นิตยสารแนว สารคดี...

90

description

นิตยสารอารัญ โครงการศิลปาชีพ บางไทรฯ จัดทำโดย นายจักรกฤษณ์ ขุนทน นายณัฐวัฒน์ ไข่เจียว นายวรธรรม หนูประดิษฐ์ นางสาวปารมี ปิยะสิริศีลป์ นางสาววรรณา วงษ์ถนอม คณะศึกษาศาสตร์ เอกเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒน์

Transcript of นิตยสารแนว สารคดี...

“พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ��ฉันก็จะเป็นป่า�� � � ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ�”

พระราชดำ�รัสในสมเด็จพระนางเจ้าฯ�พระบรมราชินีนาถ

� น้ำ�เปรียบเสมือนสายธารแห่งชีวิต�ป่าเปรียบเสมือนแหล่งวัตถุดิบและถิ่นอาศัยทั้งสองสิ่งนั้นสำ�คัญต่อชีวิตมนุษย์ทั้งสิ้น�พระราชินีทรงเปรียบในหลวงเป็นน้ำ��เพราะความเมตตาและน้ำ�พระทัยที่ในหลวงมีต่อพสกนิกรชาวไทยนั้น�เป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตของปวงชนชาวไทยเสมอมา�รวมทั้งพระองค์เองด้วย�น้ำ�เป็นปัจจัยสำ�คัญในการดำ�รงชีวิต�เราสามารถอยู่ได้เป็นเดือนๆ�โดยไม่ต้องรับประทานอาหาร�แต่ถ้าขาดน้ำ�เราจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน�๓�วัน�

|�STORY

พระราชินีทรงเปรียบตัวเองเป็นป่า�เพราะป่าเป็นเหมือนที่พักพิง�ที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่�ราษฏรทุกคนก็เป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในป่า�พระองค์จะทรงปกป้อง�ดูแลรักษา�สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นให้ปลอดภัยและเป็นสุข

�อาโปคือน้ำ�อารัญคือป่า

นิตยสารของเราทราบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว�และพระบรมราชินีนาถเป็นอย่างมาก�ดังนั้นเราจึงจัดทำ�นิตยสารที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับโครงการในพระราชดำ�ริของพระองค์�ซึ่งในเล่มปฐมฤกษ์นี้เราขอพูดถึงโครงการศิลปาชีพ��� นอกจากจะได้ช่วยเหลือพี่น้องชาวเกษตรกรแล้ว�พระองค์ยังทรงคิดว่านี่เป็นการดีที่จะอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของไทยไปด้วยในเวลาเดียวกัน�ดังนั้นแผนกต่างๆ�ในศูนย์ศิลปาชีพ�จึงเป็นงานช่าง�งานศิลปหัตถกรรม�และงานศิลป์ส่วนใหญ่จะเป็นของไทยทั้งสิ้น

� “ในหลวงทรงรับสั่งว่าการช่วยเหลือโดยการพระราชทานนั้น�เป็นการช่วยเหลือเฉพาะหน้า�ซึ่งช่วยเขาไม่ได้จริงๆ�ไม่เพียงพอ�พระองค์ทรงคิดว่าทำ�อย่างไรจึงจะช่วยเหลือชาวบ้าน�เกษตรกรได้เป็นระยะยาว�คือทำ�ให้เขามีหวังที่จะอยู่ดีกินดีขึ้น�ลูกหลานได้เข้าโรงเรียนได้เรียนหนังสือ�ซึ่งในหลวงได้ทรงดูแลเรื่องแหล่งน้ำ�ที่จะนำ�ไปทำ�การเกษตร�และให้พระราชินีดูแลเรื่องอาชีพเสริมสำ�หรับครอบครัวของเกษตรกร�ด้วยเหตุนี้เองพระราชินีจึงทรงคิดหาอาชีพเสริม�ให้แก่ครอบครัวชาวนาชาวไร่�จนเกิดเป็นมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ”�� � � � � �

� � � � � พระราชดำ�รัสในสมเด็จพระนางเจ้าฯ�พระบรมราชินีนาถ

หลังจากที่ครอบครัวของชาวบ้าน�และชาวเกษตรกรได้เข้าไปฝึกที่ศูนย์ศิลปาชีพนั้น�ทุกคนก็มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาก�ถึงแม้จะไม่ได้ร่ำ�รวย�มั่งมีถึงขนาดเป็นเศรษฐี�แต่ก็มีชีวิตได้อย่างสุขสบาย�ลืมตาอ้าปากได้�บางคนถึงกับยึดงานที่ศูนย์ศิลปาชีพเป็นอาชีพหลักเลยทีเดียว�� ภูมิปัญญา�และมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของไทยนั้น�สะท้อนให้เห็นถึงอารยธรรมของไทยที่มีมาแต่โบราณได้เป็นอย่างดี�แต่ปัจจุบันคนไทยนั้นไม่ค่อยเห็นความสำ�คัญของสิ่งเหล่านี้�มัวแต่ไปหลงใหลของแบรนด์เนมของชาวต่างชาติ�แต่ไม่เหลียวแลงานฝีมือของคนไทยด้วยกันเอง�ทั้งที่สินค้าของไทยนั้นมีเอกลักษณ์�และความงดงามพร้อม�มีคุณค่าไม่แพ้ชาติใดในโลก

ในฐานะที่เราเป็นคนไทย�“นิตยสารอารัญ”�จึงขอเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริม�อนุรักษ์�และเผยแพร่วัฒนธรรม�ศิลปหัตถกรรม�และงานช่างต่างๆ�เพื่อเป็นการสืบสานมรดกตกทอดที่บรรพบุรุษของไทยได้สร้างสรรค์ไว้ให้อย่างสมบูรณ์แบบ

สารบัญ

STORYพระราชดำ�รัสในสมเด็จพระนางเจ้าฯ�พระบรมราชินีนาถจากอดีต�:�สู่ศูนย์ศิลปาชีพ�บางไทรฯ�ในปัจจุบันศิลปะไทย�:��เลื่องลือไกลในต่างแดน��

CRAFTSMASTERมณีรัตน์แห่งโขนศิลป์พฤกษาชลาลัยจากเถาวัลย์สู่หัตถศิลป์สมบัติศิลป์ถิ่นอีสานผ้าไหมทองไทยสีสันแห่งการแต่งแต้มจากก้อนดินสู่ศิลป์แต้มสี��จิตวิญญาณแห่งการปั้นหลอมละลายจนได้รูป

INTERVIEWSอาจารย์โสภณ�บัวชาติ�อาจารย์จรัญ�สร้อยทอง�อาจารย์วันเพ็ญ�วงศ์สุวรรณ�อาจารย์มนู�สะเตกลัมส์�นาย�ธนาณัต�ธาตุมี�(น้องตี้)�คุณลำ�ไย��โกษะ�(ป้าแป๊ด)�นายอิทธิศร�สนธิ�(เหน่ง)�คุณสงกรานต์�ภาคศักดิ์ศรี�

WANDER�AROUNDศาลาพระมิ่งขวัญ�หมู่มวลพันปักษา...�หมื่นมัจฉาในวารี...�วิถีไทย�4�ทิศ�

FEELINGSร้อยเรื่องราวความประทับใจ�

1

6

9

101416202226323640

4244454648495051

52606872

80

จากอดีต : สู่ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ในปัจจุบัน

“....ข้าพเจ้าอยากเห็น ชาวนา ชาวไร่มีงานศิลปาชีพพิเศษเป็นงานเสริม

เพื่อเพิ่มรายได้ และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และเพื่ออนุรักษ์ศิลปะโบราณอันงามวิจิตรของไทย

ไว้ให้อยู่คู่แผ่นดินไทย.......”

พระราชดำารัสใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

6�|�อารัญ

“....ข้าพเจ้าอยากเห็น ชาวนา ชาวไร่มีงานศิลปาชีพพิเศษเป็นงานเสริม

เพื่อเพิ่มรายได้ และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และเพื่ออนุรักษ์ศิลปะโบราณอันงามวิจิตรของไทย

ไว้ให้อยู่คู่แผ่นดินไทย.......”

พระราชดำารัสใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯตั้งอยู่ที่ตำาบลช้างใหญ่อำาเภอบางไทรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

เป็นหน่วยงานหนึ่งที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำาเนินงานตามโครงการในพระราชดำาริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรม

ราชินีนาถโดยจัดการฝึกอบรมงานศิลปาชีพให้แก่บุตรหลานเกษตรกรชาวไร่ชาวนาตลอดจนผู้ยากไร้ผู้พิการ

ทุพพลภาพให้มีโอกาสได้ฝึกอบรมอาชีพด้านงานศิลปหัตกรรมพื้นบ้านของไทย

อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติที่ทรงคุณค่ายิ่งโดยปัจจุบันนายธานินทร์กรัยวิเชียรองคมนตรีรองประทาน

กรรมการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯและประธานกรรมการบริหารศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯได้มีความมุ่งมั่นอันแน่ว

แน่ที่จะนำาพาองค์กรแห่งนี้ให้ก้าวไกลปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งด้านการจัดฝึกอบรมอาคารสถานที่

ภูมิทัศน์และสิ่งแวดล้อมรวมทั้งอื่นๆที่เกี่ยวข้องอันส่งผลให้ศูนย์ศิลปาชีพฯในวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนา

ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก

ศาลาพระมิ่งขวัญ

ศูนย์รวมที่จัดแสดงสินค้าและนิทรรศการ

สินค้าจากศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ

อารัญ�|�7

ซึ่งสิ่งที่ปรากฎให้เห็นทั้งหลายทั้งปวงนี้บรรดาคนรุ่น

ใหม่ซึ่งประกอบด้วยครูนักเรียน

และผู้เกี่ยวข้องมิอาจรับรู้ได้ว่ากว่าจะมาถึงทุกวันนี้ทุก

คนในหน่วยงานได้ทุ่มเทกำาลังแรงกายแรงใจด้วยความเสีย

สละอดทนเพื่อให้โครงการในพระราชดำาริสัมฤทธิ์ผลตาม

วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งที่มุ่งสร้างคนสร้างงานสร้างอาชีพ

ก่อให้เกิดรายได้ในการดำารงชีวิตและพัฒนาคุณภาพชีวิต

ได้อย่างเป็นรูปธรรมดังที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบันนี้ล้วนมี

ประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจถ่ายทอดแก่ชนรุ่นหลังมากมาย

หลายประการ

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ

ในปัจจุบันนี้มีการพัฒนาก้าวหน้า

อย่างมากแต่สิ่งที่ดำารงอยู่อย่าง

ยั่งยืนและยึดถือเป็นแนวทางปฎิบัติ

มาอย่างต่อเนื่องคือการดำาเนินงาน

ด้านการจัดฝึกอบรมงานศิล-

ปาชีพอันเป็นพระราชประสงค์ของ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรม

ราชินีนาถโดยนายธานินทร์

กรัยวิเชียร์องคมนตรีมีนโยบาย

แน่วแน่ที่จะอนุรักษ์และพัฒนาทั้ง

ด้านทักษะฝีมือช่างและการผลิต

ผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านให้

ดีขึ้นเป็นลำาดับ

“ข้าพเจ้านั้นภูมิใจเสมอว่าคนไทยมีสายเลือดของช่างฝีมืออยู่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวนาชาวไร่หรืออาชีพใดอยู่สารทิศใดคนไทยมีความละเอียดอ่อนและฉับไวต่อการรับศิลปะทุกชนิดขอเพียงแต่เขาได้มีโอกาสได้เรียนรู้และ

ฝึกฝนเขาก็จะแสดงความสามารถออกมาให้เห็นได้”

8�|�อารัญ

���ศิลปะไทย�: ���เลื่องลือไกลในต่างแดน

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถมี

พระราชกรณียกิจเสด็จฯไปทรงเยือนต่างประเทศอยู่เสมอๆและ

ระหว่างการเสด็จฯไปในบางครั้งพระองค์ก็ทรงนำา

ผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯไปจัดนิทรรศการเพื่อ

เป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงของไทยและคนไทยให้ชาวต่างชาติได้

รู้จักเพิ่มมากขึ้นบ่งบอกให้เห็นความเป็นเลิศในด้านศิลปะและ

งานช่างฝีมือของไทยที่สืบทอดกันมาแต่โบราณความเป็นศิลปิน

ที่คงอยู่ในสายเลือดของชาวไทยทุกคนดังที่พระองค์มี

พระราชดำาริว่างานศิลปหัตถกรรมไทยเป็นงานที่ไม่ต้องอาศัย

หลักวิชาความรู้ใดๆมากนักหากแต่ผู้ฝึกฝนทุกคนจำาเป็นต้อง

มีก็คือความตั้งใจจริงบวกกับความเพียรพยายามและความมี

ใจรักในสิ่งที่ทำาเพียงเท่านั้นผลงานศิลปะที่ออกมาก็จะสามารถ

สะท้อนถึงจิตวิญญาณหรือเนื้อแท้ของความเป็นคนไทยออกมา

ได้เป็นอย่างดี

“ชาวต่างประเทศเช่นคณะทูตก็ได้ถามข้าพเจ้าเมื่อเอาสินค้าของศิลปาชีพไปแสดงถามว่า

เลือกสมาชิกมูลนิธิศิลปาชีพอย่างไรก็ตอบเขาไปตรงว่าเลือกจากความจนเห็นว่าครอบครัวไหนจนสุด

ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ก็จะเลือกคนเหล่านี้”

๑๑สิงหาคมพุทธศักราช๒๕๓๔

อารัญ�|�9

มณีรัตน์แห่งโขนศิลป์

10�|�อารัญ

|�CRAFTSMASTER

ห้องจัดนิทรรศการโขนเทิดพระเกียรติ

ภายในศูนย์ศิลปาชีพระหว่างประเทศ

หัวโขนนับเป็นงานศิลปะขั้นสูงที่รวมเอาผู้ที่มี

ความรู้ความชำานาญในเชิงช่างหลายสาขาเข้าไว้ด้วย

กันอาทิช่างหุ่นช่างปั้นช่างแกะสลักช่างกลึงช่างรัก

และช่างเขียนแต่ในทางปฏิบัติกว่าจะได้มาซึ่งหัวโขน

ที่ถูกต้องและสวยงามนั้นต้องอาศัยเทคนิคและองค์

ประกอบอื่นๆอีกมากมาย

การสร้างหัวโขนของไทยมีมาแต่โบราณสมัย

รัตนโกสินทร์ตอนต้นพบหลักฐานศีรษะพระครูฤๅษีใน

คลังศิลปะของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์

และศีรษะทศกัณฐ์ขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว

แห่งประเทศไทยสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาล

ที่๑และ๒แต่การสร้างหัวโขนมาเจริญถึงขั้นสูงสุดใน

สมัยรัชกาลที่๖ซึ่งถือเป็นยุคทองของวงการวรรณกรรม

และนาฏศิลป์ไทย

หากแม้นเปรียบเทียบความสิ่งงามเลิศ แสนประเสริฐคือแก้วแววเวหา โขนอันสูงเด่นล้ำานำาราคา สวยเพริศตาก็ย่อมเป็นเช่นมณี ชูชาติไทยให้เลิศเจิดจรัส ด้วยสารพัดวิชาการงานศักดิ์ศรี ช่างสิบหมู่ชูค่าในธานี ฤ หามีที่ใดหาไหนปาน กุมภนิยา กวีลิขิต

อารัญ�|�11

ปัจจุบันหัวโขนมิได้เป็นเพียงส่วนประกอบสำาคัญใน

การแสดงโขนเท่านั้นหากแต่หัวโขนได้กลายเป็นสัญลักษณ์

ทางศิลปวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของไทยไปแล้วดังจะเห็นได้จาก

หัวโขนได้ถูกย่อส่วนลงเพื่อจัดแสดงประดับประดาในสถาน

ที่ต่างๆเช่นตามโรงแรมห้องนิทรรศการห้องแสดงสินค้า

หัตถกรรมไทยเป็นต้นเป็นการเสริมสร้างบรรยากาศให้มีเสน่ห์

อย่างล้ำาลึกและมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นนอกจากนี้หัวโขนยัง

ได้กลายเป็นของสะสมสำาหรับผู้มีรสนิยมทางศิลปะอันละเมียด

ละไมอีกด้วย

แผนกช่างประดิษฐ์หัวโขนนั้นเป็นสาขาวิชาหนึ่งซึ่ง

นายธานินทร์กรัยวิเชียรองคมนตรีได้สั่งการให้จัดตั้งแผนกนี้

ขึ้นที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯสำาหรับฝึกอบรมนักเรียนศิลปาชีพ

เนื่องจากท่านตระหนักถึงคุณค่าของหัวโขนที่ใช้สวมใส่ศีรษะ

ในการแสดงนาฏศิลป์ชั้นสูงซึ่งเป็นเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมคู่

บ้านคู่เมืองของไทยที่มีมาแต่โบราณ

12�|�อารัญ

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯเป็นแหล่งประดิษฐ์สร้างสรรค์จรรโลงและอนุรักษ์งานศิลป์ท่านจึงมอบหมายให้นาย

โสภณบัวชาติเป็นผู้ดำาเนินการจัดตั้งพร้อมทั้งจัดเตรียมหลักสูตรจัดหาสถานที่จัดหาเครื่องมือวัสดุอุปกรณ์และอื่นๆ

ที่จำาเป็นโดยจัดตั้งขึ้นราวเดือนมิถุนายน๒๕๓๗

การจะทำาหัวโขนแต่ละหัวออกมาได้นั้นต้องอาศัยความประณีตและละเอียดอ่อนเป็นอย่างมากเพราะถ้าหาก

มีส่วนใดผิดพลาดจะไม่สามารถแก้ไขได้ต้องเริ่มทำาใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจะเห็นได้ว่าหัวโขนแต่ละประเภทมีความ

คล้ายคลึงกันหัวยักษ์หัวลิงหัวเทวดาจะมีรูปแบบโครงสร้างที่ใกล้เคียงกันแต่สิ่งที่ทำาให้แต่ละหัวนั้นแตกต่างกันก็คือสี

ยอดและลายเส้นบนใบหน้าซึ่งลายเส้นนั้นจะแสดงอารมณ์ของตัวละครออกมาได้ดีน้ำาหนักของเส้นที่ต่างกันเพียงเล็ก

