บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 ·...

26
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แผนการสอนประจาบท รายวิชา การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หัวข้อเนื้อหาหลัก 1.1 แนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูล 1.2 แนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แนวคิด 1. การสื่อสารข้อมูลเป็นสิ่งจาเป็นต่อการดารงชีวิตของมนุษย์มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มนุษย์ ได้พยายามที่จะพัฒนาเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเครื่องมือสื่อสารดังกล่าวมี ความสามารถ เพิ่มขึ้นตามลาดับ ทั้งนี้ก็เพื่ออานวยความสะดวก และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ รวมทั้งเพิ่ม ประสิทธิผลในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันและกัน จาการประดิษฐ์เครื่องมือสื่อสารที่มีส่วนประกอบซึ่งไมซับซ้อนมากนักไปสู่การเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ซับซ้อนมากขึ้น มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ขึ้นมาใช้ใน เครื่องมือสื่อสารดังกล่าว จนทาให้ปัจจุบันการสื่อสารข้อมูลมีความสามารถสูงกว่าในอดีตอย่างเห็นได้ชัด มนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลกันมากเพียงใด ระยะทางไม่ใช่ อุปสรรคอีกต่อไป ทั้งนี้เพราะเทคโนโลยีการสื่อสารสามารถกาจัดอุปสรรคดังกล่าวได้ 2. เครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นระบบงานที่เกิดจากการนาเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการ สื่อสารมาประยุกต์เข้าด้วยกัน ทั้งนี้เนื่องจากเทคโนโลยีทั้งสอง เป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์อย่างมหาศาล ต่อการทางานและการดารงชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากการที่นานาประเทศทั่วโลก ต่างก็ ยอมรับและนาเทคโนโลยีดังกล่าวไปประยุกต์ในงานด้านต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย เครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็น ระบบงานที่ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างศักยภาพการทางานเท่านั้น แต่ยังแทรกซึมอยู่ในการดารงชีวิตของ มนุษย์อีกด้วย ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นระบบ เครือข่ายขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ขึ้นมามากมาย ไม่ ว่าจะเป็นการทาธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ การทางานออนไลน์ สันทนาการ/บันเทิงออนไลน์ การเรียนรู้ใน รูปแบบออนไลน์ และโดยเฉพาะการติดต่อสื่อสารออนไลน์ ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวได้เปลี่ยนวิถีการดารงชีวิต ของมนุษย์ในปัจจุบันให้แตกต่างจากในอดีตอย่างเห็นได้ชัด วัตถุประสงค์ เมื่อศึกษาบทที่ 1 จบแล้ว ผู้เรียนสามารถอธิบายหัวข้อต่อไปนี้ได1. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลได้ 2. ประโยชน์ของการสื่อสารข้อมูลได้ 3. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ 4. ประโยชน์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้

Transcript of บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 ·...

Page 1: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

บทท่ี 1

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แผนการสอนประจ าบท รายวิชา การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเก่ียวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หัวข้อเนื้อหาหลัก 1.1 แนวคิดท่ัวไปเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูล 1.2 แนวคิดท่ัวไปเกี่ยวกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แนวคิด 1. การสื่อสารข้อมูลเป็นสิ่งจ าเป็นต่อการด ารงชีวิตของมนุษย์มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มนุษย์ได้พยายามที่จะพัฒนาเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเครื่องมือสื่อสารดังกล่าวมีความสามารถ เพ่ิมขึ้นตามล าดับ ทั้งนี้ก็เพ่ืออ านวยความสะดวก และเพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพ รวมทั้งเพ่ิมประสิทธิผลในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันและกัน จาการประดิษฐ์เครื่องมือสื่อสารที่มีส่วนประกอบซึ่งไม่ซับซ้อนมากนักไปสู่การเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ซับซ้อนมากขึ้น มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ขึ้นมาใช้ในเครื่องมือสื่อสารดังกล่าว จนท าให้ปัจจุบันการสื่อสารข้อมูลมีความสามารถสูงกว่าในอดีตอย่างเห็นได้ชัด มนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลกันมากเพียงใด ระยะทางไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป ทั้งนี้เพราะเทคโนโลยีการสื่อสารสามารถก าจัดอุปสรรคดังกล่าวได้ 2. เครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นระบบงานที่เกิดจากการน าเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสารมาประยุกต์เข้าด้วยกัน ทั้งนี้เนื่องจากเทคโนโลยีทั้งสอง เป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อการท างานและการด ารงชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากการที่นานาประเทศทั่วโลก ต่างก็ยอมรับและน าเทคโนโลยีดังกล่าวไปประยุกต์ในงานด้านต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย เครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นระบบงานที่ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างศักยภาพการท างานเท่านั้น แต่ยังแทรกซึมอยู่ในการด ารงชีวิตของมนุษย์อีกด้วย ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการท าธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ การท างานออนไลน์ สันทนาการ/บันเทิงออนไลน์ การเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์ และโดยเฉพาะการติดต่อสื่อสารออนไลน์ ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวได้เปลี่ยนวิถีการด ารงชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบันให้แตกต่างจากในอดีตอย่างเห็นได้ชัด วัตถุประสงค ์ เมื่อศึกษาบทที่ 1 จบแล้ว ผู้เรียนสามารถอธิบายหัวข้อต่อไปนี้ได้ 1. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลได้ 2. ประโยชน์ของการสื่อสารข้อมูลได้ 3. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ 4. ประโยชน์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้

Page 2: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

2 บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

กิจกรรมระหว่างเรียน 1. ท าแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนบทที่ 1 2. ศึกษาเอกสารประกอบการสอนหัวข้อเนื้อหาหลักที่ 1.1 และ 1.2 3. ปฏิบัติกิจกรรมตามที่ได้รับมอบหมายในเอกสารประกอบการสอน 4. ท าแบบประเมินผลตนเองหลังเรียนบทที่ 1 5. ท ากิจกรรมประจ ารายวิชา สื่อการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน 2. แบบฝึกปฏิบัติ การประเมินผล 1. ประเมินผลจากแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนและหลังเรียน 2. ประเมินผลจากการท ากิจกรรมและแนวตอบท้ายเรื่อง 3. ประเมินผลจากกิจกรรมประจ ารายวิชา 4. ประเมินผลจากการสอบไล่ประจ าภาคการศึกษา ข้อก าหนด เมื่ออ่านแผนการสอนประจ าบทที่ 1 แล้ว ก าหนดให้ผู้เรียนท าแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนบทที่ 1 ในแบบฝึกปฏิบัติ แล้วจึงศึกษาเอกสารการสอนต่อไป

Page 3: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 3

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

1.1 แนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูล หัวข้อเนื้อหาย่อย

1.1.1 วิวัฒนาการของการสื่อสาร 1.1.2 ความหมาย องค์ประกอบพื้นฐาน และประโยชน์ของการสื่อสารข้อมูล

แนวคิด 1. การสื่อสารได้มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องมานานหลายพันปี นับตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน โดย

เริ่มจากการใช้สิ่งของที่หาได้จากธรรมชาติมาใช้เป็นส่วนประกอบในการติดต่อสื่อสารกัน จากนั้นจึงได้มีการประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ ขึ้นมา ตั้งแต่โทรเลข ที่ใช้รหัสมอร์สมาสู่โทรศัพท์ที่ใช้สัญญาณแอนะล็อก จนกระท่ังปัจจุบันเป็นการสื่อสารโดยใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้สัญญาณดิจิตอล

2. ปัจจุบันการสื่อสารข้อมูล หมายถึง การรับส่งข้อมูลหรือสารสนเทศที่อยู่ ในรูปแบบ ดิจิตอล ระหว่างฝ่ายผู้ส่งไปยังฝ่ายผู้รับ หรือจากระบบคอมพิวเตอร์หนึ่งไปสู่อีกระบบคอมพิวเตอร์หนึ่ง โดยทั่วไปการสื่อสารข้อมูลจะประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ ข้อความที่ต้องการรับส่ง ผู้ส่ง ผู้รับ ตัวกลางที่เป็นช่องทางในการรับส่งข้อมูล และโปรโตคอล ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ที่ก าหนดขึ้นมาส าหรับส าหรับใช้ในการรับส่งข้อมูล มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์จากการสื่อสารข้อมูลในการด ารงชีวิตประจ าวันและการด าเนินงานมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วัตถุประสงค์

เมื่อศึกษาหัวข้อเนื้อหาหลักที่ 1.1 จบแล้ว ผู้เรียนสามารถอธิบายหัวข้อต่อไปนี้ได้ 1. วิวัฒนาการของการสื่อสารได้ 2. ความหมายของการสื่อสารข้อมูลได้ 3. องค์ประกอบพื้นฐานของการสื่อสารข้อมูลได้ 4. ประเภทของทิศทางการไหลของข้อมูลได้ 5. ประโยชน์ของการสื่อสารข้อมูลได้

Page 4: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

4 บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

1.1.1 วิวัฒนาการของการสื่อสาร การสื่อสารไม่ใช่เรื่องใหม่ส าหรับมนุษยชาติ ทั้งนี้ เนื่องจากเมื่อหลายพันปีก่อนมนุษย์มีการ

สื่อสารข้อมูลระหว่างกันโดยการใช้วัสดุที่หาได้จากธรรมชาติที่อยู่รอบ ๆ ตัวมาใช้ ดังจะเห็นได้จากการค้นพบภาพวาดบนผนังถ้ าหรือบนหนังสัตว์ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ การค้นพบหลักฐานการใช้ควันจากกองไฟที่ก่อขึ้นเพ่ือใช้ในการสื่ อสารข้อมูลระยะไกลในบางประเทศ การสื่อสารข้อมูลได้มีวิวัฒนาการมานานนับหลายศตวรรษ จากการใช้วัสดุที่หาได้จากธรรมชาติ มาจนกระทั่งปัจจุบันที่มีการน าเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้าไปประยุกต์อย่างที่เห็นกันทั่วไป

ส าหรับวิวัฒนาการของการสื่อสารที่จะกล่าวถึงในเรื่องนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1) วิวัฒนาการของการสื่อสารด้วยเสียง และ 2) วิวัฒนาการของการสื่อสารข้อมูล ซึ่งเป็นการสื่อสารข้อมูลโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ

1) วิวัฒนาการของการสื่อสารด้วยเสียง ปัจจุบัน นอกจากการสื่อสารข้อมูลจะเข้ามามีบทบาทต่อการด ารงชีวิตประจ าวันของ

มนุษย์ทุกชาติ ทุกภาษาแล้ว ยังมีบทบาทต่อการด าเนินงานของหน่วยงานทุกแห่งอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานประเภทใดก็ตาม ปัจจัยหนึ่งที่เอ้ืออ านวยให้เกิดข้ึนก็คือ ความก้าวหน้าของการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารและเครือข่ายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว รวมทั้งมีการแพร่กระจายการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวไปทั่วโลก จึงส่งผลท าให้การสื่อสารข้อมูลระหว่างหน่วยงานกับหน่วยงาน หรือระหว่างบุคคลกับบุคคลภายนอกกลายเป็นเรื่องง่ายและธรรมดาส าหรับทุกคน

วิวัฒนาการหรือความเป็นมาของการสื่อสารข้อมูลนั้น เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1837 โดย ซามูเอล มอร์ส (Samuel Morse) และผู้ช่วยของเขา คือ อัลเฟรด เวล (Alfred Vail) ได้ประดิษฐ์โทรเลขขึ้น เพ่ือใช้รับส่งข้อมูลโดยอาศัยการแปลงรหัสข้อมูลไปเป็นรหัสสัญญาณทางไฟฟ้าหรือที่เรียกว่า รหัสมอร์ส (Morse code) ส่งไปยังเครื่องรับตามสายสัญญาณ พอไปถึงเครื่องรับ เครื่องรับก็จะท าการรับสัญญาณทางไฟฟ้านั้น มาถอดรหัสทางไฟฟ้าให้เป็นรหัสข้อมูลตามเดิม และต่อมามอร์สได้สร้างสายโทรเลขระหว่างเมืองบัลติมอร์กับวอชิงตันขึ้นเป็นครั้งแรกซึ่งมีระยะทางยาวประมาณ 64 กิโลเมตร ท าให้เกิดการสื่อสารในรูปแบบของการส่งโทรเลข ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นการสื่ อสารโทรเลขอย่างจริงจังและขยายเครือข่ายเพ่ิมขึ้นอีกหลายจุด หลังจากนั้นการสื่อสารโทรเลขได้ถูกพัฒนาให้มีความสามารถเพ่ิมขึ้น ทั้งอุปกรณ์ในการสื่อสารโทรเลข ระบบที่ใช้งาน และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของการสื่อสารโทรเลข เช่น โทรพิมพ์ และเทเล็กซ์ เป็นต้น นับเป็นการเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงการสื่อสารข้อมูลโดยการส่งผ่านตัวกลางที่จับต้องได้เป็นครั้งแรกของมนุษยชาติ

ภาพที่ 1.1 ซามูเอล มอร์ส และเครื่องส่งโทรเลขที่ประดิษฐ์ขึ้น ที่มา: Answers Corporation. (2013).

