริคอท มะเขือเทศ จมูกข้าวสาลี เพราะมีผลการวิจัยพบว่า

อาหารเหล่านี้มีฟลาโวนอยด์ เบต้าแคโรทีน วิตามินอี ช่วยป้องกันมะเร็งปอด ยิ่งคนไหนมีปัญหาความดัน ยิ่งต้องกินมะเขือเทศให้มาก

ขณะที่อาหารเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งปอด คือ อาหารเสริมที่มีเบต้าแคโรทีนล้วน ๆ และมากเกินไป หลีกไกล ‘มะเร็งลำไส้’ ได้ด้วยข้าวโอ๊ต

ธัญพืชขัดสีน้อย ถั่วและผลไม้ชนิดแห้ง ขนมปังโฮลวีต ข้าวกล้องเพราะช่วยกระตุ้นการขับถ่าย อุจจาระ ให้ลำไส้ได้กำจัดของเสียออก

มาได้อย่างหมดจด และต้องเลี่ยงการกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์แปรรูป อย่าง แฮม เบคอน เนื้อปั้นก้อนหรือเบอร์เกอร์ เพราะขั้นตอน

การผลิตมีการเติมสารประกอบไนเตรทหรือดินประสิว

ขณะที่ ‘มะเร็งกระเพาะอาหาร’ จะไม่มาเยือนหากกินหอมใหญ่ กระเทียม หอมแดง และใบกุยช่ายเป็นประจำ เพราะฉะนั้น

ซื้อหาพืชผักดังกล่าวมาติดครัวไว้ใช้เป็นวัตถุดิบปรุงอาหาร กินกันมะเร็งกระเพาะได้ชัวร์ แต่ก็ต้องหยุดกินเค็ม หรือกินเกลือมากกว่า

๑.๕ กรัม ต่ออาหาร ๑๐๐ กรัม เลี่ยงมันฝรั่งทอดกรอบ ขนมปังขาว อาหารดองเค็ม

แค่รู้จักเลือกกินพืชผักและลดเลี่ยงอาหารให้โทษอย่างที่กล่าวไว้ เซลล์ในร่างกายไม่เปลี่ยนสภาพเป็นเซลล์มะเร็งร้ายแน่นอน.

มุมสุขภาพ เลือกผักกินต้านมะเร็งชนิดต่างๆ

มุมขำขัน ถึง...ตาคนแก่ เมื่อกระเป๋ารถเมย์ขี้เล่นรายหนึ่งมาเจอวาทะของคนแก่เข้าเรื่องบนรถเมล์จึงเกิดขึ้น....ทุกครั้งที่รถเมล์จอดป้ายให้ผู้โดยสาร

ขึ้น-ลงกระเป๋าขี้เล่นก็จะตะโกนบอกลูกพี่ตลอดเวลา...อย่างเช่น

มีผู้โดยสาร(สตรี)ลงป้ายที่๑

กระเป๋า:ลูกพี่จอดนิ่งๆ... ผู้หญิงจะลง

พอเลยมาป้ายที่๒ผู้หญิงหน้าตาสวยรูปร่างดียืนขึ้นเตรียมลง

กระเป๋า:ลูกพี่จอดด้วยๆ... คนสวยจะลง

พอมาถึงป้ายที่๓ผู้หญิงหน้าตาออกจีนๆหน่อยยืนขึ้นเตรียมลง

กระเป๋า:ลูกพี่ จอดสวยๆ... อาหมวยจะลง

คราวนี้ถึงป้ายที่๔คุณยายแก่ๆยืนขึ้นเพื่อเตรียม

ตัวลง

กระเป๋า:ร้องตะโกน

ลูกพี่จอดแน่ๆ(ยังไม่ทันพูดต่อ)

คุณยายตะโกนสวนขึ้นมาทันที : ไม่ต้อง ไม่ต้อง

กูบอกเอง

ลูกพี่จอดแน่ๆ“แม่มึงจะลง”

๗

• “น มิยฺยามานํ ธมฺมนฺเวติ กิญฺจิ”

ทรัพย์สักนิดก็ติดตามคนตายไปไม่ได้

พุทธพจน์

ตำนาน

พระมหาชินธาตุเจ้าดอยเกิ้ง

สมัยพระนางจามเทวีก่อนที่จะเสด็จขึ้นครองเมืองหริภุญชัยตามคำเชิญของพ่อฤาษีโสนันโท เมื่อวันเดือนออก ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑

ปีใส้ (มะเส็ง) พ.ศ. ๑๒๐๐ นับมาถึงปัจจุบันนี้ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ล่วงหน้ามาแล้วเป็นเวลาถึง ๑,๓๕๓ ปี

สมัยพระครูบาศรีวิชัยนักบุญอมตะแห่งล้านนาไทย พระครูบาศรีวิชัยได้มาเป็นประธานในการบูรณะปฏิสังขรณ์

เมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๔๖๓ จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๔ ซึ่งในเวลานั้นครูบาศรีวิชัยได้สร้างถนนจากท่าน้ำแม่ปิง

ขึ้นสู่พระธาตุดอยเกิ้งเป็นระยะทาง ๔ กิโลเมตร เป็นเวลาเดียวกันที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้กลับเชียงใหม่

ทางลำน้ำปิง และได้เสด็จพักผ่อนที่อำเภอฮอด เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๔ นายอำเภอฮอดจึงได้ทูลให้

เสด็จมาที่พระธาตุดอยเกิ้ง ในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๔ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงได้เสด็จมา

ที่วัดพระธาตุดอยเกิ้งและได้แวะนมัสการพระครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้้านนาไทยครานั้นแล

วัดพระบรมธาตุเจ้าดอยผาเกิ้งตั้งอยู่บนยอดเขาสูงในเขตเมืองฮอดเก่า(พิศดารนคร)

ปัจจุบันนี้ตั้งอยู่ในเขต ต.ท่าเดื่อ อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่เป็นปูชนียวัตถุเป็นโบราณสถานที่สำคัญและ

ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนื่งในแคว้นลานนาไทยหรือเมืองยนต์ในอดีตกาลเป็นสถานที่ประดิษฐานพระเกสาธาตุ

และ พระธาตุพระนลาฏเบื้องซ้าย (กระดูกหน้าผากด้านซ้าย) ของพระองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็น

ศาสดาเอกของโลกจากหลักฐานหรือตำนานต่างๆ เช่น ตำนานสิงหลวัตร, ตำนานพระพุทธเจ้าเลียบ

โลก, ตำนานใบลานเก่าแก่ที่ตกทอดกันมาถึง ปัจจุบันนี้พระธาตุเจ้าดอยเกิ้งนี้ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของ

จังหวัดเชียงใหม่เดินทางมาตามถนนเชียงใหม่-ฮอด-วังลุง-ดอยเกิ้ง ระยะทางประมาณ ๑๒๔ กิโลเมตร

วัดอยู่ห่างจาก หมู่บ้านสุดท้ายชื่อ หมู่บ้านห้วยหินดำ เป็นระยะทาง ๑๔ กิโลเมตร ต้องเอารถยนต์ใส่แ

พข้ามฟากไปใน เดือนกันยายนถึง ประมาณเดือนพฤษภาคมของทุกปี ก่อนขึ้นเขาเพราะนำ้จาก

เขื่อนภูมิพลจะท่วมรอบๆ บริเวณหมู่บ้าน ห้วยหินดำใช้ เวลาในการข้ามน้ำประมาณ ๓๐ นาที ถ้าเดิน

ทางมาอำเภอดอยเต่าจะต้องนั่งเรือข้าม ทะเลสาบดอยเต่า ซึ่งเป็นจุดที่น้ำเอ่อท่วมกว้างที่สุดของ

เขื่อนภูมิพลและต้องเดินตามทางเท้าขึ้นเขาอีกเป็นระยะทาง ๔ กิโลมตร ซึ่งเป็นทางที่ พระครูบาศรีวิชัย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๔

ลักษณะสถาปัตยกรรม ศิลปกรรมขององค์พระธาตุเจดีย์เป็นแบบไทนลานนาผสมพม่า แบบย่อมุม ผสมผสานทรงระฆัง พระบรม

ธาตุเจดีย์เคยได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์มาหลายครั้งหลายคราว แต่ที่สำคัญๆพอสรุปได้ดังนี้

ครูบาศรีวิชัย

นักบุญแห่งล้านนาไทย

โดย...ธาราธรรม

กรมพระยาดำรงราชานุภาพ