น้อยก็สามารถเปลี่ยนอารมณ์ของตัวละครได้

อาจารย์โสภณบัวชาติอาจารย์ประจำาแผนกหัวโขน

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ

ผลงานวิจัย

การประดิษฐ์หัวโขนจากแกลบ

ตอซังข้าวโพดและผักตบชวา

อารัญ�|�13

พฤกษาชลาลัย

ผลิตภัณฑ์ที่ทำาจากผักตบชวาของศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร ฯ

ใช่ไร้ค่าราคาแม้นว่าด้อย� � ไม่ต่ำ�ต้อยพันธุ์น้ำ�อย่าทำ�ขำ��หากพินิจคิดตรองหมั่นลองทำ�� � อาจหนุนนำ�ทำ�ประโยชน์โปรดใคร่ครวญ� � � � � � � อัลมิตรา

14�|�อารัญ

เพราะผักตบชวาเป็นวสัดทุีห่างา่ยและมีอยูท่ัว่ทกุภมูิภาค

ของประเทศสามารถนำามาทำาเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลาก

หลายชนิดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการส่งเสริมอาชีพให้

กับเกษตรกร

แผนกช่างสานผักตบชวาจัดตั้งขึ้นโดย

นายประชุมมะนะศึกษานิเทศก์๗อดีตผู้เชี่ยวชาญ

ศึกษานิเทศก์กรมสามัญศึกษากระทรวงศึกษาธิการซึ่ง

ทางมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯได้เชิญมาเป็นวิทยากรใน

ปีพ.ศ.๒๕๒๖-๒๕๔๑ท่านเป็นผู้บุกเบิกแผนกช่าง

สานผักตบชวาที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ศูนย์ศิลปาชีพบาง

ไทรฯได้รับการยกย่องจากสื่อมวลชนในการบันทึกภาพ

ออกรายการคนไทยวันนี้ในหัวข้อเรื่อง“การทำากระดาษ

ผักตบชวา”และวารสารมติชนในคอลัมน์“ปัญญาจาก

แผ่นดิน”

บุคคลสำาคัญอีกท่านหนึ่งที่มีส่วนสืบสานงาน

ช่างสานผักตบชวามาจนถึงปัจจุบันคือนางลำาเพา

มะนะตำาแหน่งหัวหน้าแผนกช่างสานผักตบชวาใน

ปัจจุบันท่านได้อุทิศเวลามาช่วยราชการของศูนย์ศิล-

ปาชีพบางไทรฯด้วยดีตลอดมาเป็นผู้ให้ความรู้แก่ผู้

เข้ารับการฝึกอบรมให้เป็นช่างประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์ผักตบ

ชวาที่มีคุณภาพและมีคุณค่าทางศิลปะมีผลงานด้าน

การฝึกอบรมนักเรียนด้านการออกแบบและเป็นผู้ที่มี

ความรับผิดชอบในภารกิจและอุดมการณ์ในการสอนมี

ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการ

พัฒนาการฝึกอบรมงานศิลปาชีพแผนกช่างสาน

ผักตบชวาศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ

ลักษณะที่โดดเด่นของงานหัตถกรรมจักสาน

ผักตบชวาคือการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นนำาวัสดุที่หา

ได้ง่ายจากธรรมชาติมาเพิ่มมูลค่าเป็นการสร้างรายได้

คนในท้องถิ่นสามารถนำาผลิตภัณฑ์ไปจำาหน่ายยังท้อง

ตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศได้ซึ่งถือว่า

เป็นการแก้ปัญหาผักตบชวาอย่างสร้างสรรค์

ผักตบชวาเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น

ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางน้ำาสร้างความเสียหายให้กับ

ชลประทานการประมงการเกษตรสาธารณสุข

การคมนาคมและทางด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้ทรง

เล็งเห็นถึงปัญหาที่ยากจะแก้ไขนี้จึงทรงพระราชดำาริ

ให้นายธานินทร์กรัยวิเชียรองคมนตรีรองประธาน

กรรมการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯดำาเนินการหาช่าง

มาทำาผักตบชวาให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านอุตสาหกรรม

ด้านการศึกษาและเป็นการกำาจัดผักตบชวาอีกด้วย

โดยนำามาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำามาใช้

ประโยชน์ในชีวิตประจำาวันและก่อให้เกิดอาชีพสร้าง

รายได้ให้กับชุมชนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงที่

ส่งเสริมให้ชุมชนมีอาชีพและสามารถช่วยเหลือตนเองได้

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯจึงได้จัดตั้งแผนกช่าง

สานผักตบชวาขึ้นในปีพ.ศ.๒๕๒๖เพื่อเป็นการเปิด

โอกาสให้ผู้ที่สนใจทั่วทุกภูมิภาคของประเทศได้มาศึกษา

และนำาความรู้ไปประกอบอาชีพในท้องถิ่นของตนเองได้

อารัญ�|�15

จากเถาวัลย์สู่หัตถศิลป์ “ย่านลิเภาพืชเถาวัลย์อันลำา้ค่า”

16�|�อารัญ

ย่านลิเภาเป็นพืชพันธุ์ไม้เลื้อยชนิดหนึ่งมีสี

น้ำาตาลและสีดำาเหมาะสำาหรับนำามาใช้เป็นวัตถุดิบใน

งานจักสานมักขึ้นในป่าร้อนชื้นเช่นตามป่าทางภาคใต้

ของไทยกว่าจะเก็บย่านลิเภาแต่ละเส้นมาใช้งานได้จะ

ต้องใช้ความพยายามมากเพราะต้องเข้าไปเก็บถึงใน

ป่าและเลือกสรรเฉพาะเถาที่มีอายุกำาลังพอดีไม่แก่หรือ

อ่อนจนเกินไปจากนั้นจึงนำามาฉีกหรือปอกแล้วไปแขวน

ในที่ร่มเมื่อแห้งดีแล้วจึงรีดให้เรียบและทำาความสะอาด

พร้อมสำาหรับนำาไปจักสานต่อไป

การจักสานย่านลิเภาเป็นความรู้ศิลปะเก่าแก่

ของคนไทยที่มีมาตั้งแต่กรุงรัตนโกสินทร์เริ่มต้นขึ้นจาก

เมืองนครศรีธรรมราชและได้แพร่หลายมายังกรุงเทพ

เครื่องจักสานย่านลิเภานั้นเป็นงานละเอียดประณีตผู้ทำา

ต้องมีความอดทนสูงซึ่งผลตอบแทนที่ได้มานั้นก็คุ้มค่า

เพราะชิ้นงานที่ได้มีความสวยงามที่น่าภาคภูมิใจอีกทั้ง

ยังมีความแข็งแรงคงทนสามารถใช้งานได้นับร้อยปีแต่

เมื่อสิ้นรัชสมัยของรัชกาลที่๕เครื่องจักสานย่านลิเภาก็

เริ่มถูกมองข้ามและกลายเป็นวิชาช่างที่ใกล้จะสูญไป

งานจักสานย่านลิเภานอกจากจะงดงาม

ด้วยลวดลายของการจักสานแล้วยังงดงามด้วยสีผิว

ธรรมชาติของย่านลิเภาและสีผิวของตอกเส้นยืนที่

ทำาจากไม้ไผ่ทำาให้เกิดสีสลับกันงดงามบางครั้งยัง

เสริมส่วนประกอบด้วยเครื่องถมเงินและถมทองเพื่อ

เพิ่มมูลค่าความงามและคุณค่าของเครื่องจักสาน

ย่านลิเภาให้สูงขึ้น

อารัญ�|�17

ครั้งเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

พระบรมราชินีนาถโดยเสด็จตาม

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯไปประทับ

ณจังหวัดนราธิวาสทรงมีพระราชดำาริที่

จะฟื้นฟูและส่งเสริมงานจักสานย่านลิเภา

ขึ้นเพื่อเป็นอาชีพเสริมของราษฎรในขณะ

เดียวกันถือเป็นการฟื้นฟูศิลปะโบราณของ

ไทยให้กลับคืนมาเป็นสมบัติของชาติด้วย

โดยทรงเริ่มต้นจากการหาผู้เชี่ยวชาญมา

สอนสมาชิกศิลปาชีพในจังหวัดนราธิวาส

ศูนย์ศิลปาชีพสวนจิตรลดาสถาน

สงเคราะห์คนพิการและทุพพลภาพจังหวัด

สมุทรปราการและศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ

จังหวัดอยุธยา

เวลาผ่านไปกว่า๓๐ปีนับตั้งแต่

ทรงริเริ่มพระราชดำารินั้นบัดนี้ก็เป็นที่

ประจักษ์ชัดแล้วว่างานจักสานย่านลิเภา

ได้กลายเป็นงานหัตถกรรมชิ้นเอกชิ้น

หนึ่งและได้เป็นงานอาชีพที่มั่นคงผล

งานจักสานแต่ละชิ้นมีความงดงามคงทน

ถาวรและเป็น“สมบัติศิลป์”ที่จะตกทอด

เป็นมรดกไปยังคนรุ่นหลังสืบไป

18�|�อารัญ

งานหัตถกรรมย่านลิเภา

จากผู้เข้าฝึกศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ

งานจักสานย่านลิเภานั้นแสดงให้

เห็นถึงฝีมืออันประณีตความอุตสาหะของ

ช่างผู้ผลิตซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้

ครอบครองหรือผู้เป็นเจ้าของนอกจากนี้ยัง

มีการพัฒนารูปแบบและสร้างสรรค์ลวดลาย

ให้หลากหลายมากขึ้นอีกด้วย

ปัจจุบันจักสานย่านลิเภาไม่เพียง

แต่จะได้รับความนิยมจากชาวไทยเท่านั้น

ชาวต่างชาติก็มีความสนใจและนิยมใช้

ผลิตภัณฑ์จักสานย่านลิเภาเป็นจำานวนมาก

เช่นกันนั่นหมายความว่างานฝีมือของคน

ไทยชิ้นนี้ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ

อารัญ�|�19

ผลิตภัณฑ์จักสานลวดลายขิดเป็น

หัตถกรรมพื้นบ้านของภาคอีสานที่จำาลองลวดลาย

ของผ้าขิดชนิดต่างๆไว้ด้วยเส้นไม้ไผ่อย่างงดงาม

ถ่ายทอดวัฒนธรรมอีสานจากรุ่นสู่รุ่นสืบเนื่องกัน

มาอย่างไม่ขาดสาย

20�|�อารัญ

สมบัติศิลป์ถิ่นอีสาน

อาชีพจักสานเป็นอาชีพ

ดั้งเดิมของคนไทยควบคู่กับการ

ทำาไร่ทำานามาตลอดสิ่งของเครื่อง

ใช้ต่างๆในชีวิตประจำาวันของคน

อีสานจะเกี่ยวข้องกับการจักสาน

ไม้ไผ่ในหลายๆอย่างเช่นเครื่องใช้

ในชีวิตประจำาวันกระติบข้าวตะกร้า

ฝาชีหรือแม้กระทั่งที่อยู่อาศัยการ

จักสานจะเป็นกิจวัตรประจำาวันของ

คนอีสานตั้งแต่ครั้งโบราณกาลงาน

จักสานเป็นสิ่งของเครื่องใช้ที่มีความ

แข็งแรงเป็นอย่างดีต้องอาศัยความ

เพียรพยายามในการจักสานต้องใช้

ทั้งปากมือและเท้าเข้าช่วยในการ

จักสาน

นอกจากนี้งานจักสานยังมี

ส่วนช่วยให้ทุกคนในชุมชนมีส่วนร่วม

มีความสามัคคีและมีกิจกรรมร่วมกัน

ในการแสดงศิลปวัฒนธรรมเช่นใน

งานประเพณีของชาวอีสานจะมีการ

รำาเซิ้งกระติบรำาเซิ้งกระด้งกระจาด

และพาแลงเป็นต้นซึ่งแสดงให้เห็น

ศิลปวัฒนธรรมของชาวอีสานได้เป็น

อย่างดี

แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป

ผลิตภัณฑ์ที่หาได้ง่ายและราคา

ถูกก็ทำาให้ผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ที่

บรรพบุรุษอุทิศแรงกายและแรงใจ

ประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างสุดฝีมือเริ่มลบ

เลือนไปจากความนิยม

พ.ศ.๒๕๑๗วิทยาลัยครูได้

ติดต่อมายังราชเลขานุการใน

องค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถขอให้

นำาความกราบบังคมทูลสมเด็จ

พระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ

เพื่อให้ทรงช่วยอนุรักษ์งานจักสาน

ไม้ไผ่ลายขิดไว้พระองค์ก็ทรงกรุณา

รับงานจักสานไม้ไผ่ลายขิดเป็นโครง

การศิลปาชีพโครงการหนึ่งทันที

นายศรีทัดโสภาคะยังและ

ครอบครัวได้มาถ่ายทอดวิชาจักสาน

ไม้ไผ่ลายขิดให้แก่สมาชิกศิลปาชีพ

ณโรงฝึกศิลปาชีพภูพานราชนิเวศน์

จังหวัดสกลนครและต่อมายังโรงฝึก

ศิลปาชีพสวนจิตรลดาจนสามารถ

สร้างสรรค์สมาชิกฝีมือดีได้เป็น

จำานวนมากซึ่งหมายความว่างาน

จักสานไม้ไผ่ลายขิดจะไม่สูญสิ้นไป

จากวัฒนธรรมไทยอย่างแน่นอนมี

แต่จะทวีความละเอียดและประณีต

ขึ้นจนเป็นงานศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่

เชิดชูสมบัติวัฒนธรรมไทยให้ปรากฏ

แก่สายตาของคนทั่วโลก

จากไม้ไผ่จนกลายเป็นผลงานจักร

สานลายขิดไม้ไผ่ที่นำามาใช้ในงาน

จักสานไม้ไผ่ลายขิดนั้นต้องคัด

จากไม้ไผ่ที่มีอายุพอสมควรจึงจะได้

ปล้องไผ่ที่มีขนาดยาวพอเหมาะมี

เยื่อไผ่และเนื้อไผ่ที่มีความเหนียว

คงทน

เมื่อเลือกได้ไม้ไผ่ที่ต้องการแล้ว

สมาชิกจะนำามาผ่าซีกแล้วตากแดด

ให้แห้งจากนั้นจักสานเส้นตอกเล็กๆ

แล้วรูดให้เรียบด้วยเครื่องมือที่ทำา

ขึ้นเองเช่นฝากระป๋องที่เจาะเป็นรู

ขนาดต่างๆแล้วแบ่งบางส่วนย้อม

สีเพื่อนำาไปสานเป็นลวดลายตาม

ความต้องการ

ปัจจุบันแผนกจักสานไม้ไผ่

ลายขิดได้สร้างสรรค์สมาชิกผู้มีฝีมือ

และผลงานจักสานไม้ไผ่ลายขิดไว้

หลากหลายรูปแบบซึ่งสร้างความ

ประทับใจให้แก่ผู้ที่ชื่นชมในศิลปะ

อันละเอียดประณีตของไทยเป็น

อย่างมาก

อารัญ�|�21

ผ้าไหมทองไทย เกรียงไกรทั่วโลก...

เจ้าแต่งองค์ทรงโฉมประโลมโลก ดับทุกข์โศกซ่อนทุกข์ยุคลากเข็น สวมผ้าไหมประดิษฐ์วิจิตรเป็น ปักลายเส้นแซมศิลป์ฝากจินตนา คิดลวดลายบรรเลงเป็นเพลงขับ บรรจงจับกลีบพันคิดสรรหา แนบผิวนวลชวนชิดพิศโสภา งามบุหงาผิวผ่องเป็นยองใย หยาดกวี

22�|�อารัญ

ผ้าไหมนั้นถือได้ว่าเป็นราชินีแห่ง

เส้นใยทั้งปวงเพราะนอกจากจะเป็นเส้นใย

ที่ได้มาจากธรรมชาติแล้วยังสามารถดูด

ซับความร้อนและระบายอากาศได้อย่าง

ดีเยี่ยมอีกทั้งความงามเป็นประกายจาก

ภายในทำาให้ใครหลายๆคนต่างพากัน

หลงใหลในสีสันอันงดงามและคุณสมบัติ

อันซ่อนเร้นของมันการทอผ้าไหมนั้นนิยม

ทอกันมากในแถบภาคเหนือและภาค

อีสานที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากที่สุด

คือที่อำาเภอชนบทจังหวัดขอนแก่นซึ่งต่อ

มาทางศูนย์ศิลปาชีพก็ได้มาศึกษาและ

ขอคำาแนะนำาจากที่นี่เพราะต้องการจะ

อนุรักษ์ศิลปหัตถกรรมประจำาชาติเอาไว้

ในอดีตไหมไทยยังไม่แพร่หลายในตลาด

โลกมากนักขนาดคนไทยยังไม่นิยมนำาผ้า

ไหมมาตัดเย็บเสื้อผ้าเลยเพราะผ้าไหมถูก

ตีกรอบให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้ใหญ่เท่านั้น

ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมที่จัดจำาหน่ายภายใน

ศาลาพระมิ่งขวัญศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ

อารัญ�|�23

ในขณะเดียวกันนั้นสมเด็จ

พระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทรงมี

พระราชดำาริให้ก่อตั้งศูนย์ศิลปาชีพ

ขึ้นเพื่อส่งเสริมงานฝีมือภูมิปัญญา

ไทยดังนั้นผ้าไหม“มัดหมี่”จึงเป็น

ศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่ทรงให้ความ

สำาคัญและได้รับการส่งเสริมให้

พัฒนาในทุกขั้นตอนการผลิตทรง

ส่งเสริมให้มีการผลิตออกมาหลายๆ

รูปแบบทั้งแบบผืนยาวเรียบลาย

แถบยกดอกและภาพพิมพ์ความ

โดดเด่นของผ้าไหมจากศูนย์ศิลปา

ชีพบางไทรฯนั้นคือ

ความประณีตวิจิตรบรรจงที่สมบูรณ์

แบบเพราะงานทุกชิ้นนั้นทักทอด้วย

ฝีมือทั้งสิ้นไม่ได้ใช้เครื่องจักรเหมือน

ทางโรงงานอีกทั้งสีของผ้าไหมนั้นมี

ความสดและงดงามกว่าที่อื่นๆอย่าง

เห็นได้ชัดเพราะสีที่ใช้ย้อมผ้านั้นมา

จากวัตถุดิบทางธรรมชาติทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็นสีแดงจากดอกคำาฝอย