Page 5: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 5

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

ต่อมาในปี ค.ศ. 1876 อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบล์ล (Alexander Graham Bell) ได้พัฒนาการสื่อสารให้มีความก้าวหน้าขึ้นอีกขั้นหนึ่งจากโทรเลขของมอร์ส โดยแทนที่จะส่งข้อมูลในรูปของรหัสข้อมูลแล้วแปลงเป็นรหัสสัญญาณไฟฟ้า แต่เบล์ลใช้การแปลงข้อมูลจากเสียงพูดโดยตรงไปเป็นสัญญาณไฟฟ้าแล้วส่งไปตามสายสัญญาณที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ส่งและผู้ รับ เบล์ลได้ประดิษฐ์โทรศัพท์ที่สามารถสื่อสารในระยะไกลขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีระยะทางประมาณ 10 ไมล์ สื่อสารระหว่างเมืองปารีสซึ่งอยู่ในรัฐออนตาริโอ ประเทศแคนาดาไปยังเมืองแบร์นฟอร์ดที่ตั้งอยู่ในรัฐเดียวกัน ต่อมาการเปิดให้บริการโทรศัพท์สาธารณะที่ต้องจ่ายค่าบริการได้เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1880 ซึ่งท าให้โทรศัพท์กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจ าวันของมนุษย์ตราบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

ในปี ค.ศ. 1915 การบริการโทรศัพท์ข้ามทวีปและข้ามมหาสมุทรแอ็ตแลนติกได้เริ่มเปิดให้บริการในสหรัฐอเมริกา และในช่วงต้นของทศวรรษ 1920 โทรศัพท์ที่ใช้การหมุนหมายเลข (dial telephone) มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ท าให้เกิดปัญหาการขาดแคลนเจ้าหน้าที่โอเปอร์เรเตอร์ที่ท าหน้าที่ในการสลับสายสัญญาณ

ภาพที่ 1.2 อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบล์ล และโทรศัพท์ที่ใช้การหมุนหมายเลข ที่มา: Wikimedia commons. (2013).

ต่อมาในปี ค.ศ. 1948 ระบบโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อโดยใช้สัญญาณไมโครเวฟ จึงได้ถูกพัฒนาขึ้นในประเทศแคนาดา และในปี ค.ศ. 1951 โทรศัพท์ทางไกลที่ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่โอเปอร์เรเตอร์สลับสายโทรศัพท์ให้แก่ผู้ใช้ ก็เริ่มเปิดให้บริการแก่สาธารณชน

ส่วนโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่ใช้สัญญาณดาวเทียมเครื่องแรกได้พัฒนาขึ้น ในปี ค.ศ. 1962 โดยใช้สัญญาณจากดาวเทียมเทลสตาร์วัน (Telstar I) และในปี ค.ศ. 1965 ระบบโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่ใช้สัญญาณดาวเทียมก็ได้มีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก

ส าหรับการเปิดบริการโทรสารหรือแฟ็กซ์ (fax) ได้เริ่มเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1962 และในปี ค.ศ. 1963 บริษัทต่าง ๆ ได้เริ่มมีการจ าหน่ายโทรศัพท์ที่ใช้การกดปุ่ม (touch tone telephone) ให้แก่ผู้ใช้งานทั่วไป นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาโทรศัพท์ที่สามารถเห็นภาพใบหน้าระหว่างผู้สนทนาขึ้น ในปี ค.ศ. 1969

ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1983-1984 ได้เริ่มมีการน าระบบโทรศัพท์ที่ใช้เครือข่ายเซลลูลาร์มาให้บริการแก่สาธารณชน ซึ่งในระหว่างนั้นโทรศัพท์ที่ใช้ยังมีขนาดใหญ่เทอะทะ และมีน้ าหนักมากไม่สะดวกต่อการพกพาไปในที่ต่าง ๆ ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1990 ได้มีการพัฒนาโทรศัพท์ดังกล่าวให้มีขนาดกะทัดรัด ง่ายและสะดวกต่อผู้ใช้ในการพกพา จึงท าให้โทรศัพท์ที่ใช้เครือข่ายเซลลูลาร์ได้รับความนิยมมาก

Page 6: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

6 บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

ขึ้น ซึ่งโทรศัพท์ดังกล่าวเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โทรศัพท์เคลื่อนที่ (mobile telephone) หลักการท างานของโทรศัพท์เคลื่อนที่คือการแปลงสัญญาณ เสียงหรือข้อมูลที่ต้องการส่งให้เป็นสัญญาณคลื่นวิทยุ จากนั้นสัญญาณคลื่นวิทยุจะใช้อากาศเป็นตัวกลางในการเดินทางไปยังสถานีย่อยในเครือข่ายที่ใกล้ที่สุด เมื่อสถานีย่อยที่ใกล้ที่สุดได้รับสัญญาณแล้วจะท าการส่งต่อไปยังสถานีย่อยอ่ืน ๆ จนกระทั่งถึงสถานีย่อยที่ใกล้ที่สุดของผู้รับ สถานีย่อยนั้นจะท าหน้าที่แปลงสัญญาณคลื่นวิทยุให้เป็นสัญญาณเสียงหรือข้อมูลตามเดิม

ภาพที่ 1.3 โทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่มา: สยามโฟน. (2556).

ส าหรับวิวัฒนาการของการสื่อสารด้วยเสียง สามารถสรุปได้ดังตารางที่ 1.1

ตารางท่ี 1.1 วิวัฒนาการของการสื่อสารด้วยเสียง ปี ค.ศ. เทคโนโลยี รายละเอียด 1837 โทรเลข ซามูเอล มอร์ส ประดิษฐ์โทรเลขขึ้นมา โดยใช้รหัส

มอร์ส 1876 โทรศัพท์ อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบล์ล ประดิษฐ์โทรศัพท์

ระหว่างเมืองปารีสในแคนาดากับเมืองแบรนด์ฟอร์ดในแคนาดาเช่นกัน

1915 โทรศัพท์ข้ามทวีป เริ่มเปิดให้บริการในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก 1948 โ ท ร ศั พ ท์ ที่ เ ชื่ อ ม สั ญ ญ า ณ

ไมโครเวฟ มีการพัฒนาขึ้นในประเทศแคนาดา

1962 โทรศัพท์ที่ใช้สัญญาณดาวเทียม/โทรสาร

โทรศัพท์ ระหว่ า งประ เทศโดยใช้ สัญญาณดาวเทียมเทลสตาร์วันและเริ่มมีการใช้โทรสาร

1963 โทรศัพท์ที่ใช้การกดปุ่มแทนการหมุนหมายเลข

มีการจ าหน่ายโทรศัพท์ที่ใช้การกดปุ่มแทนการหมุน

1969 โทรศัพท์ภาพ เริ่มมีการพัฒนาระบบโทรศัพท์ภาพขึ้นมาใช้งาน 1983-1984 โทรศัพท์เครือข่ายเซลลูลาร์ บริษัทหลายแห่ง พัฒนาระบบโทรศัพท์ที่ ใช้

เครือข่ายเซลลูลาร์มาให้บริการแก่สาธารณชน ทศวรรษ 1990

โทรศัพท์เคลื่อนที่ บริษัทหลายแห่งเริ่มพัฒนาโทรศัพท์เคลื่อนที่ออกมาจ าหน่ายและแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน

Page 7: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 7

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

2) วิวัฒนาการของการสื่อสารข้อมูล ในปี ค.ศ.1945 เป็นช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เริ่มมีการประดิษฐ์เครื่อง

คอมพิวเตอร์ขึ้นเป็นครั้งแรกเพ่ือใช้ในการค านวณค่าตัวเลขต่าง ๆ ในการสร้างจรวดขีปนาวุธ ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวคือ เครื่องอีนิแอ็ก (ENIAC: Electronic Numerical Integrator and Calculator) ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกที่สามารถประมวลผลข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ แม้ว่าเครื่องอีนิแอ็กจะไม่ได้มีบทบาทโดยตรงในด้านการสื่อสารข้อมูลหรือการสื่อสารด้วยระบบคอมพิวเตอร์ก็ตาม แต่ก็แสดงให้เห็นว่า การค านวณและการตัดสินใจสามารถท าได้ด้วยการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่ งเป็นความสามารถที่ส าคัญส าหรับระบบการสื่อสารปัจจุบัน

ความสัมพันธ์ระหว่างคอมพิวเตอร์กับการสื่อสารข้อมูลเริ่มขึ้นหลังจากที่ได้มีการประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์ในปี ค.ศ. 1947 ซึ่งทรานซิสเตอร์ช่วยให้เกิดการประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กลง อีกทั้งราคาก็ถูกลงด้วยในช่วงทศวรรษ 1950 ระบบคอมพิวเตอร์ได้เริ่มน าหลักการประมวลผลแบบแบทซ์ (batch processing) มาใช้ โดยผู้ใช้จะเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ จากหน่วยงานหลาย ๆ แห่ง จนได้ปริมาณมากพอ จ าเริ่มท าการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ เนื่องจากค่าใช้จ่ายของการใช้ซีพียูของเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนั้นค่อนข้างสูง

ต่อมาอีกไม่นาน คอมพิวเตอร์ยุคใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ท าให้เกิดระบบงานประยุกต์ใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารข้อมูลขึ้น เช่น ระบบประมวลผลและก าหนดเส้นทางเชื่อมต่อของโทรศัพท์ ประหยัดค่าใช้จ่าย ระบบรับส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไป โดยผู้ใช้สามารถใช้คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่เรียกว่า "ดัม เทอร์มินัล (dumb terminal)" บันทึกข้อมูลและส่งข้อมูลนั้นผ่านสายโทรศัพท์ไปประมวลผลที่เครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม (mainframe) และเมื่อได้ผลลัพธ์ เครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรมก็จะส่งผลลัพธ์นั้นกลับมายังเครื่องเทอร์มินัล ซึ่งนับได้ว่าคอมพิวเตอร์ได้เริ่มมีบทบาทในด้านการสื่อสารข้อมูลในช่วงนั้น นอกจากนี้แล้วในช่วงดังกล่าว ได้มีการออกแบบระบบการสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เรียบง่ายแต่มีความน่าเชื่อถือขึ้นมาด้วย โดยพ้ืนฐานของการออกแบบก็คือ เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งจะท าการบันทึกข้อมูลลงบนสื่อเทปแม่เหล็ก จากนั้นข้อมูลในเทปแม่เหล็กก็จะถูกส่งไปใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์อ่ืน ๆ ต่อไป โดยการขนส่งอาจมีคนน าไปส่งหรือส่งทางไปรษณีย์ วิธีนี้เป็นวิธีที่ปัจจุบันก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ แม้ว่าสื่อที่ใช้จะเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย เป็นดิสก์ (disk) ซีดีรอม (CD-ROM) หรือดีวีดี (DVD) ก็ตาม

ในช่วงทศวรรษ 1970 ระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ได้ถูกพัฒนาขึ้นให้สามารถท างานแบบเรียลไทม์ (real time) ได้ ท าให้เกิดการท างานแบบการประมวลผลรายการธุรกรรมหรือทรานแซกชัน (transaction) ณ เวลาที่เกิดรายการธุรกรรมได้ทันที โดยไม่ต้องเก็บรวบรวมข้อมูลไว้เหมือนกับการประมวลผลแบบแบทซ์ และแทนที่จะเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรมเข้ากับเทอร์มินัล แต่ได้มีการน าเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีที่มีซีพียูอยู่ด้วยภายในเครื่อง มาเชื่อมต่อแทนดัมบ์ เทอร์มินัล ท าให้เครื่องพีซีสามารถประมวลผลได้เอง โดยไม่ต้องรอการประมวลผลจากเครื่องเมนเฟรมและได้วิวัฒนาการมาสู่ระบบเครือข่ายแบบไคลเอนต์เซิร์ฟเวอร์หรือแม่ข่าย-ลูกข่ายขึ้น นอกจากนี้แล้วในช่วงเวลาดังกล่าวได้มีการพัฒนาระบบจัดการฐานข้อมูลมาแทนที่ระบบไฟล์ด้วย และมีการพัฒนาระบบงานประยุกต์แบบบูรณาการ (integration system) ขึ้น โดยทรานแซกชันที่เกิดข้ึนในระบบงานหนึ่งสามารถถูกน าไปใช้ในระบบงานอีกระบบหนึ่งได้โดยอัตโนมัติ ท าให้เกิดการรับส่งข้อมูลที่เป็นสัญญาณดิจิตอลระหว่างระบบงานคอมพิวเตอร์ขึ้น เช่น เมื่อมีลูกค้าสั่งซื้อสินค้า ทรานแซกชันการสั่งซื้อจากระบบการรับค าสั่งซื้อ จะส่งทรานแซกชันค าสั่งซื้อไปยังระบบขายและระบบบัญชีด้วย

Page 8: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

8 บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1980 ได้มีการพัฒนาเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์หรือเครื่องพีซีที่มีขนาดเล็กลง มีราคาถูกลง และที่ส าคัญมีความสามารถเพ่ิมมากขึ้นเมื่อเทียบกับเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคแรก ๆ จากข้อดีของเครื่องพีซี จึงท าให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างก็จัดซื้อจัดหาเครื่องพีซีมาใช้เป็นเครื่องมือในการท างานด้านต่าง ๆ การใช้เครื่องพีซีได้รับความนิยมเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเนื่อง และขยายจนกลายเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าตามบ้านอีกด้วย ดังจะเห็นได้จากปัจจุบันทุกแห่งไม่ว่าที่ท างานหรือที่บ้าน จะมีเครื่องพีซีที่เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตตั้งอยู่ด้วย โดยวัตถุประสงค์หลักก็คือ ต้องการน าคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายมาจัดการกับข้อมูลสารสนเทศที่จ าเป็นต้องใช้ในการท างานหรือต้องการทราบ ซึ่งการจัดการจะหมายถึงการสร้าง การบันทึก การจัดเก็บ การรับและส่งข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ นั่นเอง