สีน้ำาเงินจากต้นครามสีเหลืองจาก

ขมิ้นชันสีเขียวจากต้นหูกวางหรือสี

ดำาจากลูกมะเกลือ

บรรยากาศโดยรวมภายในศูนย์ฝึก

แผนกทอผ้าไหมศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ

24�|�อารัญ

เหมาะสมกับคนทุกวัยและทุกโอกาส

จากภูมิปัญญาชาวบ้านที่มาจาก

คนในภาคเหนือและภาคอีสานของ

ไทยทำาให้ปัจจุบันผ้าไหมไทยกลาย

เป็นสินค้าสำาคัญของประเทศได้รับ

ความนิยมและเป็นที่ต้องการของ

ตลาดโลกไปแล้ว

เส้นใยที่สอดประสานจนเกิดเป็น

ลวดลายแห่งศิลปะบนผืนผ้าคือ

มรดกอันล้ำาค้าแห่งภูมิปัญญาไทยทุก

วันนี้ผ้าไหมนั้นเป็นที่แพร่หลายมาก

ขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ

เรียกได้ว่า“ผ้าทองของไทยเกรียงไกร

ทั่วโลก”

ผ้าไหมมัดหมี่นอกจากจะมี

ลวดลายที่สวยงามแล้วยังมีความ

ทนทานสามารถสวมใส่ได้หลายปีอีก

ด้วยปัจจุบันดีไซเนอร์ชั้นนำาทั้งชาว

ไทยและชาวต่างชาตินิยมนำาผ้าไหม

ทั้งผ้าพื้นและผ้ามัดหมี่ไปตัดเย็บจัด

แสดงแฟชั่นโชว์คอลเลคชั่นผ้าไหม

ให้เห็นกันอยู่บ่อยๆซึ่งผ้าไหม๒เส้น

นิยมตัดชุดสำาหรับสุภาพสตรีส่วน

ของผ้าไหม๔เส้นนำามาตัดเป็นเสื้อ

พระราชทานสำาหรับสุภาพบุรุษหรือ

ตัดชุดสูทเป็นการออกแบบผสมผสาน

ความงามของผ้าไหมไทยกับการตัด

เย็บอย่างประณีตในรูปแบบสากล

เพื่อช่วยเสริมให้บุคลิกของผู้สวมใส่ดู

สวยงามไม่ล้าสมัย

“เส้นใยที่สอดประสานจนเกิดเป็นลวดลายแห่งศิลปะบนผืนผ้า”

อารัญ�|�25

สีสันแห่งการแต่งแต้มวิจิตรศิลป์บนผืนผ้าใบ

� คุณเคยชมและสัมผัสผลงานภาพวาดสีน้ำ�มันแล้วหรือยัง�หากยังผู้เขียนอยากแนะนำ�ให้ท่านได้ลองสัมผัสสักครั้ง�รับรองได้เลยว่าคุณจะประหลาดใจและหลงเสน่ห์ศิลปะแขนงนี้อย่างแน่นอน

26�|�อารัญ

สีน้ำามันป้ายติดวิจิตรศิลป์ ศิลปินบรรจงให้คงเหมือนองค์

ประกอบรูปร่างมิลางเลือน เปรียบเสมือนของจริงพิงผ้าใบ

ปารมีปิยะศิริศิลป์

ภาพวาดเสมือนจริงที่ทุกคน

เห็นกันส่วนใหญ่ศิลปะเหล่านั้นเป็น

ภาพวาดสีน้ำามันทั้งสิ้นบางครั้งแทบ

แยกไม่ออกเลยว่าที่เห็นอยู่ตรงหน้า

นั้นเป็นภาพวาดหรือภาพถ่ายกัน

แน่ซึ่งการที่จะวาดได้ขนาดนั้นต้อง

อาศัยการฝึกฝนและประสบการณ์

ถึงแม้ว่าภาพวาดสีน้ำามันนั้นจะมีต้น

กำาเนิดมาจากฝั่งตะวันตกแต่คนไทย

นั้นก็สามารถสร้างสรรค์ภาพวาดสี

น้ำามันได้ไม่แพ้ชาติใดในโลกอีกทั้งยัง

มีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของ

ตัวเองด้วย

สีน้ำามันนั้นทำามาจากสีฝุ่น

ผสมกับน้ำามันผสมให้เข้ากันจนได้

น้ำาหนักสีอ่อนแก่ตามความต้องการ

ภาพวาดสีน้ำามันมักเขียนลงบนผ้าใบ

เพราะมีความคงทนมากกว่ากระดาษ

และสามารถกันน้ำาได้

อารัญ�|�27

ศิลปินใช้สีน้ำามันวาดภาพมา

หลายร้อยปีแล้วการวาดภาพสีน้ำามัน

นั้นใช้เวลานานบางครั้งอาจใช้เวลา

เป็นเดือนหรือเป็นปีก็ได้เพราะว่าสี

น้ำามันแห้งช้ามากเหมือนจะเป็นข้อ

เสียแต่ไม่ใช่มันกลับกลายเป็นจุดเด่น

เสียมากกว่าศิลปินสามารถแก้ไขงาน

ได้ง่ายเพียงแค่เขียนแก้ทับงานเดิม

รู้หรือไม่ว่าเพียงแค่เปลี่ยน

ส่วนผสมของสีน้ำามันงานของเราก็จะ

มีรูปแบบที่แตกต่างกันถ้าผสมด้วย

น้ำามันลินสีดจะทำาให้สีเหนียวและเป็น

มันแต่ผสมด้วยน้ำามันสนจะทำาให้สี

แห้งเร็วขึ้นแต่สีจะด้านส่วนพู่กันที่ใช้

ระบายสีน้ำามันนั้นต้องใช้พู่กันแบนที่มี

ขนแข็งเพื่อที่พูกันจะรองรับน้ำาหนักสี

ได้การวาดภาพนั้นมีองค์ประกอบอยู่

๓อย่างคือเส้นแสงและสี

ถ้าองค์ประกอบทั้ง๓สมบูรณ์แบบก็

จะได้ภาพที่สวยงามการร่างลายเส้น

นั้นถือเป็นส่วนที่สำาคัญที่สุดในการ

วาดภาพสีน้ำามันเพราะเมื่อลงสีแล้ว

สีนั้นก็จะทับเส้นที่เราร่างไว้หากวาด

ลายเส้นไว้ไม่ดีภาพที่ได้ก็จะมีรูปทรง

ผิดเพี้ยนดูไม่งดงามดังนั้นการวาด

ลายเส้นให้ดีจึงเป็นหัวใจของการวาด

ภาพหลายคนคงสงสัยว่าทำาไมภาพ

วาดสีน้ำามันนั้นจึงมีความมันเงา

เหมือนพ่นสเปรย์เคลือบทับจริงๆ

แล้วศิลปินทำาขึ้นหรือเปล่าเพื่อให้ผล

งานดูสวยงามมากยิ่งขึ้นคำาตอบคือ

ไม่ใช่เพราะความมันเงางามของผล

งานนั้นเกิดจากคุณสมบัติพิเศษที่มี

เฉพาะในสีน้ำามันเท่านั้นถือได้ว่ามัน

คือเสน่ห์ของภาพวาดสีน้ำามันเลยก็

ว่าได้

พระบาทสมเด็จพระบรม

ราชินีนาถทรงเห็นว่าศิลปะประเภท

นี้สามารถสร้างรายได้ให้กับคนด้อย

โอกาสที่มีความสนใจและความ

สามารถในด้านนี้ได้ดังนั้นพระองค์จึง

ทรงมีรับสั่งให้จัดตั้งแผนกช่างวาดสี

น้ำามันขึ้น

นักเรียนที่มาฝึกการวาด

ภาพสีน้ำามันจากศูนย์ศิลปาชีพนั้น

แค่เพียงมีความสนใจและความ

ตั้งใจก็สามารถสร้างสรรค์ผลงาน

ออกมาได้จะสังเกตได้ว่าทางศูนย์

มักจะนำาผลงานของนักเรียนไปวาง

ตามนิทรรศการและงานประกวด

ต่างๆอย่างมากมายและเป็นที่

แน่ชัดว่างานทุกชิ้นล้วนมีคุณค่าทาง

สุนทรียศาสตร์ทั้งสิ้น

28�|�อารัญ

อารัญ�|�29

ภาพวาดสีน้ำามันในรูปแบบธรรมชาติมีสีสันที่

สดใสดูแล้วเปรียบเสมือนมีชีวิตจริงๆ

จัดแสดงโชว์ณศาลาพระมิ่งขวัญศูนย์ศิลปาชีพ

บางไทรฯ

30�|�อารัญ

พระบรมฉายา

สาทิสลักษณ์ในหลวง

และเชื้อพระวงศ์ถือได้ว่า

เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ

ให้แก่นักเรียนหรือผู้เข้าฝึก

ในศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ

อารัญ�|�31

จากก้อนดินสู่ศิลป์แต้มสี

ตุ๊กตาดินเผารูปคนขนาดจิ๋วเนื้อตัวขาวละเอียดวาดลวดลายเสื้อผ้า

และส่วนต่างๆด้วยสีสันอันสดใสแต่ละตัวล้วนแตกต่างกันด้วยกิริยา

ท่าทางอันแช่มช้อยงดงามเลียนแบบอิริยาบถของคนจริงๆตุ๊กตาเหล่านี้

รู้จักกันดีในชื่อว่า “ตุ๊กตาชาววัง”

32�|�อารัญ

ในปีพ.ศ.๒๕๑๘ได้เกิด

เหตุการณ์อุทกภัยขึ้นทำาให้ไร่นาเสีย

หายจนหมดส่งผลให้ชาวบ้านว่างงาน

สมเด็จพระบรมราชินีนาถท่านได้ทรง

ตระหนักถึงความทุกข์ร้อนของพสก

นิกรชาวไทยพระองค์จึงทรงรับสั่งให้

ช่างฝีมือในวังนั้นออกมาสอนอาชีพ

แก่ชาวบ้านเพื่อใช้เป็นอาชีพเสริม

คุณจริยาสงวนชาติหนึ่ง

ในชาวบ้านจากตำาบลบางเสด็จผู้มี

ฝีมือในการปั้นอันโดดเด่นได้อาสา

มาฝึกสอนตุ๊กตาชาววังให้แก่ชาว

บ้านจากจังหวัดต่างๆที่มาฝึกอบรม

งานที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯซึ่งที่

บางไทรเองก็มีดินเหนียวซึ่งมีคุณภาพ

ดีเหมาะแก่การทำาตุ๊กตาชาววังเมื่อ

นักเรียนทำาผลงานเสร็จอาจารย์ก็จะ

คัดเลือกชิ้นงานที่ได้คุณภาพนำาขึ้นทูล

เกล้าถวายซึ่งพระองค์ท่านก็ทรงรับ

ซื้อผลงานทั้งหมดด้วยพระราชทรัพย์

ส่วนพระองค์มาโดยตลอด

อารัญ�|�33

เสน่ห์ของตุ๊กตาชาววังและ

ตุ๊กตาชาวบ้านนั้นอยู่ที่ฝีมือการ

ประดิษฐ์ที่ทำาด้วยมือล้วนๆตุ๊กตา

แต่ละตัวจึงมีความประณีตงดงาม

สามารถจำาลองทุกอิริยาบถของคน

แสดงให้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ใน

สมัยก่อนประเพณีวัฒนธรรมต่างๆ

ร่วมทั้งการละเล่นของเด็กไทยที่นับวัน

มีแต่จะเลือนหายไป

ตุ๊กตาชาววังถ้าหากมอง

เพียงแค่ผ่านๆก็คงจะเป็นเพียงตุ๊กตา

ดินเผาปั้นเท่านั้นไม่ได้มีอะไรที่แตก

ต่างและที่ชาวบานทำาขึ้นก็เพื่อหาราย

ได้เลี้ยงชีพแต่ถ้าหาลองมองลึกลง

ไปในตัวตุ๊กตาแต่ละตัวจะเห็นได้ว่า

เป็นตุ๊กตาดินเผาที่มีประวัติศาสตร์อัน

ยาวนานและแฝงไปด้วยความรู้สึก

ที่ไม่สามารถบอกได้สิ่งเหล่านั้นล้วน

มีความสำาคัญและทรงคุณค่าอย่าง

มากกับวิถีชีวิตของคนไทย

เกือบ๓๘ปีที่ผ่านมามี

นักเรียนจากศูนย์ที่สำาเร็จไปแล้ว

มากกว่า๘๐รุ่นถึงแม้บางคนที่จบไป

จะไม่ได้นำาความรู้ไปใช้โดยตรงแต่

ก็ยังมีบางคนที่นำาวิชากลับไปสอน

ผู้คนในหมู่บ้านของตนเองถ้ามีงาน

ดีๆก็นำากลับมาฝากขายที่ศูนย์ถือ

เป็นการสานต่อพระราชปณิธานของ

พระองค์ท่านที่มุ่งหวังให้ราษฎรมี

อาชีพเสริมและยังสามารถอนุรักษ์

ศิลปวัฒนธรรมที่มีมาแต่โบราณไว้ได้

อีกด้วย

ปัจจุบันการปั้นตุ๊กตาชาววัง

ที่สอนอยู่ในศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯมี

อยู่สองประเภทคือตุ๊กตาชาววังและ

ตุ๊กตาชาวบ้านทั้งสองชนิดทำาจากดิน

เหนียวคุณภาพดีจากบางไทรทั้งสิ้น

แตกต่างกันเพียงรายละเอียดในการ

ปั้นเท่านั้นหากเป็นตุ๊กตาชาววังจะ

ทำาการแกะและลงสีสักเสื้อผ้าหน้าตา

ให้สวยงามส่วนตุ๊กตาชาวบ้านนั้นจะ

มีเพียงโครงร่าง

34�|�อารัญ

� จากก้อนดินปลูกปั้นและสรรค์สร้าง� ทำ�รูปร่างวาดลวดลายให้สวยหรูแล้วแต่งแต้มสีสันให้น่าดู� � � � คนชั้นครูริเริ่มประเดิมมา� � � � � � � ����ปารมี�ปิยะศิริศิลป์

อารัญ�|�35

จิตวิญญาณแห่งการปั้น

36�|�อารัญ

นูนสูงนูนต่ำาลอยตัวมันคือ

รูปแบบของงานประติมากรรมที่ต้อง

อาศัยฝีมือการปั้นและเทคนิควิธีการ

ต่างๆมากมายปั้นหุ่นให้เหมือนแบบ

นั้นถ้ามีประสบการณ์และทักษะนิด

หน่อยก็สามารถทำาได้แต่ถ้าจะปั้น

ให้ผลงานดูมีชีวิตมีจิตวิญญาณนั้น

ศิลปินจะต้องใช้ใจใส่ลงไปเป็นส่วน

ประกอบด้วยประติมากรรมนั้นมีต้น

กำาเนิดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยแผ่นดิน

ของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ซึ่งปรากฏ

หลักฐานอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น

โบราณสถานหรือโบราณวัตถุซึ่งวัสดุ

ที่นำามาสร้างงานประติมากรรมนั้น

ได้แก่ปูนเพชรดินเผาไม้โลหะสำาริด

และทองคำา

อารัญ�|�37

รูปปั้นที่บ่งบอกถึงความเลือมใสในพระพุทธศาสนา

ประติมากรรมไทยส่วนใหญ่สร้างขึ้นด้วย

ความศรัทธาในพุทธศาสนา

จะเห็นได้จากพระพุทธรูปในสมัยต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นการปั้นการหล่อหรือการแกะสลัก