ส าหรับวิวัฒนาการของการสื่อสารข้อมูล สามารถสรุปได้ดังตารางที่ 1.2

ตารางท่ี 1.2 วิวัฒนาการของการสื่อสารข้อมูล ปี ค.ศ. เทคโนโลยี รายละเอียด 1945 เครื่องคอมพิวเตอร์อีนิแอ็ก เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลก 1947 ทรานซิสเตอร์ การประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์ ช่วยให้สามารถ

ประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กลง ทศวรรษ 1950 ระบบประมวลผลแบบแบทซ์ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้ซีพียูของเครื่อง ทศวรรษ 1960 ระบบงานเครือข่าย เริ่มเชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์ระหว่างเครื่อง

เมนเฟรมและเครื่องดัมบ์เทอร์มินัล ทศวรรษ 1970 ระบบเรียลไทม์ การท างานแบบประมวลผลรายการธุรกรรม ณ

เวลาที่ เกิดรายการธุรกรรมได้ทันที มีการใช้เครื่องเทอร์มินัลที่ซีพียูแทนดัมบ์เทอร์มินัล

ทศวรรษ 1980 เครื่องพีซี การพัฒนาเครื่องพีซีที่มีขนาดเล็กลงและมีราคาถูกขึ้นมาใช้งาน

1.1.2 ความหมาย องค์ประกอบพื้นฐาน และประโยชน์ของการสื่อสารข้อมูล

ปัจจุบันเป็นยุคแห่งการสื่อสารข้อมูลแบบไร้พรมแดน เนื่องจากความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือไอซีที (Information and Communication Technology) ซึ่งเป็นปัจจัยส าคัญท่ีสนับสนุนให้เกิดการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันและกันอย่างกว้างไกล อีกทั้งยังง่ายสะดวกและรวดเร็วกว่าในอดีตมาก ดังจะเห็นได้จากการพัฒนาอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร รวมทั้งเครื่องมือสื่อสารที่มีรูปแบบหลากหลาย มีฟังก์ชันส าหรับการใช้งานมากมายที่ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการ

1) ความหมายของการสื่อสารข้อมูล มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธรรมาธิราช (2553: 1-11) ได้กล่าวสรุปความหมายของการ

สื่อสาร ไว้ว่า การส่งข้อมูลดิจิตอลที่อยู่รูปของรหัสเลขฐานสอง โดยเป็นการรับส่งระหว่างอุปกรณ์สองชิ้นหรือจากคอมพิวเตอร์ที่ท าหน้าที่เป็นผู้ส่งข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ที่ท าหน้าที่เป็นผู้รับข้อมูลผ่านตัวกลาง โดยด าเนินการตามระเบียบวิธีการในการรับส่งข้อมูลที่ก าหนดไว้แล้ว ทั้งนี้เพื่อมุ่งเน้นการใช้วิธีรับส่งข้อมูลที่ท าให้มีอัตราการรับส่งสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ และในขณะเดียวกันให้เกิดสัญญาณรบกวนน้อยที่สุดด้วย

Page 9: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 9

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

โอภาส เอ่ียมสิริวงศ์ (2549: 17) ได้กล่าวถึงความหมายของการสื่อสารข้อมูล ไว้ว่า การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสองอุปกรณ์ ผ่านตัวกลางในการสื่อสาร (Transmission Media) ตัวอย่างเช่น การสื่อสารข้อมูลระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สองเครื่องด้วยการใช้สายเคเบิ้ลเป็นตัวกลางในการสื่อสาร นอกจากนี้การสื่อสารข้อมูลยังมีทั้งการสื่อสารระยะใกล้หรือแบบโลคอล ในกรณีที่อุปกรณ์การสื่อสารต่าง ๆ อยู่ในบริเวณหรือตึกอาคารเดียวกัน และการสื่อสารระยะไกลหรือแบบรีโมต ซึ่งอุปกรณ์การสื่อสารจะอยู่ไกลกัน หรือต่างพ้ืนที่

ฉัตรชัย สุมามาลย์ (2549: 23) ได้กล่าวถึงความหมายของการสื่อสารข้อมูล ไว้ว่า การส่ง (น า) ข้อมูลหรือข่าวสารจากเครื่องส่งหรือผู้ส่งผ่านทางสื่อหรือตัวกลางไปยังเครื่องรับหรือผู้รับ ข้อมูลหรือข่าวสารที่ถูกส่งออกไปอาจจะอยู่ในรูปของสัญญาณเสียง สัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือแสงก็ได้

กิตติ ภักดีวัฒนะกุลและคณะ (2554: 2) ได้กล่าวไว้ว่า การสื่อสารข้อมูล คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลและสารสนเทศระหว่างอุปกรณ์ผ่านทางสื่อกลางที่ใช้รับส่งข้อมูล โดยอุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลเป็นได้ทั้งฮาร์ดแวร์ (Hardware) และซอฟต์แวร์ ส่วนข้อมูลที่ ใช้รับส่งกันในระบบคอมพิวเตอร์จะเป็นข้อมูลแบบดิจิตอล ซึ่งอยู่ในรูปแบบของ 0 และ 1 โดยเรียกข้อมูลแบบนี้ว่า "ไบนารี (Binary Information)"

อัมรินทร์ เพ็ชรกุล (2551: 2) ได้กล่าวไว้ว่า การสื่อสารข้อมูล คือ ขบวนการในการน าข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ซึ่งต้องมีท้ังผู้รับและผู้ส่งข้อมูล

เกษรา ปัญญา. (2548: 1) ได้กล่าวไว้ว่า การสื่อสารข้อมูล คือ กระบวนการถ่ายทอด หรือน าส่งข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ผ่านสื่อชนิดใด ๆ ก็ได้ ข้อมูล (Data) อาจเป็นข้อความ รูปภาพ หรือสัญลักษณ์อะไรก็ได้ที่ต้องถ่ายทอด และการสื่อสารโดยปกติ เกิดขึ้นระหว่างอุปกรณ์หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไป

จากนิยามที่กล่าวมาข้างต้น สามารถสรุปได้ว่า การสื่อสารข้อมูล หมายถึง การแลกเปลี่ยนข้อมูลและสารสนเทศระหว่างอุปกรณ์หรือจากคอมพิวเตอร์ที่ท าหน้าที่เป็นผู้ส่งข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ที่ท าหน้าที่เป็นผู้รับข้อมูลผ่านตัวกลาง ผ่านทางสื่อกลางที่ใช้แลกเปลี่ยน ข้อมูลที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนระหว่างกันจะอยู่ในรูปแบบของ 0 และ 1 หรือเรียกว่าดิจิตอล และจะต้องมีข้อตกลงหรือกฎเกณฑ์วิธีการสื่อสารระหว่างกัน เรียกว่า โปรโตคอล

2) องค์ประกอบพื้นฐานของการสื่อสารข้อมูล การสื่อสารข้อมูลประกอบด้วยองค์ประกอบที่ส าคัญ 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ข่าวสาร

(Message) 2) ผู้ส่ง (Sender/Source) 3) ผู้รับ (Receiver/Destination) 4) สื่อกลางส่งข้อมูล (Transmission Medium) และ 5) โปรโตคอล (Protocol)

ภาพที่ 1.4 องค์ประกอบพื้นฐานของการสื่อสารข้อมูล

Page 10: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

10 บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

2.1) ข่าวสาร (Message) คือ ข้อมูลหรือสารสนเทศต่างๆ ที่อาจเป็นข้อความ ตัวเลข รูปภาพ เสียง และวิดีโอ ข่าวสารที่ส่งไปจะต้องได้รับการเข้ารหัส (Encoding) เพ่ือส่งผ่านสื่อสาร เมื่อปลายทางได้รับข้อมูล ก็จะท าการถอดรหัส (Decoding) ให้กลับมาเป็นข้อมูลดังเดิมเช่นเดียวกับที่ส่งมา ระหว่างที่ล าเลียงข่าวสารผ่านสื่อกลาง อาจมีสัญญาณรบกวนปะปนมากับข่าวสารได้

2.2) ผู้ส่ง (Sender/Source) ผู้ส่งหรือแหล่งก าเนิดข่าวสาร คือ อุปกรณ์ที่ใช้ส าหรับส่งข่าวสาร ซึ่งอาจเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เวิร์กสเตชั่น โทรศัพท์ กล้องวิดีโอ เป็นต้น

2.3) ผู้รับ (Receiver/Destination) ผู้รับหรือจุดหมายปลายทาง คือ อุปกรณ์ที่ใช้ส าหรับรับข่าวสาร ซึ่งอาจเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เวิร์กสเตชั่น โทรศัพท์ โทรทัศน์ เป็นต้น

2.4) สื่อกลางส่งข้อมูล (Transmission Medium) คือ เส้นทางเชิงกายภาพที่ใช้ส าหรับการล าเลียงข่าวสารจากผู้ส่งไปยังผู้รับ กรณีที่เป็นการสื่อสารแบบใช้สาย ตัวกลางที่ใช้อาจเป็นสายทองแดง สายโคแอกเซียล สายใยแก้วน าแสง ฯลฯ กรณีท่ีเป็นการสื่อสารแบบไร้สายตัวกลางที่ใช้เป็นอากาศ

2.5) โปรโตคอล (Protocol) คือ กลุ่มของกฎเกณฑ์และข้อปฏิบัติต่างๆ ที่ก าหนดขึ้นมา เพ่ือน ามาใช้เป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับ เพ่ือให้การสื่อสารบรรลุผล ถึงแม้อุปกรณ์ทั้งสองฝั่งจะสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ก็ตาม หากไม่มีโปรโตคอล ก็จะไม่สามารถสื่อสารกันได้อย่างเข้าใจ ส่งผลให้การสื่อสารล้มเหลวในที่สุด

3) ทิศทางการไหลของข้อมูล ส าหรับทิศทางการไหลของข้อมูล (Direction of data flow) ในการสื่อสารผ่านช่อง

ทางการสื่อสารข้อมูลนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้ 3.1) การสื่อสารข้อมูลแบบทิศทางเดียว (Simplex) เป็นการสื่อสารข้อมูล ณ เวลา

หนึ่งๆ โดยผู้ส่งท าหน้าที่ส่งข้อมูลไปยังผู้รับ และผู้รับท าหน้าที่รับข้อมูลเพียงอย่างเดียวไม่สามารถส่งข้อมูลกลับไปยังผู้ส่งได้ เช่น สถานีวิทยุ/สถานีโทรทัศน์ ที่ท าหน้าที่ส่งข้อมูลในรูปแบบของสัญญาณเสียงหรือสัญญาณภาพไปยังผู้ชม โดยผู้ชมจะสามารถรับข้อมูลได้อย่างเดียว ไม่สามารถสื่อสารกลับไปยังสถานีวิทยุ/โทรทัศน์ได้ เป็นต้น

ภาพที่ 1.5 แสดงตัวอย่างการสื่อสารข้อมูลแบบทิศทางเดียว

3.2) การสื่อสารข้อมูลแบบกึ่งสองทิศทาง (Haft Duplex) เป็นการสื่อสารข้อมูล โดยทั้งสองฝ่ายที่ติดต่อกันจะท าหน้าที่ผลัดกันเป็นผู้รับและผู้ส่ง เริ่มจากผู้ส่งจะท าหน้าที่ส่งข้อมูลให้แก่ผู้รับ ซึ่ง ณ ขณะนั้นผู้รับจะท าหน้าที่รับข้อมูลเพียงอย่างเดียวไม่สามารถส่งข้อมูลได้ เมื่อผู้รับรับข้อมูลเสร็จแล้วและต้องการส่งข้อมูลกลับก็สามารถท าได้ โดยผู้รับจะสลับท าหน้าที่เป็นผู้ส่งแทน จะเห็นได้ว่าการส่งข้อมูลแบบนี้เป็นการส่งข้อมูลสองทาง แต่ ณ ขณะหนึ่ง ๆ จะมีการส่งข้อมูลไปในทิศทางเดียวเท่านั้น เช่น การสื่อสารของระบบวิทยุสื่อสาร

ภาพที่ 1.6 แสดงการส่งข้อมูลแบบกึ่งสองทิศทาง

Page 11: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 11

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

3.3) การสื่อสารข้อมูลแบบสองทิศทาง (Full Duplex) เป็นการสื่อสารข้อมูล โดยในขณะที่ผู้ส่งก าลังส่งข้อมูลไปยังผู้รับนั้น ผู้รับก็สามารถส่งข้อมูลสวนกลับไปได้เช่นกัน โดยไม่จ าเป็นต้องรอให้ผู้ส่งส่งข้อมูลเสร็จก่อน เช่น การพูดคุยทางโทรศัพท์ การติดต่อสื่อสารในระบบคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

ภาพที่ 1.7 แสดงการส่งข้อมูลแบบสองทิศทาง

4) ประโยชน์ของการสื่อสารข้อมูล การสื่อสารข้อมูลมีประโยชน์หลักๆ ดังต่อไปนี้ 4.1) ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร หรือสารสนเทศ ระหว่างหน่วยงานกับ

หน่วยงาน บุคคลกับหน่วยงานและบุคคลกับบุคคล ซึ่งการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร หรือสารสนเทศระหว่างกันและกันนั้น ก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ ตามมาอีก เช่น การเรียนรู้ การสร้างนวัตกรรม การสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ฯลฯ