38�|�อารัญ

งานแผนกช่างประติมา-

กรรมศิลปาชีพมีการเลือกใช้วัสดุแต่

เดิมเป็นดินเหนียวแต่เนื่องจากดิน

เหนียวนั้นเวลาแห้งเนื้อดินมันจะแตก

ทำาให้ชิ้นงานนั้นเกิดความเสียหาย

จึงเปลี่ยนมาเป็นดินน้ำามันแทนซึ่งมี

คุณสมบัติที่พร้อมสำาหรับทำางานปั้น

ได้ตลอดเวลาในงานปั้นนั้นจะใช้วัสดุ

ทั้งหมด๔อย่างคือดินเหนียวดิน

น้ำามันขี้ผึ้งและปูน

แผนกช่างประติมากรรมนั้น

เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ.๒๕๒๔ซึ่ง

ดำาเนินการโดยนายมนูสะเตกลัมพ์

ครูช่างศิลปาชีพตัวแทนของอาจารย์

จากมหาวิทยาลัยศิลปากรมาสอน

งานช่างประติมากรรมให้กับนักเรียน

ศิลปาชีพที่ศูนย์ศิลปาชีพแห่งนี้

แผนกช่างประติมากรรมได้

ดำาเนินการสอนอบรมให้ความรู้กับ

ผู้ที่สนใจในงานปั้นทุกขั้นตอนโดย

หลักสูตรของแผนกนี้จะเน้นฝึกให้

นักเรียนรู้จักคิดเองเป็นสำาคัญปลูก

ฝังให้รู้จักการสร้างสรรค์ชิ้นงานที่

รวมเรื่องราวจิตวิญญาณและความ

หมายเข้าไว้ด้วยกัน

นักเรียนศิลปาชีพแผนกช่าง

ประติมากรรมต้องมีความอดทน

มานะและพยายามเป็นอย่างมาก

เนื่องจากการที่จะสร้างชิ้นงานขึ้นมา

สักหนึ่งชิ้นนั้นต้องอาศัยทักษะความ

สามารถและระยะเวลาที่ยาวนาน

กว่าแผนกช่างศิลปาชีพแผนกอื่นๆ

และงานประติมากรรมนั้นมีหลาก

หลายรูปแบบ

จุดหมายของงานปั้นของที่

อื่นๆคือการปั้นให้เหมือนแต่สำาหรับ

ที่ศูนย์ศิลปาชีพนั้นจะใส่ความพิเศษ

ลงไปจะเป็นการเพิ่มเนื้อหาและเรื่อง

ราวที่เราจะปั้นลงไปในหุ่นซึ่งก็คือ

การถ่ายทอดเรื่องราวการแสดงความ

รู้สึกอากัปกิริยาและอารมณ์หรือ

จะเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่าการเติม

จิตวิญญาณเติมชีวิตลงไปในหุ่นให้

หุ่นที่ปั้นนั้นสามารถถ่ายทอดความ

ต้องการที่เราจะสื่อสารแก่ผู้ชมผลงาน

นั่นเอง

อารัญ�|�39

ใครบอกว่าแก้วนั้นเป็น

ภาชนะที่ใช้สำาหรับดื่มน้ำาเพียงอย่าง

เดียวแก้วนั้นถือเป็นปัจจัยสำาคัญ

อย่างหนึ่งสำาหรับงานศิลปะการเป่า

แก้วเลยก็ว่าได้เพียงอาศัยความร้อน

ของไฟศิลปินก็สามารถเปลี่ยนแก้ว

ธรรมดาๆให้กลายเป็นอัญมณีล้ำาค่า

ได้แล้วเมื่อ๔,๐๐๐ปีก่อนคริสต-

ศักราชเชื่อกันว่าชนชาติอียิปต์เป็น

ชาติแรกที่ทำาแก้วขึ้นใช้แก้วที่ทำาขึ้น

เป็นแก้วใสและมีสีสันต่างๆเหมือน

ลูกปัดสีเพราะได้มีการขุดค้นพบ

ภาชนะแก้วในประเทศอียิปต์และ

ซีเรียต่อมาในยุคประวัติศาสตร์สมัย

กลางชาวเวนิชได้ใช้เวลานับศตวรรษ

ในการพัฒนาการทำาแก้วให้มีสีสัน

มากขึ้นและเริ่มดัดแปลงมาเป็น

เครื่องตกแต่งจนกลายเป็นเอกลักษณ์

หลอมละลายจนได้รูป

40�|�อารัญ

นอกจากนั้นยังต้องมีเทคนิคที่ถูกต้อง

ในการทำางานการควบคุมเปลวไฟ

การหมุนแก้วในระหว่างทำางานการ

เป่าลมไปในท่อแก้วการยืดแก้วและ

การตกแต่ง

แผนกช่างเป่าแก้วของศูนย์

ศิลปาชีพบางไทรฯได้จัดตั้งขึ้นเมื่อ

เดือนพฤศจิกายนพ.ศ.๒๕๒๙โดยมี

นายชูวิยกาญจน์เป็นอาจารย์ผู้สอน

และดูแลรับผิดชอบโดยได้รับความ

อนุเคราะห์จากสมาคมซอนต้า

เป่าแก้วงานหัตถกรรมที่เกิดจากฝีมือ

และความสามารถเฉพาะตัวสำาหรับ

ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพได้เปิดสอน

หัตถกรรมในหลายแขนงและการ

เป่าแก้วเป็นหนึ่งในงานหัตถกรรมที่

มีการส่งเสริมและมีการเรียนการสอน

ในศูนย์และได้สร้างอาชีพให้กับผู้

เรียนจนสร้างเนื้อสร้างตัวกันมาแล้ว

หลายต่อหลายคน

จุดเด่นของศูนย์ศิลปาชีพ

บางไทรฯนั้นคือสินค้าที่มีมาตรฐาน

เดียวกันทุกชิ้นงานสีสันสวยงามมี

หลากหลายรูปแบบทั้งที่เป็นรูป

แบบทั่วไปเช่นรูปสัตว์ต่างๆและ

ยังมีสินค้าที่ดีไซน์เฉพาะตามความ

ต้องการของลูกค้าการนำาแนวความ

คิดความเชื่อมาร้อยเรียงเป็นชิ้นงาน

ทำาให้ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่นมาก

ยิ่งขึ้น

การเป่าแก้วนั้นเป็นงานที่

ละเอียดอ่อนที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะ

และความอดทนในการสร้างสรรค์ชิ้น

งานแต่ละชิ้นล้วนมีความสวยงามน่า

ประทับใจรูปลักษณ์ที่งดงามผสม

ผสานกับความใสสะอาดของเนื้อแก้ว

ได้อย่างลงตัวต้องยอมรับเลยว่าเป็น

ผลงานที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง

ก่อนคริสตศักราช๒๐ปีมี

การค้นพบขั้นตอนกรรมวิธีในการ

ทำาเครื่องประดับจากแก้วภาชนะที่

ทำาจากแก้วและของมีค่าอื่นๆที่ทำา

ด้วยแก้วในซากปรักหักพังในเมือง

ปอมเปอีทำาให้ทราบว่าการผลิต

ภาชนะหรืองานศิลปะจากแก้วนั้นใช้

วิธีการเป่าแก้วมาตั้งแต่อดีตจนถึง

ปัจจุบันผู้ที่เป่าแก้วสามารถควบคุม

รูปร่างและขนาดแก้วได้ตามต้องการ

ขณะที่แก้วกำาลังร้อนอยู่การเป่าแก้ว

คือการนำาแก้วมาดัดแปลงให้เป็นรูป

ร่างต่างๆตามความต้องการการเป่า

แก้วนั้นมีความสัมพันธ์ระหว่างงาน

ทางวิชาการและศิลปะต้องอาศัย

การฝึกปฏิบัติให้มีความชำานาญจึง

จะสามารถเป่าแก้วได้ตรงตามความ

ต้องการได้

อารัญ�|�41

อาจารย์โสภณบัวชาติสอน

อยู่ที่แผนกช่างประดิษฐ์หัวโขนเป็น

เวลาหลายปีแต่เดิมไม่ได้มีความรู้ใน

เรื่องของการประดิษฐ์หัวโขนโดยตรง

แต่เพราะความชื่นชอบและใจรักท่าน

จึงศึกษาค้นคว้าเรื่องราวและวิธีการ

ต่างๆอย่างตั้งใจจากนั้นก็ได้รับเชิญ

ให้มาสอนที่ศูนย์ศิลปาชีพซึ่งตัวครู

โสภณเองก็ยินดีและเต็มใจเป็นอย่าง

มากครูโสภณเล่าว่าหัวโขนนั้นถือ

เป็นงานที่นำาศิลปะหลากหลายแขนง

มารวมกันเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า“งาน

แอพพลายอาร์ต”เพราะว่าหัวโขนมี

งานช่างสิบหมู่รวมอยู่ด้วยกันทั้งหมด

ต้องอาศัยทั้งความประณีตและความ

ละเอียดของการเขียนลายเพื่อให้ได้

มาซึ่งชิ้นงานที่มีคุณภาพและวิจิตร

งดงามบอกได้เลยว่าหัวโขนนั้นเป็น

งานที่บ่งบอกถึงศิลปวัฒนธรรมของ

เรามรดกชิ้นนี้เป็นเหมือนกับตัวแทน

ของประเทศไทย

โดยแท้ไม่ว่าจะไปจัดแสดงที่ใดผู้ที่

ได้รับชมก็รู้ว่าหัวโขนเป็นสัญลักษณ์

ทางศิลปวัฒนธรรมของประเทศไทย

ซึ่งบรรพบุรุษของเราได้สร้างสรรค์ไว้

อย่างลงตัวแล้วทางครูโสภณเองก็

มีข้อคิดดีๆมาฝากไว้ให้เยาวชนด้วย

เข้าใจว่าพวกดารานักร้องที่ชื่นชอบกัน

เยอะๆมันไม่ผิดหรอกมันเป็นความ

ชอบของคนแต่ละคนเราบังคับกันไม่

ได้จะบังคับให้เด็กชอบลิเกอะไรอย่าง

นั้นคงไม่ได้เพราะผู้ใหญ่บางคนก็ไม่

ได้ชอบแต่ว่าพวกศิลปวัฒนธรรมไทย

มันเป็นอะไรที่ไม่ต้องใช้ความชอบมัน

เป็นกำาพืดของเราอย่ามัวแต่ทำาอะไร

เกินเลยจนลืมความเป็นเรา“ประเทศ

ไหนก็ตามที่เป็นอารยประเทศ

ประเทศนั้นต้องมีศิลปวัฒนธรรม”จำา

เอาไว้

“ประเทศไหนก็ตามที่เป็นอารยประเทศ�ประเทศนั้นต้องมีศิลปวัฒนธรรม”�

42�|�อารัญ

| INTERVIEW

ความภูมิใจในหน้าที่ครูช่างศิลปาชีพ

นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันสูงสุดของชีวิตที่ได้มีโอกาสมาเป็นครูอบรมสั่งสอนบุตรหลาน

เกษตรกรผู้ยากไร้ผู้ด้อยโอกาสผู้ทุพพลภาพจึงเป็นสาเหตุให้เกิดแรงบันดาลใจจุดประกายผลักดันให้

นำาเอาความรู้ความสามารถที่มีอยู่ทุ่มเทให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อตอบสนองพระราชปณิธานต่อองค์

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถที่พระองค์ตั้งพระทัยไว้นับแต่เริ่มก่อตั้งมาจนถึงปัจจุบัน

แผนกช่างประดิษฐ์หัวโขนได้ตอบสนองสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพมีงานมีอาชีพทำาสร้างชื่อเสียง

ด้านวิจิตรศิลป์แสดงสู่สังคมให้เป็นที่ประจักษ์เป็นผลงานที่ได้รับการยกย่องในฝีมือความงดงามอัน

แสดงถึงเอกลักษณ์แห่งงานศิลปาชีพศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯอย่างแท้จริง

อารัญ�|�43

อาจารย์จรัญ�สร้อยทองแผนกช่างทอผ้าไหม�ครูศิลปาชีพ�บางไทรฯ

อาจารย์จรัญสร้อยทองสอนอยู่ที่แผนก

ช่างทอผ้าไหมตั้งแต่เริ่มก่อตั้งศิลปาชีพบางไทรฯ

เรียกได้ว่าเป็นครูรุ่นบุกเบิกเลยทีเดียวถ่ายทอด

ความรู้ให้กับลูกศิษย์ไปหลายต่อหลายรุ่นเป็น

เหมือนกับกำาลังสำาคัญของแผนกนี้เลยก็ว่าได้

ท่านบอกว่าสอนที่นี่ก็ต้องมีเหนื่อยบ้างแต่เพียงได้

เห็นความสำาเร็จของศิษย์ได้เห็นผืนผ้าที่สวยงาม

ท่านก็รู้สึกว่าชื่นใจหายเหนื่อยแล้วการที่เราจะ

ทอผ้าไหมนั้นต้องพิถีพิถันในทุกๆขั้นตอนเพราะ

ฉะนั้นถือว่าใครที่ทำาได้นี่คือเก่งมีวิทยายุทธ์ที่มี

อาวุธลับเป็นความรู้และฝีมือคนที่เก่งจริงต้องทำา

เป็นทำาเป็นกับทำาได้มันต่างกันความละเอียด

อ่อนมันจะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดงานที่มี

คุณภาพนั้นจะต้องใช้ระยะเวลาในการทำาไม่ใช่

แบบโรงงานทั่วไปที่เน้นปริมาณไม่เน้นคุณภาพ

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผ้าผืนหนึ่งเราจะใช้เวลา

เป็นปีนะอย่างนั้นเรียกขี้เกียจอย่างผลิตภัณฑ์ที่มี

คุณภาพของที่นี่คือจะใช้เวลาไม่เกิน๒เดือนขึ้น

อยู่กับความยากง่ายของลาย

หลังจากนั้นก็จะมีคนนำาไปตัดเย็บให้เป็นเสื้อผ้าต่างๆชุดได้รับ

ความนิยมจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาตินอกจากนี้อาจารย์ยัง

ฝากมาด้วยว่าอยากให้เยาวชนคนรุ่นใหม่หันสนใจงานหัตถกรรม

กันสักนิดไม่ได้บังคับว่าต้องชอบเพราะ”อาจารย์เชื่อว่าถ้า

ทุกคนได้มาลองทำาลองสัมผัสจริงๆพวกเขาต้องหลงมนต์

เสน่ห์จากเส้นใยไหมแน่ๆถ้าใครไม่เชื่อก็ต้องลองไม่ลอง

ไม่รู้”

ความภูมิใจในหน้าที่ครูช่างศิลปาชีพ

ก็ถ้าจะให้บอกว่าประทับใจตรงไหนมากที่สุดตอบว่า

ประทับใจผลงานที่ได้ทำาก็คงซ้ำาซากจำาเจดังนั้นครูก็จะขอตอบ

แบบแหวกแนวนะคะว่าประทับใจในตัวลูกศิษย์ที่มาฝึกเพราะ

จะเห็นได้ว่าที่นั่งๆกันอยู่ตอนนี้ก็มีอายุกันทั้งนั้นพวกเขาเป็นรุ่น

แรกๆเลยที่เข้ามาฝึกแล้วเขาก็หลงรักการทอผ้าไหมจริงๆมี

จำานวนไม่มากแต่ใจรักกับมีจำานวนมากแต่ไม่มีใจครูขอเลือก

แบบแรกดีกว่า

44�|�อารัญ

อาจารย์วันเพ็ญ�วงศ์สุวรรณ�แผนกตุ๊กตาชาววังครูศิลปาชีพ�บางไทรฯ

อาจารย์วันเพ็ญเป็นผู้ที่อยู่ในแผนกตุ๊กตา

ชาววังตั้งแต่ก่อตั้งตอนแรกอาจารย์ก็เป็นนักเรียนหนึ่ง

ในหลายๆคนที่เข้ามาฝึกแต่ด้วยความผูกพันและ

ความรักในงานศิลปะแขนงนี้อาจารย์วันเพ็ญจึงขอ

อาสาที่จะเป็นผู้สืบสานปณิธานของสมเด็จพระราชินี

และถ่ายทอดความรู้ให้กับคนรุ่นหลังเพื่อให้ตุ๊กตา

ชาววังยังคงอยู่คู่กับคนไทยสืบไป

อาจารย์วันเพ็ญเล่าให้ฟังว่าตุ๊กตาชาววังนั้น

เป็นเหมือนสิ่งที่อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของไทยไว้ผู้

ปั้นจะถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆผ่านอิริยาบถไม่ว่าจะ

เป็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่วัฒนธรรมประเพณีการละ

เล่นต่างๆหรือสำานวนสุภาษิตคำาพังเพยซึ่งถือว่าเป็น

ศิลปะที่มีประโยชน์และคุณค่าต่อประเทศชาติรวม

ทั้งเยาวชนคนรุ่นหลังเป็นอย่างมากแต่เป็นเรื่องน่า

เสียดายที่ปัจจุบันนั้นคนที่จะฝึกแล้วทำาหน้าที่สืบสาน

ต่อนั้นเหลืออยู่น้อยมากทั้งที่สมัยก่อนมีผู้สมใจอยู่

เยอะบางคนอาจเห็นตุ๊กตาจิ๋วที่ขายตามตลาดน้ำาอยู่

มากมายแต่รู้ไหมว่ามันไม่ใช่ตุ๊กตาชาววังมันขาด

ความประณีตและจิตวิญญาณไป

สุดท้ายที่ครูอยากจะฝากไว้คืออยากจะให้

เยาวชนเห็นความสำาคัญของตุ๊กตาชาววังมากขึ้นจะได้

มีการสืบทอดต่อกันไปเพราะไม่อย่างนั้นมันจะไม่มีอีก

แล้วถ้าเป็นงานฝีมือแขนงอื่นมันจะต้องอาศัยเครื่อง

มือเครื่องจักรแต่ตุ๊กตาชาววังนั้นไม่ต้องใช้ฝีมือการ

ปั้นของเราเองล้วนๆวัตถุดิบหาง่ายราคาถูกขาดอย่าง

เดียวคือคนทำาจึงอยากฝากให้ร่วมกันอนุรักษ์งาน

ศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยกันให้มาก

ความภูมิใจในหน้าที่� � � ครูช่างศิลปาชีพ

อยากบอกว่าทำาแล้วมันภูมิใจนะศิลปะที่เกิดจากสอง

มือของเราเองเป็นคนหนึ่งที่สามารถสืบทอดศิลปวัฒนธรรม

ของไทยได้แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่มากมายอะไรแต่ก็

ถือว่าคุ้มแล้วและที่สำาคัญความภูมิใจที่สุดในชีวิตคือการที่

ได้สืบสานปณิธานของสมเด็จพระราชินีพระองค์ท่านได้ให้

ความสำาคัญในเรื่องนี้มากเราเองในฐานะประชาชนที่มีความ

จงรักภักดีก็จะขอทำาหน้าที่ตรงนี้ต่อไปจะทำาตรงนี้ไปจนกว่า

จะมาไม่ได้ไม่มีเรี่ยวแรงมาอาจารย์พูดพร้อมยิ้มไปทำาให้เรา

ได้เห็นถึงปณิธานและความศรัทธาของอาจารย์ที่มีต่อพระองค์

ท่านอย่างแรงกล้า

อารัญ�|�45

และไม่จำาเป็นต้องมีพื้นฐานการปั้น

มาก่อนก็สามารถเรียนรู้ได้ซึ่งครูมนู

บอกว่าการที่ผู้ฝึกไม่มีพื้นฐานในการ

ปั้นมาเลยนั้นก็จะสามารถถ่ายทอด

ความรู้ได้โดยง่ายเพราะหากเป็นผู้ที่

เคยมีพื้นฐานของการปั้นมาแล้วนั้น

เมื่อครูสอนในสิ่งที่ผู้ฝึกอบรมเคยเรียน

มาแล้วก็อาจเกิดการต่อต้านในสิ่งที่

ครูมนูได้สอนไปว่าอาจารย์เก่าเคย

สอนมาแบบนี้จะมาสอนอีกแบบหนึ่ง

ได้อย่างไรเกิดความเชื่อที่แตกต่างกัน

หากคนที่ไม่เคยเรียนก็จะทำาตามที่ครู

มนูสอนทั้งหมดไม่มีข้อเปรียบเทียบ

จะสามารถใส่เนื้อหาข้อมูลได้ทั้งหมด

เรียกได้ว่าสามารถถ่ายทอดวิชาความ

รู้ได้ทุกขั้นทุกตอนกันอย่างละเอียด

เลยทีเดียวผู้ฝึกอบรมส่วนใหญ่แล้ว

ก็จะสามารถเรียนรู้และสร้างชิ้นงาน

ได้ตามระยะเวลาที่หลักสูตรกำาหนด

มาแต่บางคนนั้นจะเรียนรู้ช้าหรือเร็ว

ก็ขึ้นอยู่กับความรักในงานและความ

ตั้งใจของแต่ละบุคคลซึ่งบางคนครูได้

วางงานให้วันหรือสองวันก็สามารถ

สร้างสรรค์ชิ้นงานได้เสร็จสวยงามแต่

บางคนนั้นก็ไม่สามารถทำาได้

โดยการเรียนการสอนของ

แผนกช่างประติมากรรมครูมนูจะ

เริ่มสอนตั้งแต่การเริ่มดูภาพเป็นต้น

แบบการออกแบบการปั้นการทำาแม่

พิมพ์การลอกชิ้นงานคือสอนทุกขั้น

ตอนของงานประติมากรรมทั้งการปั้น

โมเดลงานปั้นลอยตัวนูนสูงนูนต่ำา

รวมทั้งสอนการปั้นจากชิ้นเล็กๆไม่ว่า

จะเป็นของชำาร่วยงานโมเดลไปจนถึง

การปั้นอนุเสาวรีย์ที่เป็นงานชิ้นใหญ่ๆ

กันเลยทีเดียว

อาจารย์มนู�สะเตกลัมส์�แผนกช่างประติมากรรมครูศิลปาชีพ�บางไทรฯ

อาจารย์มนูสะเตกลัมส์นั้นเริ่มทำางานเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ใน