4.2) ช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพในการท าธุรกรรมด้านต่างๆ การสื่อสารข้อมูลนอกจากจะช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร หรือสารสนเทศ ระหว่างกันและกันแล้ว ยังท าให้การติดต่อประสานงานในด้านต่างๆ เป็นไปด้วยความราบรื่น การท าธุรกรรมมีความง่าย สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น

4.3) ช่วยเพ่ิมผลผลิตให้แก่การด าเนินงานทุกประเภท ทั้งนี้เนื่องจากการสื่อสารข้อมูลช่วยให้ทุคนที่เก่ียวข้องกับการด าเนินงานมีความเข้าใจที่ตรงกัน จึงท าให้เกิดการด าเนินงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายที่ก าหนดไว้ โดยใช้ระยะเวลาน้อยลง ท าให้มีเวลาเหลือที่จะไปด าเนินการในเรื่องอ่ืนๆ เพ่ิมมากขึ้น ซึ่งช่วยท าให้ได้ผลผลิตของงานเพ่ิมข้ึน

4.4) ช่วยลดความขัดแย้งในการด าเนินงานลง ในการด าเนินงานใดๆ ให้ส าเร็จตามเป้าหมายก็ตาม ผู้ด าเนินงานจ าเป็นต้องมีความเข้าใจในขั้นตอน วัตถุประสงค์และหน้าที่ความรับผิดชอบของตนที่มีต่องาน รวมทั้งเพ่ือนร่วมงานทั้งนี้เนื่องจากความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งและปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ได้ ดังนั้นการสื่อสารข้อมูลจึงมีบทบาทท่ีส าคัญในการลดความขัดแย้งต่าง ๆ ลง กิจกรรมที ่1.1 1. จงบอกวิวัฒนาการของการติดต่อสื่อสารโดยใช้ระบบโทรศัพท์มาโดยสังเขป 2. การสื่อสารข้อมูลดิจิตอลในระยะแรกมีลักษณะอย่างไร 3. จงบอกความหมายของการสื่อสารข้อมูล 4. ในการสื่อสารข้อมูลนั้น ทิศทางการไหลของข้อมูลมีกี่ประเภท อะไรบ้าง 5. จงบอกประโยชน์ของการสื่อสารข้อมูลมาก 3 ข้อ

Page 12: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

12 บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

1.2 แนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หัวข้อเนื้อหาย่อย

1.2.1 วิวัฒนาการของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1.2.2 ความหมาย องค์ประกอบพื้นฐาน และประโยชน์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1.2.3 องค์กรที่ก าหนดมาตรฐานการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

แนวคิด 1. ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทต่อการสื่อสารข้อมูลตั้ งแต่ช่วงทศวรรษ 1950

โดยเริ่มจากการใช้เครื่องเมนเฟรมเป็นเครื่องศูนย์กลางเชื่อมต่อการสื่อสารกับเครื่องสถานีงานที่เป็นเครื่องเทอร์มินัลที่ไม่มีซีพียู หรือดัมบ์เทอร์มินัลโดยเครื่องเทอร์มินัลท าหน้าที่รับส่งข้อมูลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนการประมวลผลข้อมูลทุกอย่างต้องอาศัยซีพียูของเครื่องเมนเฟรม ต่อมาได้มีการพัฒนาระบบเครือข่ายที่มีการรับส่งข้อมูลแบบแพ็กเก็ต และระบบเครือข่ายแวน จนถึงช่วงทศวรรษ 1990 ได้มีการพัฒนาระบบเครือข่ายเวิลด์ไวด์เว็บหรือเครือข่ายอินเทอร์เน็ตขึ้น ท าให้เกิดเป็นระบบเครือข่ายที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารขนาดใหญ่ที่สุดของโลก

2. องค์ประกอบพ้ืนฐานของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ สายสัญญาณซึ่งใช้เป็นตัวกลางในการรับส่งข้อมูล อุปกรณ์เครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมต่อเพ่ือให้การรับส่งข้อมูลมีความรวดเร็วมากขึ้น และลดข้อผิดพลาดในการรับส่งข้อมูลลง และองค์ประกอบอีกองค์ประกอบ คือ โปรโตคอล เป็นวิธีการหรือกฎที่ก าหนดขึ้นเพื่อใช้ในการรับส่งข้อมูลระหว่างฝ่ายผู้รับและฝ่ายผู้ส่ง

3. จากการที่การสื่อสารข้อมูลเป็นสิ่งจ าเป็นต่อมนุษย์ทุกคน ประกอบกับปัจจุบันมีการน าระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นอีกช่องทางหนึ่งส าหรับการสื่อสารข้อมูล ดังนั้น เพ่ือให้ทุกคนสามารถติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้ทั่วโลก จึงจ าเป็นต้องมีการก าหนดมาตรฐานส าหรับใช้ในการสื่อสารข้อมูลขึ้นมาก ดังจะเห็นได้จาก การที่ประเทศต่างๆ ได้ร่วมกันต่อตั้งองค์กรขึ้นมาหลายองค์กร มีทั้งองค์กรที่เป็นของภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งหน้าที่หลักขององค์กรเหล่านั้น ก็คือ การท างานร่วมกันในการก าหนดมาตรฐานที่เก่ียวข้องกับการสื่อสารข้อมูล ทั้งมาตรฐานด้านอุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูล มาตรฐานของช่องทางในการสื่อสารข้อมูล มาตรฐานกระบวนการในการสื่อสารข้อมูล วัตถุประสงค์

เมื่อศึกษาหัวข้อเนื้อหาหลักท่ี 1.2 จบแล้ว ผู้เรียนสามารถอธิบายหัวข้อต่อไปนี้ได้ 1. วิวัฒนาการของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ 2. ความหมายของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ 3. องค์ประกอบพื้นฐานของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ 4. ประโยชน์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ 5. หน้าที่ขององค์กรที่ก าหนดมาตรฐานระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้

Page 13: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 13

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

1.2.1 วิวัฒนาการของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะมาสู่ยุคของการใช้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์นั้น มนุษย์ได้เริ่มใช้เครื่องจักรใน

การติดต่อสื่อสารระหว่างกัน โดยมีการประดิษฐ์เครื่องโทรเลขขึ้นมาในปี ค.ศ.1837 ดังที่ได้กล่าวมาใน ต่อมากในปี ค.ศ.1940 จอร์ช สทิบิทซ์ (George Stibitz) ได้ใช้เครื่องพิมพ์ทางไกลหรือเครื่องเทเลไทป์ (teletype) ส่งโจทย์หรือปัญหาคณิตศาสตร์จากวิทยาลัยดาร์ตเมาท์ ในรัฐนิวแฮมเชียร์ ไปยังเครื่องค านวณเลขเชิงซ้อนในรัฐนิวยอร์กและรับข้อมูลค าตอบกลับมาด้วยวิธีเดียวกัน ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงเครื่องจักรให้สามารถท างานในลักษณะของเครื่องพิมพ์ทางไกลได้

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มีวิวัฒนาการมานานกว่า 60 ปีแล้ว เริ่มจากในช่วงทศวรรษ 1950 เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้จะเป็นเครื่องเมนเฟรม และการประมวลผลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ในขณะนั้นจะมีลักษณะแบบแบทช์ (batch) โดยเจ้าหน้าที่ที่ท าหน้าที่ประมวลผลข้อมูลที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ จะต้องรวบรวมงานที่ผู้ใช้ส่งมาให้ได้ปริมาณมากพอสมควร (ซึ่งขณะนั้นงานที่น ามาส่งจะมีลักษณะเป็นบัตรเจาะรู (punch card)) จึงจะน าไปประมวลผลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมๆ กัน ทั้งนี้เนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้เป็นเครื่องเมนเฟรม ที่มีขนาดใหญ่ไม่สะดวกในการเคลื่อนย้าย และค่าใช้จ่ายในการประมวลผลของซีพียูค่อนข้างสูง ผู้ใช้ในยุคนั้นจึงไม่ค่อยได้รับความสะดวกในการท างานนัก ต่อมาในช่วงต้นของทศวรรษ 1960 ได้เริ่มมีการเชื่อมต่อเครื่องเมนเฟรมเข้ากับเครื่องเทอร์มินัล โดยใช้สายโทรศัพท์ เพ่ืออ านวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ ในการป้อนงานผ่านเครื่องเทอร์มินัลได้โดยไม่ต้องน าบัตรเจาะรูมาส่งที่ศูนย์คอมพิวเตอร์

ปี ค.ศ.1962 เจซีอาร์ ลิกค์ไลเดอร์ (J.C.R Licklider) ซึ่งท าหน้าอยู่ที่แอ็ดวานซ์รีเสิร์ชโปรเจกต์เอเยนซี หรือเรียกสั้น ๆ ว่า อาร์ปา (ARPA: Advance Research Project Agency) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อระบบเครือข่ายอาร์ปาเน็ต ได้พัฒนาเทคโนโลยีการท างานกลุ่มขึ้นมา เรียกว่า อินเทอร์กาแลกติค เน็ตเวิร์ก (Intergalactic Network)

ปี ค.ศ.1964 นักวิจัยที่ดาร์ตเมาท์ได้พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้สามารถร่วมกันแบ่งปันเวลาการท างานของซีพียูของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ เรียกว่า "ระบบดาต์ตเมาท์ไทม์แชร์ริง (Dartmouth Time Sharing System)" และในปีเดียวกันกลุ่มนักวิจัยที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเสทส์หรือเอ็มไอที (MIT: Massachusetts Institute of Technology) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเจเนอรัลอิเล็กทริค (General Electric) และเบลล์แล็ป (Bell Lab) ได้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการจัดเส้นทางและควบคุมการท างานของการเชื่อมต่อโทรศัพท์

ตลอดช่วงทศวรรษ 1960 ลีโอนาร์ด ไคลน์ร็อค (Leonard Klienrock) พอล บาราน (Paul Baran) และโดนัลด์ เดวีส์ (Donald Davies) ได้ร่วมกันคิดหลักการและพัฒนาระบบเครือข่าย ซึ่งใช้การรับส่งข้อมูลแบบแพ็กเก็ต (packet) หรือดาต้าแกรม (datagram) ที่สามารถน าไปใช้กับเครือข่ายแพ็กเก็ตสวิตช์ (packet switch) เพ่ือรับส่งข้อมูลระหว่างระบบคอมพิวเตอร์

ปี ค.ศ.1965 โทมัส เมอร์ริลล์ (Thomas Merrill) และลอเรนซ์ จี โรเบิร์ตส์ (Lawrence G. Roberts) ได้สร้างระบบเครือข่ายระยะไกลหรือระบบแวน (WAN: Wide Area Network) ขึ้นมา

ปี ค.ศ.1969 มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ลอสแองเจิลลิส มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ซานตาบาร์บารา มหาวิทยาลัยยูทาห์ และสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด (SRI: Stanford Research Institute) ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยนานาชาติที่ไม่หวังผลก าไร ร่วมกันเชื่อมโยงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานเข้าด้วยกัน โดยความเร็วที่ใช้ในขณะนั้น คือ 50 กิโลบิตต่อวินาที ซึ่งแนวคิดดังกล่าวได้ถูกน าไปประยุกต์ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเครือข่ายอาร์พาเน็ตและเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะกล่าวถึงในล าดับถัดไป

Page 14: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

14 บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

วิวัฒนาการของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ในช่วงทศวรรษ 1990 ได้เริ่มมีการพัฒนาระบบเครือข่ายเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web)

หรือที่รู้จักกันในชื่อของระบบอินเทอร์เน็ต (internet) ขึ้น ท าให้เครื่องคอมพิวเตอร์ในหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งที่บ้านต่างก็มีการเชื่อมโยงเป็นระบบเครือข่าย ทั้งนี้ เนื่องจากระบบเครือข่าย ท าให้การเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศทั่วโลกกลายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกต่อผู้ใช้ทุกคน ด้วยการใช้ปลายนิ้วกดแป้นพิมพ์หรือคลิกเม้าส์ นอกจากนี้ ข้อมูลสารสนเทศ รวมทั้งความรู้ที่ผู้ใช้ต้องการเข้าถึงนั้น ยังถูกจัดเก็บในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ เสียง หรือวีดีทัศน์ นอกจากนี้แล้ วยังมีการบริการออนไลน์ต่างๆ เกิดขึ้นเพ่ือสนับสนุนการติดต่อสื่อสารในลักษณะต่าง ๆ ด้วย เช่น บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล์ ห้องสนทนาออนไลน์ กระดานสนทนาออนไลน์หรือเว็บบอร์ด รวมทั้งระบบบริการออนไลน์อ่ืน ๆ ที่อ านวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารเพ่ือท าธุรกรรมระหว่างกัน เช่น ระบบการจองบัตรโดยสารเครื่องบิน ระบบการจองบัตรชมภาพยนตร์ ฯลฯ ระบบเครือข่ายได้กลายเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่จ าเป็นของผู้ใช้ทุกคน เพราะการติดต่อสื่อสาร การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารนั้นเป็นความต้องการของมนุษย์ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคต

ระบบอินเทอร์เน็ตเป็นระบบที่มีความส าคัญอย่างยิ่งในทางประวัติศาสตร์ ทั้งในส่วนของระบบสารสนเทศและระบบการสื่อสารข้อมูล เพราะอินเทอร์เน็ตเป็นทั้งระบบสารสนเทศของโลกและระบบการสื่อสารข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลกด้วย ดังที่ทราบกันดีแล้วว่า ในปี ค.ศ.1969 ระบบอินเทอร์เน็ตได้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ให้เป็นระบบเครือข่ายส าหรับเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในราชการของกระทรวงฯ ที่เรียกว่า "อาร์พาเน็ต (ARPANET)" โดยเป้าหมายของการพัฒนา ณ ขณะนั้น คือ การเชื่อมโยงชุดคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาที่ก าลังท างานวิจัยด้านการทหารให้แก่กองทัพ ต่อมาในปี ค.ศ.1974 ได้มีการขยายการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์อื่นๆ รวมทั้งหมด 62 เครื่อง และการเชื่อมต่อก็ยังคงขยายอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในปี ค.ศ.1983 ระบบอินเทอร์เน็ตได้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนแรกใช้ส าหรับงานของกองทัพเรียกว่า "มิลเน็ต (Milnet)" และอีกส่วนเป็นของมหาวิทยาลัยเพื่อใช้ในการท างานวิจัยร่วมกันเรียกว่า "อินเทอร์เน็ต (Internet)" ซึ่งมีเครื่องแม่ข่ายในระบบมากกว่า 1,000 เครื่องเชื่อมต่อกันอยู่

ในปี ค.ศ.1985 รัฐบาลแคนาดาได้พัฒนาระบบเครือข่ายที่ชื่อว่า "บิตเน็ต (Bitnet)" เพ่ือเชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยในแคนาดา โดยมีวัตถุประสงค์ในการท างานวิจัยร่วมกัน และยังสนับสนุนให้มีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของสหรัฐอเมริกาด้วย

ในปี ค.ศ.1986 มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ได้พัฒนาระบบเอ็นเอสเอฟเน็ต (NSFNET) ขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือใช้เป็นระบบเครือข่ายเชื่อมโยงมหาวิทยาลัยชั้นน าของสหรัฐอเมริกาเข้าด้วยกัน ซึ่งเมื่อสิ้นปี ค.ศ.1987 พบว่ามีเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายที่เชื่อมโยงทั้งหมดประมาณ 10,000 เครื่อง และในช่วงเวลาดังกล่าวพบว่าการท างานของระบบค่อนข้างช้า ทางมูลนิธิฯ จึงพัฒนาระบบแบ็คโบนความเร็วสูงของระบบเอ็นเอสเอฟเน็ต ขึ้นมาใหม่ ท าให้สามารถรองรับการเชื่อมโยงเครื่องแม่ข่ายได้มากขึ้น โดยในปี ค.ศ.1988 ระบบสามารถเชื่อมโยงกับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยมีเครื่องแม่ข่ายที่เชื่อมโยงในระบบประมาณ 56,000 เครื่อง

การเชื่อมโยงในลักษณะดังกล่าวได้กลายเป็นที่นิยมในประเทศต่างๆ โดยแต่ละประเทศต่างก็พัฒนาระบบเครือข่ายขึ้นมาและน ามาเชื่อมโยงกับระบบอินเทอร์เน็ต จึงท าให้ช่วงต้นทศวรรษ 1990 มีระบบเครือขายจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเชื่อมโยงกับระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งในแต่ละระบบที่เชื่อมโยงนั้นแต่ละประเทศจะตั้งชื่อเครือข่ายข้ึนมาเอง มีการก าหนดกฎและค่าใช้จ่ายในกรเข้าถึงแตกต่างกัน แต่ระบบเครือข่ายทั้งหมดจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ เพ่ือให้การแลกเปลี่ยนข้อมูล

Page 15: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 15

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

ข่าวสารระหว่างกันและกันง่ายขึ้น ต่อมาความแตกต่างก็เริ่มหมดไปเพราะทุกประเทศได้หันมาใช้วิธีการในการก าหนดชื่อและกฎต่างๆ เหมือนกับที่สหรัฐอเมริกาใช้ ในช่วงต่อมาปรากฏว่ามีเครื่องแต่ข่ายมากกว่า 1 ล้านเครื่องที่เชื่อมโยงอยู่บนระบบอินเทอร์เน็ต

จนถึงปัจจุบันอินเทอร์เน็ตยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และไม่มีใครทราบแน่นอนว่าอินเทอร์เน็ตมีขนาดใหญ่เพียงใด แต่องค์กรไอเอสซีหรืออินเทอร์เน็ต ซิสเท็ม คอนซอร์เที่ยม (Internet System Consortium) ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่หวังผลก าไรมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลด้านการวางโครงสร้ างพ้ืนฐานในการเชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ต โดยประเทศต่างๆ ที่ต้องการเชื่อมโยงจะต้องด าเนินการตามมาตรฐานที่ก าหนด ทางองค์กรได้ประมาณการไว้ว่า ในปี ค.ศ.2000 เครื่องแม่ข่ายที่เชื่อมโยงในระบบอินเทอร์เน็ตมีไม่น้อยกว่า 400 ล้านเครื่อง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันระบบอินเทอร์เน็ตได้ถูกน าไปประยุกต์กับงานด้านธุรกิจหรือท าธุรกรรมในเชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นการซื้อขายสินค้าหรือบริการมากที่สุด โดยจะเห็นได้จากการที่องค์กรธุรกิจทั่วโลกต่างก็หันไปท าธุรกิจในลักษณะของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แทนการท าธุรกิจในรูปแบบเดิม แต่เนื่องจากระบบอินเทอร์เน็ตไม่ได้มีประโยชน์ส าหรับด้านธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีประโยชน์ในด้านอ่ืนๆ อีก ด้วยเหตุผลดังกล่าวในปี ค.ศ.1996 จึงท าให้องค์กรและสถาบันการศึกษาหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาได้ร่วมกันจัดตั้งกลุ่ม เพ่ือท าการศึกษาค้าคว้าและวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสอง (Internet 2) ขึ้นมาเพ่ือน าไปประยุกต์กับงานด้านการศึกษาและวิจัยเชิงวิชาการเฉพาะทาง ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสองเป็นระบบเครือข่ายที่เกิดจากการศึกษาวิจัยและพัฒนาโดยกลุ่มขององค์กรที่ประกอบด้วยมหาวิทยาลัยมากกว่า 190 แห่ง และองค์กรอ่ืน ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในสหรัฐอเมริกามารวมตัวกันท างานเพ่ือพัฒนาระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสอง รวมทั้งเทคโนโลยีขั้นสูงที่จะใช้ในเครือข่ายดังกล่าวด้วย ในทางกายภาพระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสองไม่ใช่ระบบเครือข่ายที่ถูกพัฒนาแยกออกมาจากระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตปัจจุบัน แต่เป็นส่วนหนึ่งที่ขยายมาจากระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตปัจจุบัน โดยมีการขยายในส่วนของโครงสร้างพ้ืนฐาน ให้มีขีดความสามารถเพ่ิมข้ึน

ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสองได้ถูกน าไปประยุกต์ใช้งานหลายด้าน เช่น ระบบห้องสมุดอินฟอร์มีเดียดิจิตอลวิดีโอ (Infomedia Digital Video Library) ของมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน เพ่ือใช้ในการจัดเก็บ รับส่ง ค้นหาและคืนคืนทรัพยากรสารสนเทศในห้องสมุดที่มีรูปแบบที่หลากหลายทั้งที่เป็นข้อความ ภาพ เสียงและโดยเฉพาะวิดีโอ ซึ่งเป็นภาพเคลื่อนไหวที่มีเสียงประกอบ ระบบทรานส์แปซิฟิก อินเทอร์แรก็ทีพ ดิสแทนซ์เอ็ดดูเคชัน (Trans Pacific Interactive Distance Education) เป็นระบบที่ใช้ในการเรียนการสอนทางไกลของมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนียที่ ลอสแองเจิลลิส สหรัฐอเมริกากับมหาวิทยาลัยเดียวโตในประเทศญี่ปุ่น โดยทั้งสองมหาวิทยาลัยจะมีการแลกเปลี่ยนการสอนร่วมกัน เป็นการสอนบริเวณพ้ืนที่สองฝั่งของมหาสมุทรแปซิฟิก โดยในการสอนจะใช้อาจารย์ผู้สอนคนเดียวกัน ระบบดังกล่าวช่วยให้ทั้งสองมหาวิทยาลัยสามารถร่วมกันสอนสด (live) โดยนักศึกษาทั้งสองมหาวิทยาลัยจะนั่งเรียนอยู่ในห้องเรียนที่มหาวิทยาลัยของตนเอง นอกจากนี้นักศึกษายังสามารถถามค าถามได้ ณ เวลานั้น และนักศึกษาทั้งสองมหาวิทยาลัยยังสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้ด้วย ซึ่งการใช้งานระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสองสามารถสนับสนุนการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างเห็นได้ชัด

จากที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น จะเห็นได้ว่า ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นปัจจัยส าคัญในการด าเนินงานแทบทุกด้าน หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมีการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายเพ่ือการใช้งานอย่างแพร่หลาย และการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์นั้นไม่ได้มีเฉพาะที่ท างานเท่านั้น แต่แทบทุกบ้านจะมีการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่าย

Page 16: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

16 บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

อินเทอร์เน็ตด้วย และแนวโน้มในอนาคตการขยายตัวจะยิ่งมีอัตราเพ่ิมขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เพราะระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในด้านการติดต่อสื่อสารข้อมูล

ตารางท่ี 1.3 วิวัฒนาการของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ปี ค.ศ. เทคโนโลยี รายละเอียด 1940 เทเลไทป์ จอร์ช สทิบิทซ์ พัฒนาเครื่ องพิมพ์ทางไกล

ระหว่างรัฐนิวแฮมเชียร์และรัฐนิวยอร์ก ทศวรรษ 1950 เครื่องเมนเฟรม การส่งงานเพ่ือประมวลผลโดยใช้เครื่องเมนเฟรม

โดยใช้บัตรเจาะรู ทศวรรษ 1960 เ ค รื่ อ ง เ ม น เ ฟ ร ม ต่ อ กั บ

เทอร์มินัล มีการต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยใช้เครื่องเมน เฟรม เป็ นศูนย์ กลาง เชื่ อมต่ อกับดั มบ์เทอร์มินั ล ท า ให้ สามารถรับส่ งข้อมูลผ่ านเครื่องเทอร์มินัลแทนบัตรเจาะรู

1962 เทคโนโลยีการท างานกลุ่ม เจซีอาร์ ลิกค์ไลเดอร์ พัฒนาเทคโนโลยีการท างานกลุ่ม โดยใช้เครือข่ายกาแลกติค

1964 ร ะบ บ แ บ่ ง ปั น เ ว ล า ก า รท างานของซีพียู

นักวิจัยที่ดาร์ตเมาท์พัฒนาระบบดาร์ตเมาท์ไทม์แชร์ริง

ทศวรรษ 1960 หลักการรับส่งข้อมูลแบบแพ็กเก็ต

ไคลน์ร็อค บาราน และเดวีส์ พัฒนาหลักการและการรับส่งข้อมูลในระบบเครือข่ายแบบแพ็กเก็ต

1965 ระบบเครือข่ายแวน เมอร์ริลล์และลอเรนซ์ ร่วมกันพัฒนาระบบเครือข่ายแวน

1969 กา ร เ ชื่ อ ม โ ย ง เ ค รื อ ข่ า ยระหว่างองค์กรเข้าด้วยกันการพัฒนาเครือข่ายอร์พาเน็ต

มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ลอสแองเจิลลิส มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ซานตาบาร์บารา มหาวิทยาลัยยูทาห์และสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ดร่วมกันเชื่อมโยงเครือข่ายขององค์กรเข้าด้วยกัน กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา พัฒนาระบบเครือข่ายอาร์พาเน็ต

1983 แ บ่ ง ร ะ บ บ เ ค รื อ ข่ า ยอินเทอร์เน็ตเป็นสองส่วน

ระบบมิลเน็ตใช้ในกองทัพ และระบบอินเทอร์เน็ตใช้ในการท าวิจัยของมหาวิทยาลัย

1985 ระบบเครือข่ายบิตเน็ต รัฐบาลแคนาดาพัฒนาระบบเครือข่ายบิตเน็ต 1986 ระบบเอ็นเอสเอฟเน็ต มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐอเมริกาพัฒนา

ระบบเครือข่ายเอ็นเอสเอฟเน็ตเพ่ือเชื่อมโยงการท างานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยชั้นน าของสหรัฐอเมริกา

1988 การขยายระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

มีการขยายระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

Page 17: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 17

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

ตารางท่ี 1.3 (ต่อ) ปี ค.ศ. เทคโนโลยี รายละเอียด 1996 ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 2 สถาบันการศึกษาและองค์กรทั้งภาครัฐและ

เอกชนในสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมกันค้นคว้าและพัฒนาระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 2 ขึ้นมา เพ่ือใช้ในงานวิจัยและการเรียนการสอน

1.2.2 ความหมาย องค์ประกอบพื้นฐาน และประโยชน์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ปัจจุบันการท างานโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ แทบทุกหน่วยงานนิยมท างานในลักษณะของระบบเครือข่าย ทั้งนี้เนื่องจากระบบเครือข่ายฯ นอกจากจะช่วยอ านวยความสะดวกให้เกิดการท างานร่วมกันระหว่างหน่วยงานหลาย ๆ แห่งได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยให้เกิดการใช้ทรัพยากรข้อมูลและอุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกันอีกด้วย

1) ความหมายของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อัมรินทร์ เพ็ชรกุล (2551: 2) ได้ให้ความหมายของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ไว้ว่า

การน าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อ่ืน ๆ หรือการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์จ านวนหลาย ๆ เครื่องภายในองค์กร หรือการเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบเครือข่ายสาธารณะภายนอก ซึ่งการเชื่อมต่อนั้น อาจจะผ่านสายสัญญาณท่ีเป็นลวดทองแดง คลื่นไมโครเวฟ หรือสายใยแก้วน าแสงก็ได้

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2554: 1-23) กล่าวว่าระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือ การน าเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน โดยใช้หลักการด้านการสื่อสารข้อมูลมาประยุกต์ในการเชื่อมต่อ และวัตถุประสงค์หลักของการสร้างระบบเครือข่ายคอมพิว เตอร์ ก็คือ ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันและกัน

สุธี พงศาสกุลชัย (2551) ได้กล่าวไว้ว่า เครือข่ายคอมพิวเตอร์ หมายถึง วิธีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันผ่านสื่อกลางต่างๆ เช่น สายสัญญาณ หรือคลื่นวิทยุ เป็นต้น เพ่ือท าให้สามารถสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และใช้ทรัพยากรร่วมกันได้

โอภาส เอ่ียมสิริวงศ์ (2552) กล่าวว่า เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือ การน ากลุ่มคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ มาเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย โดยใช้สื่อกลางซึ่งเป็นสายเคเบิลหรือคลื่นวิทยุเป็นเส้นทางการล าเลียงข้อมูลเพื่อสื่อสารระหว่างกัน

จากความหมายข้างต้น สามารถสรุปได้ว่า ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือ การน ากลุ่มเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ มาเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย ผ่านสื่อกลางต่าง ๆ เช่น สายสัญญาณ หรือคลื่นวิทยุ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือสื่อสาร ใช้ทรัพยากร และแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันและกัน

2) องค์ประกอบพื้นฐานของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยองค์ประกอบพื้นฐาน ดังต่อไปนี้ 2.1) เครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถท าหน้าที่เป็นเครื่องแม่ข่ายหรือสถานีงาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบของระบบเครือข่ายที่เชื่อมต่อ การก าหนดคุณลักษณะของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่น ามาเชื่อมต่อในระบบเครือข่ายขึ้นอยู่กับหน้าที่ที่จะก าหนดให้แก่เครื่องนั้นๆ ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่น ามาต่อต้องท าหน้าที่เป็นเครื่องแม่ข่ายที่คอยให้บริการแก่เครื่องอ่ืน ๆ ก็ต้องใช้เครื่องที่มีคุณลักษณะเฉพาะ โดยเป็น

Page 18: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

18 บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

เครื่องที่มีสมรรถนะในการท างานสูงกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ท าหน้าที่เป็นเครื่องลูกข่ายหรือสถานีงาน อย่างไรก็ตามเครื่องคอมพิวเตอร์ที่น ามาเชื่อมต่อในระบบเครือข่ายไม่จ าเป็นต้องเป็นแพล็ตฟอร์มเดียวกัน 2.2) อุปกรณ์เครือข่าย หมายถึง อุปกรณ์ต่อพ่วงที่จ าเป็นต้องใช้ในการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูล ท าให้สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างกันและกันได้ง่าย สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ส าหรับอุปกรณ์เชื่อมต่อที่ใช้ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่ส าคัญ ๆ มีดังต่อไปนี้

เน็ตเวิร์กอินเทอร์เฟซการ์ด (NIC: Network Interface Card) หรือสามารถเรียกว่า "เน็ตเวิร์กอะแด็ปเตอร์การ์ด (Network Adapter Card)" เป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาเพ่ือเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ากับสายเคเบิ้ล ท าให้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อเชื่อมอยู่บนระบบเครือข่ายสามารถติดต่อระหว่างกันและกันได้ การ์ดดังกล่าวอาจติดตั้งอยู่บนสล็อต (slot) ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์

บริดจ์ (bridge) คือ อุปกรณ์ที่ท าหน้าที่ตัวเชื่อมระหว่างเครือข่ายที่ ใช้โปรโตคอลเดียวกันหรือโปรโตคอลที่แตกต่างกันก็ได้ บริดจ์แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ โลจิคิลบริดจ์ (logical bridge) เป็นบริดจ์ที่เชื่อมต่อโดยตรงกับระบบเครือข่ายแลน รีโมตบริดจ์ (remote bridge) เป็นบริดจ์ที่ใช้ในการสร้างระบบเครือข่ายแวน โดยใช้ในการเชื่อมต่อโดยตรงกับระบบเครือข่ายแลนหลายๆ เครือข่าย แต่การท างานจะช้า และไวร์เลซบริดจ์ (wireless bridge) เป็นบริดจ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อระบบแลนแบบไร้สายหรือเชื่อมต่อสถานีระยะไกลเข้ากับระบบเครือข่ายแลน

เราท์เตอร์ (router) คือ อุปกรณ์ที่ท าหน้าที่ค้นหาเส้นทางในการรับส่งข้อมูลระหว่างผู้รับและผู้ส่งโดยมีความสามารถในการจัดเส้นทางของระบบเครือข่ายที่เชื่อมต่อทั้งหมด ดังนั้น เราท์เตอร์จึงเป็นอุปกรณ์ท่ีมีความส าคัญมากในกรณีที่มีการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายเข้าด้วยกัน เราท์เตอร์จะช่วยให้เครื่องคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ สามารถสื่อสารกันได้ และสามารถส่งผ่านข้อมูลระหว่างสองเครือข่าย เช่น ระหว่างเครือข่ายในหน่วยงานกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เราท์เตอร์มี ทั้งแบบ มีสายและไร้สาย

สวิตช์ (switch) คือ อุปกรณ์ที่ท าหน้าที่เหมือนกับบริดจ์ บางครั้งก็เรียกว่า สวิตชิ่งฮับ (switching hub) เพราะในช่วงแรกๆ ของการพัฒนาอุปกรณ์สวิตช์ นั้นจะเรียกว่าบริดจ์เหตุผลที่เรียกว่าบริดจ์ในช่วงแรก เพราะส่วนใหญ่บริดจ์จะมีแค่สองพอร์ต และใช้ส าหรับแยกคอลลิชันโดเมน ปัจจุบันที่เรียกว่าสวิตช์ เพราะหมายถึง บริดจ์ที่มีมากกว่าสองพอร์ตนั่นเอง สวิตช์จะฉลาดกว่าฮับ เพราะสวิตช์สามารถส่งข้อมูลที่ ได้รับมาจากพอร์ตหนึ่งไปยังเฉพาะพอร์ตที่เป็นปลายทางเท่านั้น ท าให้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับพอร์ตที่เหลือสามารถส่งข้อมูลถึงกัน และกันได้ในเวลาเดียวกัน การท าเช่นนี้ท าให้อัตราการส่งข้อมูล หรือแบนด์วิดท์ (bandwidth) ไม่ขึ้นอยู่กับจ านวนคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับสวิตช์ จึงท าให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่ออยู่บนสวิตช์จะมีแบนด์วิดท์เท่ากับแบนด์วิดท์ของสวิตช์ ด้วยข้อดีดังกล่าวท าให้ ระบบเครือข่ายที่ติดตั้งใหม่ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะนิยมใช้สวิตช์ มากกว่าฮับ จะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการชนกันของข้อมูลในระบบเครือข่าย

ฮับ (hub) เป็นอุปกรณ์ที่ท าหน้าที่ เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย ช่วยในการรับส่งข้อมูลระหว่างผู้ส่งและผู้รับ ในการรับส่งข้อมูลกันนั้น ฮับไม่สามารถระบุแหล่งปลายทางที่รับข้อมูลได้ ดังนั้นจึงส่งข้อมูลไปให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อกับฮับ โดยรวมถึงเครื่องที่ส่งข้อมูลดังกล่าวด้วย และแม้ว่าฮับจะสามารถรับหรือส่งข้อมูลได้ก็ตาม แต่ไม่สามารถท าท้ังสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน จากลักษณะการท างานดังกล่าว จึงท าให้ฮับท างานช้ากว่าสวิตช์

Page 19: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 19

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

เกตเวย์ (gateway) คือ จุดต่อเชื่อมของเครือข่ายท าหน้าที่เป็นทางเข้าสู่ระบบเครือข่ายต่าง ๆ บนอินเตอร์เน็ต ในความหมายของเราท์เตอร์ คือ จะมีความหมาย 2 แบบ ประกอบด้วย 1) โหนดของเกตเวย์ และ 2) โหนดของโฮสท์ โดยทั่วไปบนระบบเครือข่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้และคอมพิวเตอร์แม่ข่ายที่ให้บริการเข้าถึงข้อมูลทั่วไป จะมีฐานะเป็นโหนดแบบโฮสท์ ยกเว้นเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายที่ควบคุมการจราจรภายในเครือข่ายหรือผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต จะเรียกว่า โหนดแบบเกตเวย์ ในระบบเครือข่ายของหน่วยธุรกิจ เครื่องแม่ข่ายที่เป็นโหนดแบบเกตเวย์ มักจะท าหน้าที่เป็นเครื่องแม่ข่ายแบบพร็อกซี่ (proxy) และเครื่องแม่ข่ายแบบไฟร์วอลล์ (firewall) นอกจากนี้เกตเวย์ ยังรวมถึง เราท์เตอร์และสวิตช์ ด้วย 2.3) สายสัญญาณหรือสายเคเบิ้ล (Cable) ท าหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับส่งข้อมูลภายในระบบเครือข่ายแบบใช้สาย สายเคเบิ้ลที่นิยมใช้ คือ สายตีเกลียวคู่ (twisted pair cable) และสายโคแอกเซียลแบบบาง (thin coaxial cable) เป็นต้น 2.4) ซอฟต์แวร์ โดยซอฟต์แวร์ที่ใช้ในระบบเครือข่ายนั้น บางครั้งเรียกว่า เน็ตเวิร์กซอฟต์แวร์ (Network Software) หรือ โปรแกรมเน็ตเวิร์ก หรือโปรแกรมระบบปฏิบัติการเครือข่าย (NOS: Network Operating System) ซอฟต์แวร์ดังกล่าว หมายถึง ชุดของโปรแกรมที่ใช้ในการประสานและควบคุมการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไปที่เชื่อมต่ออยู่บนระบบเครือข่าย ท าให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถแลกเปลี่ยนและใช้ข้อมูลร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่น โดยโปรแกรมจะน าข้อมูลที่ต้องการส่งมาจัดเป็นแพ็กเกจ (package) ที่มีการเพ่ิมข้อมูลส่วนหัวและส่วนท้ายประกบข้อมูลที่ต้องการส่ง ซึ่งข้อมูลส่วนหัวและส่วนท้ายอาจเป็นที่อยู่ (address) ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นของผู้รับและวิธีการเข้ารหัสข้อมูลที่ส่ง 2.5) โปรโตคอล หมายถึง กฎหรือวิธีการที่ก าหนดขึ้นมาเป็นมาตรฐานเพ่ือใช้ในการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การก าหนดโปรโตคอลจะช่วยท าให้การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายง่ายขึ้น เนื่องจากมีการใช้มาตรฐานเดียวกัน โปรโตคอลที่รู้จักกันดี คือ ทีซีพี/ไอพี (TCP/IP: Transmission Control Protocol/Internet Protocol) เป็นโปรโตคอลที่ใช้ในการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

3) ประโยชน์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์สามารถสรุปประโยชน์ที่ส าคัญ ดังต่อไปนี้

3.1) การเชื่อมต่อและการสื่อสาร ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ช่วยเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้เข้าด้วยกัน ท าให้ผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่ายลง เช่น อีเมล์ การสนทนาออนไลน์ การโทรศัพท์แบบออนไลน์ ฯลฯ ซึ่งการติดต่อสื่อสารดังกล่าวน าไปสู่การแลกเปลี่ยนข้อมูลทั้งที่เป็นธุรกิจและไม่ใช่ธุรกิจ 3.2) การแบ่งปันข้อมูลกัน ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ และสามารถแบ่งปันข้อมูลกันได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นระบบเครือข่ายสาธารณะ อินเทอร์เน็ต ระบบเครือข่ายระหว่างองค์กรหรือเอ็กซ์ทราเน็ต และระบบเครือข่ายภายในองค์กรหรืออินทราเน็ต ระบบเครือข่ายเหล่านี้นอกจากจะช่วยอ านวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องสามารถแบ่งปันข้อมูลกันใช้แล้ว ยังเพ่ิมประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการท างานอีกด้วย 3.3) การแบ่งปันกันใช้ฮาร์ดแวร์ การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ช่วยท าให้องค์กรประหยัดงบประมาณในการซื้อฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงลง เช่น เครื่องพิมพ์ เครื่องสแกนเนอร์ ฯลฯ ทั้งนี้เนื่องจากฮาร์ดแวร์ดังกล่าวไม่ได้ถูกใช้งานตลอดเวลา การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายจะท าให้เครื่อง

Page 20: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

20 บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่ต่ออยู่บนระบบเครือข่ายนั้น สามารถเรียกใช้ฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงร่วมกันได้ ซึ่งนอกจากจะประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อแล้ว ยังประหยัดงบประมาณในการดูแลรักษาอีกด้วย 3.4) การแบ่งปันกันใช้ซอฟต์แวร์ หลักการจะคล้ายกับการแบ่งปันฮาร์ดแวร์ การพัฒนาซอฟต์แวร์ในปัจจุบัน มักจะพัฒนาให้สามารถท างานในลักษณะของเครือข่ายได้ โดยหน่วยงานจะท าการติดตั้งซอฟต์แวร์ไว้ที่เครื่องแม่ข่ายเพียงเครื่อง เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นเครื่องลูกข่ายสามารถเรียกใช้ซอฟต์แวร์จากเครื่องแม่ข่ายได้ โดยไม่จ าเป็นต้องติดตั้งลงในเครื่องของตนเอง ซึ่งนอกจากจะท าใ ห้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อและค่าลิขสิทธิ์แล้วยังประหยัดเนื้อที่ในการติดตั้งซอฟต์แวร์ รวมทั้งลดเวลาในการดูแลบ ารุงรักษาซอฟต์แวร์ลงอีกด้วย 3.5) การเพ่ิมความสามารถและความสมดุลในการท างาน การท างานภายใต้สภาวการณ์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์นั้น ช่วยเพ่ิมความสามารถในการท างานให้แก่ระบบงานประยุกต์บางระบบได้ โดยระบบงานประยุกต์บางระบบสามารถกระจายงานต่างๆ ไปประมวลผลยังเครื่องลูกข่ายที่ว่างอยู่ได้ ท าให้ได้ผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น และยังสร้างความสมดุลในการท างานของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์อีกด้วย 3.6) การลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย การติดต่อสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สามารถช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ใช้และองค์กรลงได้ เพราะนอกจากระบบเครือข่ายจะสนับสนุนการแบ่งปันกันใช้ทรัพยากรแล้ว ปัจจุบันค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ใช้ในการเชื่อมต่อก็มีราคาถูกลงด้วย ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการติดต่อสื่อสารหรือการรับส่งข้อมูลผ่านช่องทางอ่ืนแล้ว การติดต่อสื่อสารโดยใช้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า 3.7) ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของระบบเครือข่าย ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ขึ้นมาเพ่ือรักษาความปลอดภัยของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง สามารถติดตามการเข้าใช้งานระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของพนักงานภายในองค์กรได้อย่างใกล้ชิด ช่วยท าให้ผู้ใช้และองค์กรเกิดความเชื่อถือในการท างานของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มากข้ึน

1.2.3 องค์กรที่ก าหนดมาตรฐานการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การสื่อสารข้อมูลจ าเป็นต้องมีการก าหนดมาตรฐานในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านช่องทางการรับส่งข้อมูล ด้านข้อตกลงในการรับส่งข้อมูล ด้านอุปกรณ์ที่ใช้ในการรับส่งข้อมูล ฯลฯ ทั้งนี้ เพ่ือเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบสื่อสารข้อมูลให้แก่หน่วยงานต่างๆ ทั่วโลก ท าให้หน่วยงานต่างๆ สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างราบรื่น ในการก าหนดมาตรฐานการสื่อสารข้อมูล ได้มีการจัดตั้งองค์กรต่าง ๆ ขึ้นมาท าหน้าที่ก าหนดมาตรฐานในแต่ละด้าน การจัดตั้งองค์กรดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือของหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในหลายๆ ประเทศ และเช่นเดียวกันระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นระบบงานที่เกิดจากความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเป็นระบบการติดต่อสื่อสารที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ทั้งในระดับองค์กรและระดับบุคคล ก็จ าเป็นต้องมีการก าหนดมาตรฐานเพ่ือให้ผู้ใช้สามารถน าไปใช้ในการสร้างระบบเครือข่ายที่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ท่ัวโลก ส าหรับองค์กรที่ท าหน้าที่เกี่ยวกับการก าหนดมาตรฐานการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่น่าสนใจ มีดังต่อไปนี้ 1) ANSI (American National Standards Institute) เป็นองค์กรของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ไม่หวังผลก าไร ส านักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตันดีซี องค์กรถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1918

Page 21: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 21

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

ในลักษณะของสถาบันมานานกว่า 90 ปี โดยกลุ่มวิศวกรรม 5 กลุ่มและหน่วยงานของภาครัฐ 3 แห่ง หน้าที่ส าคัญของสถาบัน คือ การเพ่ิมความสามารถด้านการแข่งขันในเวทีโลกให้แก่สหรัฐอเมริกาและเพ่ิมคุณภาพชีวิตให้แก่คนอเมริกัน โดยการส่งเสริมและอ านวยความสะดวกให้แก่หน่วยงานที่อาสาสมัครทั้งภาครัฐและเอกชน เข้ามาท าหน้าที่ก าหนดมาตรฐานในด้านต่างๆ ของประเทศ เช่น ด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ด้านนาโนเทคโนโลยี ด้านพลังงานชีวภาพ ฯลฯ พร้อมกับท าหน้าที่ตรวจตราการพัฒนามาตรฐานต่างๆ ของหน่วยงานอาสาสมัคร ว่ามีความสอดคล้องกับมาตรฐานของประเทศอ่ืนๆ หรือไม่ มาตรฐานดังกล่าวจะรวมทั้งผลิตภัณฑ์ บริการ กระบวนการ และระบบต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา และยังท าหน้าที่ประสานงานในเรื่องมาตรฐานของสหรัฐของประเทศอ่ืนๆ อีกด้วย ทั้งนี้เพ่ือให้ผลิตภัณฑ์ของสหรัฐสามารถน าไปใช้ได้ทั่วโลก นอกจากนี้ ทางสถาบันยังท าหน้าที่ตรวจตราพระราชบัญญัติและการใช้บรรทัดฐานที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานต่างๆ รวมทั้งแนวทางที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการท าธุรกิจในทุกภาคส่วนของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่อุปกรณ์ชิ้นเล็ก จนกระทั่งอุปกรณ์ก่อสร้าง จากผลิตภัณฑ์ที่บริโภคในชีวิตประจ าวั นจนถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตพลังงานและผลิตภัณฑ์อ่ืนๆ อีกมากมาย ANSI ยังได้รับการแต่งตั้งให้ท าหน้าที่ประเมินมาตรฐานอ่ืนๆ ด้วย เช่น มาตรฐาน ISO 9000 ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านการประกันคุณภาพ มาตรฐาน ISO 14000 ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม ส าหรับรายละเอียดเกี่ยวกับ ANSI สามารถศึกษาเพ่ิมเติมได้จากเว็บไซต์ American National Standards Institute 2) IEEE (Institute of Electrical and Electronics Engineers) เป็นองค์กรชั้นน าที่ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมเครือข่ายคอมพิวเตอร์ องค์กรก่อตั้งขึ้น โดยไม่หวังผลก าไร มีลักษณะเป็นสมาคมวิชาชีพที่ประกอบด้วยสมาคมย่อยหลายๆ สมาคม มีสมาชิกมากกว่า 375,000 คน ที่มาจากประเทศต่างๆ มากกว่า 160 ประเทศ โดยประมาณร้อยละ 45 มาจากประเทศอ่ืนๆ ที่ไม่ใช่สหรัฐอเมริกา สมาชิกส่วนมากจะเป็นวิศวกร และนักวิทยาศาสตร์ที่มีความสนใจในด้านไฟฟ้าและวิทยาการคอมพิวเตอร์ หน้าที่ส าคัญ คือ การร่วมกันสร้างทฤษฎีและพัฒนามาตรฐานนานาชาติส าหรับผลิตภัณฑ์และบริการด้านวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพ่ือน ามาใช้กับอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ในชั้นกายภาพและชั้นการเชื่อมต่อข้อมูล สมาคมย่อยที่ท าหน้าที่ก าหนดและเก็บรวบรวมมาตรฐานที่ใช้ในอุตสาหกรรม มีชื่อเรียกว่า สมาคม IEEE-SA (IEE Standards Association) นอกจากนี้ IEEE ยังมีความสัมพันธ์กับองค์กรอ่ืนๆ อีกด้วย ได้แก่ IEC ISO ITU ส าหรับตัวอย่างมาตรฐานที่ก าหนดโดยองค์กร IEEE เช่น

มาตรฐาน 802.15.4a-2007 เป็นมาตรฐานที่ก าหนดเกี่ยวกับโปรโตคอล และการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบเครือข่ายไร้สายส่วนบุคคล ซึ่งการสื่อสารข้อมูลจะใช้คลื่นวิทยุคลื่นสั้น และมีการรับส่งข้อมูลรวมทั้งก าลังในการรับส่งข้อมูลอยู่ในอัตราต่ า

มาตรฐาน IEEE 802®wireless standards. เป็นมาตรฐานที่ก าหนดเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายไร้สาย แระกอบด้วย มาตรฐาน 802.11TM มาตรฐาน 802.15TM และมาตรฐาน 802.16TM ส าหรับรายละเอียดเพ่ิมเติมเกี่ยวกับ IEEE สามารถศึกษาเพ่ิมเติมได้จากเว็บไซต์ Institute of Electrical and Electronics Engineers 3) ISO (International Organization for Standardization) เป็นองค์กรที่ท าหน้าที่พัฒนาและก าหนดมาตรฐานที่ใหญ่ที่สุดของโลก ก่อตั้งขึ้นมาระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีการท างานในลักษณะของเครือข่ายระดับนานาชาติ เนื่องจากมีประเทศสมาชิกทั้งหมด 161 ประเทศ โดย

Page 22: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

22 บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

แต่ละประเทศจะส่งตัวแทนมาเข้าร่วมอย่างน้อยหนึ่งคน ISO มีส านักงานกลางอยู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ หน้าที่ความรับผิดชอบหลัก คือ การก าหนดมาตรฐานในด้านต่างๆ ตามที่มีผู้ร้องขอมาและก าหนดตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เช่น มาตรฐานด้านการสื่อสารข้อมูล มาตรฐานด้านการวางระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ฯลฯ ส าหรับตัวอย่างมาตรฐานด้านการสื่อสารข้อมูลที่ก าหนดโดย ISO เช่น

ISO/IEC 19790: 2006 เป็นมาตรฐานที่ก าหนดเกี่ยวกับการเข้ารหัสข้อมูลที่ใช้ในการรับส่งผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ISO/IEC 23289: 2006 เป็นมาตรฐานเกี่ยวกับการก าหนดลักษณะของสัญญาณ ที่รับส่งระหว่างเครือข่ายส่วนบุคคลที่ให้บริการแก่หน่วยงานเฉพาะ โดยมาตรฐานดังกล่าวจะสนับสนุน การโอนถ่ายข้อมูลที่เป็นเสียงโทรสาร และสื่อที่ทันสมัย ISO ยังประกอบด้วยคณะกรรมการจ านวนหลายชุด โดยคณะกรรมการแต่ละชุดจะรับผิดชอบในการก าหนดมาตรฐานแต่ละด้านแตกต่างกันไป ส าหรับสมาชิกของคณะกรรมการแต่ละชุดถูกคัดเลือกมาจากบุคลากรผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจากนานาประเทศทั่วโลกเช่นเดียวกัน โดยมีทั้งผู้เชี่ยวชาญจากภาคอุตสาหกรรม บริษัทผู้ท าธุรกิจด้านนั้นๆ บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค ฯลฯ ส าหรับข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับ ISO สามารถศึกษาเพ่ิมเติมได้จากเว็บไซต์ International Organization for Standardization 4) IEC (International Electro technical Commission) เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1906 โดยลอร์ด เคลวิน (Lord Kelvin) ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ IEC ท าหน้าที่ก าหนดมาตรฐานด้านเทคนิคเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งบางครั้งเรียกว่า "อิเล็กโทรเทคโนโลยี (electro technology)" ทั้งนี้จะต้องดูแลในเรื่องความปลอดภัยของเทคโนโลยี การรักษาสภาพแวดล้อม และประสิทธิภาพของการใช้ด้วย นอกจากนี้ IEC ยังท าหน้าที่ดูแล ประเมินและออกใบรับรองอุปกรณ์ต่างๆ ระบบและบริการต่างๆ ที่มีการใช้อิเล็กโทรเทคโนโลยีที่เป็นไปตามมาตรฐานที่ก าหนด องค์กร IEC ยังท างานร่วมกันกับองค์กร ISO ในการก าหนดมาตรฐานด้านต่างๆ โดยชื่อมาตรฐานจะขึ้นต้นด้วย ISO/IEC ส าหรับตัวอย่างมาตรฐานที่ก าหนดโดย ISO/IEC ในด้านการสื่อสารข้อมูล เช่น ISO/IEC 2007 series เป็นมาตรฐานในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล โดยมีชื่อเรียกว่า "ISO/IEC 17799: 2005" มาตรฐาน ISO/IEC 8859-1 เป็นมาตรฐานในการเข้ารหัสข้อมูล ที่เป็นอักษรลาติน มาตรฐานด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ เช่น ISO/IEC 12207 เป็นมาตรฐานที่ก าหนดเกี่ยวกับกระบวนการวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เช่น การออกแบบ การทดสอบ การบูรณาการ การบ ารุงรักษา การรักษาความปลอดภัย ฯลฯ รายละเอียดเกี่ยวกับ IEC สามารถศึกษาเพ่ิมเติมได้จากเว็บไซต์ International Electrotechnical Commission 5) ASC (Accredited Standard Committee) เป็นคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งให้ท าหน้าที่พัฒนามาตรฐานการสื่อสารข้อมูลในเรื่องต่างๆ โดยจะมีคณะกรรมการหลายชุด ซึ่งแต่ละชุดจะก าหนดมาตรฐานเฉพาะเรื่องเท่านั้น และชื่อคณะกรรมการจะใช้ค าว่า "ASC" ตามด้วยรหัสต่างๆ ที่แตกต่างกันไป เช่น คณะกรรมการ ASC X12 ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจ านวนมาก นักเทคนิคจากบริษัททั่วโลก มาร่วมกันพัฒนามาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือ EDI (Electronic Data Interchange) และจัดท าเอกสารที่เกี่ยวข้องส าหรับใช้ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก มาตรฐานดังกล่าวช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพ่ิมความสามารถของกระบวนการท าธุรกิจ อีกทั้งยังช่วยขยายระยะทางในการแลกเปลี่ยน