แผนกช่างประติมากรรมหลังจากที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯก่อตั้งได้แค่

ปีเดียวก่อนที่จะมาสอนอาจารย์มนูเคยเป็นช่างอิสระมาก่อนที่บ้านมี

ธุรกิจรับหล่อพระพุทธรูปซึ่งก็มีรายได้ที่น่าพอใจแต่เพราะต้องการจะ

อุทิศตนให้กับงานช่างอยากถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับผู้ที่สนใจอาจารย์

จึงเลือกที่จะมาสอนที่นี่และคิดว่าจะไม่ไปไหนอีกด้วยครูมนูได้เล่าให้

ฟังว่าการคัดเลือกผู้ที่จะมาฝึกที่แผนกช่างประติมากรรมนั้นไม่มีข้อจำา

กัดใดๆทั้งสิ้นครูท่านรับผู้ที่สนใจฝึกทั้งหมดแต่ขอต้องมีใจรักในงาน

ประติมากรรมงานปั้นมีความอดทน

46�|�อารัญ

จุดเด่นของงานปั้นครูมนู

กล่าวว่างานปั้นมีหลายแบบถ้าวาง

ไว้แต่เดิมคือปั้นให้เหมือนก็จะได้แค่

ความเหมือนเท่านั้นหมายความว่า

หากปั้นสิ่งใดก็ได้อย่างนั้นควรใส่

เนื้อหาเข้าไปในหุ่นที่เราปั้นด้วยหาก

คุณจะเขียนนิทานเรื่องนึงมีเรื่องอะไร

คุณก็เขียนเข้าไปด้วยวางเรื่องเข้าไป

แล้วก็ใส่เนื้อเรื่องเข้าไปด้วยเหมือน

กับการเล่านิทานเรื่องหนึ่งแต่หุ่น

เนี่ยมันจะเขียนยากครูมนูยกตัวอย่าง

ให้ฟังสมมติว่าเป็นการปั้นนางรำาก็

ต้องเริ่มจากการเล่านางรำาคนนี้รำาเก่ง

มากเลยแล้วรูปร่างเขาเนี่ยสวยงาม

มากแต่ทีนี้เขาก็ถามว่าสวยยังไงผม

บอกว่าสวยใบหน้าก็สวยผมก็ปั้น

ออกมาให้ดูสวยแบบนี้เลยเหมือน

นางฟ้าเหมือนคนที่เราชอบนัยน์ตา

เขาก็สวยคุณก็ต้องปั้นนัยน์ตาออกมา

ให้เขาดูปากก็สวยจมูกก็สวยนี่ก็คือ

การเล่าและการรำาเนี่ยคือหุ่นทั้งหมด

สวยหมดเราปั้นออกมาให้ดูแล้วและ

การรำาเนี่ยก็คือใบหน้าเขาก็รำาไหล่

เขาก็รำามือเขาก็รำาทั้งเนื้อทั้งตัวแม้

กระทั่งเท้าเขาก็รำาก็ต้องปั้นออกมา

ให้เขาเห็นตรงนั้นนี่คือการเล่าเนื้อหา

ในหุ่นแต่ถ้าเราเล่าไม่เป็นอย่างมีผู้

หญิงคนหนึ่งกำาลังรำาอยู่หน้าตายัง

ไงก็ได้แล้วรำาออกมาดูแล้วไม่เหมือน

รำาดูแล้วเหมือนเอาหุ่นมาสตาฟ(ไม่มี

ชีวิต)แต่ในภาษาศิลปะเขาเรียกจิต

วิญญาณช่างที่จะเก่งหรือไม่เก่งมัน

ก็อยู่ตรงนี้คือเล่ายังไงให้มันละเอียด

ลออแล้วมองเห็นภาพแต่ถ้าปั้น

เหมือนในภาพที่เขาเอาภาพมาให้ดู

ส่วนใหญ่ถ้าช่างเก่งๆเขาจะอึดอัดคือ

เขาไม่สามารถที่จะเล่าได้คือเอาตาม

แบบก็ตามแบบไปเลยบางทีแบบ

แบบโดนถ่ายรูปมาไม่มีอารมณ์เขาก็

ปั้นอย่างนั้น

แต่ดูไร้อารมณ์ขาดความมีจิต

วิญญาณศิลปะเป็นแบบนั้นเขา

เรียกเหมือนมีวิญญาณและครูมนู

ยังบอกถึงการปั้นบุคคลที่เราเคารพ

นับถือถ้าเราไปยึดรูปตามหลัก

แล้วเราไม่รู้จักอุปนิสัยเขาไม่รู้จัก

อารมณ์เขาไม่รู้จักการปฏิบัติตน

ปั้นออกมาก็เหมือนซากศพแค่มี

ความเหมือนอย่างเดียวเท่านั้นแต่

ไม่มีเนื้อหาไม่มีอะไรเหมือนกับยืน

ไม่มีชีวิตแต่ถ้าตราบใดเรารู้จักคน

คนนี้ดีเราก็ใส่เนื้อหาได้ดีกว่าก็

เหมือนเล่านิทานให้หุ่นนั่นเอง

ความภูมิใจในหน้าที่ครูช่างศิลปาชีพ

คำาตอบคงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวอาจารย์เพราะสิ่งเหล่านั้นอยู่

รอบๆตัวของพวกเราผลงานทุกชิ้นมาจากฝีมือของลูกศิษย์มันเป็นเหมือน

กำาลังใจและแรงผลักดันให้เราอยากที่จะถ่ายทอดความรู้ต่อไปเรื่อยๆอย่าง

เต็มศักยภาพเพราะมันมีรูปธรรมให้เราเห็นว่า“เราไม่ได้สร้างแค่หุ่น�แค่รูปปั้น�แต่มันเหมือนกับว่าเราได้สร้างคนคนหนึ่งขึ้นมาด้วย”

อารัญ�|�47

นายธนาณัตธาตุมีหรือ

น้องตี้เป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ฝึก

อบรมแผนกช่างเป่าแก้วน้องได้

เล่าประวัติของตนเองและให้สัม-

ภาษณ์ไว้ดังนี้ผมเป็นเด็กบ้านนอก

ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีจึงได้เรียน

จบแค่ม.๓จึงตัดสินใจเดินทาง

เข้ามาหางานทำาในกรุงเทพฯตัว

ผมเองนั้นไม่อยากจะทำางานใน

โรงงานทำาก็ได้แค่เงินไม่มีความรู้

หรืออาชีพที่ติดตัวผมได้เลยอีกทั้ง

ยังไม่สามารถนำาไปประกอบอาชีพ

ในอนาคตด้วยน้องตี้เองได้เริ่ม

รู้จักแผนกนี้มาจากลุงคนหนึ่งที่เคย

มาฝึกก่อนเขาประทับใจและคิดว่า

มันมีประโยชน์ดังนั้นเขาจึงแนะนำา

และชักชวนน้องตี้ให้มาเรียนด้วย

แต่ตอนแรกน้องตี้ก็ได้เข้ามาชม

การฝึกอบรมของหลายๆแผนก

เพราะเขาต้องการจะเลือกสิ่งที่

เขาคิดว่าใช่มากที่สุดจนสุดท้าย

เขาก็เลือกที่จะฝึกที่แผนกช่างเป่า

แก้วเพราะเห็นว่าชิ้นงานมีความ

สวยงามและความมหัศจรรย์อยู่ใน

ตัว“แค่แก้วธรรมดาๆ มันกลายเป็นงานศิลปะที่น่าทึ่งได้”

ตอนนี้น้องตี้อยู่ในตำาแหน่งผู้ผลิต

ชิ้นงานขายตอนมาฝึกแน่นอนว่า

เขาไม่เคยมีความรู้หรือพื้นฐานด้าน

การเป่าแก้วมาก่อนเลยแต่ก็ได้

เรียนรู้ทุกๆอย่างจากที่นี่น้องตี้ได้

เล่าว่าการเป่าแก้วได้ชิ้นหนึ่งนั้น

ต้องอาศัยระยะเวลาในการฝึกฝน

ให้เกิดความชำานาญและสามารถ

สร้างสรรค์ชิ้นงานให้เกิดความ

สวยงามที่สุดเท่าที่เราจะสามารถ

ทำาได้ซึ่งศิลปะการเป่าแก้วนั้น

ไม่มีข้อจำากัดตายตัวไม่มีผิดไม่มี

ถูกเนื่องจากเป็นการสร้างสรรค์ชิ้น

งานที่ต้องค่อยๆทำาออกมาทีละชิ้น

ทำาให้แต่ชิ้นย่อมมีความแตกต่าง

กันออกไปแล้วแต่ช่างเป่าแก้วจะ

สรรค์สร้างชิ้นงานออกมานอกจาก

นี้น้องตี้ยังเล่าว่าการที่ได้มาฝึก

อบรมที่นี่นอกจากจะได้รับความรู้

และเทคนิควิธีการต่างๆแล้วเขายัง

ได้รับประสบการณ์และข้อคิดจาก

อาจารย์อีกมากมายเขาคิดว่าเขา

จะต้องฝึกฝนและพัฒนาฝีมือให้ดี

ยิ่งขึ้นไปอีกเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ

ด้านการเป่าแก้วมันเท่แบบมีสมอง

ซึ่งดีกว่าพวกวัยรุ่นคนอื่นๆที่คิดว่า

แค่ดื่มสุราสูบบุหรี่ก็โก้แล้วมันไม่

สร้างสรรค์เลย

นาย ธนาณัต ธาตุมี (น้องตี้) อายุ 17 ปีผู้ฝึกอบรมแผนกช่างเป่าแก้ว

ความประทับใจ

การที่ได้มาฝึกเป่าแก้วที่นี่ทำาให้

น้องตี้ได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์เด็กบาง

คนที่อายุเท่าๆกันก็ไม่ได้สนใจซึ่งถือว่าเขา

ใช้เวลาได้คุ้มค่าและยังมีอาชีพที่ติดตัวไป

อีกหนึ่งอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้กับ

ตนเองและครอบครัว“ทำางานกับไฟ แต่ใจต้องเย็น”

48�|�อารัญ

ป้าแป๊ดหรือนางลำาไยโกษะ

หนึ่งในสมาชิกแผนกช่างทอผ้าไหม

ป้าแป๊ดทำางานที่ศูนย์ศิลปาชีพแห่งนี้

ตั้งแต่ศูนย์ยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ

เรียกได้ว่าเป็นรุ่นบุกเบิกรุ่นแรกๆของ

แผนกช่างทอผ้าไหมเลยก็ว่าได้แต่

เดิมตนมีอาชีพทำาไร่ทำานาแต่เพราะ

ความหลงใหลในเส้นใยของผ้าไหม

สนใจในงานผ้าไหมป้าแป๊ดก็เลยเข้า

มาฝึกทอผ้าที่นี่

ตอนแรกป้าแป๊ดไม่มีความรู้

เรื่องผ้าไหมเลยป้าบอกว่ากว่าจะได้

มาเป็นผ้าไหมสวยๆต้องใช้เวลามาก

เดี๋ยวนี้นั่งไปนานๆก็ปวดหลังแต่เพื่อ

งานที่ป้ารักป้าก็อดทนและทำามัน

จนเสร็จถึงอายุจะมากแล้วแต่ก็จะ

ทำางานทอผ้าที่แผนกไปจนกว่าจะไม่

สามารถมาทำางานได้ตอนนี้ป้าแป๊ด

ได้ยึดอาชีพการทอผ้าไหมเป็นอาชีพ

หลักและมีอาชีพเสริมเป็นการปลูก

กล้วยขายผลไม้แทนบอกได้เลยว่าป้า

แป๊ดมีความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์

งานทอผ้าไหมเป็นอย่างมากสร้าง

งานที่มีคุณภาพเพื่อออกจำาหน่ายซึ่ง

เป็นการสร้างชื่อเสียงให้ศูนย์ศิลปา

ชีพให้เป็นที่รู้จักของคนไทยและชาว

ต่างชาติอีกด้วยเดี๋ยวนี้ผู้หญิงไม่ได้

มีแค่เสน่ห์ปลายจวักนะดูป้าแป๊ด

เป็นตัวอย่างสร้างเสน่ห์จากกี่ทอ

ผ้านอกจากจะได้ฝึกความละเอียด

ประณีตแล้วยังได้รักษาสืบทอดและ

อนุรักษ์สมบัติของชาติด้วย“ขนาดป้าไม่เคยเรียนหนังสือ ป้ายังคิด ยังทำาเลย แล้วพวกเราที่ได้เรียนหนังสือจะไม่คิดทำาอะไรหน่อยเลยหรือ” ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญา

ต่างๆของเรามันมีคุณค่า

ความประทับใจ ป้าแป๊ดเคยมีโอกาสเข้าเฝ้า

และรับเสด็จพระราชินีรวมทั้งเคยได้

รับรางวัลพระราชทานจากพระราชินี

เป็นเงินจำานวนหนึ่งแต่สิ่งที่ป้าประทับ

ใจที่สุดไม่ใช่เพราะเงินแต่เป็นเพราะ

ประโยคที่พระองค์ตรัสถามป้าแป๊ดว่า

ได้รับค่ายังชีพหรือไม่นั่นทรงแสดง

ให้เห็นถึงความห่วงใยในสมาชิกศูนย์

ศิลปาชีพเป็นอย่างยิ่ง

“การได้มาเป็นเป็นคนหลวง เป็นคนของพระราชินีจริงๆ แค่นี้ก็น่าภูมิใจมากพออยู่แล้ว ไม่จำาเป็นต้องได้รับค่าตอบแทนที่มากมาย เพราะทุกวันนี้ก็อิ่มอกอิ่มใจแล้ว แค่นี้ป้าก็นอนตายตาหลับแล้ว”

คุณลำาไย โกษะ (ป้าแป๊ด) อายุ 63 ปี ผู้ฝึกอบรมแผนกช่างทอผ้าไหม

อารัญ�|�49

พี่เหน่งบอกว่าตัวเองฝึกใช้เท้ามาตั้งแต่เล็กไม่

ว่าจะทำาอะไรล้วนก็ต้องใช้เท้าทั้งสิ้นดังนั้นการวาดภาพ

สีน้ำามันด้วยเท้านั้นจึงไม่เป็นอุปสรรคของเขาแต่อย่าง

ใดใช้ระยะเวลาเหมือนกับคนปกติที่เรียนรู้ทั่วไปฝีมือ

การวาดของพี่เหน่งนั้นถือว่าสวยอยู่ในระดับที่นำาผลงาน

ออกจำาหน่ายได้ซึ่งผลงานของพี่เหน่งก็ได้ถูกจำาหน่าย

ไปประมาณ๓๐ภาพแล้วแรงบันดาลใจในการทำางาน

วาดภาพสีน้ำามันของพี่เหน่งนั้นคือความชอบในงาน

ศิลปะการวาดภาพสีน้ำามันนั่นเองภาพวาดสีน้ำามันนั้น

หากไม่มีใจรักหรือว่าไม่ได้ชอบเมื่อมาเรียนก็จะเรียนรู้

และฝึกได้ไม่นานก็เลิกพี่เหน่งยังพูดเสริมให้ฟังต่อว่า

การที่ได้มาฝึกอบรมวาดภาพสีน้ำามันนอกจากจะได้

รับความรู้ในการทำางานศิลปะแล้วยังเป็นการฝึกสมาธิ

ความมีระเบียบวินัยความอดทนพระราชินีได้ก่อตั้งที่นี่

ทำาให้มีตรงนี้ขึ้นมารู้สึกว่าท่านมีบุญคุณมากเพราะว่าถ้า

เกิดไม่มีตรงนี้ก็จะลำาบากกว่าที่เป็นอยู่หลายขั้นเพราะ

โอกาสมันน้อยกว่าคนทั่วไปที่จะได้มีโอกาสมาเรียนอย่าง

นี้”อยากให้เยาวชนคนรุ่นใหม่หันกลับมาสนใจกันสักที

พระองค์ทรงสร้างไว้ให้แล้ว

ความประทับใจ “อยากฝากถึงคนที่มีความสมบูรณ์ทางร่างกาย

พร้อมแต่ว่าไม่ทำาอะไรเลยพี่คิดว่าทุกอย่างมันไม่ได้อยู่

ที่แขนขาแต่มันอยู่ที่ใจมากกว่าว่าใจอยากทำาไหมต่อ

ให้มีแขนขาแต่ไม่มีใจมันก็ไม่สามารถทำาได้บางคนไม่มี

ทั้งแขนขาเขายังใช้ปากได้ผมว่ามันใช้ใจมากกว่าอยู่ที่

เราจะสู้หรือไม่”