Page 23: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 23

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

ข้อมูลอีกด้วย ส าหรับข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับ ASC สามารถศึกษาเพ่ิมเติมได้จากเว็บไซต์ Accredited Standard Committee X12 6) CCITT (Consultative Committee for International Telephony and Telegraphy) เป็นองค์กรหนึ่งของ UN (United Nation) ซึ่ง UN คือ หน่วยงานที่ตั้งขึ้นระหว่างประเทศต่างๆ เพ่ือด าเนินการร่วมกันในเรื่องต่างๆ CCITT ท าหน้าที่ให้ค าแนะน าและประสานงานในการใช้มาตรฐานด้านการสื่อสารข้อมูล CCITT ได้พัฒนาโปรโตคอลที่ใช้ในการรับส่งข้อมูลผ่านโมเด็ม ระบบเครือข่าย และเครื่องโทรสารที่ใช้กันทั่วโลกในปัจจุบัน วัตถุประสงค์หลักขององค์กร CCITT คือ การรักษาและขยายการประสานงานเกี่ยวกับการใช้ระบบโทรคมนาคมทุกประเภท เพ่ือส่งเสริมการด าเนินงานด้านการพัฒนาและเพ่ิมประสิทธิภาพทางเทคนิค เพ่ือให้เกิดการบริการด้านการสื่อสารที่ดีขึ้น เพ่ิมความสามารถในการท างานของระบบการสื่อสารและเปิดให้สาธารณชนสามารถน าไปใช้ประโยชน์ได้ ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ.1993 CCITT ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ITU-TSS (International Telecommunication Union-Telecommunication Standardization Sector)" หรือเรียกสั้นๆ ว่า "ITU-T" โดยชื่อที่ตั้งเพ่ือให้คล้องกับชื่อของหน่วยงานอีกสองส่วนของ UN ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารโทรคมนาคม คือ ITU-R (International Telecommunication Union-Radiocommunication Sector) และ ITU-D (International Telecommunication Union-Development Sector) ส าหรับรายละเอียดเพ่ิมเติมเกี่ยวกับ ITU-T สามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์ Consultative Committee for International Telephony and Telegraphy และ ITU-T 7) ECA (The Electronic Components Association) เป็นสมาคมตัวแทนของผู้ประกอบการที่ด าเนินธุรกิจผลิตชั้นส่วนและผู้ผลิตวัตถุดิบส าหรับผลิตชั้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่ไม่หวังผลก าไร ท าหน้าที่สนับสนุนและตอบสนองความต้องการและความสนใจของอุตสาหกรรมและตลาดในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ และเพ่ือช่วยให้การจัดการห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่อยู่ในความดูแลของสมาคม เช่น หัวต่อหรือคอนเน็คเตอร์ สายเคเบิ้ล สายไฟ ฯลฯ นอกจากนี้ ECA ยังท าหน้าที่เป็นตัวกลางให้แก่บริษัทต่างๆ ในการเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิคการผลิต การวิจัยทางการตลาด แนวโน้มของเทคโนโลยีในอนาคต รวมทั้งการวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อีด้วย ส าหรับรายละเอียดเพ่ิมเติมเกี่ยวกับ ECA สามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์ The Electronic Components Association 8) EIA (Electronic Industrial Alliance) เป็นองค์กรที่ประกอบด้วยสมาชิก คือ บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมและผู้ประกอบธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ องค์กรนี้เป็นสมาชิกขององค์กรมาตรฐานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (ANSI: American National Standards Institute) ส าหรับหน้าที่หลักของ EIA คือ การก าหนดมาตรฐานการเชื่อมต่อในการรับส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ มาตรฐานที่เป็นที่รู้จักดันทั่วไป คือ RS-232 หรือบางครั้งเรียกว่า EIA-232 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับอุปกรณ์ต่อพ่วงอ่ืนๆ เช่น โมเด็ม เครื่องพิมพ์ ส าหรับรายละเอียดเพ่ิมเติมเกี่ยวกับ EIA สามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์ Electronic Industrial Alliance 9) TIA (Telecommunication Industry Association) เป็นหน่วยงานที่ท าหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้ผลิตผลิตภัณฑ์และบริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศที่จ าหน่ายในตลาดทั่วโลก ที่ไดร้ับมอบหมายให้ท าหน้าที่พัฒนามาตรฐานส าหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการสื่อสารระยะไกล เช่น สายเคเบิ้ล สายไฟ และหัวต่อที่ใช้ในระบบเครือข่ายแลน มาตรฐานที่ TIA ดูแลอยู่ประกอบด้วยมาตรฐานด้าน

Page 24: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

24 บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

เทคโนโลยีมากกว่า 10 มาตรฐาน ซึ่งมีกลุ่มผู้สนับสนุนมากกว่า 70 กลุ่ม ตัวอย่างของเทคโนโลยีดังกล่าว เช่น วิทยุเคลื่อนที่ส่วนบุคคล เสาอากาศแบบหอคอยสูง อุปกรณ์ต่อพ่วงแบบหลายฟังก์ชัน ดาวเทียม ระบบการติดต่อสื่อสารแบบเคลื่อนที่ ฯลฯ ซึ่งในแต่ละเทคโนโลยี ประกอบด้วยคณะกรรมการวิศวกรรมและคณะกรรมการย่อยที่ท าหน้าที่ในการก าหนดมาตรฐาน ส าหรับรายละเอียดเ พ่ิมเติมเกี่ยวกับ TIA สามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์ Telecommunication Industry Association 10) Web 3 D Consortium เป็นองค์กรมาตรฐานนานาชาติที่ไม่หวังผลก าไร โดยมีหน้าที่หลัก คือ การพัฒนาภาษาเวอร์ชวลเรียลริตี้มาร์คอัพ (VRML: Virtual Reality Markup Language) ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการรับส่งข้อมูลสามมิติ ปัจจุบันเว็บ 3 ดี สนับสนุนการพัฒนาคุณลักษณะ X3D ซึ่งเป็นมาตรฐานเกี่ยวกับรูปแบบของไฟล์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารแบบสามมิติและอยู่บนพ้ืนฐานของการใช้เอ็กเอ็มแอล มาตรฐานดังกล่าวเป็นมาตรฐานที่เปิดให้น า ไปใช้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส าหรับรายละเอียดเพ่ิมเติมเกี่ยวกับ Web3D สามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์ Web 3 D Consortium 11) IETF (Internet Engineering Task Force) เป็นองค์กรที่พัฒนาและส่งเสริมมาตรฐานอินเทอร์เน็ต ท างานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับองค์กร W3C และ ISO/IEC และท างานเกี่ยวข้องโดยตรงกับมาตรฐาน TCP/IP รวมทั้งชุดโปรโตคอลของอินเทอร์เน็ต (Internet protocol suit) IETF เป็นหน่วยงานที่ถูกก ากับดูแลโดยคณะกรรมการสถาปัตยกรรมอินเทอร์เน็ต (Internet Architecture Boards) IETF เป็นองค์กรมาตรฐานแบบเปิด โดยผู้ที่เข้ามาท างานเป็นผู้อาสาสมัครเข้ามาเอง ประกอบด้วยกลุ่มท างานต่างๆ โดยแต่ละกลุ่มจะสนใจเฉพาะด้าน และเมื่อท างานเสร็จกลุ่มนั้นก็จะหมดหน้าที่ พันธกิจหลักของ IETF คือ การเพ่ิมความสามารถในการท างานของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการผลิตเอกสารที่มีคุณภาพสูงเกี่ยวกับด้านเทคนิคที่มีผลต่อวิธีการออกแบบ การใช้และการจัดการอินเทอร์เน็ต ปัจจุบันได้จัดตั้งหน่วยงานย่อยชื่อว่า IETF Trust ขึ้นมา เพ่ือจัดการเกี่ยวกับการจดลิขสิทธิ์ ของเทคนิคและผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาโดย IETF ส าหรับรายละเอียดเพ่ิมเติมเกี่ยวกับ IETF สามารถศึกษาได้จากเว็บไซต ์Internet Engineering Task Force 12) W3C (World Wide Web Consortium) เป็นสมาคมนานาชาติที่ท างานร่วมกันเพ่ือพัฒนามาตรฐานของเว็บ พันธกิจ คือ การน าระบบเครือข่ายเวิลด์ไวด์เว็บไปสู่การใช้งานอย่างเต็มศักยภาพ ด้วยการพัฒนาโปรโตคอลและข้อแนะน าต่างๆ มากกว่า 110 มาตรฐาน โดยมาตรฐานดังกล่าวเรียกว่า ข้อแนะน า W3C นอกจากนี้ W3C ยังเกี่ยวข้องกับการให้การศึกษา การพัฒนาซอฟต์แวร์ และการให้บริการในลักษณะของการเปิดฟอรัม (forum) ส าหรับใช้เป็นช่องทางให้แก่นักวิชาการและผู้สนใจทั่วไปแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเว็บอีกด้วย ในอนาคต W3C ยังคงท างานอย่างต่อเนื่องเพ่ือขยายการเข้าถึงเว็บไปยังทุกๆ คน ทุกๆ ที่และอุปกรณ์ทุกๆ ประเภท ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลบนเว็บได้ รวมทั้งความพยายามที่จะท าให้คอมพิวเตอร์สามารถงานที่มีประโยชน์ได้เพ่ิมมากขึ้น เช่น การค้นหาข้อมูลและการใช้ข้อมูลร่วมกันโดยใช้เทคนิคข้ันสูง ส าหรับรายละเอียดเพ่ิมเติมเกี่ยวกับ W3C สามารถศึกษาเพ่ิมเติมได้จากเว็บไซต์ World Wide Web Consortium องค์กรที่กล่าวมานี้เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นมา โดยความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในอุตสาหกรรมการสื่ อสารข้อมูล และมีวัตถุประสงค์เพ่ือก าหนดมาตรฐานและพัฒนาอุตสาหกรรมการสื่อสารข้อมูลให้มีความก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป ซึ่งนับว่าเป็นความร่วมมือที่มีประโยชน์มากในระดับนานาชาติ

Page 25: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 25

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

กิจกรรมที ่1.2 1. เครื่องพิมพ์ทางไกลหรือเครื่องเทเลไทป์ คืออะไร 2. อาร์พาเน็ต คืออะไร และเกี่ยวข้องกับระบบอินเทอร์เน็ตอย่างไร 3. ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มีองค์ประกอบพ้ืนฐานหลักอะไรบ้าง 4. จงบอกประโยชน์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มา 3 ข้อ 5. จงบอกหน้าที่หลักขององค์กร IEEE มาโดยสังเขป 6. จงบอกหน้าที่หลักขององค์กร W3C มาโดยสังเขป 7. จงระบุหน้าที่หลักขององค์กร ISO มาโดยสังเขป

Page 26: บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น ... · 2020-01-29 · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการ ... 1.1

26 บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ปริญญา น้อยดอนไพร || การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย (Data Communication and Network)

เอกสารอ้างอิง กิตติ ภักดีวัฒนะกุล และสุธี พงศาสกุลชัย. (2554). เครือข่ายคอมพิวเตอร์. กรุงเทพฯ : เคทีพี คอมพ์ แอนด์

คอนซัลท.์ เกษรา ปัญญา. (2548). ระบบการสื่อสารข้อมูล Data Communication System. ภูเก็ต : มหาวิทยาลัย

ราชภัฏภูเก็ต. ฉัตรชัย สุมามาลย์. (2549). การสื่อสารข้อมูลคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย. กรุงเทพฯ : ไทยเจริญการ

พิมพ์. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. (2554). เอกสารการสอนชุดวิชาการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย

คอมพิวเตอร์ หน่วยที่ 1-7. พิมพ์ครั้งที ่2. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สยามโฟน. (2555). Mobilephone Catalog Online [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http : news.

siamphone.com/1/Phone. [19 กันยายน 2556]. สุธี พงศาสกุลชัย. (2551). เครือข่ายคอมพิวเตอร์. กรุงเทพฯ : เคทีพี คอมพ์ แอนด์ คอนซัลท์. อัมรินทร์ เพ็ชรกุล. (2551). ติดตั้ง ใช้งาน ดูแล Network Hi-Speed Internet. กรุงเทพฯ : ซัคเซส มีเดีย. โอภาส เอ่ียมสิริวงศ.์ (2549). เครือข่ายคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั่น. Answers Corporation. (2013). Samuel Finley Breese Morse [Online]. Available : http :

www.answers.com/topic/samuel-f-b-morse. [July 1, 2013]. Fitz Gerald Dennis. (2007). Business Data Communications and Networking. 7th Edition,

Publisher John Wiley & Song, Inc. Wikimedia commons. (2013, August 5). Alexander Graham BellHistory of telephony

[Online]. Available : http : commons.wikimedia.org/wiki/. [September 19, 2013].