พี่เหน่งมีภูมิลำาเนาเดิมอยู่ที่จังหวัดสิงห์บุรีเป็น

หนึ่งในสมาชิกแผนกภาพวาดสีน้ำามันที่มีความน่าสนใจเป็น

อย่างยิ่งเนื่องจากพี่เหน่งมีความพิการแขนทั้งสองข้างมา

ตั้งแต่กำาเนิดโดยก่อนหน้านี้ได้ทำาอาชีพร้องเพลงและเล่น

พระเครื่องแต่ด้วยความชอบในงานเขียนรูปพี่เหน่งเลยลอง

มาฝึกทักษะการเขียนรูปโดยใช้เท้าแทนมือในการเขียนและ

วาดภาพซึ่งภาพวาดของพี่เหน่งนั้นสวยกว่าภาพของคน

อื่นๆที่ปกติด้วยซ้ำาไป

นายอิทธิศร สนธิ (เหน่ง) อายุ 48 ปีผู้ฝึกอบรมแผนกภาพวาดสีน้ำามัน

50�|�อารัญ

พี่จิ๋วหนึ่งในสมาชิกผู้เข้ารับการฝึกอบรมแผนก

ประติมากรรมแต่เดิมก่อนหน้านี้พี่จิ๋วเคยเปิดบริษัทเป็น

ของตัวเองเป็นธุรกิจเกี่ยวกับด้านสุขภาพทุกอย่างเหมือน

จะเป็นไปได้ด้วยดีแต่แล้วอยู่ดีๆมันก็ล้มเหลวอาจเพราะ

ธุรกิจประเภทนี้มีการแข่งขันกันสูงและความนิยมที่ลด

น้อยลงพี่จิ๋วเป็นคนที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและมี

ความคิดริเริ่มที่จะสร้างประติมากรรมเพื่อถวายให้แก่วัด

ที่ตนเองนั้นนับถือดังนั้นพี่จิ๋วจึงหันมาสนใจในงานศิลปะ

ประติมากรรมพี่จิ๋วเป็นคนที่มีความชอบในงานศิลปะ

งานศิลปะหลายประเภทรวมทั้งงานปั้นด้วยพี่จิ๋วไม่มีพื้น

ฐานในงานปั้นมาก่อนเลยจึงหันมาเรียนรู้เรื่องศิลปะและ

การเรียนศิลปะพี่จิ๋วอยากอนุรักษ์ศิลปะงานปั้นไว้เพราะ

เป็นภูมิปัญญาของไทยมาตั้งแต่โบราณดังนั้นพี่เขาจึง

มาเรียนที่แผนกนี้และเรียนรู้ฝึกทักษะในการปั้นเพื่อไป

สร้างสรรค์ผลงานไปถวายวัดด้วยฝีมือของตนเองเพราะ

มันภูมิใจมากกว่าและนอกจากนี้ยังเอาสิ่งที่เรียนไปคิด

ต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคตได้เวลาเราทำางานจิตใจและ

สมาธิเราก็จดจ่ออยู่กับงานซึ่งเป็นการฝึกสมาธิอีกอย่าง

หนึ่งเรียกได้ว่าได้ทั้งสติได้ทั้งปัญญา

ในตอนท้ายพี่จิ๋วฝากถึงเด็กรุ่นใหม่ได้น่าสนใจว่า

อยากให้เด็กๆรุ่นใหม่ใส่ใจและรักษาศิลปะไทยไว้ให้มาก

ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนงานปั้นและงานศิลปะในทุกๆแขนง

อยากให้เข้ามาศึกษาฝึกฝนทักษะต่างๆไว้เพราะว่าใน

อนาคตไม่รู้ว่าจะยังคงมีผู้เชี่ยวชาญที่จะถ่ายทอดวิชา

ความรู้อยู่อีกหรือเปล่าไม่อยากให้มันหายไป “ถ้ามาสำานึก คิดได้ในตอนที่สายเกินไป มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”

ความประทับใจ การมาฝึกที่ศูนย์ศิลปาชีพนั้นทำาให้พี่จิ๋วได้รับ

ทัศนคติและมุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับศิลปะซึ่งล้วน

แต่งดงามและมีคุณค่าทั้งสิ้นอาจารย์มนูก็ได้ถ่ายทอด

วิชาความรู้ให้อย่างเต็มที่เห็นหลายๆคนเขาทำาชิ้นงาน

สวยๆออกมาเยอะแยะพี่ก็ตั้งใจว่าพี่ต้องทำาให้ได้เหมือน

กันและพี่จะทำาความตั้งใจของพี่ให้เป็นจริง

คุณสงกรานต์ ภาคศักดิ์ศรี (พี่จิ๋ว) อายุ 44 ปีผู้ฝึกอบรมแผนกประติมากรรม

อารัญ�|�51

ศาลาพระมิ่งขวัญศูนย์จัดแสดงสินค้าศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ

52�|�อารัญ

������|��WANDER�AROUND

โดดเด่นอยู่กลางสนามหญ้ามี

ความงดงามเป็นอาคารทรงไทยจตุรมุขที่

มีชื่อว่า“ศาลาพระมิ่งขวัญ”เมื่อเดินเข้าไป

ในอาคารจะพบรูปภาพสีน้ำามันวิจิตร

งดงามและถัดไปจะเป็นห้องโถงขนาด

ใหญ่มองด้านบนจะพบว่าเป็นอาคาร4

ชั้นโอ่อ่ากว้างขวางมากทีเดียว

ในส่วนของชั้นล่างจะเป็นส่วน

ของการจัดแสดงสินค้าเล็กๆน้อยๆรวมทั้ง

เป็นสถานที่จำาหน่ายสินค้าด้วยเมื่อสังเกต

จะเห็นว่าในชั้นล่างแบ่งออกเป็นสองส่วน

อย่างชัดเจนโดยในส่วนแรกจะเป็นสินค้า

จากศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯส่วนที่สองจะ

เป็นสินค้าจากกลุ่มฝีมือต่างๆสามารถนำา

เอาสินค้ามาฝากจำาหน่ายได้ด้วย

อารัญ�|�53

ภายในมีสินค้าทั้งจากศูนย์ศิลปาชีพ

บางไทรฯและจากศูนย์ศิลปาชีพอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีสินค้าจากกลุ่มแม่บ้านอีกด้วย

54�|�อารัญ

อารัญ�|�55

พอขึ้นมาชมชั้นที่สองชั้นที่

สองจะแบ่งออกเป็นห้องนิทรรศการ

จำานวน2ห้องโดยห้องนิทรรศการ

ที่1เป็นห้องที่ใช้จัดแสดงผลงาน

ประเภทเป่าแก้วมีผลงานหลากหลาย

แบบตั้งแต่ขนาดเล็กจนไปถึงขนาด

ใหญ่ๆอย่างเช่นเรือเป็นต้นส่วน

ห้องนิทรรศการที่2เป็นห้องที่ใช้จัด

แสดงผลงานประเภทแกะสลักไม้เมื่อ

เข้าไปจะพบกันยักษ์วัดโพธิ์ตัวใหญ่

ที่บ่นๆประมานว่า“ยืนมาสองร้อยปี

เมื่อยขอพักก่อน”

เป็นผลงานแกะสลักไม้เป็น

รูปยักษ์วัดโพธิ์ที่กำาลังนอนพักผ่อนดู

แล้วก็ขบขันดีและยังมีผลงานแกะ

สลักลวดลายรูปแบบอื่นๆอีกมากมาย

นอกจากนี้ห้องนิทรรศการที่2จะพบ

ว่ามีแบ่งออกเป็นห้องอีกหนึ่งห้องเป็น

ห้องสำาหรับจัดแสดงหัวโขนและมี

พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จ

พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนาง

เจ้าฯพระบรมราชินีนาถขนาดใหญ่

ภายในห้องนี้ห้ามบุคคลภายนอกเข้า

56�|�อารัญ

มาถึงชั้นที่3ชั้นนี้จะแบ่ง

เป็นสามห้องเป็นห้องนิทรรศการ3-5

ชั้นนี้จะพบกับสีสันสวยงามในห้อง

นิทรรศการที่3เป็นห้องแสดงผลงาน

ภาพวาดสีน้ำามันภายในห้องมีภาพ

วาดมากมายล้วนแล้วแต่สวยๆทั้งนั้น

เมื่อสังเกตดูใกล้ๆก็พบกับการใส่ลาย

ละเอียดในภาพที่สมจริงมากภาพวาด

มีแสดงอยู่หลายประเภทเป็นภาพ

บุคคลภาพสัตว์ภาพทิวทัศน์ต่างๆ

ที่สำาคัญผลงานเหล่านี้ถูกวาดโดย

ศิลปินจากศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ

ทุกชิ้นงาน

อารัญ�|�57

มาต่อกันที่ห้องนิทรรศการที่4เป็นห้องแสดง

ผลงานจิตรกรรมประยุกต์ห้องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งห้องที่มี

สีสันไม่น้อยไปกว่าห้องก่อนนี้เพราะจะสังเกตเห็นการ

วาดลวดลายลงบนวัสดุต่างๆไม่ว่าจะเป็นถ้วยชาม

จานแจกันกระเบื้องเมื่อนำามาผสมผสานกับการใช้

สีต่างๆลวดลายรูปภาพมีความสวยงามทำาให้จาน

ชามเหล่านั้นดูมีคุณค่ามากขึ้นเลยทีเดียวห้องสุดท้าย

ห้องนิทรรศการที่4เป็นห้องแสดงผลงานประเภท

ตุ๊กตาดินเผาห้องนี้จะให้ความรู้สึกร้อนๆเพราะใช้ไฟสี

ออกส้มๆแต่ไฟนี้ช่วยให้ตุ๊กดินเผานั่นดูสวยงามขึ้น

ในห้องจะเห็นตุ๊กตาดินเผาจำานวนมากในแต่ละตัวมี

ความละเอียดอ่อนในการทำามากที่สะดุดตาเลยก็คือ

จะพบกับตุ๊กตาดินเผาที่จัดไว้เป็นชุดๆตัวอย่างเช่นชุด

วิถีชีวิตไทยเป็นการนำาเอาการปั้นหลายๆรูปแบบมา

รวมกันไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือคนเสาไฟฟ้าสามารถ

เล่าเรื่องราวได้ราวกับว่าภาพมีชีวิตในส่วนของชี้นที่

4นั้นจะเป็นห้องที่ใช้จัดการประชุมและสัมมนา

58�|�อารัญ

ถ้วยชามจานแจกันกระเบื้องเมื่อนำามาผสมผสานกับการใช้สีต่างๆลวดลายรูปภาพมี

ความสวยงามทำาให้จานชามเหล่านั้นดูมีคุณค่ามากขึ้น

อารัญ�|�59

หมู่มวลพันปักษา...

หากพูดถึงศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯแห่งนี้หลายคนคงคิดว่าที่นี่จะมีแต่

งานหัตถกรรมแต่เพียงอย่างเดียวคุณอาจเข้าใจผิดเพราะศูนย์ศิลปาชีพบาง

ไทรฯแห่งนี้ยังมีหมู่บ้านสี่ภาคพระราชวังสวยๆศาลาริมน้ำาที่มีลมพัดตลอดวัน

และที่ขาดไม่ได้เลยเห็นจะเป็นในส่วนจัดแสดงสัตว์น้อยใหญ่ต่างๆที่ทางศูนย์

ศิลปาชีพบางไทรฯได้ตั้งใจจัดไว้คอยต้อนรับผู้มาเยือนเป็นอย่างดี

ในสวนนกมีเสียงร้องเจื้อยแจ้วของเหล่าหมู่นกอยู่ตลอด

เวลาและท่วงท่าการแหวกว่ายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ของเหล่าปลาในวังปลาที่ทำาให้ช่วยคลายความเหนื่อยล้าของผู้มาเยือนจาก

การเดินทางได้เป็นอย่างดี

60�|�อารัญ

สวนนกบางไทรฯ�จัดสร้างเป็นกรงนกขนาดใหญ่ที่จำ�ลองสภาพธรรมชาติเข้าไว้พร้อมกับนกนานาพันธุ์กว่า�50�ชนิด�ทั้งที่เป็นนกท้องถิ่นและนกหายากชนิดต่างๆ�เปิดให้เข้าชมทุกวัน�ปิดวันจันทร์�ตั้งแต่เวลา�09.00-16.30�น.�อัตราค่าเข้าชม�ผู้ใหญ่�10�บาท�เด็ก�5�บาท

อารัญ�|�61

62�|�อารัญ

หลังจากเราเดินชมศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯกันจนทั่วได้รับความรู้เกี่ยวกับ

งานหัตถกรรมกันอย่างเต็มที่แล้วก็ถึงเวลาของส่วนที่เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจกันบ้าง

นั่นก็คือสวนนกและวังปลานั่นเองถ้าหากยังไม่รู้ว่าจะเริ่มหาที่ตั้งของสวนนกและ

วังปลายังไง?เราก็สามารถเริ่มจากที่วงเวียนป้ายชื่อสัญลักษณ์ของศูนย์ศิลปาชีพ

บางไทรฯจากนั้นตรงมาเรื่อยๆจะพบสวนนกและวังปลาตั้งอยู่ติดกับสองข้างถนน

อย่างชัดเจนหาไม่ยากเลย

เมื่อถึงสวนนกแล้วดูจากข้างนอกจะเห็นนกกระจอกเทศตัวใหญ่อยู่ด้าน

หน้าเรียกความสนใจผู้ผ่านไปมาได้เป็นอย่างดีเราเสียค่าเข้าเพิ่มกันอีกคนละ10

บาทกับการเข้าชมสวนนกก็มีคนที่โอดโอยว่าทำาไมนะถึงต้องเสียเงินเพิ่มอีกทั้งๆที่

อยู่ในที่เดียวกันแต่พอเมื่อได้เดินเข้าไปสัมผัสบรรยากาศข้างในแล้วก็พบว่าเงิน

เพียงแค่10บาทนั้นไม่เป็นเรื่องใหญ่อะไรนักกับสิ่งที่ได้รับในการเดินชมสวนนกที่

สวยงามเช่นนี้

ตามสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่ให้ความร่มรื่นกับผู้ที่มาเข้า

ชมสวนนกมีกรงนกสำาหรับนกตัวเล็กสีสันสดใสไว้คอยต้อนรับส่งเสียงเจื้อยแจ้ว

ตลอดเวลาและทางด้านซ้ายของสวนนกก็ไม่ได้มีแต่เพียงแค่นกเท่านั้นยังมีสัตว์

ชนิดต่างๆที่หาชมไม่ได้ตามข้างนอกทั่วไปเช่นงูหลามเม่นจะเรียกได้ว่าสวนนก

แห่งนี้เป็นสวนสัตว์ขนาดย่อมๆก็ว่าได้เพียงแต่ที่นี่เน้นไปที่นกเป็นส่วนมาก

อารัญ�|�63

นกยูงอินเดียIndianPeafowl

ชื่อทางวิทยาศาสตร์:Pavocristatus

นกยูงอินเดียเป็นนกยูงที่มีขนาดเล็กกว่า

นกยูงเขียวหรือนกยูงไทยเล็กน้อยขนหงอน

จะมีลักษณะเป็นรูปพัดสีของผิวหนังบริเวณ

หน้าจะมีสีขาวและมีสีดำาคาดบริเวณตาขน

บริเวณคอและอกมีสีน้ำาเงินขนบริเวณปีก

เป็นลายสีขาวสลับกับสีดำาขนตามลำาตัวจะ

มีสีเขียวอมน้ำาเงินด้านหลังเป็นเกล็ดคล้าย

ใบไม้ในเพศเมียนั้นจะมีขนาดเล็กกว่าเพศผู้

ขนตามลำาตัวเป็นสีน้ำาตาลขนคอและหลังจะ

มีสีอ่อนกว่าเพศผู้

64�|�อารัญ

เดินมาอีกสักพักก็ได้เจอ

กับกรงนกที่มีสายพันธุ์ใหญ่รูปร่าง

ของกรงนี้เป็นโดมขนาดใหญ่มี

การจัดกรงนกข้างในเป็นกรงเล็กๆ

รอบๆของกรงใหญ่อีกทีหนึ่งแล้ว

ด้านในเป็นทางเดินให้ผู้ชมสามารถ

เดินเข้าไปชมความงามของนกสาย

พันธุ์ต่างๆได้อย่างใกล้ชิดมีทั้งนก

เงือกที่ปากแข็งแรงหรือนกยูงตัวผู้

ที่แข่งกันรำาแพนเพื่อต้อนรับผู้มา

เข้าชมอย่างแข็งขัน

อารัญ�|�65

เมื่อออกมาจากกรงนกสายพันธุ์ใหญ่แล้วก็พบกับ

กรงนกสายพันธุ์ที่เล็กกว่าแต่กลับมีขนาดของกรงที่ใหญ่กว่า

ข้างในนี้จัดแสดงนกไว้แบบปล่อยอิสระให้เราได้ใกล้ชิดกับ

นกมากที่สุดในทางเข้าจึงมีการทำาประตูเป็นสองชั้นเพื่อกัน

นกออกทั่วทั้งสวนนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่นที่จัดไว้เป็นอย่าง

ดีเพื่อบังแสงแดดให้กับนกชนิดต่างๆและรอบๆด้านนอกก็มี

กรงนกสายพันธุ์ที่หายากจัดวางอยู่คล้ายกับกรงก่อนหน้าที่

เราได้เข้าไปเราเดินตามทางเดินทวนเข็มนาฬิกาเรื่อยๆไป

ตามทางภายในกรงนกขนาดใหญ่นี้ตามทางเดินมีเก้าอี้ไว้

สำาหรับนั่งพักผ่อนอยู่ประปรายแสงแดดที่เล็ดลอดกิ่งไม้

ใบไม้ลงมาทำาให้บรรยากาศดูน่านั่งพักเป็นอย่างยิ่งเดินมา

ได้สักพักก็พบกับแอ่งน้ำาที่เป็นที่อยู่ของนกสายพันธุ์จำาพวก

นกเป็ดน้ำานกกระยางเป็นต้นเห็นพวกมันเล่นน้ำากันอย่าง

สนุกสนานก็ทำาให้เรารู้สึกสนุกไปด้วยและยังไม่หมดเพียง

เท่านั้นในกรงนกขนาดใหญ่แห่งนี้ยังมีสะพานที่อยู่สูงขึ้นไป

เพื่อชมนกที่บินกันไปมาอีกด้วยเราไม่รอช้าที่จะลองขึ้นไป

ชมเหล่านกบินกันและไม่เป็นที่ผิดหวังเราพบกับวิวที่แปลก

ตาบนยอดของต้นไม้เห็นรังของนกต่างๆที่กำาลังบรรจงสร้าง

อย่างพิถีพิถัน

66�|�อารัญ

อารัญ�|�67

หมื่นมัจฉาในวารี...

สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ�วังปลา�ขึ้นอยู่กับกรมประมง�กระทรวงเกษตรและสหกรณ์�มีนิทรรศการเกี่ยวกับการประมงและจัดแสดงปลาน้ำ�จืดนานาชนิดที่หาชมได้ยาก�เปิดให้เข้าชมทุกวัน�ปิดวันจันทร์�ตั้งแต่เวลา�10.00-16.00�น.�เสาร์-อาทิตย์�10.00–18.00�น.

68�|�อารัญ

ถึงคิวของวังปลากันบ้างอยู่

ฝั่งตรงกันข้ามกับสวนนกเราเดิน

กันเข้ามาถึงด้านหน้าของวังปลาก็

พบกับโดมสูงที่มีสีฟ้าตกแต่งด้วยรูป

ตัวปลาน้อยใหญ่เวลาเราพูดคุยกัน

กับเพื่อนร่วมทางก็เกิดเสียงดังก้อง

สะท้อนไปมาให้ความรู้สึกเหมือนกับ

อยู่ในถ้ำาที่รายล้อมไปด้วยปลาน้อย

ใหญ่

อารัญ�|�69

เราเดินเข้ามาเรื่อยๆจนถึงด้านในตามผนังด้าน

ขวามีการจัดแสดงข้อมูลให้ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับปลาน้ำา

จืดตามลุ่มน้ำาในประเทศไทยส่วนด้านซ้ายเป็นตู้ปลา

ขนาดใหญ่มีปลาน้ำาจืดหลากหลายสายพันธุ์นับหมื่นพัน

ตัวแข่งแหวกว่ายไปมาอยู่อย่างสนุกสนานด้านล่างของ

หน้าต่างมีข้อมูลเกี่ยวกับปลาชนิดต่างๆจัดแสดงอยู่เป็น

แถวยาวไปตามตู้ปลาตู้ใหญ่นี้พอเดินไปได้สักพักทาง

ด้านขวาก็เปลี่ยนจากส่วนจัดแสดงข้อมูลต่างๆเป็นเก้าอี้

สำาหรับนั่งพักผ่อนที่ด้านหลังมีฉากสวยงามอย่างเช่น

ตลาดน้ำาที่ผู้คนพลุกพล่านริมแม่น้ำาในยามเย็นเราก็ไม่

พลาดโอกาสที่จะเก็บรูปไว้เป็นความทรงจำาดีๆเดินไป

ถ่ายรูปไปส่วนของตู้ปลาใหญ่ก็หายลับสายตาเราไปมา

เข้าถึงในส่วนของตู้เล็กๆที่แสดงพันธุ์พืชและสัตว์น้ำาจืด

ที่มีขนาดเล็กบางตู้เราถึงกับต้องเพ่งมองเพราะสัตว์น้ำา

นั้นมีขนาดเล็กมากจริงๆทางด้านล่างของตู้ปลาก็มีข้อมูล

แสดงเกี่ยวกับสัตว์น้ำาชนิดนั้นๆไว้อย่างชัดเจนอีกเช่นเคย

ไม่เพียงแต่ได้เดินเล่นชมปลาเท่านั้นแต่ยังได้ความรู้ไป

เต็มๆอีกด้วยเราเดินไปชมความงามของเหล่าหมู่ปลาไป

เรื่อยจนเพลินไม่นานก็วนกลับมาถึงทางออกของวังปลา

70�|�อารัญ

การจัดแสดงอุปกรณ์ที่ชาวบ้านชาวประมง

ใช้ในการจับสัตว์น้ำาซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกันไป

บรรยากาศภายในวังปลาที่เป็นการจัดแสดงเหมือนโลกใต้น้ำาโดยภายในจะเป็นปลาน้ำาจืดทั้งหมด

อารัญ�|�71

วิถีไทย�4�ทิศ“หมู่บ้านศิลปาชีพฯ”ศูนย์ศิลปาชีพ�บางไทรฯ

72�|�อารัญ

มาในส่วนของหมู่บ้านสี่ภาคไม่น่าเชื่อว่าจะมีหมู่บ้าน

เรือนไทยในสมัยก่อนที่ทั้งสวยมีพื้นที่ขาดใหญ่กว้างขวางเอาเป็นว่า

เดินกันแทบจะไม่ไหวเลยก็ว่าได้และนอกจากนี้ภายในยังมีต้นไม้

ใหญ่และคลองที่ขุดขึ้นมาเองถูกล้อมรอบด้วยดอกไม้นานาชนิดที่แข่ง

กันออกดอกชูช่อประดับประดาตามทางเดินพอมันมาอยู่รวมกันแล้ว

มันเกิดความลงตัวได้อย่างสวยงามมากเลยทีเดียว

จากทางเข้าประตูด้านหน้าเดินเข้ามาก็จะได้เจอกับหมู่บ้าน

ภาคเหนือผมและเพื่อนๆที่มาด้วยกันเดินเข้าไปเยี่ยมชมหมู่บ้านสี่

ภาคอย่างเรื่อยๆเดินไปถ่ายรูปกันไปต้นไม้สองข้างทางที่ปลูกไว้

ตามแนวทางเดินของสวนตกแต่งของบ้านเรือนไทยให้ความร่มรื่น

เป็นอย่างดีใต้ถุนบ้านหลังต่างๆมีร้านค้าขายของที่ระลึกอยู่มากมาย

ตะกร้าของใช้สอยที่ทำาจากการสานเสื้อม่อฮ่อมและผ้าซิ่นของขึ้นชื่อ

ภาคเหนือที่ขาดไม่ได้ก็มีวางจำาหน่ายในราคาที่ไม่แพงบ้านเรือนไทย

ภาคเหนือบนยอดจั่วหลังคาจะมีป้านลมไขว้กันอยู่ที่เรียกว่า“กาแล”

ที่ทำาให้ดูแล้วรู้ทันทีว่านี่เป็นบ้านเรือนไทยของภาคเหนือเดินเที่ยว

ซื้อของอยู่นานพอสมควรก็ได้เวลาอาหารกลางวันพอดีทุกคนต่างลง

เสียงกันว่าจะไปรับประทานก๊วยเตี๋ยวเรือผมก็ไม่รอช้ารีบเดินนำาหน้า

เพื่อนๆไปด้วยความหิวเพราะตัวผมเองรีบเตรียมของจนไม่มีเวลารับ

ประทานอาหารเช้าเมื่อมาถึงร้านก๊วยเตี๋ยวพวกเราก็ไม่รอช้าสั่งก๊วย

เตี๋ยวกันคนละชามสองชามแต่ก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปเพื่อนๆตอนที่กำาลัง

รับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยและสิ่งที่จะขาดไม่ได้ในการรับ

ประทานก๊วยเตี๋ยวเรือนั่นก็คือแคปหมูอาหารขึ้นชื่อของภาคเหนือ

นั่นเอง

ภายในหมู่บ้านภาคเหนือจะมีสินค้าที่สั่ง

ตรงมาจากภาคเหนือเพื่อให้นักท่องเทียวได้เลือก

ซื้อสินค้าอย่างมากมาย

อารัญ�|�73

หลังจากที่ท้องอิ่มเราก็พร้อมที่จะเดินทาง

ต่อผมและเพื่อนๆพากันเดินข้ามสะพานเล็กๆไปยัง

อีกฝั่งหนึ่งซึ่งเป็นหมู่บ้านภาคกลางตัวบ้านเรือนไทย

ภาคกลางตัวบ้านสร้างขึ้นด้วยไม้เป็นเรือนชั้นเดียว

แบบเรียบง่ายมีการออกแบบให้ป้องกันความอบอ้าว

ของอากาศเรือนมีใต้ถุนสูงบรรยากาศหมู่บ้านรอบๆ

หมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับริมน้ำาอธิบายวิถีชีวิตของชาวภาค

กลางได้เป็นอย่างดีให้ความสงบกับผมอย่างบอกไม่

ถูกที่หมู่บ้านภาคกลางมีก็มีของขายวางเรียงรายอยู่

หน้าร้านค้าดูละลานตาเช่นกันเครื่องจักสานที่ทำาจาก

ไม้ไผ่อย่างเช่นตะกร้ากระเป๋าหลากสีตั้งอยู่ภายใน

ร้านจนแทบไม่มีที่ว่างสีสันของผ้าถุงสดใสที่แขวนอยู่

ริมร้านท้าแดดอย่างไม่กลัวสีซีดทำาให้เรียกความสนใจ

จากเพื่อนของผมที่มาเที่ยวด้วยกันได้เป็นอย่างมาก

เธอไม่รอช้าที่จะหยิบผ้าถุงหลากสีนั้นมาลองใส่จน

เกือบจะครบทุกผืนหมุนตัวไปมาอยู่นานสองนานกว่า

จะได้ผืนที่เขาคิดว่าเข้ากับตัวเธอที่สุด

74�|�อารัญ

อารัญ�|�75

ผมบอกเพื่อนๆให้ไปเดินเที่ยวต่อกันที่

หมู่บ้านภาคอีสานเป็นที่ต่อไปเพราะอยู่ติดกัน

เดินไปได้สักพักก็พบกับทะเลสาบขนาดเล็กที่เป็น

ศูนย์กลางของหมู่บ้านไทยสี่ภาคมีเวทีไว้สำาหรับ

จัดการแสดงต่างๆอยู่ใจกลางของทะเลสาบ

เสียดายที่วันนั้นผมไปไม่ตรงกับช่วงที่เขาจัดการ

แสดงกันเลยไม่ได้ดูแต่แค่มองดูเวทีที่อยู่กลาง

น้ำาก็ได้มุมมองที่แปลกตาดูสวยงามไปอีกแบบ

ลมเย็นที่พัดมาเรื่อยๆขณะที่กำาลังเดินทำาให้รู้สึก

เหมือนกับใช้เวลาในการเดินเพียงไม่กี่นาทีก็ถึง

หมู่บ้านไทยภาคอีสานที่ทางเข้าริมบ้านหลังแรก

มีหม้อใส่น้ำาไว้สำาหรับตักดื่มทำาให้เห็นถึงความมี

น้ำาใจที่ดีต่อกันของคนภาคอีสานมีน้ำาดื่มไว้เพื่อ

ให้เพื่อนบ้านหรือคนที่ผ่านไปมาได้ดื่มแก้กระหาย

เช่นกันตามใต้ถุนบ้านเรือนไทยมีของใช้พื้นเมือง

ของที่ระลึกชิ้นจิ๋วที่คนทำาคงใช้ความตั้งใจเป็น

อย่างมากในการทำาแต่กลับนำามาขายในราคา

เพียงไม่กี่สิบบาทผมก็ไม่ลืมที่จะสนับสนุนสินค้า

ไทยดีๆแบบนี้

76�|�อารัญ

อารัญ�|�77

ผ่านไปแล้ว3ภาคก็เหลือภาคสุดท้ายภาค

ใต้ถึงจะอยู่ในสุดของหมู่บ้านไทย4ภาคแต่การจัด

ตกแต่งของภาคใต้ก็สวยงามไม่เป็นรองภาคอื่นมีการ

จัดสวนหย่อมหน้าบ้านต่างจากภาคอื่นๆอย่างชัดเจน

มีมุมให้นั่งพักผ่อนที่มีต้นไม้ใหญ่ที่คอยให้ร่มเงาน้ำาพุ

ที่จัดแต่งอย่างตั้งใจตั้งอยู่ตรงกลางของสวนทำาให้

ได้ยินเสียงน้ำาไหลเบาๆให้ความรู้สึกสงบอยู่ตลอด

เวลาลมที่พัดเบาๆมาจากทะเลสาบทำาให้ผมเกือบ

จะหลับไปใต้ต้นไม้ต้นนี้บ้านหลังที่อยู่ใกล้กับสวนก็

มีสินค้าที่ทำาคล้ายหนังตะลุงที่ทำาเป็นของเล่นเด็กน่า

รักๆเพื่อให้ได้เด็กได้รู้จักหนังตะลุงผมเห็นแล้วก็ได้

แต่ยิ้มกับตัวเองที่เด็กรุ่นใหม่ๆต่อจากนี้จะรู้จักและ

สืบทอดมรดกวัฒนธรรมที่ดีงามของไทยเราต่อไป

�� การเดินเที่ยวชมหมู่บ้านไทยสี่ภาคครั้งนี้เป็นอะไรที่

ผมเรียกได้อย่างเต็มปากว่ามาเที่ยวเดียวแต่คุ้มค่ามากผม

และเพื่อนๆได้เดินเที่ยวดูบรรยากาศของหมู่บ้านที่จัดตกแต่ง

อย่างสวยงามแวะชิมอาหารขึ้นชื่อของภาคต่างๆและก็ได้

ของฝากติดไม้ติดมือที่มาจากทั้งสี่ภาคเพื่อนำาไปเป็นของ

ฝากของที่ระลึกได้อย่างดีอีกด้วยที่สำาคัญที่สุดผมเห็นว่า

คงจะเป็นความรู้ที่ได้รับเกี่ยวกับบ้านทรงไทยในภาคต่างๆ

วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของผู้คนภาคนั้นๆผมก็ได้แต่หวังว่า

ผู้คนรุ่นใหม่จะไม่ลืม

78�|�อารัญ

อารัญ�|�79

ร้อยเรื่องราวความประทับใจ

80�|�อารัญ

� |��FEELINGS

ภาพบริเวณท่าเรือชัยยุทธ�มีการจัดทำ�สวนย่อมและตกแต่งได้อย่างสวยงาม�สามารถมองเห็นแม่น้ำ�เจ้าพระยา�ที่ทอดยาวได้จนสุดลูกหูลูกตา

ที่อยู่ด้านหลังของศูนย์ศิลปาชีพ�บางไทรฯ�

อารัญ�|�81

และการทำานิตยสารเล่มนี้มันได้อะไร

ที่มากกว่าการทำาแค่นิตยสารหนึ่งเล่ม

เราได้เห็นคนที่นั่นเขาอยู่เขามีอาชีพ

และมีความสุขเพราะคนส่วนใหญ่

ที่มานั้นมาด้วยใจเรื่องเงินไม่ได้เป็น

ปัจจัยเลยบางครั้งเองกลุ่มของเราก็

คิดว่าถ้าเกิดไม่มีศูนย์ศิลปาชีพแห่ง

นี้งานหัตถกรรมที่ทรงคุณค่าบอกถึง

ความเป็นไทยได้เป็นอย่างดีก็คงจะ

ไม่มีให้เห็นในทุกวันนี้

ในการลงพื้นที่ของเราในครั้ง

นี้ถือว่าได้ประสบการณ์ใหม่ๆมาก

เลยทีเดียวได้นอนได้กินข้าวได้พูด

คุยกับเพื่อนที่ไม่ค่อยจะพูดกันเท่า

ไหร่ก็ได้รู้จักกันมากขึ้นในการทำางาน

ครั้งนี้เพื่อนๆทุกคนให้ความร่วม

มือกันเป็นอย่างดีถึงแม้บางครั้งก็จะ

มีความคิดที่แตกต่างกันบ้างแต่ใน

ที่สุดก็สามารถเลือกและนำาสิ่งที่คิด

ว่าดีที่สุดมาถึงเพื่อนบางคนอาจจะ

บอกว่าตัวเองช่วยงานน้อยแต่ผมเองคิดว่าผมได้เห็นความร่วมมือ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ที่เรามีให้กันถึงมันจะเหนื่อย ถึงขนาดนอนหลับกันบน

รถ แบบสลบไปเลย นั่นมันก็ทำาให้ผมได้เห็นบรรยากาศที่มันเกิดขึ้นได้ยาก

มากๆได้แต่นั่งคิดว่าเพราะอะไรนะ

ที่ทำาให้เรามาทำางานด้วยกันเมื่อทุก

อย่างเสร็จสิ้นเราก็แบ่งงานกันอย่าง

เป็นสัดส่วนประชุมกันน้อยครั้งที่สุด

เท่าที่จำาเป็นเพราะทุกคนก็สามารถรับ

รู้และเข้าใจในงานของตัวเองได้รับไป

ในการทำางานครั้งนี้ไม่รู้ว่ามัน

จะดีมากแค่ไหนแต่ที่สำาคัญคือกลุ่ม

ของเราเองสมาชิกทุกคนได้ทำาอย่าง

เต็มความสามารถที่จะสร้างสรรค์ผล

งานให้ออกมาดีที่สุดและหวังว่าเมื่อ

ท่านอ่านนิตยาสารของเราแล้วจะ

ทำาให้ท่านได้เห็นสิ่งต่างๆที่ผมคิดว่า

ตัวท่านเองก็น่าจะรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร

ในตอนแรกที่อาจารย์ได้มอบ

หมายงานให้มีการจัดกลุ่มทำานิตยสาร

ก็รู้สึกดีใจที่ตัวเองจะได้เป็นคนทำา

นิตยสารให้คนอื่นได้อ่านบ้างจากที่

เคยแต่เป็นผู้อ่านมาตลอดโดยการ

ผลิตนิตยสารครั้งนี้ก็ได้จัดทำาเป็นก

ลุ่มกลุ่มละ5คนโดยเราไม่สามารถ

เลือกเพื่อนที่เคยทำางานด้วยกันหรือ

สนิทกันได้เลยผมเองก็ไม่ได้อะไร

กับตรงนี้เพราะว่าตัวผมเองคิดว่า

สามารถร่วมงานกับเพื่อนทุกคนได้อยู่

แล้วในขั้นตอนต่อมาเมื่อสมาชิกครบ

กันแล้วก็พร้อมที่จะประชุมกันในการ

กำาหนดเป้าหมายเนื้อหาและชื่อของ

นิตยสารตอนแรกๆก็คิดกันไปต่างๆ

นานาว่าควรจะเป็นเรื่องของสุขภาพ

แฟชั่นฯแต่ในที่สุดเราก็สามารถหา

รูปแบบของนิตยสารของเราเจอซึ่ง

กลุ่มเราเองก็มีความมั่นใจว่ารูปแบบ

และข้อเด่นของเราก็สามารถที่จะสู้

กับนิตยสารของกลุ่มอื่นๆได้นั่นก็คือ

นิตยสารอารัญเล่มนี้เองครับ

รูปแบบของนิตยสารคือการถ่ายทอด

สืบสานวิถีหัตถกรรมที่มีคุณค่าของ

ความเป็นไทยให้ดำารงอยู่ต่อไปและ

ที่สำาคัญนิตยสารอารัญของเราได้

เห็นถึงปณิธานของสมเด็จพระนาง

เจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินินาถได้เห็น

ความสำาคัญและส่งเสริมให้ผู้ด้อย

โอกาสได้มีอาชีพและความเป็นอยู่ที่

ดีขึ้นเมื่อเราได้รูปแบบรายละเอียด

ของนิตยสารแล้วเราก็ได้นัดหมายเพื่อ

ทำาการลงพื้นที่สำารวจและเก็บข้อมูล

เมื่อเราได้ลงพื้นที่จริงๆก็ได้พบว่าเรา

ได้เห็นสิ่งต่างๆมากมายที่บางครั้งก็

ไม่สามารถเขียนหรือบรรยายออกมา

เป็นคำาพูดได้เพราะศูนย์ศิลปาชีพแห่ง

นี้เต็มไปด้วยงานฝีมือที่ค่อนข้างจะ

หาดูได้ยากผู้คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาฝึก

อบรมเพื่อฝึกอาชีพในนี้แต่ก่อนอาจ

จะเป็นแค่ผู้ด้อยโอกาสแต่ปัจจุบันนี้

บางแผนกก็ได้มีบุคคลทั่วไปได้เข้ามา

ฝึกหาประสบการณ์เพิ่มจากการเรียน

ในห้องเรียนในการลงพื้นที่ของเรา

ถือว่าคุ้มจริงๆครับ

นายจักรกฤษณ์�ขุนทน�� � � � ตำ�แหน่งออกแบบศิลป์

82�|�อารัญ

จากการทำางานในครั้งนี้

เป็นการทำางานร่วมกับเพื่อนกลุ่มที่

ไม่เคยร่วมงานกันมาก่อนสิ่งแรกที่

คิดคือไม่รู้จะทำางานด้วยกันได้ไหม

แต่เมื่อได้พูดคุยร่วมทำางานจริงแล้ว

จากการทำางานร่วมกับกลุ่มเพื่อน

ใหม่ๆทำาให้รู้สึกกระตือรือร้นในการ

ทำางานมากยิ่งขึ้นต้องรับผิดชอบใน

หน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดในการ

ทำางานครั้งนี้ทำาให้รู้ว่าการทำางานร่วม

กับเพื่อนกลุ่มใหม่ๆทำาให้ได้แนวคิด

ใหม่ๆกระบวนการทำางานที่แตกต่าง

กันออกไปแต่ล้วนแล้วนำาไปสู่ความ

สำาเร็จรู้สึกประทับใจในการทำางาน

อย่างทุ่มเทของเพื่อนๆสมาชิกในกลุ่ม

ทุกๆคนบางครั้งถึงขั้นอดหลับอดนอน

ในการทำางานปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น

ในการทำางานร่วมกันจะไม่มีปัญหา

อะไรต่างคนต่างทำาหน้าที่ของตัวเอง

อย่างดีที่สุดแต่จะเป็นปัญหาจากการ

ที่ได้รับหน้าที่ส่วนตัวในการถ่ายภาพ

เนื่องจากผลงานสินค้าต่างๆถูกเก็บ

ไว้ในตู้บางชิ้นงานมีขนาดเล็กมากจึง

ยากในการถ่าย

ไม่เคยมีประสบการณ์ในการถ่าย

ผลงานแบบนี้มาก่อนจึงอาจทำาให้

ภาพถ่ายได้มาไม่สวยเท่าที่ควรแต่ก็

ถือเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในการ

ได้ถ่ายภาพผลงานเหล่านี้เป็นการ

พัฒนาตัวเองไปด้วย

ที่สำาคัญในการทำานิตยสาร

อารัญซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับศูนย์ศิลป

าชีพบางไทรฯทำาให้ได้รู้ถึงพระ

ราชกรณียกิจในสมเด็จพระนาง

เจ้าฯพระบรมราชินีนาถเป็นพระ

ราชกรณียกิจที่เข้าใจวิถีชีวิตของ

ชาวนาชาวสวนซึ่งหลังจากหว่านนา

แล้วก็ใช้เวลาในการรอข้าวเติบโตรอ

ผลผลิตต่างๆเข้ามาทำางานในศูนย์

ศิลปาชีพต่างๆทั่วประเทศทำาให้เกิด

รายได้ขึ้นมาเป็นการฝึกฝีมืออีกด้วย

ที่สำาคัญศูนย์ศิลปาชีพยังมีครูใน

แต่ละสาขาแต่ละงานคอยสอนวิชา

ความรู้ให้อย่างเป็นกันเองสามารถนำา

ไปประกอบอาชีพได้ด้วย

ที่ประทับใจที่สุดในการ

ทำางานคือการได้พบกับผู้ชายคน

หนึ่งที่มีความพิการแขนลีบแต่ก็

ยังสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ

สามารถวาดรูปที่สวยงามได้ด้วยเท้า

ของเขาเขาได้สอนให้รู้ว่าคนเราเกิด

มาต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตทำาในสิ่ง

ที่รักเมื่อทำาในสิ่งที่รักแล้วผลงานที่

ออกมาก็จะดีไปด้วยทำางานอย่างมี

ความสุขถึงเขาจะเกิดมาพิการแต่

เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองพิการหรือไร้

ค่าเลยทุกวันนี้เขายังใช้ชีวิตอย่างมี

ค่ามีผลงานดีๆมีฝีมือจากการร่ำาเรียน

ไว้สำาหรับประกอบอาชีพที่สุจริตเขา

พูดว่า“เราต้องทำาให้ได้คนที่เขาเป็น

ยิ่งกว่าเราเขายังทำาอะไรๆได้”เป็น

เหมือนแรงผลักดันให้รู้สึกว่า“เรามีโอกาสมากกว่าเขา เราจะต้องทำาให้ดี ให้ได้”

นายณัฐวัฒน์�ไข่เจียว���� � � ตำ�แหน่งถ่ายภาพ

อารัญ�|�83

ตอนแรกก็ค่อนข้างไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับคอนเซปต์ของนิตยสาร

เท่าไรนักกับการที่ออกมาเป็นนิตยสารที่เกี่ยวกับศูนย์ศิลปาชีพบาง

ไทรฯเพราะคิดว่าคงจะยากและไม่น่าสนใจเท่าไรนักอาจจะเพราะเห็น

ว่ากลุ่มอื่นๆทำานิตยสารที่ทำาไปในทางที่คนให้ความสนใจแล้วก็คิดว่า

ถ้าเกิดหากมีการทำาขายจริงๆนิตยสารของกลุ่มเราก็คงจะขายไม่ออก

อย่างแน่นอน

แต่พอได้มีการแบ่งหัวข้อในการทำาก็เริ่มทำาให้ความคิดเปลี่ยน

ไปนิดหน่อยเพราะหัวข้อที่แบ่งออกมาก็ดูชัดเจนและก็มีเป้าหมายที่

แน่นอนและการออกไปทำาการเก็บข้อมูลก็ไม่ต้องออกไปเก็บข้อมูลจาก

ในหลายๆที่เหมือนกับกลุ่มอื่นๆตอนนี้เริ่มคิดว่าถึงจะเป็นนิตยสารที่ขาย

ไม่ออกแต่ก็คงจะมีสาระพอที่จะทำาให้มีผู้อ่านผู้ซื้ออยู่ในกลุ่มนึง

ในส่วนของการไปเก็บข้อมูลโดยตรงที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ

นั้นก็รู้สึกดีที่สมาชิกในกลุ่มมีรถขับทำาให้สะดวกสบายเป็นอย่างมากถึง

แม้ว่าจะไม่รู้ทางว่าไปอย่างไรแต่ก็ไปถึงจนได้การเก็บข้อมูลก็เป็นไปได้

ด้วยดีก็คงเพราะมีการเตรียมตัวไปแล้วว่าจะเก็บข้อมูลของทางแผนก

ไหนบ้างในศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯถึงแม้ว่าจะเหนื่อยมากกับการเดิน

ไปมาจนทั่วแต่ก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆกับข้อมูลที่ได้ไป

การแบ่งงานกันเขียนคอลัมน์

ก็ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีอะไร

ติดขัดถึงแม้จะมีงานในวิชาอื่นๆเข้า

มาด้วยในเวลาเดียวกันแต่ก็พยายาม

จัดคิวว่าวิชานี้นะต้องเสร็จในวันนี้ๆ

แล้วก็ทำาวิชานี้ต่อนะประมาณนี้

และสุดท้ายก็รู้สึกขอบคุณทุกคนที่ทำาให้ได้งานออกมาจนได้ถึงขนาดนี้ แล้วก็รู้สึกผิดนิดๆ ที่ไม่สามารถช่วยเหลือเพื่อนในกลุ่มได้อย่างเต็มที่ และดีใจที่ได้ร่วมกลุ่มกับทุกๆคน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นกลุ่มที่มาจากการจับฉลากก็ตาม ตอนนี้ก็รักสมาชิกทุกคนในกลุ่มมากๆ ถ้าหากได้ร่วมงานกันอีกก็จะพยายามให้

� นายวรธธรม�หนูประดิษฐ์� � � � ตำ�แหน่งตรวจสอบ

84�|�อารัญ

ตั้งแต่แรกเลยตอนที่ได้รู้ว่า

ต้องทำานิตยสารนั้นดิฉันรู้สึกตื่นเต้น

มากเพราะจะได้ทำาอะไรแปลกใหม่

และสนุกสนานร่วมกับเพื่อนอยากทำา

เร็วๆจะได้ไปเที่ยวด้วยในตัวแต่พอ

ถึงเวลาจริงๆอาจารย์กลับให้เราแยก

กลุ่มกับเพื่อนๆแล้วจัดกลุ่มใหม่บอก

ได้คำาเดียวเลยว่าตอนนั้นเริ่มเครียด

แล้วเพราะตัวดิฉันเองก็ไม่ได้มีความ

สามารถอะไรเท่าไหร่อีกทั้งเราไม่เคย

เห็นศักยภาพที่แท้จริงของสมาชิก

ในกลุ่มเลยการได้ทำานิตยสารใน

ครั้งนี้ทำาให้ดิฉันได้รับประสบการณ์

ใหม่ๆรวมทั้งความประทับใจอย่าง

มากมายไม่ว่าจะเป็นตอนคิดรูปแบบ

ของนิตยสารกำาหนดกลุ่มเป้าหมาย

รวมทั้งการดึงจุดเด่นของเราออกมา

ดิฉันคิดว่ามันยากและสำาคัญมากใน

ตอนนี้ต้องบอกว่าประทับใจจักรมาก

เพราะเขามีแนวคิดที่น่าสนใจและ

แตกต่างกับกลุ่มอื่นๆอย่างเห็นได้

ชัดเจน

หลังจากได้แนวทางแล้วเราก็ทำาการ

เก็บรวบรวมข้อมูลและสำารวจพื้นที่

สัมภาษณ์และถ่ายภาพในทันทีด้วย

จำานวนคนที่มีอยู่น้อยทำาให้ทุกคน

ทำางานกันแทบทุกหน้าที่แต่บางครั้ง

จำานวนคนที่น้อยก็มีข้อดีอยู่คือทุกคน

ได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่ในตัวอย่างเต็มที่

ในการทำางานเป็นกลุ่ม

แน่นอนว่าต้องมีความขัดแย้งเกิดขึ้น

จะมีเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มที่ดิฉันไม่

ค่อยชอบใจเท่าไหร่นักเขามักจะไม่

ค่อยทำาอะไรมอบหมายงานไปก็ทำา

ออกมาไม่ค่อยดีเป็นแบบนี้อยู่ระยะ

หนึ่งจนกระทั่งสมาชิกในกลุ่มทนไม่

ไหวทุกคนต่างพากันตำาหนิเขาหลัง

จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็รู้สึกได้ว่า

เขาปรับปรุงตัวดีขึ้นงานมีคุณภาพ

มากขึ้นซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีดิฉันเชื่อ

ว่าเขาสามารถที่จะทำาอะไรได้หลาย

อย่างและหวังว่าเขาจะพัฒนาตัวเอง

ให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ

ตอนที่ลงพื้นที่สำารวจศูนย์ศิลปาชีพ

บางไทรฯนั้นครูแผนกต่างให้การ

ต้อนรับเราเป็นอย่างดีให้ความรู้และ

สาระต่างๆอย่างเต็มเปี่ยมทั้งที่ครู

เหล่านั้นได้ค่าตอบแทนที่ไม่สูงแต่

ครูก็ยอมอุทิศตนให้กับงานเพื่อสืบ

ทอดภูมิปัญญาและมรดกของไทย

นอกจากนี้ดิฉันยังได้สัมผัสพูดคุยกับ

บุคคลที่ทุพพลภาพด้วยถึงแม้ร่างกาย

ของเขาจะพิการแต่ใจของพวกเขา

นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าคนที่สมประกอบ

หลายคนเสียอีกซึ่งนี่คือแรงผลักดัน

หนึ่งที่ทำาให้ดิฉันมุ่งมั่นตั้งใจทำางาน

และเชื่อว่านิตยสารของเราต้องสำาเร็จ

ลุล่วงไปได้ด้วยดี

“อารัญ” จะเป็นนิตยสารเชิงสารคดีที่สะท้อนให้ทุกคนเห็นคุณค่าของมรดกทางภูมิปัญญาและศิลปะของไทยที่มีมาแต่โบราณที่ดีที่สุดเล่มหนึ่ง

�������นางสาวปารมี�ปิยะศิริศิลป� � � ��������ตำ�แหน่งบรรณาธิการ

อารัญ�|�85

จากการที่ได้ทำานิตยสาร

อารัญที่มีเนื้อหาเรื่องราวเกี่ยวกับ

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯรู้สึกดีใจและ

ตั้งใจที่จะเก็บข้อมูลทำางานเพื่อมา

ถ่ายทอดเรื่องราวสาระและแบ่งปัน

ภาพถ่ายความเป็นไทยให้เพื่อนๆ

อาจารย์ผู้ที่ได้อ่านนิตยสารเล่มนี้ได้

เห็นในสิ่งที่เป็นแบบไทยๆเห็นความ

เป็นตัวเองที่ไม่ค่อยจะมีใครนำาเสนอ

เมื่อได้ทำางานลงพื้นที่ไปดูการทำางาน

ศึกษาหาข้อมูลร่วมกับกลุ่มเพื่อนๆ

แล้วรู้สึกว่าได้อะไรมากกว่าที่คิดไว้

มากซึ่งก่อนไปก็จะรู้แค่ว่าสิ่งที่ได้

กลับมาก็คือข้อมูลความรู้สารพัดภาพ

ถ่ายสวยๆและของกินของฝากแต่สิ่ง

ที่ไม่ได้คิดว่าจะได้รับมาก่อนคือแรง

บันดาลใจกำาลังใจข้อคิอชีวิตของครู

และนักเรียนศิลปาชีพหลายๆคน

ที่หลายๆคนก่อนที่จะมาเรียนที่ศูนย์ศิลปาชีพส่วนใหญ่เหมือนชีวิต

ผ่านอะไรก็ไม่รู้มามากมายซึ่งเรื่องราวก็แตกต่างกันไปทำาให้เปิดมุมมอง

ในชีวิตให้คิดกว้างขึ้นเปิดโลกทัศน์ทางความรู้ซึ่งจากการสัมภาษณ์ทำาให้

ได้รับการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์โดยตรงจากการลงพื้นที่ทำางาน

ซึ่งต่างจากการมาเที่ยวโดยทั่วไปก็เคยไปเที่ยวที่ศูนย์หลายครั้งแต่ก็ไม่ได้มี

โอกาสมาดูงานถ่ายภาพและสัมภาษณ์อาจารย์และนักเรียนศิลปาชีพขนาด

นี้และรู้สึกว่าประทับใจในการต้อนรับและยินดีที่จะให้ข้อมูลของอาจารย์

และนักเรียนศิลปาชีพในทุกๆแผนกเป็นอย่างมากรู้สึกดีใจและขอบคุณที่ได้

ทำางานร่วมกับเพื่อนๆถึงแม้ว่างานที่ได้รับมอบหมายอาจจะต้องคอยมีเพื่อน

มาช่วยหลายๆคนรู้สึกว่าการทำางานนิตยสารอารัญเล่มนี้ได้สิ่งที่ไม่เคยได้

รับมาก่อนและได้รับประสบการณ์ในการทำางานที่ดี

นางสาววรรณา�วงศ์ถนอม� � � � ตำ�แหน่งรวบรวมข้อมูล

“ทำ�ให้เปิดมุมมองในชีวิตให้คิดกว้างขึ้น�เปิดโลกทัศน์ทางความรู้”

86�|�อารัญ

ผู้สนับสนุน

อาจารย์นัทธีรัตน์พีระพันธุ์

อาจารย์ที่ปรึกษา

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ

อาจารย์โสภณบัวชาติอาจารย์ประจำาแผนกหัวโขน

อาจารย์วันเพ็ญวงศ์สุวรรณอาจารย์ประจำาแผนกตุ๊กตาชาววัง

อาจารย์จรัญสร้อยทองอาจารย์ประจำาแผนกทอผ้าไหม

อาจารย์มนูสะเตกลัมส์อาจารย์ประจำาแผนกประติมากรรม

นายธนาณัตธาตุมี(น้องตี้)ผู้ฝึกหัดแผนกเป่าแก้ว

คุณลำาไยโกษะ(ป้าแป๊ด)สมาชิกแผนกทอผ้า

นางสาวสงกรานต์ภาคศักดิ์ศรี(พี่จิ๋ว)ผู้ฝึกหัดแผนกประติมากรรม

นายอิทธิศรสนธิ(พี่เหน่ง)ผู้ฝึกหัดแผนกสีน้ำามันพิเศษ